ตอนที่ 341 ปวดหัวใจ
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนเป็นคนแรกที่ได้สติ เขายกมือขึ้น หยุดยั้งฉินมู่และกล่าวอย่างจริงใจ “จ้าวลัทธิฉินท่านต้องยั้งเท้า! ท่านนําหนังสือทองคํานี้มามิใช่เพื่อให้นักพรตน้อยผู้นี้อ่านเพียง 3 วัน ท่านพยายามล่อเหยื่อข้า! ในเมื่อท่านโยนเหยื่อล่อออก มาแล้ว และข้าก็ติดเบ็ดไปแล้ว ไฉนไม่นั่งลงแล้วสนทนาหารือกัน อย่างละเอียดล่ะ”
นักพรตเฒ่าทั้งหลายกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน “หารือกันเถอะ! ไม่มีอะไรที่พวกเราหารือกันไม่ได้!”
“พวกเราล้วนแต่เป็นผู้คนที่ฝึกเต๋า ผู้บ่มเพาะปราณ ไม่มีอะไร ที่พวกเราหารือกันไม่ได้!”
“เต๋าเที่ยงธรรมหรือเต๋ามาร ก็ล้วนแต่เป็นเต๋า พวกเราคือ ครอบครัวเดียวกัน!”
…
เจ้าสํานักหลินเสวียนเชิญฉินมู่ให้มานั่งบนที่นั่ง และนางชีเฒ่า ผู้หนึ่งก็รีบไปต้มนํ้าชาทันที อันนางรีบนํามาบริการในสักครู่ถัดมา ฉินมู่ดื่มมันพลางแย้มยิ้ม “ชาอันมหัศจรรย์ ด้อยกว่าของจากเหนือ ฟ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่มันชาอะไรกัน ข้าขอสักหน่อยจะได้ ไหม”
“ได้!”
นางชีเฒ่ายิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันที่หลงเหลือไม่กี่ซี่ “นี่คือชา หอมลํ้าค่าสวรรค์เขียวของสํานักเต๋า มีเพียงใบชาที่ได้มาจากต้น ชาอันงอกเงยที่นํ้าพุหยกว่างเท่านั้นจึงจะถูกเรียกว่าชาหอมลํ้าค่า สวรรค์เขียว มีต้นชาเช่นนี้อยู่เพียง 3 ต้น และแต่ละปีก็ผลิตใบชา ออกมาได้ไม่กี่ชั่ง! จ้าวลัทธิฉินอยากได้สักกี่ชั่งล่ะ”
ฉินมู่วางตะกร้าสมุนไพรลง และเชิญผู้ใหญ่บ้านออกมา เขารินนํ้าชาให้ผู้เฒ่าและถาม “ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ท่านพอใจกับรสชาตินี้หรือไม่”
“ชาหอมลํ้าค่าสวรรค์เขียวมีรสอ่อน แต่ดื่มดํ่ากรุ่นลิ้นอยู่เนิ่น นาน แน่สิว่าข้าต้องพอใจ!” ผู้ใหญ่บ้านแย้มยิ้ม “แม้แต่จักรพรรดิก็ ไม่ได้ดื่มชานี้! ถ้าเช่นนั้น รับมาสักหนึ่งชั่งก่อนเพื่อพวกเราจะได้ ดื่มชาใหม่นี้ในต้นฤดูใบไม้ผลิถัดไป”
“นําชามาให้พวกเราหนึ่งชั่ง ข้าต้องการที่คุณภาพดีที่สุด” ฉินมู่กล่าวกับนางชีเฒ่า นางรีบจากไปและกลับมาพร้อมกับถุงชาใบใหญ่โดยพลัน ฉินมู่เก็บมันเอาไว้และมองไปรอบๆ พลางกล่าว “สํานักเต๋านี่
ช่างยากจนเสียจริง”
นักพรตเฒ่าคนหนึ่งรีบกล่าว “พวกเราไม่ได้ยากจน ยังพอมี ทรัพย์สินอยู่บ้าง แต่พวกมันถูกใครบางคนขโมยไป จ้าวลัทธิฉิน หนังสือทองคําเล่มนี้…”
“โอ้ มันมาจากตระกูลฉินเก่าของข้า” ฉินมู่วางหนังสือทองคํา ไว้ข้างๆ แล้วกล่าว “ข้าและสํานักเต๋ามีความบางหมางอยู่ แต่กระนั้นข้าก็ตั้งใจอยู่ตลอดเวลาที่จะมากล่าวขอโทษ ทว่าไม่มีจังหวะและโอกาส การเยี่ยมเยือนครั้งนี้เพื่อให้เจ้าสํานักเต๋าหลิน เสวียนอ่านหนังสือทองคําและหวังใจว่าจะช่วยคลี่คลายความบาดหมางระหว่างพวกเรา”
“จ้าวลัทธิฉินหยุดเถิด!” เจ้าสํานักหลินเสวียนกล่าวอย่าง มั่นคง “ความบาดหมางสามารถคลี่คลาย แต่ความแตกต่างระหว่าง หลักคําสอนของพวกเราไม่เหมือนกัน แม้ว่าพวกเราจะคลี่คลาย ความบาดหมางในวันนี้ แต่ในกาลข้างหน้าก็คงจะต่อสู้กันอีก เนื่องจากหลักคําสอนของแต่ละฝ่าย และความบาดหมางก็จะถูก สร้างขึ้นใหม่ จ้าวลัทธิฉิน พวกเราสนทนาเรื่องหนังสือทองคําจะ ดีกว่า”
ฉินมู่อุทานในใจกับการตัดสินอันทะลุปรุโปร่งของเขา และกล่าว “สายตาของเจ้าสํานักเต๋าหลินนั้นลึกลํ้าจริงๆ ทําให้ข้าอัศจรรย์ใจ ถ้าเช่นนั้น พวกเรามาสนทนากันเรื่องหนังสือทองคํา มันบันทึก 3 วิชาฝึกปรือเอาไว้ อันได้แก่สะพานนกกางเขน นําทางปริศนา และเทพยดาข้ามพ้น พวกมันคือวิชาฝึกปรือที่ใช้ใน
การเชื่อมต่อสมบัติเทวะลําดับที่เจ็ด สะพานเทวะ ทุกคนคงจะพอ
คาดเดาได้ถึงเหตุผลที่ข้านําหนังสือเล่มนี้มา”
“เป็นวิชาฝึกปรือที่ใช้เชื่อมต่อสะพานเทวะจริงๆ ด้วย!” นักพรตเฒ่าและนางชีเฒ่านับไม่ถ้วนจิตใจสั่นสะท้าน พวกเขา
ตื่นเต้นอย่างสุดๆ จนแทบระงับตนเองไม่อยู่
เชื่อมต่อสะพานเทวะ และทลายอุปสรรคสุดท้ายที่จะบรรลุเป็น เทพเจ้า นั้นคือความใฝ่ฝันของผู้คนตั้งไม่รู้เท่าไร แม้แต่ยอดฝีมือ สํานักเต๋าก็มิใช่ข้อยกเว้น!
ฝึกบําเพ็ญให้เป็นเซียนผู้อมตะไม่ได้มีความหมายอะไรสําหรับ ผู้คนจากสํานักเต๋า มันเป็นเพียงข้ออ้างที่เอาไว้ปลอบใจตนเอง เท่านั้น
เซียน เป็นคําเรียกหาที่มาจากนครหยกน้อย อันยอดฝีมือจาก สํานักเต๋าได้ไปติดต่อปฏิสัมพันธ์กันบ่อยครั้ง ผู้คนที่นั่นวางท่าว่า ตนเองเป็นเซียนผู้อมตะ ใช้ชีวิตบนภูเขาอันห่างไกลจากโลก ปุถุชน พวกเขานั้นยิ่งสงบเงียบและวางตัวสูงส่งยิ่งกว่าผู้คนจาก สํานักเต๋า
เมื่อนักพรตเฒ่าและนางชีเฒ่าทั้งหลายได้อ่านหนังสือทองคํา เป็นครั้งแรก พวกเขาก็ถูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงด้วยเคล็ดลับ สะพานนกกางเขน พวกเขาได้ตระหนักโดยทันทีว่านี่คือวิชา ฝึกปรือที่ใช้เชื่อมต่อสะพานเทวะ และมันยังเพริศแพร้วพิสดารเป็น อย่างยิ่ง นี่จึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาไม่หลับไม่กินไม่นอนมาตลอด 3 วัน
ทันทีที่ฉินมู่เอ่ยยํ้าสิ่งที่พวกเขาคิด ว่านี่คือ 3 วิชาฝึกปรือที่ ใช้ซ่อมแซมสะพานเทวะเพื่อให้มันเชื่อมต่อไปยังวิมานสวรรค์ ยอด ฝีมือแห่งสํานักเต๋าก็คันมือยุบยิบอยากจะชิงหนังสือกลับมา
แต่ทว่า เมื่อมองไปที่ผู้เฒ่าไร้แขนไร้ขาแต่ยังดื่มชาได้ ซึ่งอยู่ ข้างๆ พวกเขาก็สงบใจลง
เมื่อ 3 วันก่อน ผู้เฒ่านี้โผล่ออกมาจากตะกร้าและเพียงแค่ มองมายังพวกเขา แต่กระนั้นพวกเขาก็ได้เห็นสุดขีดขั้วของเพลง กระบี่
เมื่อพวกเขาเห็นสายตาของผู้เฒ่านี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูก กระบี่โจมตีเข้ามา อันพวกเขาไม่อาจหลบหลีกและปัดป้องการ โจมตีนี้ได้ จึงมีแต่ต้องหลบสายตา
พวกเขานั้นล้วนแต่เป็นตัวตนระดับตํานานของสํานักเต๋า แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเจ้าสํานักเต๋าเฒ่า แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นตัวตนระดับจ้าวลัทธิผู้มีวิชากระบี่อันเลิศลํ้า กระนั้นผู้เฒ่าผู้นี้ก็ทําให้พวกเขารู้สึกว่า หากเข้าไปแย่งชิงหนังสือด้วยกําลัง พวกเขาจะต้องตก ตายอย่างน่าอนาถ
ประกายตาเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนวูบไหว ปราณชีวิตของ เขาแผ่พุ่งออกมาและจัดเรียงเป็นตัวแบบของวงโคจรหมู่ดาวด้วย พีชคณิต “จ้าวลัทธิ โปรดไขปัญหานี้”
ฉินมู่แย้มยิ้ม รู้ดีว่าถูกทดสอบความสําเร็จเชิงพีชคณิต หากว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพีชคณิตเลย สํานักเต๋าก็จะขึ้นราคาค่าตัว ของพวกเขาขึ้นไปอีก แต่หากฉินมู่มีความสําเร็จเชิงพีชคณิตสูง ลํ้า สํานักเต๋าก็จะรู้ว่าพวกเขานั้นไม่ได้จําเป็นเสียจนขาดไม่ได้ นั่น ถึงจะทําให้พวกเขายินยอมพร้อมใจที่จะช่วยเหลือฉินมู่
“นี่คือวิชาฝึกปรือแห่งมหาวงโคจรหมู่ดาวสวรรค์ เรียกว่า หมากล้อมสวรรค์แปรเปลี่ยน” นิ้วของฉินมู่เลื่อนไปและจิ้มตรงนั้น และตรงนี้ในวงโคจรหมู่ดาวพลางกล่าวอย่างรัวเร็ว “วงโคจรหมู่ดาว สวรรค์ มีดวงดาวทั้งหมด 365 ดวง และมีดวงที่ 366 ซ่อนอยู่ข้างใน มันคือดาวจักรพรรดิสวรรค์จ้าวภูเขาหยก เจ้าไม่ได้ระบุตําแหน่งดาวจ้าวภูเขาหยกให้กับข้า นั่นคง เพื่อให้ข้าไขปัญหาหมายเลขดาวจ้าวภูเขาหยกใช่หรือไม่”
ขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ฉินมู่ก็วาดดาวดวงหนึ่งลงบนวโคจร หมู่ดาวสวรรค์ด้วยปราณชีวิตของตน “หมายเลขดาวของดาวจ้าว ภูเขาหยกอยู่ที่นั่น!”
นักพรตเฒ่าและนางชีเฒ่าทั้งหลายในวัดหยกว่างสะท้านสะเทือน และหันไปมองกันไปมา จ้าวลัทธิมารฟ้ามีความสำเร็จเชิงพีชคณิตอันเลิศล้ำ เขาไขปัญหาได้เร็วเหลือเกิน! เขาสามารถคิดคำนวณหมายเลขดาวจ้าวภูเขาหยกออกมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น วิชาฝึกปรือในหนังสือทองคำน่าจะไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขา สิ่งที่เขาต้องการก็มีแค่เวลาเท่านั้น
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนสลายปราณชีวิตของตนและเอ่ยถาม ด้วยความฉงน “ในเมื่อจ้าวสํานักฉินสามารถไขปัญหาได้ด้วย ตนเอง ไฉนจึงมาที่สํานักเต๋าของพวกข้า”
“ข้าสามารถไขปัญหาได้ด้วยตนเองก็จริง แต่นั่นก็จะใช้เวลา ยาวนาน ข้าไม่อาจรอคอยได้นานขนาดนั้น” ฉินมู่กล่าวด้วยสีหน้า เด็ดเดี่ยว “ข้ายังต้องการให้ยอดฝีมือแห่งสํานักเต๋าช่วยคิดคํานวณ พีชคณิตห้วงมิติสําหรับก่อสร้างปืนใหญ่เทวะ 2 เรื่องนี้ต้องการ ใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านพีชคณิตมากมาย หากว่าสํานักเต๋ายินดีที่จะ ช่วยเหลือข้า สํานักเต๋าก็จะได้รับหนังสือฉบับคัดลอกของ 3 วิชา ฝึกปรือที่ใช้ซ่อมแซมสะพานเทวะและพีชคณิตห้วงมิติด้วย!”
ในวัดหยกว่าง ทุกๆ คนสูดลมหายใจลึก และทั้งสถานที่ก็ตกลง ไปในความเงียบ
ฉินมู่เก็บหนังสือทองคํากลับและลุกขึ้น “หากเจ้าสํานักเต๋า หลินเสวียนสนใจ จะไปรอข้าที่มหาวิทยาลัยจักรวรรดิก็ไม่น่าเป็น อะไร ข้ายังจะต้องเดินทางไปนครหยกน้อยเพื่อเชื้อเชิญยอดฝีมือ อีกหลายคนที่เชี่ยวชาญพีชคณิตจากที่นั่น จริงสิ เจ้าสํานักเต๋า หลิน เจ้าให้ตําราคํานวณสตรีปริศนากับข้าสักฉบับได้หรือไม่”
“เรื่องเล็กน้อย” เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนกล่าว แล้วก็ส่งให้เขา เล่มหนึ่ง
ฉินมู่เก็บมันลงไปในถุงเต๋าตี้และคารวะขอบคุณ จากนั้นก็กล่าวด้วยคําพูดแฝงนัยลึกซึ้ง “อาจารย์ของเจ้า เจ้าสํานักเต๋าเฒ่า ก็คงอยู่ที่นครหยกน้อยด้วยสินะ? เขาไม่มีเวลาเหลือมากนัก หากว่าพวกเราสามารถไขปัญหาในวิชาฝึกปรือที่ใช้ซ่อมแซมสะพาน เทวะ…”
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนร่างสั่นเทิ้ม แต่เขาไม่ปล่อยคําพูดให้ เล็ดรอดออกมา
ฉินมู่เดินออกจากวัดหยกว่างและเรียกเสียงซีอวี่และเสียงฉีเอ๋ อซึ่งรออยู่ข้างนอก ให้ลงภูเขาไปพร้อมๆ กัน
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนระบายลมหายใจขาดเป็นห้วงและมอง ไปยังนักพรตเฒ่าทั้งหญิงและชายในวัดหยกว่าง ทุกคนนั้นก็มอง มายังเขาเช่นกัน
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนพลันผุดลุกขึ้น และกล่าวอย่างเคร่ง ขรึม “รวบรวมทุกคนที่เชี่ยวชาญพีชคณิต พวกเราจะลงจากภูเขา มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง”
“โปรดไตร่ตรองอีก 3 ครั้ง เจ้าสํานักเต๋า!” นักพรตเฒ่าคน หนึ่งกล่าวทันที “เจ้าสํานักเต๋าต้องการจะร่วมมือกับลัทธิมารฟ้า จริงๆ น่ะหรือ ผู้คนพวกนี้มีความทะเยอทะยานเหมือนหมาป่า และ จ้าวลัทธิมารฟ้าในรุ่นนี้ก็มีพรสวรรค์สวรรค์เลิศลํ้าจนเกินไป เขายัง มีจิตเจตนาร้าย สังหารศิษย์พี่หญิงและชายของพวกเราไปไม่รู้ตั้ง เท่าไรในเมืองหลวง!”
นักพรตหญิงเฒ่าอีกคนกล่าว “จ้าวลัทธิฉินแห่งลัทธินักบุญ สวรรค์ผู้นี้เฉียบแหลมและอํามหิตยิ่งกว่าหลี่เทียนซิ่ง ทําให้เขายาก ที่จะรับมือยิ่งกว่าด้วยเช่นกัน! เขานั้นน่าจะนําหนังสือทองคํามาเพื่อ หลอกล่อพวกเราให้ตกหลุมพรางเสียมากกว่า!”
“ความแค้นระหว่างสํานักเต๋าพวกเราและลัทธิมารฟ้านั้นลึกลํ้า และจ้าวลัทธิมารฟ้าผู้นี้ก็น่าสะพรึงกลัว เขาไม่ใช่คนมีเมตตา เจ้า สํานักเต๋า โปรดไตร่ตรองอีก 3 ครั้ง!”
…
“พวกเราจะต้องไปเมืองหลวง! และจะต้องได้วิธีบรรลุเทพนั่น มา!”
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนสะบัดแขนเสื้อและกล่าวอย่างไม่ยินดี ยินร้าย “ศิษย์พี่ทั้งหลาย ไม่ต้องกล่าวอะไรแล้ว จ้าวลัทธิฉินกล่าว ได้ถูกต้อง แม้ว่าพวกเราจะไม่ไปช่วยเขา เขาก็สามารถไขเนื้อความในหนังสือทองคําได้ด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น มหาวิทยาลัยจักรวรรดิและนครหยกน้อยก็มีผู้คนที่เชี่ยวชาญเชิง พีชคณิต ดังนั้นการคิดคํานวณตัวแบบพีชคณิตห้วงมิตินั้นจะ สําเร็จหรือไม่ขึ้นกับเวลาเท่านั้น หากว่าสํานักเต๋าเราล่าช้าไปก้าว
หนึ่ง พวกเราก็จะถูกทิ้งห่างไปทุกทีๆ จนกระทั่งพวกเราก็จะถูกลัทธิ มารฟ้าแซงหน้า พวกเราจะตกยุคสมัย!”
เขาหันกลับไปและจัดเตรียมสัมภาระตน “สํานักเต๋าของเราก็ ต้องมีเทพเจ้าเป็นของตนเอง เทพเจ้าที่มีชีวิตอยู่เพื่อปกปักษ์พิทักษ์ ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ เปลี่ยนแปลงตามก็จะไม่มีทางเหลือรอด!”
นักพรตทั้งหลายจึงไม่กล่าวอะไรอีกต่อไป และเริ่มจัดเตรียม สัมภาระ พวกเขาเลือกสรรศิษย์ที่โดดเด่นและตระเตรียมมุ่งหน้าไป ยังเมืองหลวง
ทันใดนั้น นักพรตเฒ่าผู้หนึ่งก็ร้องโหยหวนดังสะท้านโลก “ตัว บัดซบที่ไหนขโมยแส้หางม้าของท่านประมุข”
เสียงโกรธเกรี้ยวอีกเสียงดังมาจากภูเขาอีกฟาก “ใครกินปลา ของข้า”
“ใครขโมยฉากกั้นภูเขาและแม่นํ้าของข้า นั่นคือสมบัติลํ้าค่าที่ ข้าอุทิศหยาดเหงื่อมาหลายปี !”
“ใครเห็นทรายจักรวาลของข้า มันเป็นภูเขาจําลองที่หลอม สร้างขึ้นมาจากทรายจักรวาล”
“ปิ่นปักผมข้าที่วางไว้บนโต๊ะ ใครหยิบไป”
…
ที่ข้างล่างภูเขาหยกว่าง ฉินมู่เดินผ่านประตูภูเขา นักพรตเฒ่า ที่เฝ้าอารักษาประตูภูเขายืนอยู่ที่กระท่อมฟาง เขาส่งผ้าของฉินมู่ คืนมา และถามอย่างสงสัย “โจรเทวะเฒ่านั่นขึ้นไปขโมยสมบัติของ สํานักเต๋าอีกแล้วหรือเปล่า”
ฉินมู่รับผ้าเหล่านั้นกลับมาและส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นเขาบน ภูเขา”
นักพรตเฒ่าขยี้เท้าเร่าๆ และกล่าว “แย่ล่ะ! ถ้าเจ้าเห็นเขา เขา ก็คงยังเดินเอ้อระเหยอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ถ้าเจ้าไม่เห็นเขา เช่นนั้นไอ้ เฒ่าเปรตนั่นจะต้องพลิกสุสานบรรพบุรุษพวกข้าไปร้อยตลบแล้ว แน่ๆ!”
เมื่อเขากล่าวจบ นักพรตเฒ่าก็เรียกสุนัขขนเหลืองตัวใหญ่ มา และมุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขา
หมาใหญ่ขนเหลืองตัวนี้ว่องไวอย่างเหลือเชื่อเมื่อมันกระโจน ขึ้นไปบนยอดเขา ที่นั่นมันสูดจมูกฟุดฟิดไปรอบๆ และเริ่มเห่าอย่าง รุนแรงสร้างความปั่นป่วน
“หากพวกเราไม่รีบไป ยอดฝีมือสํานักเต๋าจะกรูกันลงมาฆ่าฟัน นะ” ผู้ใหญ่บ้านในตะกร้าสมุนไพรกล่าวเตือน
ฉินมู่กลับมาได้สติและเร่งเร้ากิเลนมังกร “หนีเร็วเข้า!”
กิเลนมังกรรีบตะบึงออกไปยังเทือกเขาคุนหลุนอัน สลับซับซ้อนทันที
หลังจากที่วิ่งไปเป็นเวลานาน พวกเขาก็พ้นเทือกเขาคุนหลุน ในที่สุด ฉินมู่กล่าวด้วยสีหน้ากังวล “ท่านปู่เป๋จะหนีออกมาได้ไหม นะ…”
ไม่ทันจะพูดขาดคํา เขาก็เห็นเฒ่าเป๋นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ข้างหน้าพวกเขา ดูเหมือนมารอที่นี่ตั้งนานแล้ว
ฉินมู่อึ้งกิมกี่และกําลังจะกล่าวอะไร แต่เฒ่าเป๋พลันกระโจนขึ้น ราวกับมีไฟลนก้น เขาเขย่งก้าวกระโดดแล้วหายวับไปในอากาศ ธาตุ เสียงหนึ่งพลันดังมาจากที่ไกลๆ “มู่เอ๋อ พวกเจ้าไปที่นครหยก น้อยก่อนเลย เดี๋ยวข้าจะไปรอที่นั่นเอง!”
หมาตัวใหญ่ร่อนลงมาจอดใกล้ๆ และนั่งหมอบรอนักพรตเต๋า จํานวนหนึ่ง ไม่ว่านักพรตหญิงหรือชายที่ตามมาดูคุกรุ่นด้วยจิต สังหารดาลเดือด
หมาใหญ่ตัวนี้สูดจมูกฟุดฟิดที่พื้น พลันก้อนเมฆผุดขึ้นมาใต้ เท้าของมัน มันเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าและวิ่งไล่ตามไปยังทิศทางที่ เฒ่าเป๋หนีไป ความเร็วของมันไวอย่างยิ่งยวด ราวกับประกายแสง และสะเก็ดเงา
ฉินมู่ตกตะลึง เขามองไปยังกิเลนมังกรด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “มังกรอ้วน เจ้าตามหมานั่นทันไหม”
กิเลนมังกรส่ายหน้า “เจ้านั่นมันวิ่งเร็วเกินไป ข้าตามมันไม่ทันหรอก”
“มันกินขี้แต่ก็ยังวิ่งไวกว่าเจ้า!” ฉินมู่กล่าวอย่างปวดหัวใจ “เจ้ายังมีหน้ามากินยาวิญญาณต่างมื้ออาหารในทุกๆ ได้อย่างไร กัน”
