ตอนที่ 387 โตแล้ว
ทั้งด่านวารีลับถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและธงหลากสี เฟิง ซิ่วอวิ๋นนั้นจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างว่องไว และไม่นานซีอวิ๋นเซี่ยง ก็ถูกตกแต่งอย่างสวยงามโดยทหารหญิงกลุ่มหนึ่ง นางสวมใส่
มงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้า ขณะที่ฉินมู่สวมลูกกลมไหมแดงมงคล อีกครั้ง เขาถูกบังคับให้โค้งคํานับและแต่งงานกับซีอวิ๋นเซี่ยง
“สาวน้อยแซ่เฟิงนั้นไม่เลวเลยทีเดียว นางจัดการธุระได้ว่องไว ทําให้ข้าไม่ต้องวุ่นวาย” เฒ่าบอดยิ้มไม่หุบ เขาคิดในใจ นางแต่งงานแล้วหรือยังนะ…
ในงานเลี้ยงฉลองวิวาห์ นํ้าตาของเด็กหญิงน้อยฮู่หลิงเอ๋อร่วง เผาะๆ ราวกับดอกเหมย นางกอดไหสุราของตน ยืนโงนเงนไปมา รํ่าไห้ว่าท่านปู่บอดโกหกนาง และเขาเป็นตาเฒ่าจอมลวงโลก
ทหารมากมายในด่านวารีลับที่มาเพื่อแสดงความยินดีกับคู่
บ่าวสาวหันไปมองหน้ากันและกันด้วยความอึ้ง เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่า
ทําไมเด็กหญิงอายุเพียงหกเจ็ดขวบถึงร้องไห้ได้น่าเศร้าขนาดนี้
หลังจากพิธีมงคลและกิจกรรมอันรื่นเริงทั้งหลาย คู่บ่าวสาวก็ ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ ซีอวิ๋นเซี่ยงลอบซ่อนมีดไว้ในตัวนางเพื่อว่า เวลาที่ฉินมู่เลิกผ้าม่านคลุมหน้าเจ้าสาว นางก็จะโจมตีเขาและได้ สําเร็จสมความปรารถนาตั้งแต่แรกเป็นธิดาเทพ เพื่อจะได้สังหาร จ้าวลัทธิผู้ทรราชย์และมักมากในกาม
หลังจากรออยู่สักพัก ฉินมู่ก็ยังไม่เข้ามาหานางสักที และความ ริษยาก้อนใหญ่ก็ผุดขึ้นมาในใจ นี่ข้าด้อยกว่ายัยอ้วนหลิงอวี้จิวนั่นหรือ ท่านปู่บอดตาบอด แต่ใจเขาไม่บอด กระนั้นก็มีใครบางคน บอดทั้งตาบอดทั้งใจ หรือเขาจะชอบแต่เด็กสาวที่มีหน้าอกใหญ่
นางรอต่ออีกพัก แต่ฉินมู่ก็ไม่มานั่งข้างนาง อย่าว่าแต่จะมา เลิกผ้าคลุมหน้าเลย
นางลอบเลิกผ้าคลุมหน้าออกและเห็นว่าฉินมู่นั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะ และกําลังศึกษาหนังสือเล่มหนึ่งอย่างขะมักเขม้น ซีอวิ๋นเซี่ยงทั้งโมโหทั้งขมขื่น ในคืนวิวาห์กับสาวงามที่สวยสะพรั่งดังบุปผา แต่ เจ้าโง่นี่ก็ยังอ่านหนังสือศึกษาตํารา นี่มันจะมากเกินไปหน่อยแล้ว!
“ตําราคํานวณแห่งสตรีปริศนา” ฉินมู่เงยหน้าขึ้น และเชิญนาง ให้เข้ามานั่งที่โต๊ะ เขากล่าวอย่างจริงใจ “ท่านปู่บอดมักจะชอบเล่น แกล้งแบบนี้ ต้องขอโทษด้วยที่ทําให้เจ้ามาพัวพันแต่งงานกับข้า ข้ารู้ว่าเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้า จึงอยากให้ข้า แต่งงานกับเด็กสาวดีๆ และให้กําเนิดบุตร เพื่อที่ข้าจะได้มีห่วง ผูกพันจากภรรยาและบุตรและไม่อาจกลับไปยังสันตินิรันดร์ได้อีก ต่อไป เขาเพียงแค่ไม่อยากให้ข้าเผชิญกับอันตรายในอนาคต น้อง สาวเซี่ยง โปรดอนุญาตให้ข้ากล่าวขอขมาเจ้าด้วยที่ทําให้เจ้าต้อง ทนทุกข์มาตลอดทาง” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนและ โค้ง กาย
ซีอวิ๋นเซี่ยงรีบลุกขึ้นโค้งกลับและกล่าวอย่างมั่นคง “ท่าน ปฏิบัติต่อพวกเราอย่างสุภาพเสมอ และไม่เคยเอาเปรียบข้าหรือ องค์หญิงเลย ข้าได้ประจักษ์ทั้งหมดนั่น ดังนั้นข้าย่อมรู้คุณธรรมของจ้าวลัทธิดี ท่านนั้นเป็นจ้าวลัทธิและมีศักดิ์สูงกว่าข้าครึ่งขั้น ดังนั้นไม่มีความจําเป็นต้องมากมารยาท”
นางนั้นอายุน้อยกว่าฉินมู่เสียอีก เป็นเด็กสาวที่อายุอานามแค่ 14 ขวบปีผู้มีดวงตาสดใสและฟันขาวกระจ่าง แม้ว่าปกติแล้วซีอวิ๋ นเซี่ยงจะทําตัวกระด้างกระเดื่องและขาดความเคารพ แต่เมื่อนาง จริงจังขึ้นมา นางก็มีท่วงทีอันโอบเอื้อและสง่างาม
ธิดาเทพแห่งตระกูลซีนั้นเป็นตัวเลือกหนึ่งในการแต่งตั้งจ้าวลัทธิ หากว่าจ้าวลัทธิมารฟ้าเสียชีวิตโดยไม่คาดฝัน นางก็จะสืบทอดตําแหน่งของเขา ดังนั้นนางย่อมต้องมีท่วงทีและการวางตัวอัน เลิศลํ้าเหนือธรรมดาเช่นกัน
“จ้าวลัทธิยังมิได้กล่าวเลยว่าไฉนท่านจึงต้องการอ่านตําราคํานวณแห่งสตรีปริศนา” นางกล่าวพลางแย้มยิ้ม
ฉินมู่ยังคงศึกษาตําราต่อไปพลางกล่าวตอบ “ข้าอยากที่จะหนี ให้พ้นเงื้อมมือของท่านปู่บอด แต่ข้าไม่มีทางวิ่งไวไปกว่าเขาได้ หากว่าข้าจะวางยาพิษเขา นั่นก็ไม่ดี เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็น ท่านปู่ของข้า ข้าจึงคิดว่าจะใช้ทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล แทน”
ซีอวิ๋นเซี่ยงร้องออกมาด้วยความตื่นใจ “ความสําเร็จเชิง พีชคณิตของจ้าวลัทธิมาถึงขั้นนี้แล้วหรือ”
ทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลนั้นยากที่จะฝึกปรือเป็นที่สุด และมีไม่กี่คนที่สําเร็จได้ในลัทธิมารฟ้า หัวหน้าโถงทุกคนจะใช้ธงเคลื่อนย้ายระยะไกล ไม่ก็เสื้อผ้าเคลื่อนย้ายระยะไกล ก็เพราะว่าหากพวกเขาอยากที่จะฝึกทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลสําเร็จ พวกเขาก็จะต้องมีความสําเร็จเชิงพีชคณิตขั้นเลิศลํ้าจนน่าตระหนก!
ความยากของทักษะเทวะนี้ไม่ด้อยไปกว่ากระบี่เต๋า ในการช่วง ใช้ทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล ก็จะต้องฝึกปรือพีชคณิตห้วงมิติ
จนถึงสุดขีดขั้ว มิเช่นนั้นความผิดพลาดในการคํานวณจะส่งผู้ใช้ ไปยังสถานที่อันผิดคาดและอันตราย แต่ที่น่าสยองกว่านั้นคือการ ส่งตนเองเข้าไปในก้อนหิน อันผู้ใช้ก็จะผสานร่างเข้ากับมัน
แต่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็ยังเป็นอีกปัญหา ด้วยทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล ผู้ใช้อาจจะผ่าตนเองเป็นหลายชิ้น และส่งชิ้นส่วนต่างๆ เข้าไปยังห้วงมิติต่างๆ กัน!
จุดที่ยากที่สุดของทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลคือการ คํานวณจุดเคลื่อนย้ายระยะไกลมากมายในชั่วเสี้ยววินาทีโดยไม่มี ความผิดพลาดสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังต้องคิดคํานวณอย่าง ต่อเนื่องระหว่างที่กําลังเค ลื่อนย้ายระยะไกล ก ารคํานวณประมวลผลที่ต้องใช้นั้นมากมายและต้องแม่นยํา ทําให้กลายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้!
ในประวัติศาสตร์ของลัทธิมารฟ้า มียอดยุทธ์ฝีมือแกร่งหลาย คนที่ได้พิการล้มตาย หรือแม้กระทั่งหายสาบสูญจากการฝึกปรือ ทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล และก็มีอีกหลายคนที่ได้ผ่าแยกร่าง ตนเองเป็นชิ้นๆ!
นี่น่าพรั่นพรึงไปกว่านั้นคือยอดยุทธ์ฝีมือแกร่งอันตกเป็นเหยื่อ ทั้งหลาย ล้วนแต่มีความสําเร็จเชิงพีชคณิตน่าแตกตื่น!
ฉินมู่ศึกษาตําราคํานวณและคิดคํานวณอย่างต่อเนื่องในเวลา เดียวกัน เขานั้นกําลังทดลองคํานวณจุดเคลื่อนย้ายระยะไกลใน ห้วงมิติทั้งหมด
“เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนได้ให้ตําราคํานวณแห่งสตรีปริศนา แก่ข้าเมื่อหลายเดือนก่อน และข้าก็ได้ศึกษามันนับแต่บัดนั้น ส่วน ตําราคํานวณแห่งบรมปริศนานั้น ข้าได้เข้าใจทะลุปรุโปร่งเรียบร้อย แล้ว ความสําเร็จเชิงพีชคณิตของสํานักเต๋ากล่าวได้ว่าเป็นอันดับ หนึ่ง ด้วยตําราคํานวณ 2 เล่มผนวกเข้าด้วยกัน ข้าก็จะสามารถ ไขแง่อัศจรรย์ของทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลได้”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะเข้าใจตําราคํานวณแห่งสตรีปริศนาจนปรุ โปร่งภายในคืนนี้ เมื่อความมืดล่าถอยไปจากแดนโบราณวินาศใน วันรุ่งขึ้น ข้าก็จะจากไปด้วยทักษะเทวะที่ว่า เมื่อท่านปู่บอดเห็นว่า ข้าหนีไปได้แล้ว เขาก็คงย่อมไม่รบกวนพวกเจ้าต่อ”
ซีอวิ๋นเซี่ยงสีหน้าซับซ้อนเมื่อนางกล่าวอย่างนุ่มนวล “ทําไมเจ้าต้องดิ้นรนด้วยล่ะ แม้ว่าท่านปู่บอดจะลักพาตัวพวกเรามาด้วย กําลังและบังคับให้แต่งงานกับเจ้า เจ้าก็เอาแต่คิดฝั่งตัวเองอยู่ ถ่ายเดียว เจ้าเคยถามพวกเราหรือไม่ว่ายินดีแต่งงานกับเจ้าหรือ เปล่า”
ฉินมู่หยุดคํานวณและเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง ภายใต้แสง ตะเกียง ธิดาเทพเซี่ยงดูเอียงอายและมีเสน่ห์เกินต้านทาน
“น้องสาวเซี่ยง เจ้ายินดีแต่งงานกับข้าไหม” ฉินมู่ตามด้วย ดวงตาที่เบิกกว้าง
ซีอวิ๋นเอ่ยปากรับคํา หลุบตาลง ก้มหน้าด้วยความขวยเขิน ไข่มุกบนมงกุฎหงส์แกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาให้แสงแทนที่ส่องต้อง มันสะท้อนเป็นประกายชวนลุ่มหลง
“ข้าไม่เชื่อ” ฉินมู่ก้มหัวลงอ่านหนังสือต่ออย่างขะมักเขม้น “ตอนนี้ในแขนเสื้อเจ้ามีมีดซ่อนอยู่เล่มหนึ่ง หากว่าข้าไปที่ข้างกาย เจ้า เจ้าจะแทงข้า ดังนั้นข้าไม่เชื่อเจ้า”
ซีอวิ๋นเซี่ยงกําหมัดแน่นจนส่งเสียงกร๊อบแกร๊บ และฟันนางก็ ขบกันดังกรอดๆ ทันใดนั้นนางก็ชักมีดออกมาและกระโจนเข้าใส่ เขา
ฉินมู่หัวเราะและลุกขึ้น เขาหลบหลีกมีดนั้นและดีดนิ้วไปบน ใบมีด ซีอวิ๋นเซี่ยงหมุนตัวไปรอบๆ เขา เสื้อเจ้าสาวสีแดงเกลียววน ประดุจดอกบัวแดง ด้วยแสงเย็นเยียบในมือนาง นางโจมตีฉินมู่
อย่างดุร้าย
เสียงของเครื่องเรือนถูกทุบฟาดดังมาจากห้องหอ และสิ่งของ ทั้งหลายก็แตกหักเป็นชิ้นๆ
“คึกคักอะไรอย่างนี้” เฒ่าบอดวางถ้วยสุราของตน หูของเขา กระดิกไปมา เขานั่งอยู่อย่างใจเย็นและส่งยิ้มแฉ่งไปยังเฟิงซิ่วอวิ๋นผู้ ซึ่งดื่มสุราอยู่กับเขา “แม่ทัพเฟิง เจ้าแต่งงานแล้วหรือยัง”
ฉินมู่ต่อสู้กับซีอวิ๋นเซี่ยงอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเขาเอาชัยได้เปรียบ เขาจึงแย่งมีดของนางมาและโยนนางขึ้นไปบนเตียง ที่นั่น เขาฟาดก้นนางหลายที ล้างแค้นที่นางกวาดล้างทรัพย์สมบัติเขาจนเหี้ยนเตียนตอนที่หลอมสร้างกระบี่ 8,000 เล่ม จากนั้นก็กลับไปศึกษาตําราต่ออย่างมุมานะ
ซีอวิ๋นเซี่ยงมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างโมโห หันหลังให้กับเขา ท้องฟ้าเริ่มขาวสว่าง ขณะที่โลกในแดนโบราณวินาศนั้นยังคง
ปกคลุมไปด้วยมวลมืดอันหนาแน่นอย่างหาที่สุดมิได้ ฉินมู่อ่าน
หนังสือมาตลอดทั้งคืน แต่พลังชีวิตของเขายังคงพลุ่งพล่าน
ซีอวิ๋นเซี่ยงตื่นขึ้นมา เมื่อนางหันมาเจอฉินมู่ นางก็แค่นเสียงใส่ เขาหันไปทางนางและแย้มยิ้ม “ตอนที่เจ้านอน เจ้ากรนแน่ะ แต่มันไม่ได้ดังขนาดนั้น เหมือนกับเสียงครางของลูกแมว มันน่าจะมี บางอย่างในคอของเจ้าอันเป็นผลที่หลงเหลือจากธาตุไฟแตกซ่าน ข้าหลอมปรุงยาให้เจ้า ดังนั้นรีบกินมันให้เร็วที่สุด แล้วอาการของเจ้าก็จะหายไป”
ซีอวิ๋นเซี่ยงลุกขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจ จากนั้นก็รับยาวิญญาณเม็ดนั้นมา
ฉินมู่ระบายลมหายใจสะท้านและประกายตาของเขาก็วูบวาบ “คราวนี้ข้าจะต้องหนีได้แน่ๆ แต่ทว่าท่านปู่บอดเพียงแค่ปลดผนึก สมบัติเทวะทารกวิญญาณของข้า พลังวัตรของข้าจึงยังไม่เพียง พอที่จะเคลื่อนย้ายไปได้ระยะไกลนัก เพราะเช่นนั้นข้าจึงต้องใช้ เคล็ดลับควบคุมมังกรในคัมภีร์เลี้ยงมังกรเพื่อให้มังกรไร้เขากระหวัดพันรอบกายและให้ข้าหยิบยืมพลังวัตรของพวกมัน!”
ซีอวิ๋นเซี่ยงกระโดดโหยงด้วยความตกใจ “เจ้ายังอยากหนีไป อีกหรือ”
ฉินมู่แย้มยิ้มและกล่าว “นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ท่านปู่บอดคิด ว่าข้าจะทิ้งชีวิตในสันตินิรันดร์ ดังนั้นข้าจะต้องพิสูจน์กับเขาให้ได้ ว่าข้าสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของเขา และย่อมสามารถ
หลบหนีจากภัยพิบัติที่จะมาในอนาคต! ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถ สังหารข้า ได้! ”
เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อผลักประตูเปิดออก ซีอวิ๋นเซี่ยง เดินออกไปพร้อมกับเขา และก็เห็นเฒ่าบอดยืนอยู่ที่ซุ้มประตูโค้ง เข้าสวน ดูเหมือนจะส่งยิ้มให้กับพวกเขา
ซีอวิ๋นเซี่ยงรีบหันไปดูฉินมู่อันใบหน้าก็เกลื่อนยิ้มเช่นกัน เฒ่าบอดเลิกคิ้วขึ้นมา ได้ไม้เท้าไผ่อันใหม่จากที่ใดก็ไม่ทราบ
เขาแตะมันลงบนพื้นเบาๆ จากนั้นกล่าว “มู่เอ๋อ หลานสะใภ้ มาๆ กินข้าวเช้ากัน”
ฉินมู่แย้มยิ้มแล้วกล่าว “ได้เวลาอาหารเช้าพอดี” ซีอวิ๋นเซี่ยงรู้สึกราวกับว่ามีประกายสายฟ้าแล่นเปรี๊ยะปร๊ะอย่าง
ไม่หยุดยั้งระหว่างบุรุษทั้ง 2 เฒ่าบอดไม่มีลูกตาชัดๆ แต่นางรู้สึก
ว่าทั้งคู่จ้องกันเขม็งอย่างไม่ลดราวาศอก
บนโต๊ะอาหาร หลิงอวี้จิวก็ปรากฏตัวด้วยในฐานะ ‘ภริยาคน แรก’ สาวน้อยฮู่หลิงเอ๋อก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยหน้างอๆ ความไม่พอใจเกลื่อนอยู่ทั่วใบหน้า แก้มของนางก็ป่องไปหมด ไม่มี ใครรู้ว่าทําไมนางถึงบูดบึ้งเรื่องอะไร
“มังกรอ้วน ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลยนะ ถ้าเลือกกินน่ะ!”
เด็กหญิงพลันไปลงที่กิเลนมังกร ทําให้เขาตกใจจนแทบจะทํา ชามข้าวล้มควํ่า มังกรไร้เขาตัวเล็กๆ บอบบางหลายตัวเหล่านั้น ขบขันจนร้อง มาฮา มาฮา
กิเลนมังกรแย้มยิ้มแล้วกล่าว “พี่สาวหลิงเอ๋อ ข้าไม่ได้เลือกกิน เลยนะ ดูสิ ข้าลดนํ้าหนักได้ตั้งครึ่งตําลึงแล้ว”
หลังจากอาหารเช้า เฒ่าบอดเผยยิ้มและเลิกคิ้วขึ้น เขากล่าว
อย่างเอื่อยเฉื่อย “มู่เอ๋อ แดนโบราณวินาศอยู่ข้างหน้าแล้ว ดังนั้น เจ้าจะทําอะไรก็ทําเถอะ”
ฉินมู่ประกายตาวูบวาบและกล่าว “ท่านปู่บอดปิดผนึกสมบัติเท วะห้าธาตุและหกทิศของข้า ดังนั้นข้าจะกล้าทําอะไรได้อย่างไรกัน”
เฒ่าบอดอ้าปากหาวและยื่นมือออกไปจิ้มที่หว่างคิ้วของเขา “ที นี้อย่ามาอ้างล่ะว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า”
“ท่านปู่บอดนี่มั่นใจเสียจริงนะ” ฉินมู่หรี่ตาลง และจิตฮึกหาญ ของเขาก็โหมกระพือ
เฒ่าบอดยันตัวลุกขึ้น ยืนด้วยไม้เท้า และยิ้มแฉ่งไปให้เขา “ไม่ มีปัญหา ไม่มีปัญหา”
ทันใดนั้น ฉินมู่ก็กระทืบเท้าอย่างหนักหน่วง และวงจรพยุหะอัน เพริศแพร้วพิสดารของการเคลื่อนย้ายระยะไกลก็ปรากฏรอบตัว เขา พวกมันจุดติดแสง และร่างของเขาหายวับโดยพลัน!
ทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล!
เขาเพิ่งจะหายตัวไป แต่พลันเฒ่าบอดก็แตะไม้เท้าไผ่ลงกับพื้น ฉินมู่พลันร่วงลงมาจากกลางอากาศ ในพริบตาที่เป็นเช่นนั้น พยุหะเคลื่อนย้ายระยะไกลอันพิสดารหรูหราก็หมุนติ้วรอบตัวเขา ให้เขาหายวับไปอีกหน
เฒ่าบอดโยนไม้เท้าไผ่ขึ้นไป มันเหมือนกับแท่งหยกแท่งหนึ่ง เมื่อมันแปรเปลี่ยนเป็นมังกรเขียวกลางอากาศ มันทิ่มไปในห้วงมิติ หลายครั้ง และทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลของฉินมู่ก็ถูก ขัดขวางซํ้าแล้วซํ้าอีก บีบให้เขาต้องเผยร่องรอยออกมาอย่างไม่
หยุดยั้ง
ร่างของฉินมู่กะพริบวูบวาบ เดี๋ยวปรากฏ เดี๋ยวหาย เมื่อเขาถูก ไล่ต้อนกลับเข้ามาในลานบ้าน ท้ายที่สุดเขาก็ถูกต้อนออกมาจาก ห้วงมิติด้วยไม้เท้าของเฒ่าบอด และร่วงกลับลงมาในเขตกําแพง
ไม่ทันที่เท้าของเขาจะแตะพื้น เสียงขลุ่ยก็ดังมา และมังกรไร้ เขาทั้งหลายก็ขยํ้าใส่เฒ่าบอด ในพริบตา เฒ่าบอดถูกมังกร เหล่านั้นพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา
เฒ่าบอดไม่ใส่ใจพวกมัน ไม้เท้าไผ่ของเขาพุ่งออกไป และจิ้ม เบาๆ ที่คอตำแหน่ง 7 นิ้วของพวกมัน ทําให้พวกมันอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ราวกับว่าตายไป
ยังมีมังกรไร้เขาอีก 2 ตัวที่พุ่งมากระหวัดพันขาของฉินมู่และ เขาพลันรู้สึกถึงพลังวัตรที่ไหลบ่าเข้ามา ฝ่ามือเขาฟาดตัดไปมา อย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
รอยฝังพยุหะเคลื่อนย้ายระยะไกลจํานวนนับไม่ถ้วนโถมท่วม ออกมาปรากฏระหว่างเขาและเฒ่าบอด ห้วงอวกาศระหว่างทั้งคู่ยืด ขยายออกไปอย่างเร็วจี๋ กะพริบวูบวาบไปด้วยอักษรรูนทุกสีสัน!
สีหน้าเฒ่าบอดแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขารีบวิ่งไล่ตาม ด้วยไม้เท้าไผ่ในมือ เขาจิ้มไปอย่างรัวเร็วและทําลายอักษรรูนตัว แล้วตัวเล่า แต่ทันใดนั้น พยุหะทั้งหลายในบริเวณรอบๆ พลันกวาด ซัดเข้ามาหาเฒ่าบอดซึ่งอยู่ใจกลางพวกมัน
เขาชะงักมือและปล่อยให้พยุหะเหล่านั้นท่วมท้นตัวเขา มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “มู่เอ๋อ เจ้าชนะแล้ว…”
ฟิ้ว
ลําแสงพุ่งวาบ และเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายส่งออกไปด้วยทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล
นอกด่านวารีลับ เฒ่าบอดเดินออกมาจากลําแสงและมอง กลับไปยังสถานที่นั้น เขานิ่งขรึมไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเผยยิ้มออกมา “เจ้าโตแล้ว”
