ตอนที่ 562
บ่อบินมหาสมุทรดวงดาว แก่งแย่งคนเก่ง?
ในประตูสวรรค์ เกิดวังวนราวกับบ่อนํ้าขึ้นบ่อหนึ่งซึ่งลึกมากจนไม่เห็นก้นบ่อ
“นี่…นี่มันอะไรกัน”
“ดูเร็ว มีบ่อนํ้าเกิดขึ้นบนท้องฟ้า”
การเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้าทำให้เกิดการชุลมุนกันยกใหญ่
เคราะห์อัสนีครั้งที่สาม หากมีการหลอมรวมกับสิทธิ์แห่งเทพก็จะโบยบินขึ้นสู่แผ่นดินเทพมารได้ทันที ในหลายปีนี้สุสานเทพไม่เคยเปิดขึ้นในโลกแห่งยุคกลาง จะมีใครเคยเห็นการโบยบินขึ้นกลางวันแสกๆ ด้วยตาตัวเองบ้างเล่า
“นี่คือบ่อบิน!” ราชครูพูดด้วยความตื่นเต้นตื้นตัน
บ่อบิน?
บ่อบินอะไรกัน?
คนที่ได้ยินคำพูดราชครูต่างทำหน้ามึนงง คนที่ไม่ได้ยินคำพูดเขายังคงตกตะลึงจากภาพปากบ่อในประตูสวรรค์ที่มีสีสันตระการตา
บนท้องฟ้าที่มีแต่เมฆดำหนาแน่น มีประตูขนาดมหึมาที่มีสีสันตระการตาระยิบระยับลอยอยู่
สิ่งนั้นมีส่วนคล้ายซุ้มประตู ที่มีเพียงกรอบแต่ไม่มีบานประตู
กระจกหลากสีละเอียดสวยงาม ชั้นเมฆสีขาวเกิดภาพราวกับฝูงนกฝูงสัตว์ห้อมล้อมเคลื่อนไหวอยู่ริมประตู ในประตูปากบ่อต่อทะลุไปถึงที่ที่เวิ้งว้าง ภายในนั้นมีอานุภาพจากฟ้าอันน่าเกรงขามไหลซึมออกมา ทำให้ผู้คนที่อยู่บนพื้นดินไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ยอมศิโรราบภายใต้อานุภาพแห่งฟ้านี้
ที่นั่น เป็นหนทางไปสู่แผ่นดินเทพมารที่เปิดไว้ให้เฉพาะมู่ชิงเกอคนเดียวเท่านั้น
ประตูสวรรค์ที่หลอมรวมกับสิทธิ์แห่งเทพเปล่งแสงทองอร่าม สวยงามหยดย้อยจนคนตื่นตะลึง เคราะห์อัสนีอยู่ในชั้นเมฆกลายเป็นมังกรสายฟ้าผาดโผนในเมฆ คำรามพุ่งสู่ประตูสวรรค์ราวกับจะตัดเส้นทางสู่ฟ้านี้ให้ขาดสะบั้นไป
มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง นางยืนขึ้นบนแท่นสูงมอง ประตูสวรรค์ของตัวเองอย่างตื่นเต้น
การประลองกับเคราะห์สวรรค์ครั้งนี้นางไม่อาจเข้าแทรกแซง นางเชื่อว่ารากวิญญาณกับสิทธิ์แห่งเทพของตัวเองสามารถต้านทานเคราะห์อัสนีนี้ได้
เปรี้ยง!
ฟ้าผ่าฟ้าร้อง มังกรสายฟ้าชนกระแทกเข้ากับประตูสวรรค์ ประตูสวรรค์ของมู่ชิงเกอสั่นสะเทือนอย่างแรง มังกรสายฟ้ากลายเป็นสายฟ้านับไม่ถ้วนตกลงมารอบๆ บริเวณนั้น
พริบตาเดียว ทั้งลั่วซิงเฉิงก็ถูกสายฟ้าครอบคลุมไว้หมด ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ผู้คนที่ดูอยู่นอกบ้านเพราะต้องการมาส่งมู่ชิงเกอต่างก็ใช้วิธีการตัวเองหลบสายฟ้าที่พุ่งเข้าใส่ตัวเอง ชาวเมืองที่หลบอยู่ในบ้านตัวเองทำได้เพียงมองฉากที่ ราวกับวันสิ้นโลกผ่านทางหน้าต่าง
เด็กๆ ต่างร้องไห้ด้วยความกลัว เหล่าสตรีอดไม่ได้ต้องกอดลูกๆ ของตัวเองไว้จนแน่น
สายฟ้าฟาดลงมานับหมื่นสายทำให้ค่ายกลพิทักษ์เมืองของลั่วซิงเฉิงทำงานขึ้นมา ม่านแสงโปร่งใส พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน เชื่อมต่อเข้าด้วยกันกลายเป็นที่ครอบแสง ปกป้องลั่วซิงเฉิงเอาไว้อย่างหนาแน่น
เหลือแต่เพียงด้านล่างของประตูสวรรค์ที่ยังคง เว้นช่องว่างไว้อยู่ ราวกับถูกสกัดไว้โดยกลิ่นอายของมู่ชิงเกอที่เชื่อมอยู่กับประตูสวรรค์เหลือเป็นช่องวงกลมไว้
สายฟ้าพัวพันอยู่รอบประตูสวรรค์ของมู่ชิงเกอ ราวกับคิดทำลายให้ราบคาบ
เพราะว่า เส้นทางสู่ฟ้าไม่ใช่จะเปิดได้โดยง่ายดาย และก็ไม่ใช่จะเข้าไปได้โดยง่ายดาย
คนบนพื้นดิน ยังคงมองฟ้าดินอยู่ในท่าทางเดิม ทั้งตื่นเต้น ทั้งปาดเหงื่อ นึกเป็นห่วงมู่ชิงเกอ ภายใต้อานุภาพแห่งฟ้า พวกเขาไม่รู้ว่าประตูสวรรค์ของมู่ชิงเกอจะสามารถทนต่อไปได้อีกนานเท่าไร พร้อมทั้งยังตะลึงกับฉากการโบยบินของมู่ชิงเกอที่สุดแสนจะอลังการ
‘ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ กระทั่งการโบยบินก็ไม่เหมือนคนธรรมดาหรือ’ เหยาชิงไห่เอ่ยทอดถอนใจอยู่ในใจตัวเอง
“ราชครู ทำไมเคราะห์อัสนีครั้งนี้นานขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมหยุดอีก” มู่เฉินอยู่ข้างๆ ราชครู ตื่นเต้นจนต้องกระซิบถาม
ราชครูขมวดคิ้ว ครุ่นคิดพลางตอบว่า “ว่ากันว่า การปรากฎเคราะห์อัสนีโจมตีประตูสวรรค์เป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง หากผ่านการทดสอบ เส้นทางสู่ฟ้าจะมั่นคง ไม่เกิดข้อผิดพลาดระหว่างการโบยบินสู่ฟ้าที่อาจทำให้ตกลงไปที่อื่น หากไม่ผ่านการทดสอบก็จะถูกทำลาย จากนี้ไปทางไปสู่ฟ้าจะถูกตัดขาด โดยปกติแล้ว เคราะห์อัสนีสองครั้งก็เพียงพอแล้ว นายน้อยได้รับเคราะห์อัสนีถึงสามครั้งแล้ว นี่ก็เพราะรากวิญญาณกับสิทธิ์แห่งเทพที่พิเศษของนาง”
“หากล้มเหลวจะเป็นอย่างไร” มู่เฉินถามด้วย เสียงสั่นเครือ
ราชครูนึ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “สิทธิ์แห่งเทพถูกทำลาย รากวิญญาณก็ถูกทำลายด้วย”
มู่เฉินเบิ่งตาโต ถอนใจเย็นเยือก ความกังวลในใจหนักอึ้งมากขึ้น ไม่ใช่เขาไม่เชื่อมั่นในมู่ชิงเกอ แต่ผลที่ได้รับรุนแรงหนักหนามากเกินไป
ราชครูไม่พูดอีก เต็มไปด้วยความกังวลเช่นเดียวกัน ความกังวลของเขา เกิดจากการหลอมรวมสิทธิ์แห่งเทพ ก่อนนั้น ที่เขาหลอมรวมสิทธิ์แห่งเทพในแผ่นดิน เทพมาร เนื่องจากคนในแผ่นดินเทพเดิมทีก็มีสิทธิ์แห่งเทพอยู่แล้ว สิทธิ์แห่งเทพอันเดิมเป็นตัวหลัก หลอมรวมสิทธิ์แห่งเทพอื่นเป็นการเสริม เพิ่มเติมซ่อมแซม เป็นสิทธิ์แห่งเทพใหม่
แต่ครั้งนี้ เขาหลอมรวมสิทธิ์แห่งเทพของมู่ชิงเกอโดยเลือกใช้อันหนึ่งเป็นตัวเสริม แล้วใช้วิธีกลืนกินเข้าไปเพื่อให้หลอมรวมกัน เขาเกรงว่านี่จะเป็นสาเหตุให้ เคราะห์อัสนีหนักขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีฝืนลิขิตฟ้า หากการกระทำนี้เป็นเหตุให้มู่ชิงเกอล้มเหลวในการโบยบิน เขาคงจะกลายเป็นคนบาปของตระกูลมู่ตลอดไป
แต่…
สายตาราชครูมองไปที่ปากบ่อในประตูสวรรค์อย่างงุนงง ครุ่นคิดว่า ‘บ่อบินปรากฎ ก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว’
ราชครูครุ่นคิดร้อยแปดแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ได้เพียงรอคอยด้วยความอดทน
คนทั้งหมดต่างเป็นกังวลแทนมู่ชิงเกอ แต่ตัวนางเล่า ขณะที่คนไม่น้อยจับจ้องประตูสวรรค์ด้วยความตื่นเต้น สายตาก็กวาดมองไปที่ร่างเย้ายวนที่ยืนตรงนิ่ง อยู่ใต้ประตูสวรรค์นั้น
นางยืนเอามือไพล่หลัง คางเชิดขึ้น ส่วนโค้งทำให้ลำคอนางดูระหง สายตามองไปทางประตูสวรรค์อย่างสงบนิ่ง ท่าทางผ่อนคลาย ความตื่นเต้นก่อนหน้านั้นหาย ไปหมดแล้ว ราวกับว่า นางมีความเชื่อนั้นมาก รอคอยการสลายตัวของเมฆดำและความสงบของเคราะห์อัสนี
สายฟ้าบนประตูสวรรค์ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดในการจะทำลายล้างค่อยๆ สลายไป
บนท้องฟ้า เมฆดำค่อยๆ บางลง จางลง จนสุดท้ายแล้วหายไปจนหมด ท้องฟ้ากลับคืนสู่ความแจ่มใส
ประตูสวรรค์หลากสีผ่านการชะล้างจากสายฟ้าแล้วยิ่งกลายเป็นโปร่งใสมากขึ้น ปากบ่อนั้นยิ่งดูมั่นคงมากขึ้น เมฆหมอกที่เคลื่อนไหวรอบๆ ประตูสวรรค์กลาย เป็นฝูงนกที่บินร่อนรอบๆ ไม่ยอมแยกย้ายไป รัศมีหลากสีของประตูสวรรค์เปล่งประกายแวววาว สวยงามสุขสงบยิ่งนัก
ฉากนี้ทำให้ชาวเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือน อดไม่ได้ต้องออกมาดูนอกประตูบ้าน แหงนมองภาพประหลาดนี้
ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองออกมาจากปากบ่อ สาดไปที่ร่างของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอถูกห่อหุ้มด้วยแสงทอง รู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่าง สบายกายเป็นอย่างมาก เลือดเนื้อไขกระดูกต่างๆ แม้กระทั่งพลังจิตพลังปัญญาต่างเกิดการเปลี่ยนแปลง
ทันใดนั้น ราชครูก็ร้องไปที่นาง “นายน้อยรีบพาพวกเราไปเร็ว!”
มู่ชิงเกอ ตกใจลืมตาขึ้นมองจึงพบว่าสองเท้าตัวเองลอยขึ้นเหนือพื้นโดยไม่รู้ตัว มุ่งหน้าสู่ปากบ่อในประตูสวรรค์
มู่ชิงเกอโบกมือทันที เก็บคนที่เตรียมไว้ทั้งหมดเข้าไปในช่องว่าง
ประตูสวรรค์เปิดไว้เพื่อนางเพียงคนเดียว บ่อบินก็มีเพื่อนางคนเดียว คนอื่นไม่สามารถเข้าไปได้ การซ่อนคนไว้ในช่องว่างของนาง จึงนับว่าเป็นการลักลอบข้ามไป เท่ากับเป็นการหลบหลีกกฎเกณฑ์ของฟ้า
แน่นอนว่า การจะทำเช่นนี้ได้ก่อนอื่นจะต้องมีเครื่องมือหลบซ่อนเช่นเดียวกับมู่ชิงเกอที่มีช่องว่างที่ฝืนชะตาฟ้าเสียก่อน
นำคนที่สมควรนำไปด้วยแล้ว มู่ชิงเกอขณะนี้ได้ลอยขึ้นถึงกลางท้องฟ้าแล้ว นางมองคนที่มาส่งนาง ยิ้มพร้อมกับกำสองมือเข้าด้วยกันกล่าวว่า “ทุกท่าน ข้าขอ ล่วงหน้าไปก่อน จะรอคอยข่าวดีจากทุกท่านที่แผ่นดินเทพ”
คำพูดนี้ เป็นทั้งการอำลา เป็นทั้งการให้กำลังใจ
คนที่เข้าใจต่างกำสองมือเข้าด้วยกันด้วยสายตาแน่วแน่
มู่ชิงเกอมองไปที่จิงไห่ บอกเขาว่า “เสี่ยวไห่ ลั่วซิงเฉิงมอบให้เจ้าแล้ว”
จิงไห่สูดจมูก สะอื้นอยู่ในอก เอ่ยรับรองกับมู่ชิงเกอว่า “ครูฝึก ท่านโปรดวางใจ ข้าจะต้องดูแลรักษาลั่วซิงเฉิงให้ดีแน่ หากท่านมีเวลาอย่าลืมกลับมาเยี่ยมด้วยเล่า”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะเบาๆ พูดกับทุกคนด้วยคำสุดท้ายว่า “ทุกท่านดูแลตัวเองด้วย” แล้วก็ถูกดูดเข้าไปในปากบ่อนั้น
“น้อมส่งท่านเจ้าเมือง!”
ในลั่วซิงเฉิง เสียงกลองเสียงเป่าเขาสัตว์ดังขึ้น นั้นเป็นกลองเดินทัพของตระกูลมู่เพื่อช่วยให้จิตใจฮึกเหิม เวลานี้ใช้สำหรับส่งมู่ชิงเกอ
ราษฎรในเมืองต่างพากันคุกเข่าหมอบอยู่ที่พื้น มองเจ้าเมืองของพวกเขาเข้าไปในปากบ่อนั้น
มู่ชิงเกอหายเข้าปากบ่อในที่สุด หลังจากนางหายไปแล้ว ประตูสวรรค์กับปากบ่อก็สลายไปด้วย
เสียงกลองยังคงดังต่อเนื่องไปอีกเนิ่นนาน
“ลูกพี่…” มู่เสวี่ยอู่จ้องมองจุดที่มู่ชิงเกอหายไป อยู่นานพลางพึมพำ สายตามีแต่ความชื่นชมนับถือ
“เฮ้อ ไปซะแล้ว เจ้านี่ ก้าวไวจริงๆ พวกเราขี่ม้ายังตามไม่ทัน” จีเหยาฮั่วสั่นศีรษะ พูดอย่างสะท้อนใจ
คำพูดของเขานั้น ไม่มีใครแย้งได้
เนื่องจากตลอดเส้นทางของมู่ชิงเกอได้อาศัยความสามารถของตัวเองนำหน้าผ่านพวกเขาไป จนกลายเป็นคนอายุน้อยคนแรกของโลกแห่งยุคกลางที่เข้าสู่แผ่นดินเทพมารได้
ใครจะนึกว่า นางอายุเพียงยี่สิบกว่าปี ก็สามารถโบยบินเข้าสู่แผ่นดินเทพมารได้แล้ว
มู่ชิงเกอจากไปแล้ว แต่ตำนานกับนิทานที่นางหลงเหลือเอาไว้ยังคงเล่าขานสืบต่อไปในโลกแห่งยุคกลาง ส่วนในที่แห่งใหม่นั้น คนที่รู้จักนางต่างก็เชื่อว่า ถิ่นที่มีมู่ชิงเกออยู่ย่อมไม่หงอยเหงา จะต้องมีแต่เรื่องที่เปี่ยมด้วยสีสัน สนุกสนานเป็นแน่
‘บ่อบิน เป็นทางไปสู่แผ่นดินเทพ ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรนั้น เดิมทีมีบ่อบินอยู่สี่แห่ง สองในนั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ปัจจุบันคงเหลือเพียงสองบ่อบิน ที่หนึ่งอยู่ ระหว่างแผ่นดินเทพตะวันตก ตะวันออกและเหนือ อีกหนึ่งนั้นอยู่ที่บริเวณแผ่นดินเทพทางใต้นายน้อยจะออกไปทางปากบ่อบินไหน ข้าเองก็ไม่รู้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตากรรมของนายน้อยแล้ว’ เสียงของราชครูดังขึ้นในสมองของมู่ชิงเกอ
ใจของมู่ชิงเกอเต้นรัว นางไม่รู้จักแผ่นดินเทพมาร ถึงแม้จะเคยเห็นแผนที่แผ่นดินเทพมารขณะอยู่แดนมาร แต่ส่วนของแผ่นดินเทพนั้นก็คลุมเครือมาก
อิทธิพลของแผ่นดินเทพนั้นนางยิ่งไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าความเป็นอยู่ของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรนั้นเป็นเช่นไร
‘นายน้อย ทางออกปากบ่อบินอยู่บนมหาสมุทรดวงดาว มหาสมุทรดวงดาวกว้างใหญ่ ต้องอาศัยเรืออากาศแทนการเดินเท้า จึงจะสามารถแยกแยะทิศทางได้’ ราชครูเอ่ยเตือน
มู่ชิงเกอจดจำไว้อย่างดี
ร่างกายของนางถูกดูดไปทางก้นบ่อเรื่อยๆ ราวกับผ่านช่องว่างนับไม่ถ้วน ผ่านพระอาทิตย์กับดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน เนื่องจากมีแสงทองห่อหุ้มร่างนางไว้ นางจึงไม่มีความรู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร มู่ชิงเกอก็ได้เห็นแสงสว่างที่ข้างหน้า ราวกับเป็นทางออก
“ถึงแล้วหรือ” มู่ชิงเกอถามตัวเอง
ทันใดนั้นราวกับแสงทองที่หุ้มตัวไว้หายไป เบื้องหน้าขาวสว่าง ร่างกายราวกับถูกพลังผลักออกมาอย่างแรง
ยังไม่ทันปรับสายตาให้ชิน นางก็ได้ยินเสียงอึกทึกที่ข้างหู
“มาอีกคนแล้ว”
“วันนี้เป็นวันอะไร มีคนโบยบินขึ้นมามากมายเช่นนี้”
“คนผู้นี้ไม่รู้บินมาจากไหน สติปัญญาไม่รู้เป็นอย่างไร”
“ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้าสองแผ่นดินเทพวันนี้ได้คนไปแล้ว พวกเราแผ่นดินฝั่งตะวันตกยังไม่ได้คน ควรเป็นตาของพวกเราบ้างแล้ว”
“พูดเช่นนี้ไม่ได้ ต้องดูคนใหม่ว่าเลือกอย่างไร”