Skip to content

พลิกปฐพี 600

ตอนที่ 600

จะแย่งชิงมาให้เจ้า

“ข้าต้องการ…เจ้า” ลมหายใจของซือมั่วรินรดใบหูมู่ชิงเกอทำให้หูทั้งสองข้างของนางร้อนผ่าวขึ้นทันที

“เจ้าอย่าทำรุ่มร่ามนะ” มู่ชิงเกอรีบใช้สองมือยันหน้าอกเขา ป้องกันไม่ให้ชิดเข้ามาอีก

ซือมั่วยิ้มน้อยๆ อุ้มนางนั่งบนเตียง วางนางไว้บนตัก สองแขนโอบแน่นให้หน้าผากแนบชิดกับหน้าผากนาง ปลายจมูกสีกับปลายจมูกมู่ชิงเกอ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ข้าคิดถึงเจ้า”

มู่ชิงเกอโดนเขายั่วยวนจนใจคอหวั่นไหวแต่ยังรักษาสติไว้ นางพูดด้วยใบหน้าแดงกํ่าว่า ”ที่นี่ไม่สะดวก”

“พวกเราไปช่องว่างของเจ้า” ซือมั่วเสนอข้อเสนอที่ดีมากออกมา

มู่ชิงเกอมุมปากกระตุก ช่องว่างของนางในเวลานี้ไม่ใช่มีเพียงเหมิงเหมิงคนเดียวแต่ยังมีอีกหลายคน หากนางโดนซือมั่วอุ้มเข้าไปปรากฎต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ต่อไปนางจะบัญชาการตะลุยไปทั้งสี่ทิศอีกได้อย่างไรเล่า

อีกทั้งเข้าไปในช่องว่างแค่เพื่อใกล้ชิดกับซือมั่วทั้งคืนหรือ

คิดอย่างไรก็ไม่เหมาะสม

“ไม่ได้” มู่ชิงเกอปฏิเสธเด็ดขาด

“ทำไมเล่า” ซือมั่วแสดงท่าทีน้อยใจ

นัยน์ตามู่ชิงเกอผุดแววสงสารออกมา บ่นอุบอิบว่า “ช่องว่างข้าไม่สะดวก”

“งั้นไปโลกใบเล็กของข้า” ดวงตาของซือมั่วเป็นประกาย

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ได้สติในทันที

เจ้าหมอนี่กำลังขุดหลุมพรางอีกแล้วสินะ เพียงแค่รอนางโดดลงไปเท่านั้น แค่ดูท่าทีของซือมั่วก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ‘หากไปที่ของเจ้าไม่สะดวกก็ไปที่ของข้าจะสะดวกมาก’

มู่ชิงเกอหัวเราะ ไม่ทันรอให้นางหาเหตุผลมาปฏิเสธก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าไหววูบ พอลืมตาก็เข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีกลิ่นอายเซียนปกคลุม ทิวทัศน์เลิศลํ้า ต้นท้อต้นสาลี่แข่งประชันความงามกันแล้ว

นางจำได้ว่า ครั้งแรกที่เห็นความจริงใจของซือมั่วก็คือที่นี่เอง

แค่ก แค่ก ถึงแม้นางไม่เข้าใจมาตลอดว่าที่ซือมั่วให้นางมาที่นี่นั้นเพียงแค่ให้นางดูเขาอาบนํ้าหรือไม่ก็ตาม

“ที่นี่พอได้นะ” ซือมั่วหัวเราะเบาๆ

มู่ชิงเกอกระโดดออกจากอ้อมอกเขาพิจารณา รอบบริเวณนี้อย่างจริงจัง ที่นี่เงียบจริงๆ เงียบจนราวกับนอกจากนางและเขาก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีกเลย

ที่นี่เป็นโลกของซือมั่ว ไม่ใช่มีแต่การสังหารและความมืดมิด แต่มีกลิ่นอายเทพเซียนเหนือความแปดเปื้อนทั้งมวล

ราวกับเป็นโลกสวยงามอันเป็นเอกเทศที่ตัดขาดจากโลกทั้งมวล

ซือมั่วเดินเข้ามาจูงมือมู่ชิงเกอ นำนางเดินเข้าไปในป่าลึกมากขึ้น ทั้งคู่เดินเล่นภายในป่า เมื่อ ดอกไม้ร่วงหล่นใส่เสื้อผ้าพวกเขา ซือมั่วก็ยื่นมือมาเก็บดอกไม้ที่ร่วงลงออกจากร่างของมู่ชิงเกอ ท่าทีเอาใจใส่ เช่นนี้ราวกับกำลังทำเรื่องที่สำคัญนักหนา

จิตใจที่ทุ่มเทให้นางจนหมดสิ้นนั้นทำให้มู่ชิงเกออบอุ่นใจยิ่งนัก ต่อให้มีเปลือกนอกที่แข็ง แกร่งเช่นไร ก็ไม่สามารถแสดงออกต่อหน้าชายคนนี้ได้

มู่ชิงเกอมองเขาจิตใจพลันเกิดความรู้สึกร้อยแปด

นางมาจากหลินชวนแคว้นชั้นสามเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตลอดการเดินทางที่ผ่านมานางแข็งแกร่งขึ้น ผ่านประสบการณ์มากมาย ผ่านความเป็นความตายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

ผู้ชายคนนี้เกียรติศักดิ์สูงยิ่งแต่ก็ยินดีอยู่ร่วมกับนาง รอนาง

จนตอนนี้นางมาถึงโลกที่เท่าเทียมกับเขาแล้ว ในที่สุดอยู่ใต้ผืนฟ้าดวงดาวเดียวกัน

“อามั่ว” มู่ชิงเกอกระซิบเรียกชื่อเขา

ชายคนนี้บอกชื่อให้นางรู้เป็นครั้งแรกที่นี่ ให้นางเรียกเขาว่าอามั่ว ครั้งนั้นนางเมินเฉยไม่ยอมเปิดปาก

เวลานี้นางกลับเรียกอย่างเต็มอกเต็มใจ

ทุ่มเทรักแท้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า

“หือ” ซือมั่วตอบรับอย่างสบายอารมณ์

ที่นี่ในเวลานี้ พวกเขาดูสามัญจนคล้ายคู่รักชายหญิงธรรมดา ตาประสานตาไม่ต้องการคำพูดมากมายใดๆ

มู่ชิงเกอยิ้มหวานให้ซือมั่วแล้วยกมือถอดตุ้มหูที่หูซ้ายตัวเอง กลับคืนสู่ความเป็นหญิงต่อหน้าเขา ปลดปล่อยความงามที่เลิศล้ำสุดแสนให้ปรากฎสู่นัยน์ตาสีอำพันของซือมั่ว

เขาพานางเดินออกจากป่าทึบมาถึงนํ้าพุร้อนนั่น

ณ ที่นี้สิ่งที่มู่ชิงเกอเห็นก่อนคือสุราชั้นเลิศที่วางอยู่บนพื้น

ตานางเป็นประกายคลายมือซือมั่วออกแล้วหันมายิ้ม “นี่เป็นของที่เจ้าเตรียมไว้หรือ”

ซือมั่วยิ้มพยักหน้า “ข้าคิดว่าไม่ได้ดื่มกับเจ้าให้เต็มที่มานานแล้ว”

มู่ชิงเกอพยักหน้า นางชอบสุรา สุราเหมาะกับนาง แต่ในเวลาปกตินางดื่มเพียงเล็กน้อย นอกจากเวลาต้องการระบายอารมณ์จึงจะดื่มจนเมามาย

นัยน์ตามู่ชิงเกอเป็นประกายเปิดไหสุรา กลิ่นหอมเข้มข้นของสุราโชยเข้าจมูก ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก “สุราชั้นเลิศจริงๆ”

ซือมั่วเดินเข้าไปรับไหสุราจากมือนางรินเข้าปากตัวเอง คว้ามู่ชิงเกอเข้ามากอดชนิดไม่ทันให้นางตั้งตัว ใช้ริมฝีปากสีแดงปิดริมฝีปากแดงเรื่อของนาง

สุราฤทธิ์แรงไหลผ่านริมฝีปากของทั้งสอง ไหลเข้าปากมู่ชิงเกอ ให้นางได้ชิมรสสุรานั้น

เมื่อสุราทั้งหมดเข้าปากมู่ชิงเกอแล้ว ซือมั่วจึงยิ้มอย่างผู้มีชัยว่า “ที่นี่ไม่มีภาชนะใส่สุราจึงต้องลำบากเจ้าหน่อยแล้ว”

มู่ชิงเกอสองแก้มร้อนดังไฟ นัยน์ตาใสแจ๋วไม่รู้ว่าถูกสุราหรือถูกคำพูดของชายหนุ่มหลอมละลายคล้ายดังสระนํ้าลี้ลับเอียงอายเย้ายวนใจยิ่งนัก

นางเลิกคิ้วดื่มสุราคำหนึ่งแล้วคว้าหลังคอเสื้อซือมั่วดึงร่างเขาแหงนไปข้างหลัง นางใช้มือหนึ่งประคองไหล่ซือมั่วอีกมือหนึ่งประคองเอวไว้ก้มศีรษะประกบริมฝีปากฝ่ายชายให้สุราในปากไหลเข้าปากเขา

นัยน์ตาสีอำพันของซือมั่วมีความยินดีลึกๆ รับความสุขจากสิ่งที่มู่ชิงเกอทำตามใจตัวเอง

เมื่อสุราในปากเข้าปากซือมั่วทั้งหมดแล้ว มู่ชิงเกอจึงผละออกจากริมฝีปากที่ถูกนางบดขยี้จนชํ้าไปเล็กน้อยแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ “ของต่างตอบแทน”

ของต่างตอบแทน ประโยคนี้ดีนัก

ซือมั่วนึกขำในใจ ยืดกายขึ้นกอดมู่ชิงเกอไว้ในอ้อมอก ก้มศีรษะลงครอบครองริมฝีปากนาง เริ่มการช่วงชิงอย่างบ้าคลั่ง

มู่ชิงเกอเบิกตากว้างรุกกลับโดยไม่ลดละ

ภายใต้อารมณ์ที่ตื่นเพริด ทั้งคู่ต่างล้มลงบนพื้น ตกลงบนพื้นที่กลีบดอกไม้ร่วงหล่นจนเป็นชั้นหนานุ่ม

กลีบดอกไม้ที่กระจายขึ้นปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ

คนทั้งสองที่ต่างก็ไม่ยอมแพ้ ร่างกายเกี่ยวพันพลิกกลิ้งไปมาไม่หยุดบนพื้น การพลิกแต่ละครั้งทำให้กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนปลิวว่อน เกิดภาพงามเลิศชวนฝัน

ทั้งคู่พลิกกลิ้งไปมาสนใจแค่การแย่งชิงการเป็นผู้นำเท่านั้นกลับไม่ทันรู้ตัวเลยว่ากำลังกลิ้งไปทางบ่อนํ้าพุร้อน

ตูม!

ทั้งคู่ที่ไม่ทันระวังตัวตกลงในบ่อนํ้าพุร้อนจมดิ่งลงไป

แม้เป็นเช่นนี้ขณะที่ตกลงไปในบ่อนํ้าพุร้อน ริมฝีปากทั้งคู่ก็ยังไม่แยกออกจากกัน หลังจากชะงักแล้ว ต่างก็ยิ้มให้กัน

เสื้อผ้าพวกเขารวมทั้งผมที่ยาวสยายแผ่กระจายอยู่ในสายนํ้า ถูกนํ้าหนุนขึ้นมาจนล่องลอย อย่างไร้ทิศทาง

นัยน์ตามู่ชิงเกอผุดแววเจ้าเล่ห์มือนางคว้าสายคาดเอวซือมั่วไว้แล้วออกแรงกระตุกจนเสื้อของซือมั่วเปิดออกมองเห็นกระดูกไหปลาร้าเด่นชัดอีกทั้งเค้าโครงแผ่นอกที่สมบูรณ์แบบ

การกระทำของมู่ชิงเกอทำให้ซือมั่วเกิดความฮึกเหิม

เขาจึงคว้าสายคาดเอวมู่ชิงเกอกระตุกเบาๆ ทำให้เสื้อนางคลายออก มือใหญ่นั้นแทรกเข้าไปในสาบเสื้อแล้วกอบกุมความนุ่มหยุ่นนั้นเอาไว้

เขตแดนถูกรุกลํ้าทำให้มู่ชิงเกอเริ่มโต้คืน

ทั้งสองคนกอดรัดกันบนผิวนํ้า ขณะที่พุ่งขึ้นมายังผิวน้ำ เสื้อผ้าทั้งคู่ต่างยุ่งเหยิงหลุดลุ่ย สุดแสนเย้ายวนใจ ทั้งมู่ชิงเกอและซือมั่วต่างถูกเสื้อผ้าที่เปียกจนแนบติดร่างกายขับเน้นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบออกมาอย่างชัดเจน ทั้งคู่กอดจูบกันในบ่อนํ้าพุร้อน กลิ่นอายที่ผสมปนเปกัน ปกคลุมไปทั่วบ่อนํ้าพุร้อนกระจายไปยังป่าเขา…

หมอกจางยามฟ้าสาง บนท้องฟ้าของเหวหนอนยังคงมีหมอกสีเหลืองจางๆ ปกคลุมอยู่ ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของผู้คนไม่อาจโปร่งโล่งขึ้นมาได้

ถงเถิงผลักประตูออกว่าจะยืดเส้นยืดสายอาบแดดยามเช้าสักเล็กน้อย

แต่พอเห็นหมอกควันสีเหลืองแล้วก็หายอยากทันที เขาหันไปมองมู่ชิงเกอในห้อง เห็นสีหน้าเขาดูมีอาการอ่อนเพลีย

“ลูกพี่เมื่อคืนนอนหลับไม่สบายหรือ” ถงเถิงถามด้วยความเป็นห่วง

มู่ชิงเกอปากกระตุกนึกบ่นในใจว่า ‘น่าตายนัก เจ้านั่นไม่รู้จักระงับอารมณ์บ้างเลย ท่าทางคงอดอยากปากแห้งมาหลายๆ ปีแล้วจริงๆ’

“ข้าไม่เป็นไร” มู่ชิงเกอตอบถงเถิงเรียบๆ แต่กลับลืมไปว่าเมื่อคืนนี้ตัวเองก็ดุดันฮึกเหิมจนแทบจะสูบซือมั่วจนแห้งหมดทั้งตัว

แค่ก แค่ก…

คำตอบของมู่ชิงเกอทำให้ถงเถิงพยักหน้าไม่ถามเรื่องนี้อีก “ว่าไปแล้ว เมื่อคืนหลับสบายจริงๆ”

มู่ชิงเกอนึกบ่นในใจ ‘ต้องสบายแน่นอนอยู่แล้วสิ เมื่อคืนทั่วชนเผ่ากูกูต่างถูกซือมั่วสะกดไว้จนหมด นอกจากนอนหลับแล้วพวกเขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น’

พอเดินออกนอกห้อง สีหน้ามู่ชิงเกอก็กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว ท่าทางอ่อนเพลียบนใบหน้าหายไปจนหมดสิ้น

หลังจากรวมตัวกับคนอื่นแล้ว พวกเขาก็ออกจากชนเผ่ากูกูไป

ขณะที่เผ่าเทพแปดคนมาถึงนอกชนเผ่ากูกู เผิงกูกับชนเผ่าชงฮุยก็รออยู่ข้างนอกแล้ว พอเห็นคนเผ่าเทพเดินมา เผิงถูก็ยิ้มแย้มแอ่นอกเชิดหน้าดูมีบารมีของหัวหน้าเผ่า

“ฮ่าๆ ทุกท่านพักผ่อนได้ดีไหม” เผิงกูถาม

หลีเฉายิ้มผงกศีรษะให้”ขอบคุณหัวหน้าเผ่าที่ต้อนรับ พวกเราต่างพักผ่อนกันสบายดีมาก”

เผิงถูได้ยินคำพูดแล้วรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง คางเชิดขึ้นอีกเล็กน้อย พุงที่ใหญ่กลมก็ยื่นมากขึ้นอีก

ขณะนี้เองก็มีคนเดินเข้ามาทางนี้

ยังไม่ทันเห็นคนชัดเจน สีหน้าของเผิงถูกับหลีเฉาต่างเปลี่ยนไปจนดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ทุกคนมองไปทางคนที่มาเห็นเผ่ามารแปดคนกำลังเดินมาทางนี้ คนนำย่อมเป็นซือมั่ว ท่าทางเขาเทียบกับเมื่อวานนี้แล้วราวกับสบายใจขึ้นไม่น้อย ทั้งใบหน้ามุมปาก

แฝงความสดชื่นในอารมณ์

อารมณ์ที่ดีของเขาทั้งกู่หยากับกู่เย่รู้สึกถึงนานแล้ว พอเห็นสัญญาณอันตรายที่แฝงอยู่บนใบหน้าของมู่ชิงเกอ เพียงใช้ความคิดนิดเดียวก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนเผิงถูกับหลีเฉาหลังจากเห็นซือมั่ว แล้วก็ชะงักไปราวกับงุนงงต่อการเปลี่ยนแปลงของเขาอยู่บ้าง

มีเพียงมู่ชิงเกอเท่านั้นที่นัยน์ตาใสแจ๋วออกอาการเคืองแค้น สายตาที่กวาดไปทางซือมั่วมีแต่อาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ลูกพี่ ท่านเป็นอะไรไป” ถงเถิงเห็นสีหน้ามู่ชิงเกอแล้ว จึงรีบถามดู

มู่ชิงเกอเก็บอาการแล้วพูดเรียบๆ ว่า “ไม่มีอะไร”

ถงเถิงเห็นนางไม่เป็นอะไรจริงๆก็ไม่ถามต่อ

“ใต้เท้า ท่านมาแล้ว” เผิงถูอยู่ต่อหน้าซือมั่วก็ไม่มีอาการแหงนหน้ายืดอกเหมือนขณะอยู่ต่อหน้าหลีเฉา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มประจบประแจง

หลีเฉามองท่าทางของเขาอย่างดูแคลน

จวงซานยืนอยู่ข้างเขากระซิบว่า “คนเผ่าฉงเดิมไม่อยากให้เผ่ามารรวบของวิเศษไปจึงส่งข่าวให้พวกเราเผ่าเทพ เวลานี้ออกอาการเช่นนี้แสดงว่าสิ่งที่คิดไว้ก่อนนั้นสูญเปล่าทั้งหมด”

หลีเฉาแค่นเสียงฮึ “คงเป็นเพราะคนที่เผ่ามารส่งมาทำให้เขาตกใจ พวกเราไม่ต้องสนใจ ในเมื่อเรื่องนี้ให้พวกเรารู้แล้วย่อมไม่ปล่อยให้เผามารฮุบเอาไป”

สองคนประสานสายตาตัดสินใจร่วมกันแล้วถอนสายตาออกอย่างแนบเนียน

“อืม” ซือมั่วอารมณ์ยังดีอยู่ เมื่อเผิงถูเอาใจเขาจึงรับคำอย่างสง่างาม

เพียงแต่หลังจากรับคำแล้ว เผิงถูกลับเคอะเขินไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร นิ่งไปนานจึงยิ้มพูดว่า “เมื่อมากันครบ แล้วพวกเราก็ไปกันเลยเถอะ”

เผ่ามาร เผ่าเทพ เผ่าฉง รวมสามสิบสองคนออกจากชนเผ่ากูกูมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของเหวหนอนต่อไป

ระหว่างทาง หลิงหลิงคอยชำเลืองมู่ชิงเกอกับซือมั่วตลอดเวลาราวกับยังข้องใจเรื่องใบหน้ามู่ชิงเกออยู่ เพียงแต่ไม่ว่านางนึกอย่างไรก็ไม่สามารถหาคำตอบได้

“แปลกมาก เขาเป็นผู้ชายจริงๆ ด้วย หรือว่ามีคนที่เหมือนกันมากถึงขนาดนี้” หลิงหลิงอดไม่ได้พึมพำออกมา

“หลิงหลิง” ผู้เฒ่าเอ่ยเตือน

หลิงหลิง แลบลิ้นแล้ว เดินไปด้านข้างผู้เฒ่าแล้วคล้องแขนเขา

หลังจากซือมั่วปรากฎตัวแล้วแม้แต่มองยังไม่มองนางสักครั้ง ท่าทางคงลืมนางไปแล้ว นางย่อมไม่กล้าไปหาซือมั่ว ส่วนมู่ชิงเกอนางก็ไม่กล้าไปถาม

ยังดีที่ตั้งแต่ต้นจนจบ ชื่อมู่ชิงเกอยังไม่เคยถูกเรียก ส่วนพวกจวงซานเวลาเรียกนางก็เป็น ‘เจ้าสาม’หากเรียกชื่อมู่ชิงเกอที่หลิงหลิงรู้จักแล้ว น่ากลัวหนูน้อยคนนี้คงต้องตกใจจนเกินที่จะรับได้

เพื่อรับประกันความปลอดภัยของมู่ชิงเกอในแผ่นดินเทพ เกรงว่าซือมั่วเองก็อาจต้องใช้มาตรการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ของวิเศษครั้งนี้เจ้าอยากได้หรือไม่’ ระหว่างทางมู่ชิงเกอได้รับการถ่ายทอดเสียง นางมองไป เห็นทุกคนกำลังเดินอย่างระวังตัวไม่มีใครสังเกตนาง

นางจนใจ ผู้ชายคนนี้ช่างใจกล้านัก พูดคุยกับนางอย่างไม่กริ่งเกรงอะไรเลย

‘คำพูดนี้ควรเป็นข้าถามเจ้ามากกว่า’ นางตอบอย่างกระฟัดกระเฟียด

แต่ในสมองนางกลับมีเสียงหัวเราะของซือมั่วดังขึ้น

‘หากเสี่ยวเกอเอ๋อร์อยากได้ข้าจะแย่งชิงมาให้เจ้าดีไหม’

นางกลอกตา เป็นอะไรนางยังไม่รู้แล้วจะอยากได้ได้อย่างไร

แต่คำพูดต่อมาของซือมั่วทำให้นางตกตะลึง ‘ของวิเศษนี้ข้าเตรียมจะเอาไว้ให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!