Skip to content

Tales of Herding Gods 352


ตอนที่ 352 หัวใจเต้าหู้

ฉินมู่ดิ้นรนลุกขึ้นแต่มีเสียงกร๊อบดังมาจากขาของเขา กระดูก ที่นั่นมีรอยร้าวเมื่อเขาถูกซัด และเมื่อเขารีดเร้นกําลังเข้าไปมันก็ แตกหักทันที

ร่างของเขาบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด แขนของเขาก็หัก เช่นเดียวกัน ฉินมู่ไม่กล้าขยับอีกต่อไป แม้แต่การกระดิกกระเดี้ย และหายใจลึกไปกว่านี้ เขาก็ไม่กล้าทํา

เขากลัวว่าถ้าสูดลมหายใจเข้าแรงกว่านี้ อาจจะทําให้กระดูก ทั้งร่างเขาแตกหัก

พลังวัตรของเขาเหือดแห้งดดยสิ้นเชิง ดังนั้นแม้แต่จะเรียก ขวดนํ้าลายมังกรจากถุงเต๋าตี้มาเยียวยาตนเอง ก็ทําไม่ได้

ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั้งตัวเขา และเหงื่อเม็ดเป้งก็ หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

รอยแผลกระบี่ทั่วร่างเขาปริแตกให้เลือดหลั่งไหลออกมาโซม ร่าง ฉินมู่รู้สึกร่างกายของเขาอุ่นขึ้น ราวกับว่าตัวเขาคือลาวาอัน เดือดพล่าน แต่เขารู้ดีว่านี่มันเป็นความรู้สึกลวงหลอก เพราะว่า

เขาสูญเสียโลหิตไปมาก ร่างกายของเขาจึงเย็นเยียบลงสร้าง ความรู้สึกลวงขึ้นมาในสมอง

เขาเรียนรู้เรื่องนี้จากนักปรุงยา

หากว่าเขายังคงสูญเสียโลหิตต่อไป เขาจะต้องตายแน่นอน

ขณะที่เสียงระเบิดดังมาจากหลุมข้างๆ ฉินมู่รู้สึกหดหู่ ท้อถอย หรือว่าเป็นข้าที่เป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม…ไม่ ข้าเพียงแต่ขยันมั่นเพียรไม่มากพอ ข้ายังไม่ได้ปลดปล่อศักยภาพทั้งหมดในกายาจ้าวแดนดิน…

เขาได้พนันชีวิตแทบทั้งหมดเพียงเพื่อจะเอาชนะไปได้ครึ่งกระบวนท่า แต่นี่ทําให้พลังต่อสู้ของเขาเหือดแห้งไปทั้งหมด

ทันใดแสงกระแสลม 3 กระแสก็พวยพุ่งออกมาจากหลุม ใหญ่ข้างๆ และร่วงลงมาใส่ตัวฉินมู่ราวกับสายรุ้งอันซึมซาบเข้าไป ในร่าง

ฉินมู่รู้สึกทันทีว่ากระดูกของเขาเคลื่อนและเชื่อมต่อเข้าใกล้ รอยแตกผสานกันอีกครั้ง และบาดแผลบนร่างกายของเขาก็สมานเยียวยาอย่างรวดเร็ว!

ฟันสี่ห้าซี่ที่เขาหักหายไปจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็งอกเงยขึ้นมา ใหม่!

ฉินมู่ตกตะลึง แต่ทันใดก็ได้ยินเสียงนํ้าไหลบ่า เสียงนั้นดังมา จากร่างของเขา และมันมีที่มาจากปราณชีวิตที่เชี่ยวกรากขึ้นมา ของตน พลังวัตรของเขาถึงกับฟื้นฟูขึ้นมาในพริบตา!

เรี่ยวแรงของเขาก็ย้อนคืนมา และการฉีกขาดในกล้ามเนื้อก็ สมานเอง ไม่นานนัก อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาก็ถูกรักษาไป ไม่มากก็น้อย

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรู้สึกได้ถึงพลังงานอันแปลกประหลาด ที่มาจากรุ้งทั้ง 3 ทําให้สมบัติเทวะทารกวิญญาณ ของเขา เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าควํ่าดิน ปราณชีวิตของเขาราวกับ ควบแน่นเป็นของเหลวและโอบรัดมันทําให้ดูเหมือนทารกวิญญาณ กําลังแช่อยู่ในทะเลอันอบอุ่นแสนสบายอย่างหาใดเปรียบไม่ได้

ครั้งสุดท้ายที่ข้าประสบความรู้สึกแสนสบายเช่นนี้ เป็นเมื่อตอนข้า 3 ขวบและผล็อยหลับไปบนเตียงท่านยาย พลางฝันว่าวิ่งล่านหาห้องน้ำไปทั่วทิศ ในที่สุดข้าก็ฉี่รที่นอน และถูกท่านยายจับขาหิ้วโยนเข้าไปในกองหิมะ

ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ ที่เขากําลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้น่าจะเป็นสิ่ง ที่เรียกกันว่า 3 กําเนิด กําเนิดฟ้า กําเนิดดิน และกําเนิดนํ้า

พลังงานของ 3 กําเนิดไหลบ่าเข้ามา และสมบัติเทวะทารก วิญญาณก็ประสบการเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์ มันเติบโตด้วย ความเร็วอันเหลือเชื่อขณะที่แท่นบัลลังก์วิญญาณใต้เท้าของมัน ขยายใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน ราวกับว่าเป็นเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทร

ปราณชีวิตอันสูดเข้าและออกจากจมูกของทารกวิญญาณ ลอยขึ้นไปบนอากาศ และปราณชีวิตที่ท่วมท้นรอบๆ ก็รวบรวมเข้า มากับกระแสปราณนั้น ก่อรูปเป็นลูกกลมสีแดงเจิดจ้าที่ลอยอยู่ กลางอากาศ

มันดูไม่เหมือนดวงอาทิตย์

ปราณชีวิตเหลวรวมเข้าด้วยกันอีกก้อน กลายเป็นคล้ายกับ ลูกกลมนํ้า แต่ก็ไม่ใช่ดวงจันทร์ สมบัติทารกวิญญาณของเขา ยังคงไม่อาจเทียบได้กับเทพเจ้า

ฉินมู่ลองโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และรู้สึกว่ายัง ติดขัดยากจะโคจรอยู่บ้าง ดูท่าจะยังคงมีอาการบาดเจ็บซ่อนเร้นที่ ยังไม่หายสนิทดี

“ยินดีกับท่านด้วยกษัตริย์มนุษย์ ที่ทลายด่าน 3 กําเนิด สําเร็จ”

ทันใดนั้น ขุนเขาทั้งหลายก็หายวับไป ดวงตะวันและจันทราบน ฟากฟ้าก็หายไปโดยไร้ร่องรอย ฉินมู่นอนแผ่อยู่ในโถงใหญ่ พื้นเย็นเฉียบราวนํ้าแข็งรองรับร่างของเขาอยู่

เขาดิ้นรนลุกขึ้นและเห็นผู้เฒ่า 5 คนนั่งอยู่ใน 5 ตําแหน่ง พวก เขานั่งอยู่สูงยิ่งและดูโบราณพอๆ กับผู้เฒ่า 3 กําเนิด

เขามองไปรอบๆ แต่นี่ไม่ใช่โถงแห่ง 3 กําเนิดที่เขาเห็นก่อน หน้า สถานที่นี้ดูเหมือนจะเป็นโถงใหญ่อีกแห่ง รูปลักษณ์ของผู้เฒ่าทั้ง 5 ก็แตกต่างจากผู้เฒ่า 3 กําเนิด

ฉินมู่พยายามจัดแจงตนเอง แต่กล้ามเนื้อของเขายังปวดร้าว และแขนเขาก็เขาก็สั่นเทาไปหมด

“ผู้อมตะเฒ่าทั้ง 3 ไปที่ใดแล้ว ” ฉินมู่ถามด้วยเสียงอันสั่นเทิ้ม

“ผู้เฒ่า 3 กําเนิดไม่ได้อยู่ที่นี่”

หนึ่งในผู้พเนจรเฒ่านั้นตัวเตี้ยอย่างยิ่ง แต่เสียงของเขากึกก้อง กังวาน “พวกเราคือผู้พเนจร 5 ธาตุ และที่นี่คือโถงแห่ง 5 ปราณ พวกเราเห็นกษัตริย์มนุษย์ประสบความสําเร็จในการทลายด่าน 3  กําเนิดจากโถงแห่ง 5 ปราณนี้และเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ กษัตริย์มนุษย์ทลายด่านสําเร็จ ท่านก็ถูกส่งออกจากโถงแห่ง 3  กําเนิดมายังโถงแห่ง 5 ปราณของพวกเราเพื่อเผชิญกับด่านทดสอบแห่ง 5 ปราณ”

“ข้าทลายด่าน 3 กําเนิดสําเร็จหรือ” ฉินมู่ทั้งประหลาดใจทั้งยินดี แต่ทว่าเขาควบคุมขาไม่ให้สั่นเทิ้มไม่ได้

“เขาเป็นกายาจ้าวแดนดินปลอมจริงๆ ส่วนข้าคือกายาจ้าว แดนดินอันเที่ยงแท้!” เด็กหนุ่มภาคภูมิใจ

ผู้พเนจร 5 ธาตุได้ยินที่เขากล่าวก็งงงวย พวกเขาเผยสีหน้า ฉงนสนเท่ห์ในเมื่อพวกเขาไม่รู้จักกายาจ้าวแดนดิน และกายาจ้าว แดนดินปลอม

ฉินมู่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยืนอย่างมั่นคง แต่ขา ของเขาสั่นสะท้านอย่างแรง แขนของเขาก็ควบคุมไม่ได้เช่นกัน

หนึ่งในผู้พเนจรเฒ่าขมวดคิ้วและกล่าว “กษัตริย์มนุษย์เป็น บุคคลที่ 2 ที่ผ่านด่าน 3 กําเนิดได้ ท่านหมายที่จะท้าทายด่าน 5 ปราณหรือไม่”

ฉินมู่เพิ่งจะนั่งลงบนพื้น เพื่อจะได้ไม่อับอายขายหน้าจากการ ยืนง่อนแง่น เขาถาม “เทียบกับทลายด่าน 3 กําเนิดแล้ว ทลาย ด่าน 5 ปราณเป็นอย่างไร”

“ก็ยากกว่าสักเล็กน้อย” “เมื่อกษัตริย์มนุษย์สําเร็จการทลายด่าน 3 กําเนิด รากฐาน

ของท่านก็กลายเป็นแน่นหนามั่นคงกว่าเดิม ดังนั้นการทลายด่าน 5 ปราณไม่น่าจะยากเกินไปสําหรับท่าน” หญิงเฒ่าผู้หนึ่งกล่าวด้ว ยใบหน้ายิ้มแย้ม

“แต่ก็ยังยากกว่าเล็กน้อยหรือ” ฉินมู่แตกตื่น และส่ายหัว “ผู้อาวุโสทั้ง 5 ท่านจะผ่อนปรนกฎเกณฑ์สักหน่อยได้หรือไม่ เพื่อให้ข้ามาท้าทายในวันหลัง?”

ตอนนี้เขาย่อมอ่อนแรงเกินกว่าที่จะท้าทายด่าน 5 ปราณ

แม้ว่าเขาจะประสบความสําเร็จในการทลายด่าน 3 กําเนิด

โดยเอาชนะเทพเจ้าเยาว์ และอาการบาดเจ็บทั้งหลายก็เยียวยาไป

เกือบทั้งหมด แต่ความรวดร้าวที่ร่างเนื้อของเขานั้นยังไม่จาง หายไปเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นการปะทะกันครั้งสุดท้ายที่ทําให้เขา ร่วงลงจากยอดเขาอันสูงกว่า 1,500 วานั้นทิ้งแรงกระทบอัน ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่หัวใจเขาจะแบกรับเอาไว้ได้ ไม่เพียงแต่ร่างเนื้อ ของเขาที่สั่นเทิ้ม แม้แต่ดวงวิญญาณก็ส่ายออดแอดแทบจะหลุด ลอยออกจากร่าง

ผู้พเนจรทั้ง 5 เห็นได้ว่าสภาพของเขาตอนนี้ไม่สู้ดี ดังนั้นพวก เขาจึงหันไปมองกันและกัน หนึ่งในผู้เฒ่ากล่าว “นครหยกน้อยของพวกเราไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน หากว่าใครผ่านด่าน ทดสอบของกําเนิดทั้ง 3 พวกเขาสามารถเข้ามายังโถงแห่ง 5  ปราณของพวกเขา และออกไปได้ก็ต่อเมื่อพ่ายแพ้เท่านั้น การพัก กลางคันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

หญิงเฒ่าพลันพูดขึ้นมา “แต่ทว่าการทลายด่าน 3 กําเนิด พร้อมๆ กันนั้นหาได้ยาก คนสุดท้ายที่ทําเช่นนั้นก็เมื่อ 7,000 ปี ที่แล้ว ในเมื่อกษัตริย์มนุษย์สามารถมาถึงขั้นนี้ได้ ก็คงจะมากเกินไป หากว่าพวกเราไม่ยอมให้เขากลับมาท้าสู้ใหม่วันหลัง”

ผู้เฒ่าทั้งห้าปรึกษาหารือกันพักหนึ่ง จากนั้นผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้นํา ก็กล่าว “ในเมื่อกษัตริย์มนุษย์เอ่ยปากร้องขอ นครหยกน้อยของ พวกเราก็ไม่ได้ดื้อดึงขนาดนั้น เมื่อกษัตริย์มนุษย์ฟื้นฟูดีแล้ว เขา สามารถกลับมาและท้าทายโถงแห่ง 5 ปราณของพวกเราได้”

“ขอบคุณมาก!” ฉินมู่ฝืนลุกขึ้นและประสานมือคารวะขอบคุณ ผู้เฒ่าทั้งหลาย

เมื่อเขายืดตัวยืนตรง ภาพตรงหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยน และ ตัวเขาก็ปรากฏที่นอกโถงแห่ง 3 กําเนิด ผู้เฒ่า 3 กําเนิดกำลัง

สนทนากับผู้สันโดษชิงโยวซึ่งมีสีหน้าแตกตื่นประหลาดใจ ส่วนผู้ใหญ่บ้านนั้นยิ้มกริ่มภูมิใจอย่างไม่ปิดบัง

“กษัตริย์มนุษย์” ผู้เฒ่ากําเนิดทั้ง 3 คนทักทายเขาและ อาจารย์วิญญาณกําเนิดฟ้าก็ถามด้วยความตื่นตกใจ “ไฉน กษัตริย์มนุษย์จึงออกมาก่อนที่จะรับการทดสอบของ 5 ปราณเล่า”

ขาของฉินมู่ยังคงสั่นระริก ดังนั้นเขาจึงกล่าว “ผู้พเนจร 5 ธาตุ รู้ว่าสภาพของข้ายํ่าแย่จึงอนุญาตให้ข้าค่อยกลับมาท้าทายใหม่ที หลัง ผู้อมตะชิงโยว ข้าขอเวลาสักหลายวันก่อนที่จะมารับการ ทดสอบ 5 ปราณได้หรือไม่”

ผู้สันโดษชิงโยวมีสีหน้านุ่มนวลลงและกล่าวอย่างมั่นคง “สภาพของกษัตริย์มนุษย์ตอนนี้นับว่าไม่เหมาะที่จะสู้ต่อจริงๆ และ ยังมีโถงแห่งหกทิศหลังจากโถงแห่ง 5 ธาตุ และเจ้าสํานักเต๋าเฒ่า กับยูไลเฒ่าต้องการเวลาสักระยะในการทําความคุ้นเคยกับมัน ถ้า เช่นนั้นกษัตริย์มนุษย์สามารถมายังนครหยกน้อยของเราในวัน หลังเพื่อทลายด่าน 2 โถง”

ฉินมู่หยั่ง “เช่นนั้นแล้ว เรื่องที่ข้าเชื้อเชิญยอดฝีมือจากนคร หยกน้อยลงจากภูเขา…”

ผู้สันโดษชิงโยวแย้มยิ้ม “ข้าได้สัญญากับท่านว่าหากท่าน เอาชนะศิษย์ 3 คนแห่งนครหยกน้อยก็จะไปกับท่าน บัดนี้เมื่อท่าน ประสบความสําเร็จในการทลายด่าน 3 กําเนิดด้วย ก็นับว่าเหนือ ลํ้าเกินความคาดหมายของข้า ในเมื่อข้าได้ตกปากรับคํา ก็ย่อมไม่ กลืนนํ้าลายตนเอง”

ฉินมู่ตะลึงไป ตั้งแต่เขาขึ้นภูเขามาผู้สันโดษชิงโยวไม่แสดงสี หน้าต้อนรับยินดีเลยสักนิด เย้ยหยันเสียดสีเขาตั้งแต่แรก แต่จู่ๆ ก็กลับเป็นพูดง่ายคุยง่ายไปเสียอย่างนั้น?

ผู้สันโดษชิงโยวมองไปยัง 3 ผู้เฒ่ากําเนิดและกล่าว “ศิษย์พี่ ทั้ง 3 ข้าจะติดตามกษัตริย์มนุษย์ลงจากภูเขาไปจัดการเรื่องราวทางโลก ขอให้ศิษย์พี่ทั้ง 3 ช่วยดูแลภาระหน้าที่ของข้าแทน ในช่วงที่ข้าไม่อยู่บนภูเขา”

อาจารย์วิญญาณกําเนิดนํ้ากล่าว “เรื่องราวทางโลกเต็มไป ด้วยความไขว้เขว รบกวนจิตใจของผู้อมตะให้ยากจะสงบ ระวังอย่า ทําลายหัวใจอันกระจ่างเมื่อเจ้าลงไปจากภูเขา”

ผู้สันโดษชิงโยวแย้มยิ้ม “ข้าเคยผ่านประสบการณ์ในโลก ปุถุชน ดังนั้นจิตปุถุชนของข้าได้ตายชืดไปแล้ว ไม่ต้องห่วง ข้าจะ กลับมาอย่างแน่นอน”

เขาเรียกหวางมู่หรัน มู่ชิงไต้ และหลงอวี๋มากล่าว “ข้าจะลงไป จากภูเขาพร้อมกับกษัตริย์มนุษย์ จงมาด้วยกันกับข้า ไม่มีความ จําเป็นที่พวกเจ้าจะต้องอยู่ในนครหยกน้อยไปตลอดชีวิต ข้ารู้ว่า การอยู่เป็นเพื่อนกับผู้เฒ่าชแรชราอย่างพวกข้านั้นไม่มีความสนุก อะไร”

ทั้ง 3 คนทั้งประหลาดใจและยินดี พวกเขาอยากจะลงไปจาก ภูเขาตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาจะทําอะไรได้ในเมื่อนครหยกน้อยมี กฎเกณฑ์อันเข้มงวด ภายใต้สถานการณ์ปกติผู้สันโดษชิงโยวจะ

ไม่อนุญาตให้พวกเขาลงจากภูเขาเป็นอันขาด

ผู้สันโดษชิงโยวขอปลีกตัวไปจากเจ้าสํานักเต๋าเฒ่าและยูไล เฒ่า

2 ผู้เฒ่านั้นแย้มยิ้ม “พวกเราเพิ่งเป็นอิสระจากเรื่องราวทาง โลกและมาที่นครหยกน้อยเพื่อความสงบสุข แต่บัดนี้ท่านกลับ

กระโดดเข้าไปในโลกปุถุชน ผู้อมตะชิงโยว ข้าเกรงว่าเมื่อท่านไป เกลือกกลั้วกับมันแล้วอาจจะกระโดดออกมาไม่ได้!”

“พวกท่านกังวลมากไปแล้ว ข้าเพียงแต่ลงจากภูเขาไปตาม สัญญาเท่านั้น และข้าก็จะกลับมาทันทีที่สําเร็จตามข้อตกลง เรื่องราวทางโลกไม่อาจเหนี่ยวรั้งข้าเอาไว้ได้หรอก” ผู้สันโดษชิงโยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ข้าก็หวังเช่นนั้น”

ผู้สันโดษชิงโยวจึงเชื้อเชิญ เซียนเฒ่าอีก 2 คนมา “โหย วอวิ๋น โยวเหอ ศิษย์พี่ทั้ง 2 ท่านเชี่ยวชาญพีชคณิต พวกท่านจะ ติดตามข้าลงไปด้วยหรือไม่”

2 เซียนเฒ่าแย้มยิ้มแล้วกล่าว “ ลงไปสั ก ห น่ อยก็ ดี เหมือนกัน”

หวางมู่หรันขี่กวางตัวผู้อันเป็นสัตว์ขี่ของผู้พเนจรเจิน ยอด ฝีมือผู้นี้ได้เสียชีวิตในนํ้ามือของราชครูสันตินิรันดร์ แต่สัตว์ขี่ของ เขาถูกรับช่วงต่อโดยหวางมู่หรัน

กวางตัวผู้นี้กําลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่ากิเลนมังกร และเพราะว่า กิเลนมังกรนั้นอ้วนพี กวางตัวผู้จึงดูลํ่าสันกว่ามาก เขามองกิเลน มังกรด้ว ยหางตาอันเผยความดูแคลนเจ้าแมวอ้วนนี้อย่างไม่ปิดบัง

กิเลนมังกรคุ้นชินกับอะไรแบบนี้จึงไม่ใส่ใจ กระนั้นเสียงฉีเอ๋ อก็กระซิบบอกเขา “มังกรอ้วน กวางนั่นดูแคลนเจ้าแน่ะ”

“แม้ว่าเขาจะถ่มนํ้าลายใส่ข้า เดี๋ยวมันก็แห้งไปเองโดยข้าไม่ จําเป็นต้องเช็ดออกด้วยซํ้า” กิเลนมังกรเหมือนกับบรรลุธรรมขั้น สุด “ปล่อยให้เขาคิดอะไรก็คิดไปเถอะ มันก็สายลมที่พัดผ่านภูเขาเท่านั้น”

ทุกคนเดินทางออกจากนครหยกน้อย และผู้สันโดษชิงโยวก็ หันกลับไปมองข้างหลัง เขาถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อนและ กล่าวแก่ผู้ใหญ่บ้าน “หลายปีก่อน ข้าได้ออกจากสถานที่นี้พร้อม กับเจ้า หัวใจของข้าเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและหมายที่จะ สร้างวีรกรรมระบือโลกร่วมกับเจ้า เมื่อข้ากลับมา จิตมุ่งมั่นของข้า ตกตํ่าและความทะเยอทะยานของข้าก็มลายสิ้น ข้าคิดว่าข้าคงไม่

ออกมาอีกแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกเชื้อเชิญออกมานครหยกน้อยโดยศิษย์ของเจ้า โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตผู้คน”

“ไม่ใช่เพราะมู่เอ๋อเชิญเจ้าหรอก แต่เพราะหัวใจของเจ้า หวั่นไหว” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างเปี่ยมความนัย “เป็นลมที่เคลื่อนไหว หรือผืนธงกันแน่ที่ขยับ? มันก็เป็นเพียงแค่จิตใจของมนุษย์ที่หวั่นไหว”

ผู้สันโดษชิงโยวหัวเราะ “เจ้ากล่าวผิดแล้ว จิตปุถุชนของข้า ตายด้าน มันไม่มีทางกลับมาเต้นระทึกได้ใหม่!”

ผู้ใหญ่บ้านส่ายหัวด้วยแย้มยิ้ม “ปากของเจ้าเหมือนกับคม ดาบ แต่หัวใจของเจ้าไม่ต่างอะไรกับเต้าหู้ มู่เอ๋อ อย่าไปมองว่าตา เฒ่านี้ถมึงทึงใส่เจ้า อันที่จริงแล้วเขาอ่อนนุ่มที่สุด หากว่าเจ้าทําให้ เขาเสียใจ หัวใจเต้าหู้ของเขาก็จะแหลกเละไปทั่วพื้นและไม่มีใคร กอบมันขึ้นมาต่อเป็นก้อนได้อีก!”

ผู้สันโดษชิงโยวยิ้มหยันกล่าว “หัวใจข้ากอบมาต่อกันใหม่ไม่ ติดเช่นนั้นรึ เมื่อครู่เจ้ายังกลิ้งเกลือกร้องไห้อยู่กับพื้นอยู่เลย!”

ผู้ใหญ่บ้านเดือดดาล “เมื่อนางฟ้าเสว่ฉีทิ้งเจ้าไปตอนนั้น ใคร กันแน่ที่นอนกลิ้งเกลือกร้องไห้จนตาแทบหลุดหา”

“เมื่อกี้เจ้ารํ่าไห้จนน่าเวทนา ต้องให้กษัตริย์มนุษย์อุ้มเจ้าขึ้นมา กอด”

“ตอนที่เจ้ารํ่าไห้อย่างหน้าไม่อายขอคืนดี เจ้าคิดไหมล่ะว่าข้า จะเอามันมาเย้ยหยันเจ้าในตอนนี้”

“เจ้ายังเช็ดขี้มูกโป่งกับอกเสื้อของกษัตริย์มนุษย์อีก!”

ฉินมู่จ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง ตาเฒ่า 2 คนนี้ที่อายุรวมกัน เกือบ 1,600 ปี แต่ก็ยังตีฝีปากกันไม่หยุด สาวไส้เผยประวัติน่า อายของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดราวาศอก

พวกเขาเด็กลงๆ ทุกที กลายเป็นเฒ่าทารก

ฉินมู่ส่ายหัวและครุ่นคิดในใจ ท่านปู่เป๋หายไปไหนนะ หากว่า ยอดฝีมือสำนักเต๋าตามเขาไม่ทัน เขาก็น่าจะเข้านครหยกน้อยไป ตั้งนานแล้ว ข้ารั้งยู่ที่นี่ตั้งสองสามวัน ดังนั้นน่าจะเพียงพอที่ท่านปู่เป๋จะตะลุยไปทั่วนครหยกน้อยสี่ห้ารอบ อีกอย่าง การศึกที่ท้องทุ่งว้างเป็นอย่างไรนะ ราชครูสันตินิรันดร์ไปถึงวังทองโหรวหลันไหม

บนภูเขาหิมะนอกวังทองโหรวหลันคือการฆ่าล้างสํานัก ราชครูสันตินิรันดร์ยืนไพล่หลังด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย สายตา

ของเขามองไปยังราชวังอันโอ่อ่าตระการอันประดับด้วยทองและ

หยก ข้างหลังเขา กองทัพแห่งสันตินิรันดร์อันมีไพร่พลและม้าศึก นับหมื่นจัดกระบวนทัพอย่างเป็นระเบียบเรียบกริบ ทหารทั้งหลาย ไม่ส่งเสียง แม้แต่สัตว์พิสดารในทัพก็ไม่ร้องออกมา

แม่ทัพคนหนึ่งก้าวมาหาเขาแล้วโค้งคารวะ “ท่านราชครู ข่าน หรวนตี้ได้มาขอสวามิภักดิ์”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version