ตอนที่ 663 ตรวจพิษ
อ๋องจิ้นเป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่อาจทนรับเสียงวิพากษ์ หากขัดใจวาจาผู้ใด ก็จะมีบทลงโทษรุนแรง
หากคนเช่นนี้ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ย่อมเป็นหายนะของแคว้นต้าโจว
แต่หมอหลวงฉีคิดไม่ถึงว่า อ๋องจิ้นถึงกับต้องประสบเคราะห์ใหญ่เช่นนี้
หรือว่านี่คือลิขิตสวรรค์
ในห้องไท่ฝูกงกงได้ฟังหมอหลวงฉี ก็ขอบตาแดง จากนั้นก็เขาหันไปมองพระชายาอ๋องเยียนกล่าวว่า “พระชายาเตรียมตัวไว้ก่อนเป็นดี”
พระชายาอ๋องเยียนย่อมฟังวาจาฝูกงกงเข้าใจ น้ำตาก็ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
ฝูกงกงมองอ๋องเยียนบนเตียง หันหลังเดินออกไป เขาต้องกลับเข้าวังไปรายงาน
ครั้งนี้อ๋องเยียนถูกพิษ หมอหลวงในวังล้วนมาตรวจอาการกันทุกคน แต่ทุกคนตรวจไม่พบว่าอ๋องเยียนถูกพิษอันใด ดังนั้นฝ่าบาทยอมรับได้แล้วว่าอ๋องเยียนอาจจะรักษาไม่ได้และต้องจากไป เพียงแต่ฝ่าบาทยังคงปวดพระทัย ทรงกริ้วเดือดดาลแล้วก็สั่งให้กรมอาญากับศาลอาญาต้าหลี่ร่วมมือกันสืบความว่าผู้ใดวางยาพิษอ๋องเยียน
ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างหวาดกลัว เกรงว่าจะโดนคดีลอบสังหารอ๋องเยียนไปด้วย หากโดนคนหนึ่งก็จะพาทั้งครอบครัวเดือดร้อนถูกประหารไปด้วย
ฝูไท่กงกงเพิ่งจะออกจากจวนอ๋องเยียน บ่าวจวนตระกูลฉีก็รับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมาถึงจวนอ๋องเยียน
พระชายาอ๋องเยียนกับหมอหลวงฉีได้รับรายงาน แต่ละคนก็ดีใจส่งเสียงตะโกนดัง “เร็ว รีบเชิญเข้ามา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตามองครักษ์จวนอ๋องเข้ามาในห้องอ๋องเยียน
ยามนี้สีหน้าลู่เจียวไม่ค่อยดีนัก ครั้งนี้เข้าเมืองหลวง นางเมาเรือและเอาแต่อาเจียนมาตลอดทาง พอมาถึงเมืองหลวงก็ยังไม่ได้กินอันใด ตอนนี้ก็ผ่ายผอมลงไปมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแล้วก็ปวดใจมาก หากไม่ใช่ลู่เจียวยืนยัน เขาก็คิดจะสั่งให้คนหยุดพักแล้ว
โชคดีที่ทุกคนมาถึงเมืองหลวงราบรื่น ลูกในครรภ์ก็ปลอดภัย
พระชายาอ๋องเยียนเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ก็มองประเมินอย่างแปลกใจ สุดท้ายแน่ใจว่าคุณชายคนที่ตัวเตี้ยกว่าอาจเป็นลู่เจียว พระชายาอ๋องเยียนรีบถามว่า “เจ้าก็คือฮูหยินเซี่ย”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เงยหน้ามองประเมินพระชายาอ๋องเยียน พระชายาอ๋องเยียนรูปร่างสูงอรชร ใบหน้ายาว ดวงตาเรียวเล็ก รูปลักษณ์ภายนอกดูแล้วไม่นับว่างาม แต่เด่นที่สง่าราศี เพราะเป็นห่วงอ๋องเยียนถูกพิษ ยามนี้นางจึงดูอิดโรยอย่างมาก คล้ายแก่ชราขึ้นอีกสิบปี
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย
พระชายาอ๋องเยียนร้อนใจเอ่ยเร่งว่า “เช่นนั้นเจ้ารีบมาตรวจอาการท่านอ๋อง ดูว่าท่านอ๋องถูกพิษอันใด”
ลู่เจียวไม่ได้เป็นห่วงท่านอ๋องถูกพิษ แต่เป็นห่วงว่าจะถอนพิษอย่างไร นางแยกแยะพิษด้วยเครื่องมือแยกส่วนประกอบได้ แต่นางกลัวว่าจะหาสมุนไพรถอนพิษในกายท่านอ๋องได้ไม่ครบ
ในใจลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็เดินไปตรวจชีพจรให้อ๋องเยียน
ในห้อง หมอหลวงฉีกับฉีเหล่ยสองคนพากันโล่งอก ทั้งสองคนเดินมายืนหลังลู่เจียว
ลู่เจียวตรวจอ๋องเยียนอย่างละเอียด แน่ใจว่าอ๋องเยียนถูกพิษจริง
ลู่เจียวหันไปมองหมอหลวงฉี “ข้าต้องเอาโลหิตมาตรวจ ท่านมีมีดหรือไม่”
ฉีเหล่ยรีบไปหยิบมีดจากในล่วมยาในห้องพร้อมกับขวดใบหนึ่งออกมา
ลู่เจียวเริ่มกรีดโลหิตอ๋องเยียน นางกรีดโลหิตไม่เหมือนหมอหลวงฉี กรีดเพียงเล็กน้อยโลหิตก็ไหลออกมาครึ่งชามเต็มๆ
เพราะอุปกรณ์ตรวจสอบพิษ ต้องใช้โลหิตตรวจหลายรอบ ดังนั้นต้องเอาโลหิตไปมากหน่อย
ในห้อง พระชายาอ๋องเยียนมองสีหน้าท่านอ๋องยิ่งซีดขาวลงเรื่อยๆ ผิวขาวราวกับหิมะเหมันต์
พระชายาอ๋องเยียนอดเอ่ยอย่างกังวลไม่ได้ “ฮูหยินเซี่ย ท่านอ๋องจะไม่เป็นอันใดกระมัง”
ลู่เจียวหันไปมอง กล่าวว่า “พระชายาวางใจ ตอนนี้ยังไม่เป็นอันใด”
นางกล่าวจบ ก็ควักยาถอนพิษเม็ดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อส่งให้หมอหลวงฉี “นี่เป็นยาถอนพิษที่ข้าปรุงขึ้น ท่านให้ท่านอ๋องกินลงไปก่อน ท่านอ๋องจะไม่เป็นอันใดในระยะนี้”
พอลู่เจียวกล่าว หมอหลวงฉีก็รู้ว่ากินยาถอนพิษนี้ลงไป อย่างน้อยพรุ่งนี้ท่านอ๋องก็คงไม่ตาย
เขารับยาถอนพิษไปป้อนให้อ๋องเยียนด้วยอาการตื่นเต้น
พระชายาอ๋องเยียนดีใจมาก บรรดาพระชายารองในห้องก็ดีใจมาก แต่ละคนมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง
ลู่เจียวมองไปยังพระชายาอ๋องเยียนกล่าวว่า “รบกวนพระชายาหาห้องว่างให้ข้าสักห้อง ข้าจะตรวจโลหิตก่อน อย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้า อีกอย่างรบกวนพระชายาหาอะไรให้พวกเรากินกันสักหน่อย”
พอลู่เจียวกล่าว พระชายาอ๋องเยียนจึงได้สติ คนเขานั่งเรือรอนแรมมาถึงเมืองหลวง ไม่ทันได้กินข้าวดีๆ สักมื้อ
พระชายาอ๋องเยียนรีบจัดเรือนพักให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว เป็นเรือนพักแขกที่ไม่ห่างไกลจากเรือนท่านอ๋อง และยังจัดคนคอยดูแลปรนนิบัติ
ลู่เจียวเข้ามาในเรือนพักก็นำโลหิตอ๋องเยียนเข้าห้องไป เทโลหิตใส่ภาชนะ จากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์แยกแยะ
เพราะการวิเคราะห์แยกแยะไม่อาจทำได้สำเร็จในเวลาอันสั้น ลู่เจียวจึงออกมาจากห้วงอากาศ ไปกินอาหารที่นอกห้อง
ฉีเหล่ยรีบตามมาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “อาจารย์ มีความมั่นใจจะถอนพิษท่านอ๋องได้หรือไม่”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ถอนน่ะถอนได้ แต่ข้าเป็นห่วงว่าจะหาสมุนไพรถอนพิษได้ไม่ครบ”
ฉีเหล่ยรีบกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่น่าห่วง หากอาจารย์ตรวจสอบได้ว่าท่านอ๋องถูกพิษอันใด พวกเราก็จะพยายามหาสมุนไพรถอนพิษมาให้ได้”
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
นางกล่าวจบก็เริ่มกินอาหาร เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกจานเนื้อและปลาออกไปให้ห่างจากนาง เหลือเพียงแค่จานผักตรงหน้าลู่เจียว
ฉีเหล่ยเห็นการกระทำของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ คนผู้นี้เหตุใดจึงยกจานเนื้อและปลาออก ไม่ให้อาจารย์กิน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขยิบตา เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เจียวเจียวตั้งครรภ์แล้ว”
ฉีเหล่ยตกใจ จากนั้นก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดสีหน้าลู่เจียวจึงซีดขาว ดูย่ำแย่ คงเพราะแพ้ครรภ์
ฉีเหล่ยถามอย่างห่วงใยลู่เจียว “อาจารย์ เช่นนั้นท่านไม่เป็นอันใดกระมัง”
ลู่เจียวส่ายหน้าวางตะเกียบลง ไม่คิดกินต่อ เมาเรือมาตลอดทาง และยังอาเจียนอีก นางไม่อยากกินจริงๆ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางเช่นนี้ ก็ปวดใจอย่างมาก ยังคงมีสีหน้าเป็นห่วง
“เจ้ากินมากหน่อย เช่นนี้ไม่ดีกระมัง”
ลู่เจียวเห็นสีหน้าเป็นห่วงของเขา ก็ยิ้มปลอบใจกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ให้ข้าพักสักหน่อย ไว้พักผ่อนสองสามวันก็ไม่เป็นอันใดแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นคีบอาหารให้นาง “กินอีกสองคำ”
ลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธ กินที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นคีบให้นางแล้วก็ลุกเข้าห้องไป เตรียมดูผลการแยกวิเคราะห์
ฉีเหล่ยคิดตามนางไปด้วยสัญชาตญาณ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียกเขาเอาไว้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าลู่เจียวย่อมต้องเข้าไปตรวจโลหิตในห้วงอากาศ ดังนั้นจึงไม่อาจให้ฉีเหล่ยเข้าไป
“ฉีเหล่ย เล่าให้ข้าฟังหน่อย ท่านอ๋องอยู่ๆ โดนคนลอบวางยาพิษได้อย่างไร”
ยอดฝีมือข้างกายอ๋องเยียนมากมาย เหตุใดอยู่ๆ โดนลอบวางยาพิษสังหารได้ เจียวเจียวบอกกับเขาว่าหลินหรูเยว่ก็กลับมาเกิดใหม่ รู้ว่าอ๋องเยียนจะครองบัลลังก์ ดังนั้นนางบอกเรื่องนี้กับอ๋องจิ้น อ๋องจิ้นย่อมต้องสังหารอ๋องเยียน
แต่ด้วยความสามารถอ๋องเยียน น่าจะหลบพ้น ไม่เช่นนั้นหลายปีมานี้ เขาคงโดนสังหารไปแล้ว
“เรื่องนี้มีเพียงท่านอ๋องรู้ พวกเราล้วนไม่รู้ว่า ตอนนี้ท่านอ๋องสลบไม่ได้สติ ผู้ใดก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอันใดขึ้น แต่ฝ่าบาทได้สั่งให้กรมอาญากับศาลอาญาต้าหลี่สืบคดีนี้แล้ว ทุกคนในเมืองหลวงต่างหวาดระแวง กลัวโดนหางเลขไปด้วย เรื่องนี้ย่อมต้องเกี่ยวพันถึงองค์ชาย ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ เป็นแน่”