Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 469


ตอนที่ 469 มีความคิดอื่น

ลู่กุ้ยได้ฟังเถียนซื่อก็ร้อนใจทันที ยื่นมือไปคว้ามือลู่เจียว

“พี่เจียว พี่ช่วยข้านะ ข้าชอบพี่เฝิงจือ พี่ให้นางแต่งเป็นภรรยาข้านะ วันหน้าข้าจะดีกับนางให้มากๆ ข้ารับรองว่าจะไม่พูดจาไม่ดีพวกนั้นอีก”

ลู่เจียวมองไปยังลู่กุ้ย หลังปีใหม่เขาวางแผนเปิดร้านอาหารในอำเภอชิงเหอ ลู่กุ้ยนิสัยซื่อตรงเช่นนี้คงไม่อาจคุมกิจการร้านอาหารใหญ่โตได้ แต่หากมีเฝิงจืออยู่ด้วย ก็คงไม่มีปัญหาอันใด

ลู่เจียวคิดแล้วก็กล่าวว่า “ได้ ข้าจะช่วยเจ้าลองถามเฝิงจือ หากนางรับปาก ข้าก็จะให้นางแต่งกับเจ้า”

“ขอบคุณพี่เจียว พี่ดีที่สุดเลย”

ลู่เจียวค้อนใส่เขาอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “หากเฝิงจือยอมแต่งกับเจ้าจริง ก็ดีกับนางให้มาก กล่าวตามตรง ข้ายังรู้สึกว่าเจ้าไม่คู่ควรกับนาง แม้ว่านางเป็นสาวใช้ แต่กลับรักนวลสงวนตัวและรักศักดิ์ศรี เจ้าควรรู้ว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้านางได้มาได้อย่างไร หากนางมีความคิดละโมบสักหน่อย นางก็จะได้เป็นอนุของขุนนางแล้ว คงไม่มาเป็นเฝิงจืออยู่ในตอนนี้”

“นางยอมเป็นภรรยาในตระกูลเล็ก แต่ไม่ยอมเป็นอนุ และเพื่อไม่ให้ตกเป็นอนุขุนนาง ก็ทำลายใบหน้าตนเองอย่างไม่นึกเสียดาย นิสัยนางเช่นนี้ถือว่าแข็งกร้าวมาก ดังนั้นหากเจ้าคิดแต่งนางก็ต้องจริงใจต่อนาง วันหน้าอย่าได้มีความคิดที่ไม่ควรมี ทำให้นางเสียใจ”

ลู่เจียวกล่าวจบ เถียนซื่อก็พอจะรู้นิสัยเฝิงจือแล้ว นางหันไปมองลู่กุ้ยกล่าวว่า “หากเจ้าได้แต่งกับนางจริง วันหน้าอย่าได้นอกใจ ต้องรักเดียวใจเดียวต่อนาง รู้ไหม”

ลู่กุ้ยยิ้มกว้างกล่าวว่า “ท่านแม่ พี่เจียว พวกท่านวางใจ หากข้าได้แต่กับเฝิงจือ วันหน้าจะต้องดีต่อนาง นางให้ข้าหันตะวันออก ข้าย่อมไม่หันตะวันตก ข้าให้ข้าหันใต้ ข้าย่อมไม่หันเหนือ”

กิริยาท่าทางเฝิงจือ ลู่กุ้ยล้วนเห็นมาด้วยตา เขาเลื่อมใสนางมาก รู้สึกว่านางเป็นคนมีความสามารถมาก ดังนั้นในใจจึงเกิดความเลื่อมใสชื่นชม

ลู่เจียวเห็นเขาพูดจาจริงจังก็ตัดสินใจจะลองช่วยเขา

แต่นางพลันคิดได้เรื่องหนึ่ง เฝิงจือเป็นหัวหน้าสาวใช้นาง หากนางแต่งกับน้องชายนาง นางก็ต้องหาคนมาอบรมใหม่

ลู่เจียวคิดแล้วก็ปวดหัว เหตุใดลู่กุ้ยต้องมาต้องตาต้องใจเฝิงจือด้วย

ลู่กุ้ยมองสีหน้าอมทุกข์ลู่เจียวก็ถามอย่างห่วงใยว่า “พี่เจียวเป็นอันใดไปหรือ”

ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าปวดหัว เจ้าควรรู้ว่าเฝิงจือเป็นหัวหน้าสาวใช้ข้า ข้าอบรมสั่งสอนนางมาตั้งนาน หวังว่าวันหน้านางจะจัดการการงานแทนข้า เจ้ากลับเอ่ยทีเดียวก็ขอนางไป ข้าจะต้องไปอบรมคนอื่นมาแทนอีก”

ลู่กุ้ยรีบทุบไหล่อ้อนเอาใจลู่เจียว “พี่เจียว พี่เป็นพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก ดีๆๆๆ ที่สุด”

ท่าทางเซ่อซ่าของเขาทำเอาสองแม่ลูกในห้องหัวเราะขำ

ในห้องครัวทางตะวันออก สะใภ้รองกำลังคุยกับสะใภ้ใหญ่

“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าบอกท่านเรื่องหนึ่ง”

สะใภ้ใหญ่หั่นผักไปก็ถามไปว่า “เรื่องอันใดหรือ”

สองสะใภ้นี้เมื่อก่อนไม่ค่อยถูกกันเท่าไร ยามต้องมีเรื่องเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ ย่อมต้องมีความคิดเล็กคิดน้อยของตนเอง แต่ตอนนี้สองครอบครัวแยกผลประโยชน์กันแล้ว ดังนั้นความสัมพันธ์จึงดีกว่าเมื่อก่อน

สะใภ้รองถามสะใภ้ใหญ่ทันทีว่า “ข้าอยากให้เถาจื่อเป็นสะใภ้น้องเจียว”

สะใภ้ใหญ่หันหน้าไปจ้องมองสะใภ้รองอย่างตกใจ “ไม่ดีกระมัง”

สะใภ้รองกลับไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมีอันใดไม่ดี

“ไม่ดีอย่างไร เรื่องกระชับความสัมพันธ์เครือญาติให้แน่นแฟ้น ท่านแม่ย่อมต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้”

สะใภ้รองลู่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ทำได้ สีหน้าก็ราวกับกำลังครุ่นคิด “แต่หมั้นหมายกับต้าเป่าน่าจะไม่ได้ วันหน้าน้องเขยสอบจิ้นซื่อได้ สะใภ้บุตรชายคนโตย่อมเป็นหน้าเป็นตารองจากน้องสะใภ้ เถาจื่อข้าย่อมไม่ได้”

“เอ้อร์เป่าหมั้นหมายแล้ว ก็ไม่ได้ งั้นซานเป่าก็แล้วกัน ข้ารู้สึกว่าซานเป่าก็ไม่เลว นิสัยดี ไม่เย็นชาเหมือนต้าเป่า ไม่ดุร้ายเหมือนเอ้อร์เป่า นิสัยซานเป่าอ่อนโยน ทำอะไรก็นุ่มนวล คนเช่นนี้เหมาะกับเถาจื่อบ้านเราพอดี”

สะใภ้ใหญ่มองสีหน้าได้ใจของสะใภ้รอง ไม่รู้ว่าควรกล่าวอันใดดี

น้องสามีนางย่อมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

แม้ว่านางเกรงใจพวกนางมาก แต่สะใภ้ใหญ่ก็รู้สึกได้ว่า น้องสามีผู้นี้คงไม่เห็นด้วยกับเรื่องเช่นนี้

ส่วนคู่หมายเอ้อร์เป่า เอ้อร์เป่าพูดอยู่ตลอดไม่ใช่หรือว่านั่นไม่ใช่คู่หมายเขา

สะใภ้ใหญ่ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยกับสะใภ้รองเบาๆ ว่า “น้องสะใภ้ ข้ารู้สึกว่าเจ้าอย่าเอ่ยเรื่องนี้ดีกว่า”

สะใภ้รองถูกคนมาขัดขวางฝันหวาน ก็เงยหน้ามองสะใภ้ใหญ่อย่างไม่พอใจ “ทำไมไม่ได้”

“น้องเจียวคงไม่รับปาก เจ้าเอ่ยออกไปรังแต่จะทำให้นางไม่พอใจ ทำลายความรู้สึกดีๆ ระหว่างกัน”

สะใภ้รองมีสีหน้าไม่เห็นด้วย “เจ้าคิดมากไปแล้ว เรื่องดีๆ เช่นนี้ น้องเจียวจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร เถาจื่อเราหน้าตาก็ไม่เลว เหมาะกับซานเป่าพอดี ทำไมจะไม่เห็นด้วย เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องเจียวชอบเถาจื่อมาก”

“หลานสาวกับสะใภ้ไม่เหมือนกัน ข้ารู้สึกว่าเจ้าอย่าเอ่ยเรื่องนี้ดีกว่า ตอนนี้พวกเราปรองดองกันดีมาก หากเจ้าเอ่ยออกมาแล้วน้องเจียวไม่พอใจ ก็จะทำลายความรู้สึกระหว่างกันของเราเสียเปล่า”

สะใภ้รองลุกขึ้นทันอย่างโมโหจัด ถลึงตาใส่สะใภ้ใหญ่

“พี่สะใภ้ พี่อิจฉาที่บ้านเรามีเถาจื่อ บ้านท่านไม่มีบุตรสาว ควรรู้ว่าเถาจื่อก็เป็นหลานสาวพี่ หากนางไปได้ดี พี่ก็เป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายสะใภ้ ก็จะพลอยมีหน้ามีตา วันหน้าเถาจื่อได้ดิบได้ดี หากพี่มีบุตรสาวบ้างย่อมช่วยหาคนดีๆ มาเกี่ยวดองให้ได้ ไม่ใช่หรือ”

สะใภ้ใหญ่มองสะใภ้รองอย่างรู้สึกปวดหัว นี่พูดไปถึงไหนกัน

สะใภ้ใหญ่ไม่รู้ว่าควรกล่าวเช่นไรดี ได้แต่พึมพำว่า “เอาละ ข้าไม่พูดแล้วก็ได้”

สะใภ้รองยังคงไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไป “พี่สะใภ้ พี่คอยดูนะ เรื่องนี้รับรองต้องสำเร็จ น้องเจียวชอบเถาจื่อมาก เถาจื่อเป็นสะใภ้นางเป็นเรื่องดีเพียงใด หลานสาวมีภาษีกว่าหญิงอื่น”

สะใภ้รองลู่ได้แต่แค่นเสียงในลำคอก่อนจะเริ่มเด็ดผัก

ลู่เจียวไม่รู้แผนพี่สะใภ้รองลู่ แต่ตอนเที่ยงกินข้าวก็รู้สึกว่าพี่สะใภ้รองลู่กระตือรือร้นมากเกินไปสักหน่อย และเอาแต่คะยั้นคะยอให้เถาจื่อมาคุยกับนาง และในบรรดาแฝดสี่ก็ยังดีกับซานเป่ามากเป็นพิเศษ ดึงซานเป่าไปเอ่ยชมยกใหญ่

ลู่เจียวมีสีหน้าประหลาดใจ สุดท้ายก็ยังคงคิดไม่ตก ได้แต่ขี้เกียจจะคิดต่อแล้ว

หลังอาหารกลางวัน บ้านตระกูลลู่ก็ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปพักผ่อน เถียนซื่อพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับจ้าวอวี้หลัวไปคุยด้วย

ต้าเป่าถือโอกาสเล่าเรื่องท่านพ่อดีกับท่านแม่ให้เถียนซื่อฟัง จ้าวอวี้หลัวไม่ค่อยเข้าใจพวกเขาคุยอันใดกัน แต่ก็ไม่เกี่ยวกับนาง ทุกคนคุยกันเบิกบานใจอย่างมาก

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับจ้าวอวี้หลัวเล่นกันสนุกสนานตลอดทั้งเช้า รู้สึกเหนื่อยแล้ว คุยได้พักหนึ่งก็หลับไป

เถียนซื่อเฝ้าพวกเขา ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

นอกประตู สะใภ้ใหญ่ค่อยๆ ย่องเข้ามาอย่างเบาที่สุด กระซิบเถียนซื่อเรื่องที่สะใภ้รองคิด

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version