Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1042


ตอนที่ 1042 รัชทายาทหญิง

สามวันให้หลัง อวิ๋นซานป๋อถูกปลดเป็นสามัญชน ทั้งตระกูลถูกเนรเทศไปซีเป่ย นอกจากราชบุตรเขยใหญ่ หยางป๋อ ทุกคนล้วนถูกส่งไปซีเป่ย ถือว่าฝ่าบาททรงพระเมตตาต่อตระกูลหยางมากแล้ว มิเช่นนั้นอวิ๋นซานป๋อกับบุตรชายคนโตล้วนต้องโทษประหารตัดศีรษะ

อวิ๋นซานป๋อกับฮูหยินอวิ๋นซานคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ ได้แต่มองตาค้าง ตะโกนร่ำไห้ไม่ยอมออกจากเมืองหลวง พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดองค์หญิงสามจึงลงดาบที่พวกเขาก่อน

สุดท้ายสะใภ้ใหญ่โมโหเดือดดาลตวาดว่า “พวกเราโดนเช่นนี้ก็เพราะราชบุตรเขย หากไม่ใช่เขาไม่ให้ความเคารพองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสามเช่นนั้น ดาบนี้ก็คงไม่ลงที่ตระกูลหยางเราก่อน น้องรองทำร้ายพวกเราทั้งตระกูลแล้ว เขาเป็นคนทำร้ายพวกเรา”

อวิ๋นซานป๋อกับฮูหยินนิ่งอึ้ง จากนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ทั้งสองคนขอบตาแดงมองบุตรชายคนเล็กตนเอง

ราชบุตรเขยใหญ่นิ่งอึ้งไปทันที คิดถึงว่าองค์หญิงสามจัดการอนุภรรยาเขาแล้วยังทำเช่นนี้ ยามนี้สมองเขาอื้ออึงไปหมด จะมีอันใดไม่เข้าใจอีก มิผิด การที่องค์หญิงสามลงดาบตระกูลหยางเป็นอันดับแรกก็เพราะเขาก่อเรื่องขึ้นจริงๆ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะร้ายแรงเช่นนี้

ราชบุตรเขยใหญ่มองคนในตระกูลตนเองถูกคุมตัวออกจากเมืองหลวง ร่ำไห้เอ่ยว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะหาวิธี หาวิธีให้พวกท่านได้กลับเมืองหลวง”

แต่ไรมาอวิ๋นซานป๋อที่สมองช้ามาโดยตลอด ยามนี้พลันกระจ่างชัดขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เขาเรียกบุตรชายตนเองมากำชับว่า “ลูกพ่อ วันหน้าเจ้าต้องดูแลองค์หญิงใหญ่ให้ดี อย่าได้ล่วงเกินองค์หญิงสาม ท่านพ่อกับท่านแม่จะมีชีวิตรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หากเจ้าทำให้องค์หญิงใหญ่หรือองค์หญิงสามไม่พอใจ ไม่แน่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่อาจไร้ลมหายใจ”

อวิ๋นซานป๋อนับว่าพอเข้าใจแล้วว่าการที่ครั้งนี้พวกเขายังมีชีวิตรอด ประการแรก ราชวงศ์ยังคงเมตตาต่อพวกเขา ประการที่สอง ต้องการดูท่าทีราชบุตรเขยใหญ่ หากราชบุตรเขยทำให้องค์หญิงใหญ่ไม่พอใจ เกรงว่าพวกเขาก็คงไม่จำเป็นต้องมีลมหายใจต่อไปอีกแล้ว

ราชบุตรเขยใหญ่พอได้ฟังก็พลันเข้าใจ สีหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษขาว ในยามนี้เขาจึงได้เข้าใจถึงคำว่าบารมีแห่งราชนิกุลได้กระจ่าง พระเมตตาดังขุนเขา

เพียงแต่ราชบุตรเขยใหญ่ไม่เข้าใจ เห็นอยู่ว่าวังโส่วฝู่บอกว่าจะช่วยตระกูลหยาง เหตุใดจึงไม่ช่วย

ไม่เพียงแต่ตระกูลหยาง เจ้ากรมตรวจการเฉาติงเองก็ประสบกับการถูกคิดบัญชีเช่นกัน ยามนี้ในราชสำนักทุกคนทั้งบุ๋นและบู๊ต่างพากันหวาดหวั่น คนไม่น้อยนึกเสียใจภายหลังแล้ว ตนไม่ควรคัดค้านองค์หญิงสามขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้ใดจะคิดว่าองค์หญิงสามถึงกับโหดเหี้ยมเช่นนี้ แต่ที่ทุกคนไม่เข้าใจ เหตุใดวังโส่วฝู่ไม่ออกหน้าทัดทานมิให้องค์หญิงสามลงมือ

ตอนนี้ในใจพวกขุนนางที่ติดตามวังโส่วฝู่ก่อนหน้านี้ต่างหนาวจับใจ ค่อยๆ เอาใจออกหากจากวังโส่วฝู่

วังโส่วฝู่พลันแก่ชราลงไปมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดช่วย แต่เขาเองก็ถูกองค์หญิงสามบีบไว้ในกำมือเช่นกัน

วังโส่วฝู่ตกที่นั่งลำบากแล้ว ทันใดนั้นเขาก็คิดกระจ่างเรื่องหนึ่ง วังเจินเคยพบองค์หญิงสาม เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าวังเจินนำสมุดบัญชีนั่นไปให้นาง

วังโส่วฝู่โมโหมาก ให้คนไปตามวังเจินมาพบ วังเจินก็มิได้ปฏิเสธ วังโส่วฝู่แทบจะสังหารเขาทิ้ง แต่ก็รู้ว่าตนเองทำอันใดเขาไม่ได้

สุดท้ายวังโส่วฝู่ออกหัวคิดให้ขุนนางในราชสำนักยื่นฎีกาให้แต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิงแคว้นต้าโจว

ขุนนางในราชสำนักต่างยอมรับชะตากรรมนี้ได้แล้ว หากพวกเขายังไม่รู้ความไม่รับขอให้แต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิงอีก เกรงว่าวันหน้าคงประสบเคราะห์ร้ายตามๆ กัน แต่ขุนนางเฒ่าเหล่านี้ไม่น้อยก็ยังคงไม่ยอมเลิกราอย่างแท้จริง ในจำนวนนี้ยังมีคนคิดไปหาองค์ชายรองบอกเรื่องที่บรรดาขุนนางใหญ่คิดขอให้แต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิงแคว้นต้าโจว

องค์ชายรองพอได้ฟังก็ร้อนใจ จะแต่งตั้งน้องสามเป็นรัชทายาทหญิงได้อย่างไร เช่นนั้นเขามันตัวอันใด เขาจะต้องยับยั้งเรื่องนี้ให้ได้

แต่ก่อนหน้านี้เขาส่งคนไปลอบสังหารองค์หญิงสาม ยังถูกคนขององค์หญิงสามทำร้ายบาดเจ็บ ตอนนี้ข้างกายไร้ลูกน้องมีฝีมือ สุดท้ายองค์ชายรองก็คิดวางยาพิษองค์หญิงสามแทน

องค์หญิงสามเซียวหวงติดตามเรียนวิชาแพทย์จากฮูหยินโจวกั๋วมาแต่เล็ก แค่มองก็รู้อุบายกระจอกเหล่านี้ นางไม่เพียงแต่ไม่ถูกพิษ ยังสืบพบว่าเป็นฝีมือองค์ชายรอง จากนั้นก็นางสั่งให้คนนำองค์ชายรองเข้าวังและรับสั่งให้คนหักขาเขา

องค์ชายรองเจ็บปวดจนร้องตะโกนดังไม่หยุด รู้สึกว่านี่คือโอกาสของตนเอง สั่งให้คนแบกเขาไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ให้ทรงเห็นภาพน่าอนาถของเขา เขาร้องไห้ดังพร้อมกับฟ้องว่า “เสด็จพ่อ น้องสามใจร้ายมาก ไม่คู่ควรดำรงตำแหน่งรัชทายาทแคว้นต้าโจว นางไม่รักพี่น้อง จะเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวได้อย่างไร หากนางขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ พวกเราพี่น้องก็คงถูกนางสังหารสิ้น ขอเสด็จพ่อยกเลิกพระประสงค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเหวินอวี๋มองดูองค์ชายรองร้องไห้ขี้มูกโป่งคล้ายมองลิงตัวหนึ่ง คิดถึงว่านี่คือบุตรชายเขา เขารู้สึกว่านี่คือผลงานผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเขา แต่เขาก็ต้องยอมรับชะตากรรมนี้ คนเราเกิดมาจะเพียบพร้อมไปทุกสิ่งได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นองค์ชายรองก็คือจุดด่างพร้อยบนเส้นทางชีวิตของเขา

เซียวเหวินอวี๋คิดไปก็เอ่ยเยาะเสียดสีไปว่า “หากไร้สมอง ก็ควรอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเป็นองค์ชายไปดี ๆไยต้องทนรับทุกข์ทรมานขาหักเช่นวันนี้ ครั้งหน้าจะให้หักคอเจ้าทิ้ง”

หากเป็นดังคาดหมาย การที่องค์ชายรองออกมาก่อเรื่องย่อมต้องเป็นเพราะมีขุนนางที่ไม่อาจทำใจยอมรับได้คิดยืมมือองค์ชายรองกำจัดองค์หญิงสาม และคนโง่เง่าผู้นี้ก็หลงกล เป็นคนไม่รู้จักตนเองแท้จริง

เซียวเหวินอวี๋ไม่อยากมองหน้าองค์ชายรองอีก “วันหน้าไม่มีคำสั่งเรา ห้ามเข้าวัง หากให้เรารู้ว่าเจ้าสร้างเรื่องราวไร้ความจริงอีก เจ้าก็ไปอยู่สุสานหลวงกับเสด็จพี่เจ้า”

วาจานี้ทำเอาองค์ชายรองตกใจ พอคิดถึงสุสานหลวง เขาก็หนาวยะเยือกจับใจ สถานที่เช่นนั้นกินไม่ดี เสื้อผ้าสวมใส่ก็ไม่ดี แม้แต่สตรีก็ไม่มี เขาไม่อยากไป

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันรู้สำนึกผิดแล้ว วันหน้าไม่กล้าแล้ว”

แม้ว่าองค์ชายรองยังคงไม่ยินยอม แต่ก็ไม่กล้าเอาเรื่องอีก นับประสาอันใดกับเขาขาหัก คิดโวยวายเอาเรื่องต่อก็คงไม่ได้อันใดไปมากกว่านี้

เช่นนั้นตอนนี้ควรหลบมุมรอดูคลื่นลมดีกว่า บรรดาขุนนางได้แต่ยื่นฎีกาขอให้แต่งตั้งรัชทายาทหญิง

ครั้งนี้ฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับฎีกาขุนนางในราชสำนัก แต่งตั้งองค์หญิงสามเซียวหวงเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว

ราชโองการประกาศไปทั่วแคว้นต้าโจว ราษฎรแคว้นต้าโจวได้รู้เรื่องนี้ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันระยะหนึ่ง คนแก่หัวโบราณก็พูดกันว่าจะรวมตัวลงชื่อคัดค้านฝ่าบาท คนหนุ่มสาวก็ยอมรับได้เร็วกว่า หลายปีมานี้สถานะสตรีก็ดีขึ้นมาก คนไม่น้อยเริ่มยอมรับกันได้แล้ว

แต่พวกคนแก่หัวโบราณไม่ทันได้ร่วมลงชื่อ ในฐานะรัชทายาทหญิงองค์หญิงสามก็มีคำสั่งแรกหลังนางขึ้นสู่ตำแหน่ง ก็คือจัดตั้งสำนักสอบหงเหวินก่วน ขึ้นตรงต่อรัชทายาทหญิง สตรีที่มีความสามารถโดดเด่นในแผ่นแคว้นต้าโจวทุกคนต่างเดินทางไปร่วมสอบที่สำนักสอบหงเหวินก่วน สำนักนี้จะจัดตั้งเพียงห้าปี อีกห้าปีจากนี้สตรีที่คิดรับราชการ จะต้องร่วมสอบเคอจวี่ในท้องถิ่นและไล่ระดับขึ้นมาเช่นเดียวกับผู้ชาย

คำสั่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ขุนนางในราชสำนักตื่นตกใจ แม้แต่ในหมู่ราษฎรเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน แต่ขุนนางในราชสำนักคิดคัดค้าน ส่วนราษฎรกลับตื่นเต้นดีใจเพราะไม่ว่าชายหรือหญิง ขอเพียงเชิดหน้าชูตาให้วงศ์ตระกูล ก็คือผู้มีพระคุณแก่วงศ์ตระกูล พริบตาสถานะผู้หญิงก็สูงขึ้นมากกว่าเดิมทันที ตระกูลที่มีบุตรสาวก็คิดลองส่งบุตรสาวไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษา

“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่าองค์หญิงสามจัดตั้งสำนักสอบหงเหวินก่วนผิดต่อธรรมเนียมปฏิบัติ ขัดต่อกฎธรรมเนียมใต้หล้า กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทยกเลิกคำสั่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมเห็นด้วย”

“กระหม่อมเองก็เห็นด้วย”

แม้ว่าคนไม่น้อยกลัวรัชทายาทหญิง แต่พอคิดถึงว่าวันหน้าที่ต้องทำงานร่วมกับผู้หญิง คนเหล่านี้ก็ก้าวออกมาคัดค้านอย่างกลัวๆ กล้าๆ

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version