Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 471


ตอนที่ 471 ควรรู้จักรับเกียรติที่มอบให้

วันที่หก เดือนหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเก็บของกลับอำเภอ ปีนี้เป็นปีที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าสอบเซียงซื่อ

ลู่เจียวตัดสินใจว่าพอกลับถึงอำเภอ จะไม่ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นมายุ่งเรื่องอื่น ให้ทุ่มเทกับการเตรียมสอบให้เต็มที่ เพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจี่ยหยวนประจำเมืองหนิงโจวมาครองให้ได้

ตอนนี้นางตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ย่อมต้องสนับสนุนสามีตนเข้าสอบเคอจวี่

“กลับถึงอำเภอครั้งนี้ เจ้าอย่าได้มายุ่งกับเรื่องทางบ้าน ตั้งใจทบทวนตำราเข้าสอบเซียงซื่อเดือนแปดให้ดี”

“ได้ ข้าฟังเจียวเจียวทุกอย่าง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับปากขันแข็ง ทั้งสองคนคุยไปเก็บของไป ส่วนของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ลู่เจียวให้พวกเขาเก็บกันเอง

ผ่านปีใหม่นี้ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ห้าขวบแล้ว เพราะครึ่งปีมานี้เลี้ยงดูได้ดี ไม่เพียงแต่ตัวสูง แต่ยังขาวอวบอิ่มไม่น้อย

ลู่เจียวตัดสินใจว่าจากนี้ไปจะอบรมพวกเขาให้รู้จักดูแลตนเอง ไม่ว่าเรื่องใดก็จะให้พวกเขาทำเอง หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบเป็นจิ้นซื่อได้จริง ตามหลักการแล้วเขาก็จะต้องเข้าไปทำงานที่สำนักศึกษาฮั่นหลินย่วน ถึงตอนนั้นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ต้องไปเรียนหนังสือที่เมืองหลวง ดังนั้นตอนนี้ก็ควรเริ่มสอนให้รู้จักยืนหยัดด้วยตนเองจึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เชื่อฟังมาก ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็รีบไปเก็บของเองอย่างขยันขันแข็ง

พอเก็บของเสร็จ ทุกคนก็ยกของขึ้นรถม้า

นอกลานบ้านตระกูลเซี่ยมีคนมากันมากมาย นอกจากเซี่ยเหล่าเกินทั้งครอบครัวแล้ว ยังมีคนในหมู่บ้าน ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่ แม้แต่พวกเด็กๆ ก็วิ่งมาส่งกัน แต่ละคนล้วนอำลาแฝดสี่อย่างอาลัยอาวรณ์

“ต้าเป่า เจ้าไปอำเภอครั้งนี้ก็ต้องรอปีใหม่จึงจะได้กลับมาอีกใช่หรือไม่”

“เอ้อร์เป่า ก่อนหน้านี้เจ้าสอนเพลงมวยชุดนั้นให้ข้า ข้าจะตั้งใจฝึก ไว้ข้าฝึกได้ดีแล้วก็จะไปหาเจ้าที่อำเภอ”

“ซานเป่า ข้าจะตั้งใจเรียนอักษรที่เจ้าสอน”

“ซื่อเป่า ครั้งหน้ากลับมา พวกเราขึ้นเขาไปจับไก่ป่ากันอีกนะ”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่โบกมือให้เพื่อนๆ ไม่หยุด ในใจก็รู้สึกเศร้าไม่น้อย

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอำลาเซี่ยเหล่าเกินและผู้อาวุโสในหมู่บ้าน ลู่เจียวกล่าวอำลากับคนในหมู่บ้านพร้อมกับพูดคุยกับพี่สะใภ้รอง

“พี่สะใภ้รอง หากพี่ว่างก็พาชิงชิงกับเสี่ยวเหอไปเที่ยวอำเภอ เด็กสาวควรต้องเปิดประสบการณ์มากอีกสักหน่อย”

ชิงชิงกับเสี่ยวเหอเป็นชื่อของเซี่ยต้ายากับเซี่ยเอ้อร์ยา พี่สะใภ้รองขอให้ลู่เจียวตั้งชื่อให้ ลู่เจียวคิดว่าคนในหมู่บ้านล้วนไม่รู้หนังสือ จึงตั้งชื่อให้เซี่ยต้ายากับเซี่ยเอ้อร์ยาไม่ยากมากนัก

พี่สะใภ้รองดีใจอย่างมาก นางชอบชื่อนี้อย่างที่สุด เพราะนางฟังเข้าใจ

พี่สะใภ้รองไม่ทันได้พูดอันใด ชิงชิงกับเสี่ยวเหอก็เงยหน้ามองท่านแม่ตนเอง “ท่านแม่ ข้าอยากไปบ้านท่านอาสาม”

พวกนางจะได้ไปเรียนหนังสือกับน้องชายทั้งสี่

พี่สะใภ้รองเห็นแววตาวาดหวังของบุตรสาวก็พยักหน้ารับปาก “ได้ หลังปีใหม่นี้แม่จะพาพวกเจ้าไปเที่ยวบ้านท่านอาสะใภ้สาม”

ลู่เจียวกล่าวว่า “ถึงตอนนั้นก็ให้ชิงชิงกับเสี่ยวเหออยู่บ้านข้าระยะหนึ่ง ให้พวกนางเรียนหนังสือให้ดี”

“ท่านแม่ ข้าจะอยู่เรียนหนังสือที่บ้านท่านอาสะใภ้สาม”

“ได้”

พี่สะใภ้รองรับปากบุตรสาว ทั้งสองคนเดินไปพูดไปจนถึงรถม้า

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกับพวกเซี่ยเหล่าเกินจบแล้ว เขาดึงเซี่ยเอ้อร์จู้มาฝากฝังว่า “พี่รอง รบกวนท่านดูแลบ้านด้วย”

เซี่ยเอ้อร์จู้ยิ้มกล่าวว่า “น้องสาม เจ้ากล่าวอันใดกัน เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พี่รองจัดการให้ทุกเรื่อง”

ตอนนี้เซี่ยเอ้อร์จู้คิดตกแล้ว น้องสามยังคงเป็นน้องสามเขา ไม่ว่าเขาเป็นลูกหลานตระกูลใด เขาก็คือน้องสาม ไม่ส่งผลกระทบต่อความผูกพันพี่น้องแม้แต่น้อย

ครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นขึ้นรถม้าออกจากหมู่บ้าน

คนในหมู่บ้านพากันเดินตามมาส่งรถม้าถึงปากทางหมู่บ้านทางทิศตะวันตก เซี่ยฟู่กุ้ยกล่าวกับจู๋จ่างว่า “ครั้งนี้ไปแล้วกลับมาอีกครั้งก็คงมีข่าวดีแล้ว”

เซี่ยฟู่กุ้ยกับจู๋จ่างหันไปมองเซี่ยเหล่าเกิน กล่าวแสดงความยินดีว่า “เหล่าเกินเอ๊ย เจ้าช่างมีวาสนาดี หากไม่เหนือความคาดหมาย ปีนี้อวิ๋นจิ่นก็คงมีข่าวดีส่งกลับมา ถึงตอนนั้นเจ้าก็เป็นบิดาจวี่เหรินแล้ว ไม่สิ วันหน้ายังจะเป็นบิดาขุนนางอีก”

เซี่ยเหล่าเกินยิ้มขื่นในใจรู้สึกอัดอั้นไม่น้อย ไม่รู้เหตุใดบุตรชายคนดีกลายเป็นบุตรชายบ้านอื่นไปได้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเพิ่งถึงบ้าน ของยังไม่ได้เก็บเรียบร้อย ลู่กุ้ยก็ตามกลับมา

ลู่เจียวสีหน้าไร้วาจาจะกล่าว มองเขากล่าวว่า “บอกแล้วว่าให้เจ้าอยู่บ้านเป็นเพื่อนท่านพ่อท่านแม่ก่อนไม่ใช่หรือ”

ลู่กุ้ยลูบท้ายทอยท่าทีเขินอาย กระซิบกระซาบว่า “พี่เจียว พี่อย่าลืมเรื่องที่จะช่วยข้าถามนะ”

เขากล่าวจบก็เงยหน้ามองไปยังเฝิงจือที่กำลังช่วยลู่เจียวเก็บของ

ลู่เจียวเข้าใจทันที เจ้าหมอนี่คิดถึงแต่เฝิงจือ ดังนั้นแม้แต่บิดามารดาก็ไม่เอาแล้ว รีบกลับมาหาภรรยาตน

ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว โบกมือบอกให้เขารีบไสหัวออกไป

ลู่กุ้ยไปแล้ว ลู่เจียวก็เรียกเฝิงจือมานั่ง

“เฝิงจือ เจ้าปีนี้น่าจะยี่สิบแล้วกระมัง”

ลู่กุ้ยสิบเก้า นางโตกว่าลู่กุ้ยหนึ่งปี ความจริงอายุก็กำลังพอดี

เฝิงจือมองท่าทางลู่เจียวแล้วก็แปลกใจ เริ่มรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา “เหนียงจื่อข้าอายุยี่สิบแล้วจริงๆ”

ลู่เจียวเห็นนางเคร่งเครียดก็ยิ้มกล่าวว่า “ข้าเอ่ยทักไปอย่างนั้น เจ้าอย่าได้เคร่งเครียดไป”

เฝิงจือมองท่าทางนางก็ยิ่งเครียด

“เหนียงจื่อ ท่านคิดพูดอันใดกับบ่าวหรือ ท่านมีอะไรก็กล่าวออกมาตรงๆ บ่าวรับฟังอยู่”

ลู่เจียวมองเฝิงจือ กล่าวตามตรง เฝิงจือหน้าตาดีมากจริงๆ คิ้วงามวงหน้าอ่อนโยน ร่างกายอรชรสูงได้ที ประเด็นคือกิริยามารยาทนางยังมีความอ่อนละมุนดึงดูดผู้ชายให้อยากสยบนาง มิน่าเจ้าบ้านนาลู่กุ้ยจึงได้ถูกตาต้องใจนาง

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเฝิงจือยินยอมแต่งกับลู่กุ้ยเป็นน้องสะใภ้นางหรือไม่

ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ถามว่า “เฝิงจือ ข้าอยากถามเจ้าหน่อย เจ้ามีแผนจะออกเรือนหรือไม่”

พอลู่เจียวกล่าว เฝิงจือก็ลุกขึ้นยืนทันที “เหนียงจื่อหมายความเช่นไร”

คงไม่ได้รังเกียจนางใช่ไหม นางทำอันใดไม่ดีหรือ จึงไม่ต้องการนางแล้ว

ลู่เจียวเองก็ไม่อ้อมค้อมกับนางต่ออีก กล่าวออกไปตรงๆ ทันทีว่า “น้องชายข้าลู่กุ้ย เขาต้องตาต้องใจเจ้า คิดแต่งเจ้าเป็นน้องสะใภ้ข้า ข้าก็อยากถามเจ้าหน่อยว่าคิดเห็นเช่นไร”

เฝิงจืออึ้งไปทันที แต่ไรนางไม่เคยคิดเลยว่าลู่กุ้ยคิดจะแต่งกับนาง กล่าวตามตรง นางเห็นลู่กุ้ยเป็นเจ้านายมาตลอด แม้ว่าเขาเป็นพ่อบ้านเรือนนอก แต่เขาก็เป็นน้องชายเหนียงจื่อ เป็นเจ้านาย ตอนนี้คนผู้นี้กลับคิดจะแต่งกับนาง นางไม่เคยคิดแม้สักนิด

ลู่เจียวเห็นเฝิงจือเงียบงัน ก็กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ในใจเจ้ามีความคิดอันใดหรือไม่”

หลังจากเฝิงจือตกตะลึงไปเรียบร้อยก็เงยหน้ามองลู่เจียว “หากเหนียงจื่อให้ข้าแต่ง ข้าก็แต่ง”

เหนียงจื่อให้นางแต่ง นางไม่แต่ง เห็นชัดว่าไม่รู้จักรับเกียรติที่ผู้อื่นมอบให้

ลู่เจียวรีบยกมือห้ามนาง “อย่า เจ้าคิดแต่งก็แต่ง ไม่คิดแต่งก็ไม่ต้องแต่ง แม้ข้าเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่คิดบังคับคนให้แต่งงาน ชีวิตเป็นของพวกเจ้าสองคน ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้เจ้าสองคนยินยอมพร้อมใจ”

ลู่เจียวกล่าวจบก็พอจะเข้าใจความหมายเฝิงจือ นางไม่คิดแต่ง

“ลองกล่าวถึงความคิดเจ้าให้ข้าฟังสักหน่อย”

เฝิงจืออายุไม่น้อยแล้ว หากแต่งกับลู่กุ้ยก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของนาง หลังแต่งงานก็จะได้เป็นนายหญิงร้านอาหารทันที

“ลู่กุ้ยกลับมาครั้งนี้ก็จะไม่ได้อยู่ตระกูลเซี่ยต่อ ข้าจะร่วมมือกับเขาเปิดร้านอาหาร หากเจ้ามีใจคิดแต่งกับลู่กุ้ย ก็ไปทำกิจการร้านอาหารกับเขาได้ แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็ไม่บังคับเจ้า แต่เจ้าต้องบอกความคิดเจ้าให้ข้ารู้”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version