ตอนที่ 664 จิตใจโหดเหี้ยม
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นฉายแววเย็นเยียบ เม้มมุมปากเล็กน้อย หากเกี่ยวพันถึงอ๋องจิ้น ฝ่าบาทจะยังคงลงโทษอ๋องจิ้นหรือไม่
แต่เขาไม่ได้เอ่ยอันใด
ในเรือนบุปผา ฉีเหล่ยเดินมาถึงข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่น ลงนั่งมองเขากล่าวว่า “ครั้งก่อนครอบครัวพวกท่านไยจึงไปกันอย่างเร่งรีบเช่นนั้น ไม่บอกสักคำก็จากไป ข้าจึงไม่ทันได้ตามพวกท่านไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าฉีเหล่ยพูดถึงเรื่องครั้งก่อนที่ลู่เจียวไปจากเมืองหลวง
เขาไม่อยากเอ่ยเรื่องนี้กับอีกฝ่าย ได้แต่ทำสีหน้านิ่งกล่าวว่า “อาจารย์เจ้า นางคิดถึงบ้าน พวกเราก็เลยออกจากเมืองหลวงไปเร็วหน่อย”
ฉีเหล่ยรู้สึกว่าวาจานี้แปลกอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก ตอนนี้ที่เขาเป็นห่วงก็คือพิษของอ๋องเยียน หากถอนพิษอ๋องเยียนไม่ได้ พวกเขาก็คงประสบเคราะห์ร้ายกันหมด
ฉีเหล่ยอธิษฐานในใจทันที ขอให้อาจารย์ตนตรวจสอบพิษท่านอ๋องพบ และดีที่สุดก็ปรุงยาถอนพิษได้ด้วย
ลู่เจียวตรวจสอบมาทั้งคืน จนตรวจพบว่าอ๋องจิ้นถูกพิษอันใด
“ผงเจ็ดพิษ ก็คือเติมพิษอีกสองชนิดไปในผงห้าพิษ ยาพิษยังไม่กำเริบก็พอยังทนได้ แต่ทันทีที่กำเริบ เลือดเนื้อในร่างกายก็จะเน่าเฟะอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นกองโลหิตเหลว”
ลู่เจียวกล่าวจบ ทุกคนในห้องต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน พระชายาอ๋องเยียนทนรับไม่ไหวถึงกับหมดสติไปทันที
หมอหลวงฉีร้อนใจมองไปยังลู่เจียว “ฮูหยินเซี่ย เจ้ามีวิธีถอนพิษหรือไม่”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย “วิธีถอนพิษก็มี แต่ต้องปรุงยา เกรงว่ายากอยู่สักหน่อย”
นางกล่าวจบหันไปมองอ๋องเยียนบนเตียง “แม้ว่าท่านอ๋องกินยาถอนพิษข้าลงไปแล้ว แต่รักษาสภาพไว้ได้เพียงแค่สามวัน ในสามวันนี้ต้องหาสมุนไพรมาให้ครบ ปรุงยาถอนพิษออกมา ไม่เช่นนั้นโลหิตและเนื้อหนังท่านอ๋องก็จะเริ่มเน่า เพียงวันเดียวก็จะกลายเป็นกองโลหิตเหลว”
พระชายาอ๋องเยียนเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา พอได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ส่งเสียงร้องก่อนจะสลบไปอีกครั้ง
โชคดียามนี้ในห้องมีเพียงพระชายาอ๋องเยียนเพียงคนเดียว บรรดาอนุถอยออกไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นยามนี้ก็คงตกใจสลบลงไปกองกันหมด
ในห้องหมอหลวงฉีรีบกล่าวว่า “รบกวนฮูหยินเซี่ยช่วยเขียนรายชื่อสมุนไพรถอนพิษให้ข้า ข้ารับหน้าที่ไปรวบรวมเอง”
ลู่เจียวพยักหน้า เตือนหมอหลวงฉีว่า “ตอนท่านรวบรวมมา จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียดสักหน่อย ระวังอย่าให้ผู้ใดลงมือในสมุนไพรได้ หากลงมือในสมุนไพร หนึ่ง จะยิ่งเร่งความตายของท่านอ๋อง สอง พวกเราไม่มีเวลาเก็บสมุนไพรถอนพิษเหล่านี้รอบสอง”
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
หมอหลวงฉีรีบพยักหน้า เรื่องนี้เขาทำได้ เขาต้องไปรวบรวมสมุนไพรพวกนี้มาด้วยตนเอง ต้องไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาด
ลู่เจียวเห็นเขาท่าทางระมัดระวัง ก็หันหลังเข้าห้องไปเขียนรายการสมุนไพรถอนพิษ
หมอหลวงฉีกับฉีเหล่ยสองพ่อลูกรับหน้าที่ไปรวบรวมสมุนไพร
ในห้องพระชายาอ๋องเยียนฟื้นมาอีกครั้ง นางหันไปมองอ๋องเยียนบนเตียง คิดถึงว่าอ๋องเยียนอาจจะกลายเป็นกองโลหิตเหลว
น้ำตานางไหลพรั่งพรูลงมาไม่หยุด
ลู่เจียวมองท่าทางนาง ในใจก็แอบทอดถอนใจ ยามนี้อย่างไรพระชายาอ๋องเยียนก็มีความรักผูกพันกับอ๋องเยียนในฐานะสามีภรรยา แต่รอให้อ๋องเยียนขึ้นบัลลังก์ สามีภรรยาคู่นี้ก็จะเหินห่าง ในฐานะฮองเฮาของพระชายาอ๋องเยียน ตอนนั้นต้องคิดหาทางเพื่อบุตรชายตน และสุดท้ายคนที่ขึ้นบัลลังก์ก็คือบุตรชายของนาง ผู้ใดให้บุตรชายนางเป็นพระเอกเล่า
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองพระชายาอ๋องเยียน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋องจะยังไม่เป็นอันใดในระยะเวลานี้ พระชายาคอยเฝ้าท่านอ๋องไว้ก็พอ พวกเราขอตัวออกไปก่อน”
พระชายาอ๋องเยียนขอบตาแดงพยักหน้า นางรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเร่งเดินทางมา เหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ดังนั้นนางไม่อาจบอกให้ทั้งสองคนอยู่เฝ้าท่านอ๋อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินออกไป ทั้งสองคนกลับไปเรือนรับรองแขกพักผ่อน
ตลอดทางมา ลู่เจียวกินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ เหนื่อยแทบขาดใจจริงๆ พอกลับถึงห้อง ล้างหน้าล้างตาบ้วนปากง่ายๆ แล้วก็เข้านอนหลับไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางเช่นนี้ ในใจก็สงสารจับใจ แต่ก็รู้ว่าทำอันใดไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาเพิ่งจะตื่นนอนก็ได้ยินเสียงรายงานร้อนใจของหร่วนไคด้านนอก “ใต้เท้า ฮูหยิน ฝ่าบาทเสด็จ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอได้ฟัง ก็รีบลุกขึ้น
ฮ่องเต้เสด็จ พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวได้อย่างไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็นำลูกน้องรีบมายังเรือนพักอ๋องเยียน
พอพวกเขาเดินมาถึงลานด้านนอก ก็ถูกคนเข้าขวางไว้ “ใต้เท้าเซี่ย ท่านมาจวนอ๋องเยียนได้อย่างไร”
เมื่อคืนลู่เจียวแต่งกายเป็นชาย วันนี้กลับไม่ได้แต่งกายเป็นชายอีก รูปลักษณ์กับคืนเช่นเดิม
แต่องครักษ์ที่เฝ้าเรือนจำเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นประสานมือกล่าวกับองครักษ์เฝ้าประตูด้วยท่าทางไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยว่า “พวกเรารีบมาจากเมืองหนิงโจวเพื่อถอนพิษให้ท่านอ๋อง”
องครักษ์เฝ้าประตูได้ยินคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็หันหลังเข้าไปรายงาน ไม่นานก็เชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเข้าไป
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเข้าไปได้ แต่โจวเส้ากง หร่วนไคและถงอี้กลับเข้าไปไม่ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ให้พวกเขาเฝ้าอยู่ด้านนอก เขาประคองลู่เจียวเดินเข้าไปในเรือน ในเรือนมีองครักษ์ยืนอยู่ในระยะสามก้าวห้าก้าวเต็มไปหมด คนพวกนั้นเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ก็ไม่ได้มีสีหน้าอันใด ยังคงยืนตัวตรงนิ่ง แววตาไม่เหลียวมองไปทางใด จากมุมมองนี้เห็นได้ว่าองครักษ์ข้างพระวรกายฮ่องเต้เหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเพิ่งจะเดินถึงห้องนอนอ๋องเยียนที่อยู่ไม่ไกลนัก ก็เห็นขันทีผู้หนึ่งยืนอยู่บนขั้นบันได เขารีบเข้ามารับ ขันทีผู้นั้นแม้ว่าอายุมากแล้ว แต่ใบหน้าขาวไร้หนาวเครา สีหน้าสงบเสงี่ยม พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมา ก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เซี่ยถงจือ ฮูหยินเซี่ย พวกท่านมาแล้ว ฝ่าบาทให้เข้าเฝ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคารวะกงกง ท่านนี้ก็คือฝูไท่กงกงที่รับใช้ข้างพระวรกายฝ่าบาท
“รบกวนฝูกงกงแล้ว”
สองคนเดินตามหลังฝูกงกงเข้าไป
ในห้องยามนี้มีคนยืนอยู่ไม่น้อย นอกจากฮ่องเต้ ยังมีขุนนางคนสำคัญในราชสำนักอยู่ด้วยหลายคน
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่มีเวลามามองประเมินขุนนางคนสำคัญเหล่านี้ เข้าไปถวายบังคมฮ่องเต้ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”
ลู่เจียวเองก็ก้มกายลงถวายบังคมตามเขา
ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์อย่างรู้สึกรำคาญพระทัย ให้พวกเขาลุกขึ้น จากนั้นก็ตรัสถามลู่เจียว “เราได้ยินพระชายาอ๋องเยียนว่า เจ้าตรวจพบแล้วว่าอ๋องเยียนถูกพิษอันใด”
ลู่เจียวก้มหน้าลงทูลตอบอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันตรวจพบพิษที่อ๋องเยียนโดนแล้วจริงๆ เพคะ พิษที่ท่านอ๋องโดนน่าจะเป็นผงเจ็ดพิษ ผงเจ็ดพิษก็คือผงที่มาจากผงห้าพิษเดิม เติมพิษงูกับพิษดอกกินคนเข้าไปสองอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผงห้าพิษ ดังนั้นพิษนี้จึงรุนแรงมาก ทำให้เลือดเนื้อเน่าเฟะ”
ขุนนางหลายคนในห้องพอได้ยินคำพูดลู่เจียวก็พากันเย็นยะเยือกใจขึ้นพร้อมกัน
ผู้ใดโกรธแค้นท่านอ๋องเช่นนี้ สังหารก็สังหารไป ถึงกับทำเลือดเนื้อกลายเป็นกองโลหิตเหลว นี่เรียกว่าทำให้ตายไร้ร่างสมบูรณ์ คนบงการผู้นี้โหดเหี้ยมจริง
ขุนนางหลายคนคิดไปถึงว่าคนที่บงการเบื้องหลังคงไม่ใช่อ๋องจิ้นกระมัง