Skip to content

Tales of Herding Gods 334


ตอนที่ 334 มือศักดิ์สิทธิ์ที่แส่หาเภทภัย

“นี่มันวิชาอะไรกัน”

หนังสือเล่มนั้นเป็นวัตถุทองคําอันทนทานยากจะทําลาย บน นั้นมีตัวอักษรอยู่ไม่มาก และแต่ละคํานั้นล้วนแต่สั้นรวบรัด มีถ้อยคําจําพวก ‘สะพานนกกางเขน’ ‘นําทางปริศนา’ และ ‘เทพ

ข้ามพ้น’ อันความหมายนั้นยังคงไม่อาจรู้ได้

สายตาของผานกงสั่วจับจ้องที่หน้าแรกของหนังสือ บนภาพที่ อยู่ในหน้านั้น มันเป็นวิมานสวรรค์อันตระการตา และที่สาดส่องไป ทั้งโถงศักดิ์สิทธิ์ก็คือแสงรัศมีอันออกมาจากภาพนั้น

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงภาพวาด แต่มันสมจริงเกินไป ดูคล้ายกับ ว่าวิมานสวรรค์ในหนังสือนั้นคือวัตถุจริง

ตรงหน้าวิมานสวรรค์คือสะพานหัก และที่ปลายสะพานมีตัวตน อันเหมือนเทพเจ้ายืนอยู่

ผานกงสั่วอึ้งไปเล็กน้อย ภาพนี้ดูคุ้นตานัก เขาจึงมองไปยัง สภาพแวดล้อมในภาพวาดและสังเกตเห็นดวงตะวัน ดวงจันทร์ และ ดาวธาตุทั้งห้า “นี่คือสมบัติเทวะสะพานเทวะ! รูปร่างเทพเจ้าที่ยืน อยู่ตรงนั้นน่าจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิม! แต่ภาพนี้มาทําอะไรใน หนังสือทองคํา ไม่ใช่ว่าผู้คนในหมู่บ้านไร้กังวลมีสะพานเทวะอันไม่ ขาดสะบั้นหรอกหรือ แล้วทําไมในภาพนี้มันถึงแตกหัก”

หน้าอื่นๆ นั้นมีภาพที่แตกต่างกันออกไป อันแสดงให้เห็น แผนภาพการโคจรปราณอันหลากหลาย แผนภาพการโคจร ปราณในทารกวิญญาณ วิธีการควบคุมห้าปราณในสมบัติเทวะห้า ธาตุ วิธีการหาพิกัดของหกทิศเพื่อสร้างความมั่นคงแก่สวรรค์และ พิภพ วิธีการเชื่อมโยงเจ็ดดาว วิธีการหลอมรวมดวงวิญญาณและ ปราณชีวิตให้เป็นหนึ่งเพื่อเสริมแกร่งจิตวิญญาณดั้งเดิม วิธีการเปิดความเป็นและความตายเพื่อจะได้เห็นแดนใต้พิภพ

เมื่อมันมาถึงแผนภาพที่แปด มันก็คือสมบัติเทวะสะพานเทวะ อีกครั้ง ผานกงสั่วใจเต้นตูมตามอยู่หลายครั้ง เขาเห็นเจ็ดภาพแรก เป็นเหมือนกับผ้าปูที่นอนที่ลาดรองรับปราณชีวิตในแผนภาพที่แปด อันจะก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอันอัศจรรย์ในเวลานั้น ปราณ ชีวิตส่วนใหญ่ดูราวจะถูกดึงดูดออกไปด้วยพลังอํานาจยากจะบรรยาย ราวกับฝูงนกกางเขนบินมาเชื่อมตัวตัวของพวกมันไป ข้างหน้าจากสะพานหักพังนั้น

“สะพานนกกางเขน!”

ผานกงสั่วใจเต้นตุบๆ นี่คือวิธีการฝึกปรือสะพานนกกางเขน อันจะเชื่อมต่อสะพานขาดสะบั้นนั้นใหม่อีกครั้ง!

เขารีบพลิกไปดูหน้าถัดไป และพบว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ไป ถึงสุดสะพานนกกางเขน แต่ทว่ายังคงมีระยะห่างอันไม่อาจก้าม ข้ามไปได้ระหว่างตัวตนในรูปกับวิมานสวรรค์เบื้องหน้าเขา

ในตอนนั้นเอง เส้นทางการโคจรปราณก็มีการเปลี่ยนแปร มหัศจรรย์ และได้รับความรู้สึกอันยากจะบรรยายของการเชื่อมต่อเข้ากับวิมานสวรรค์ มันถูกดึงไปในทิศทางนั้น และสะพานก็ค่อยๆ งอกมาจากที่นั่น

“เคล็ดลับนําทางปริศนา!” ดวงตาของผานกงสั่วเป็นประกายจากความตื่นเต้น แต่เขาก็

รีบข่มใจแล้วเปิดหน้าต่อไป พลางระงับความรู้สึกอยากโลดเต้นโห่

ร้องของเขาเอาไว้

วิธีการที่บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้มันช่างซับซ้อนจนเหลือใจ หากว่าเป็นเขา เขาคงไม่อาจแม้แต่จะคิดค้นย่างก้าวแรกสําหรับ

วิชาอันเพริศแพร้วและสลับซับซ้อนนี้เพื่อเชื่อมต่อสะพานเทวะ แต่ ผู้คนจากหมู่บ้านไร้กังวลกลับสามารถสร้างสรรค์มันขึ้นมาได้ ช่าง อัศจรรย์เกินจินตนาการ!

“นี่คือหนังสือทองคําที่เลิศลํ้ายิ่งกว่าความรู้อันข้าสั่งสมมาตลอดหลายชาติ! ต่อให้ไอ้เด็กแซ่ฉินมันขโมยสมบัติลํ้าค่าที่ข้า สะสมมาหลายชาติไปหลายส่วน แล้วอย่างไร ด้วยหนังสือทองคํา เล่มนี้ ข้าก็จะสามารถทลายวรยุทธ์จากขั้นสะพานเทวะบรรลุเป็น เทพเจ้า!”

ผานกงสั่วลุกขึ้น รู้สึกคันไม้คันมือ เขารู้ว่าเขาตื่นเต้น จนเกินไป ทําให้จิตเต๋าของเขาหวั่นไหวไปหมด แม้ว่าเขาจะเป็นตัว ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตมานานกว่าหมื่นปี แต่เลือดก็ยังแล่นขึ้นหัว เขาด้วยความลิงโลดลําพอง ทําให้ยากที่จิตเต๋าเขาจะกลับมาเยือกเย็น

“เมื่อใดที่ข้าฝึกปรือถึงขั้นสะพานเทวะ และปลุกพลังสมบัติเท วะสะพานเทวะได้ ข้าก็จะบรรลุเป็นเทพเจ้า ข้าจะต้องรีบเร่งเพิ่มพูน วรยุทธ์ล่ะ!”

ในตอนนั้นเอง หมอผีอาวุโสแห่งวังทองโหรวหลันก็เข้ามา รายงาน “ท่านผู้สูงศักดิ์ สถานการณ์ที่แนวหน้ากําลังคับขัน ข่าน หรวนตี้ส่งคนมาบอกว่าราชครูสันตินิรันดร์ได้มาถึงแนวหน้าแล้ว ทั้งยังเรียกจ้าวลัทธิมารฟ้ามาช่วยอีกด้วย จ้าวลัทธิมารฟ้าอวดโอ่ ทักษะเทวะเพลงกระบี่ อันทําให้แสงกระบี่ท่วมท้นราวมหาสมุทร ควบคุมทั้งสนามรบในรัศมีหลายร้อยลี้”

ด้วยความตื่นตระหนก ผานกงสั่วก็พลันระเบิดหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ หรวนตี้เสียสติไปแล้วรึ จ้าวลัทธิมารฟ้ามันก็แค่ไอ้เด็กแซ่ฉิน นั่น มันจะมีกําลังฝีมือยอดเยี่ยมขนาดนั้นได้อย่างไร ควบคุมพื้นที่ ในรัศมีหลายร้อยลี้ด้วยแสงกระบี่? แม้แต่ข้าในชาติก่อนๆ ก็ยังทํา เช่นนั้นไม่ได้ ข้าไม่มีความสามารถขนาดนั้น! ข้าเกรงว่าแม้แต่ราชครูสันตินิรันดร์ก็ทําอย่างนั้นไม่ได้เหมือนกัน และตอนนี้เขาก็ยังบาดเจ็บอยู่ด้วย เหลวไหล ไร้สาระทั้งเพ”

“จิตเจตนาของข่านหรวนตี้นั้นหมายจะเชิญท่านผู้สูงศักดิ์ให้ บัญชายอดฝีมือจากวังทองโหรวหลันไปสนับสนุน” หมอผีอาวุโส กล่าว

ผานกงสั่วกําลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงกล่าวกลั้วหัวเราะ “หร วนตี้ไอ้เด็กนั่นยังคงขี้ขลาดอยู่มาก ข้าได้ถ่ายทอดคําสั่งไปทั่วทั้ง ทุ่งหญ้า ดังนั้นจึงมีเผ่าและข่านนับร้อยที่สนับสนุนเขา กําลังฝีมือ และวรยุทธ์ของข่านเหล่านี้ไม่อ่อนแอเลย ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศรังหมาป่าก็กําลังโจมตีด่านเหล็กเหมันต์ที่ชายแดนเหนือเพื่อเบี่ยงเบนกําลังของสันตินิรันดร์ แต่เขาก็ยังอยากจะหยิบยืมพลัง อํานาจของวังทองโหรวหลันของพวกเราอีกรึ”

หมอผีอาวุโสรีบกล่าว “ท่านผู้สูงศักดิ์ แล้วพวกเราจะตอบข่าน หรวนตี้ไปว่าอย่างไร ทะเลแสงกระบี่นั้นก็ดูไม่ใช่ของเทียมเท็จ”

ผานกงสั่วลุกขึ้น และเดินไปเดินมาพลางพึมพํา “ทะเลแสง กระบี่ ทะเลแสงกระบี่… ข้าเคยเห็นเพลงกระบี่เช่นนี้มาก่อน! ฮี่ๆ ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นได้มาถึงแล้ว กษัตริย์มนุษย์เฒ่าจะแก่ตายอยู่มะ รอมมะร่อยังนั่งไม่ติดพื้นอีก”

หมอผีอาวุโสตัวสั่นเทิ้ม “กษัตริย์มนุษย์เฒ่า?”

“ในเมื่อกษัตริย์มนุษย์เฒ่าเผยโฉมออกมา เรื่องก็จะง่ายขึ้นไป อีก” ผานกงสั่วแย้มยิ้ม “นี่คือโอกาสของวังทองโหรวหลันที่จะได้ โผล่หน้ามาบ้าง ไปยังขุนเขาเทวะในแผ่นดินตะวันตกและเชื้อเชิญ ผู้คนจากเหนือฟ้ามาด้วยการจุดธูปบูชา บอกพวกเขาว่ากษัตริย์ มนุษย์เฒ่าของพวกเขาได้เดินออกจากแดนโบราณวินาศแล้ว และ ในเวลาเดียวกัน ข้าก็จะนํายอดฝีมือจากวังทองโหรวหลันไป สนับสนุนพวกเขาที่สถานีชายแดน”

สีหน้าของหมอผีอาวุโสแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง รํ่าร้องออกมา “ท่านผู้สูงศักดิ์โปรดทบทวนอีก 3 ครา! กษัตริย์มนุษย์เฒ่าได้ มาถึงแล้ว และเพลงกระบี่ของเขาก็บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ ข้าเกรง ว่าวังทองโหรวหลันของพวกเรา…”

“วังทองโหรวหลันของพวกเราคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ไย ต้องกลัวไอ้ผายลมเฒ่านั่น บัดนี้เมื่อทั้งราชครูและจักรพรรดิเอี้ยน เฝิงไร้กําลังฝีมือ เจ้าสํานักเต๋าและยูไลก็แก่เฒ่า สํานักเต๋าและวัด ใหญ่ฟ้าคํารามไม่มีใครกุมบังเหียนอีกต่อไป ไอ้เด็กแซ่ฉินนั่นที่เป็น จ้าวลัทธิมารฟ้าก็ยังเล็กจ้อยและทําอะไรไม่ได้มาก นี่คือจังหวะดีที่ จะขจัดสันตินิรันดร์ให้สิ้นซาก” ผานกงสั่วกล่าวอย่างสบายๆ

หมอผีใหญ่อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นพลันกล่าว “ท่านผู้สูงศักดิ์ จักรวรรดิสันตินิรันดร์นั้นมิอาจดูแคลนได้”

ผานกงสั่วซุกหนังสือทองคําไว้ในอกเสื้อ จากนั้นเดินออกมา ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าต่างหากที่ประเมินพวกเขาสูงเกินไป วังทองโหรวหลันของเราไม่ใช่ที่ที่ผู้คนจะตอแยได้ ก็ในเมื่อเรามียอดฝีมือ

ระดับจ้าวลัทธิอยู่ 10 กว่าคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่านจํานวนนับร้อย อยู่ในทุ่งกว้าง ดังนั้นเราไม่จําเป็นต้องหวาดกลัวสันตินิรันดร์ อันที่ จริงแล้ว เมื่อตอนนี้กษัตริย์มนุษย์เฒ่าโผล่หัวออกมา ชะตาของ

จักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็ถูกลิขิตให้ถึงจุดจบ เหนือฟ้าย่อมยินดีเป็น อย่างยิ่งที่จะช่วยพวกเขาขจัดกวาดล้างสันตินิรันดร์ คราวนี้กษัตริย์ มนุษย์ได้ชักนําปัญหาใหญ่!”

ผานกงสั่วเดินออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์พลางหัวเราะร่า หลังจาก เรียกตัวยอดยุทธ์ฝีมือแกร่งในวังทองโหรวหลันทั้งหมดที่อยู่ในขั้น ชาวสวรรค์ เป็นตาย รวมถึงขั้นสะพานเทวะมาพร้อมหน้าแล้ว พวก

เขาก็นํายอดฝีมือเหล่านั้นออกเดินไปทางไปยังสถานีชายแดน

หมอผีอาวุโสไม่กล้าลังเลอีกต่อไป เขารีบรุดไปยังแผ่นดิน ตะวันตกทันที

ผานกงสั่วนํายอดฝีมือทั้งหมดที่ได้ฝึกปรือจิตวิญญาณดั้งเดิม ไป พวกเขาขึ้นเรือสมบัติอันมีราชาหมอผีขั้นชาวสวรรค์จํานวน หนึ่งงอกปีกออกมาเพื่อลากเรือสมบัตินั้นแล่นข้ามท้องฟ้า ความเร็วที่พวกเขาเคลื่อนที่ไปนั้นว่องไวดุจสายฟ้า

แต่กระนั้นพวกเขาก็ใช้เวลาเกือบ 6 วันจึงไปถึงสถานีชายแดน

ข้างหลังเมืองด่าน มีวัวและแพะเกลื่อนไปทั้งภูเขา และมีข่าน จากทั่วทั้งทุ่งหญ้าพากองกําลังของพวกเขาไปฆ่าสัตว์เลี้ยงพวกนั้น เพื่อเอาเนื้อมาไว้เป็นเสบียง

จักรวรรดิสันตินิรันดร์กำลังอ่อนแอ ดังนั้นตามหลักของคนล้ม ให้เหยียบซํ้า ผานกงสั่วจึงถ่ายทอดบัญชาของตนให้ทั้งท้องทุ่ง หญ้าผนึกกําลังเป็นหนึ่งเดียว พวกเขาเริ่มการรุกรานภายใต้การ นําของข่านหรวนตี้ และพร้อมๆ กันนั้นจักรวรรดิคนเถื่อนก็สร้าง สัมพันธมิตรกับประเทศรังหมาป่า อันจะรุกรานสันตินิรันดร์ในเวลา เดียวกันจากทางเหนือ พวกเขาตกลงกันว่าจะแบ่งดินแดนกันคนละ ครึ่งหากว่าเข้ายึดครองสันตินิรันดร์ได้

ด้วยกองทัพจากท้องทุ่งหญ้าประจันหน้าติดพันกับทัพศัตรู ทัพต่างๆ ก็ทยอยกันมาเสริมกําลัง ยอดฝีมือจํานวนมากเผยโฉมออกมา แต่ทางด่านชิงเหมินเองก็มีผู้คนเข้ามาเสริมกําลังจากทุก หัวระแหงของจักรวรรดิเช่นกัน นี่ทําให้สถานการณ์ชะงักงันไม่มี ใครได้เปรียบ

เมื่อฉินมู่และคณะเดินทางมาถึง ก็เป็นจังหวะสําคัญที่พวกเขา กําลังต่อสู้แย่งชิงเขตลิ้นเป็ด แต่ทว่าผู้ใหญ่บ้านได้สลายการศึกนี้ ด้วยกระบี่จักรพรรดิก่อตั้ง ทะเลโลหิต

เมื่อข่านหรวนตี้ทราบว่าผานกงสั่วมาที่นี่พร้อมกับยอดฝีมือแห่งวังทองโหรวหลัน เขาก็รีบนําข่านแทบจะหมดทุกคนจากท้อง

ทุ่งหญ้าออกไปต้อนรับ แม้ว่าในนามแล้วผานกงสั่วคือบุตรของเขา แต่ตัวตนที่แท้จริงกลับเป็นท่านผู้สูงศักดิ์ ถึงนี่จะทําให้เขาเศร้าใจ แต่ก็นํามาซึ่งความยินดีด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ผานกงสั่วยึดครองร่าง ทีท่าของวังทองโหรวหลันที่มี ต่อเขาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทุกคนสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้เขา ได้เ ป็นจ้าวผู้ป กครองเหนือทุ่งหญ้า

“พวกเราน้อมคารวะท่านผู้สูงศักดิ์!” ข่านหรวนตี้นําข่านทุก คนตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดัง

ผานกงสั่วเดินเข้ามาและช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง “เจ้าเป็นบิดาของข้าในชาตินี้ ดังนั้นไม่จําเป็นต้องมีพิธีรีตอง ส่วนทะเลแสงกระบี่ที่เจ้ากล่าวถึงนั้น ข้าพอจะนึกออกว่าเป็นฝีมือของ

ใคร ข้ามาคราวนี้เพื่อทําให้เจ้าวางใจลง”

ระหว่างที่ยังคงค้างอยู่ในท่าโค้งคารวะ ข่านหรวนตี้ก็ตัวสั่นเทิ้ม เมื่อระลึกถึงแสงกระบี่ที่ท่วมฟ้าท่วมดินราวกับมหาสมุทร

“กําลังฝีมือของจ้าวลัทธิมารฟ้านั้นเหนือธรรมดา และเพลงกระบี่ของเขาก็ไร้เทียมทาน มีเขาอยู่ในด่านชิงเหมินนั้นทําให้ยอด ฝีมือชั้นสูงของเรายากจะลงมือ! ท่านผู้สูงศักดิ์…”

“จ้าวลัทธิมารฟ้า?” ผานกงสั่วหัวเราะฮาๆ พลางกระทืบเท้า สัก พักหนึ่งเขาถึงระงับความขบขันของตนเองได้ “จ้าวลัทธิมารฟ้านั้น เป็นแค่ไอ้เด็กเปรตที่อายุสิบห้าสิบหกปี! กําลังฝีมือของเขานั้นผิว เผินตํ่าต้อย เขาจะคู่ควรให้เจ้าใส่ใจได้อย่างไร ไม่ต้องสนใจเขา ใน

เมื่อเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ให้ข้าเผชิญหน้ากับเขา เจ้าจะได้สบายใจ”

ข่านหรวนตี้ระบายลมหายใจโล่งอก “หากว่าได้รับการ สนับสนุนจากท่านผู้สูงศักดิ์และราชาหมอผีทั้งหลาย พวกเราจะต้องได้รับชัย ชนะและได้ปักธงชัยบนแผ่นดินภาคกลางอย่างแน่นอน”

ผานกงสั่วพาทุกคนเข้าไปในกําแพงด่าน และประตูเมือง ตรงหน้าพวกเขาก็เปิดอ้าออกปล่อยให้พวกเขาเดินออกจากด่าน ปราการอันแน่นหนาไร้ช่องโหว่นั้นไปยังเขตลิ้นเป็ด เมื่อพวกเขา มาถึงบริเวณระหว่างด่านใหญ่ทั้ง 2  ผานกงสั่วก็สั่งให้คนตะโกน ไป “จ้าวลัทธิมารฟ้าฉินมู่ ท่านผู้สูงศักดิ์ได้มาสนทนากับเจ้าแล้ว เจ้ากล้าออกมาจากเมืองหรือไม่”

บุคคลที่ตะโกนไปเป็นราชาหมอผีระดับจ้าวลัทธิ เสียงของเขา ดังกึกก้องไปทั่วด่านชิงเหมิน

ฉินมู่กําลังหลอมสร้างวงแหวนสวรรค์กับทุกคน ดังนั้นเขาจึง ผงะไปเมื่อได้ยินคําตะโกนท้าทายดังกล่าว และคิดในใจ ‘ผานกงสั่ว ไอ้เวรนั่นยังกล้ามาโผล่หัวอีกหรือ เมื่อข้าสังหารเขา มนตร์หมอผีคำนับวิญญาณของเขาก็จะได้สาบสูญไปซะที! น่าเสียดายที่ท่านปู่

คนแล่นื้อม่ได้อยู่ที่นี่่ ม่ช่นนั้นเขาคงยินดีที่สุ ที่จะไปเด็ด หัวหมอนั่น

ราชครูสันตินิรันดร์ได้มายังข้างกายของฉินมู่แล้ว และข้างๆ เขาก็มีเฒ่าเป๋และผู้ใหญ่บ้าน กับทั้งแม่ทัพทั้งหลายแห่งกองทัพ สันตินิรันดร์ ฉินมู่นําภาพวาดของเขาที่วาดภาพผานกงสั่วคํานับ ดวงวิญญาณ เผยให้เห็นมารตนหนึ่งที่ถูกวาดไว้อย่างชัดเจนมี ชีวิตชีวา

“ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน” ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า เฒ่าเป๋ก็สั่นศีรษะ ตามด้วยแม่ทัพนายกองทั้งหลาย พวกเขา

กล่าว “มารตนนี้แปลกประหลาด พวกเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”

ฉินมู่มองไปยังราชครูสันตินิรันดร์ผู้ซึ่งครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งก่อน จะตอบไป “เมื่อข้าและฮูหยินไปเป็นอาคันตุกะที่นครหยกน้อย ข้า คลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้เห็นรูปสลักที่คล้ายกันนี้ แต่ทว่าข้า

ไม่ได้ไต่ถามเกี่ยวกับมัน”

ขณะที่พวกเขาสนทนาอยู่นั้น เสียงตะโกนก็ยังดังอยู่ข้างนอก ฉินมู่เก็บภาพวาดและลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หากว่าเราสังหารผา

นกงสั่ว ก็ไม่มีความจําเป็นต้องไปนครหยกน้อย! ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยไปกับข้าและกําจัดไอ้หมอนี่โดยไม่ต้องบอกกล่าวกันเถอะ!”

ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า “ข้าเป็นกษัตริย์มนุษย์ จึงไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงอํานาจในโลกปุถุชน ไม่อย่างนั้น ใครมันจะฟังคําพูดของกษัตริย์มนุษย์ล่ะ”

“เช่นนั้นลัญจกรกษัตริย์มนุษย์จะมีประโยชน์อะไรกัน”

ฉินมู่ชังลัญจกรกษัตริย์มนุษย์เป็นอย่างยิ่งจนอยากจะเขวี้ยง มันทิ้งๆ ไปเสีย ก้อนเหล็กก้อนนี้ช่างไร้ประโยชน์ แถมยังมีกฎเกณฑ์ข้อห้ามอะไรมากมายอีกต่างหาก แต่ว่าหากเขาเขวี้ยงทิ้งไปจริงๆ ผู้ใหญ่บ้านต้องเจ็บปวดใจแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่บ้านที่ขั้นวรยุทธ์เดียวกันได้ จึงได้แต่ต้อง ทําตามสัญญาและเก็บรักษามันไว้ต่อไป

ผานกงสั่ว ไอ้สัตว์ตัวร้ายนั่นถึงกับล้าขโมยของตระกูลฉินของข้า และตอนนี้ก็ยังเสนอหน้ามาอวดเบ่งกับข้าอีก ทำย่านี้ก็ไม่ต่างจากขึ้นไปเต้นรำบนหลุมศพบรรพชนข้าไม่ใช่หรืออย่างไร

ฉินมู่เดือดดาลและกล่าวอย่างเหี้ยมโหด “ท่านปู่เป๋ มากับข้า! ไปขโมยของของมันจนกว่าจะสิ้นเนื้อประดาตัว!”

เฒ่าเป๋ดวงตาลุกวาบและหัวเราะคิกคัก “ไปๆ พวกเราไปกัน ดู สิว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นโจรเทวะมือศักดิ์สิทธิ์”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version