ตอนที่ 641
มู่ชิงเกอ ข้าจะต้องฆ่าเจ้า
“ได้ยินชัดเจนกันหมดแล้วนะ” ลู่เยี่ยมองดูรอบๆ แล้วถามเสียงเครียด
“ได้ยินชัดเจนแล้ว”
“ได้ยินชัดเจนแล้ว”
ขบวนคนนับพันต่างตอบด้วยเสียงดังฟังชัด
พวกเขายิ่งตอบรับ มู่เทียนอินที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มคนก็ยิ่งยากที่จะสะกดกลั้นไฟโทสะในอกของเขาเอาไว้ได้
ดีที่ลู่เยี่ยไม่ได้ทำอะไรต่อและหันกายนำทางพวกเขามุ่งหน้าสู่วังราชาเทวะ ไม่เช่นนั้น เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่า ภายใต้ความอึดอัดเหลือแสนนั้น เขาจะทำ อะไรที่บ้าคลั่งออกมาบ้าง
พวกเขาเริ่มเดินจากส่วนล่างสุดของวังอู๋หวา เพื่อแสดงความเคารพต่อราชาเทวะอู๋หวา ทุกคนต่างไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พลังเทพขึ้นเขา จะต้องอาศัยกำลังกายของตัวเองขึ้นเขาไปเท่านั้น
คนเกือบพันคนใช้เวลาเดินจากตีนเขาจนมาถึงวังราชาเทวะบนยอดเขาตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก
เวลานี้ ถึงแม้จะมีทิวทัศน์ตะวันชิงพลบที่งามลํ้าของวังอู๋หวาอยู่เบื้องหน้า พวกเขาก็เหนื่อยล้าจนไม่มีอารมณ์ชื่นชมแม้แต่น้อย ทำได้เพียงนั่งพักบนพื้นอย่างไร้ระเบียบ
พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มคนที่มีฐานะธรรมดา แต่อยากมาพึ่งพิงและได้รับการคุ้มครองที่แห่งนี้
ส่วนพวกมนุษย์เทพที่มีฐานะนั้นขึ้นไปยังวังราชาเทวะด้วยช่องทางอื่นกันหมดแล้ว
“เอาละ พวกเจ้าพักผ่อนกันอยู่ที่นี่ก่อน พอใกล้ถึงเวลาที่งานเลี้ยงวันเกิดจะเริ่มต้นจะมีคนมานำพวกเจ้าเข้าไปในวังราชาเทวะเพื่อพบราชาเทวะ” ลู่เยี่ย บอกทุกคน
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ คนไม่น้อยต่างก็นั่งลงบนพื้นรอกำลังวังชาฟื้นคืนกลับมา
เดิมมู่เทียนอินไม่ยอมนั่ง แต่ถูกมู่หลินกับมู่ ซานดึงให้นั่งลง ไม่เช่นนั้น ทุกคนนั่งกันหมด มีแต่เขายืนอยู่จะกลายเป็นจุดเด่นเกินไป
มู่เทียนอินนั่งอยู่กับพื้น มู่หลินกับมู่ซานเฝ้าอยู่ทางซ้ายขวา
ทั้งสามคนต่างไม่ได้นั่งบำเพ็ญ พลังกายที่เสียไปจากการขึ้นเขานั้นสำหรับระดับตบะบำเพ็ญเช่นพวกเขาแล้วไม่นับว่าเท่าไร
ดังนั้น ในขณะที่คนอื่นพักผ่อน พวกเขาต่างก็คอยสังเกตคนรอบข้าง เฝ้าดูการกระทำรอบๆ
ลู่เยี่ยแจ้งพวกเขาเรียบร้อยแล้วก็กวาดมองด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วหันกายจากไป ท่วงท่าที่จากไปนั้นทุกคนต่างมองจนเกิดความอิจฉา พลันซุบซิบกันว่า
“นี่คือลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าดินแดนอู๋หวาเลยเชียวนะ อากัปกิริยาเช่นนี้ ไม่ใช่คนที่พวกเราจะหาญกล้าไปเทียบเคียงได้”
“ก็ใช่น่ะสิ ดินแดนอู๋หวาให้ลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้ามารับพวกเราขึ้นเขา นับว่าให้เกียรติพวกเราเต็มที่เลยนะ”
“เรื่องนี้พูดออกไปคงมีแต่คนอิจฉา”
“ฮ่าๆๆๆ พูดเช่นนี้แล้ว พวกเราก็ถือว่าเคยได้รับการต้อนรับโดยลูกศิษย์ใหญ่ดินแดนอู๋หวาเลยทีเดียว”
“ใช่ๆๆ…”
เสียงพูดคุยเหล่านี้ ยังมีเสียงหัวเราะอย่างชอบใจลอยเข้ามาตลอดเวลา
เสียงหัวเราะที่ลอยมาเข้าหูมู่เทียนอินนั้นทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ‘ทำไมข้าต้องมานั่งอยู่กับพวกโง่เง่าไร้อันดับพวกนี้ด้วยนะ’ เขาอดคิดขึ้นในใจ ไม่ได้
ในสายตาของเขา คนที่จะหาโอกาสประจบประแจงดินแดนอู๋หวานั้นล้วนเป็นพวกคนไร้อันดับวิสัยทัศน์คับแคบ เทียบกับเขาซึ่งเกิดมาก็สูงศักดิ์จนต้อง
แบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้บนบ่าไม่ได้เลย
นึกถึงจุดนี้ แววตามู่เทียนอินก็เหี้ยมเกรียมขึ้นมา
กระทั่งสมองของเขายังเพ้อฝันไป…ว่าสักวันหนึ่ง เมื่อเขาฟื้เนคืนความเกรียงไกรของเทพแห่งสงครามตระกูลมู่ บุกปราบไปทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้แล้ว ตนจะต้องให้เหล่าราชาเทวะที่สูงส่งเหล่านี้มาคุกเข่าที่เบื้องหน้าตนเองเพื่อล้างอายในวันนี้ให้จงได้
อนาคตที่เขาเฝ้ารอทำให้ความขุ่นเคืองของมู่เทียนอินผ่อนคลายลง อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็คลายลงไปได้บ้าง
ตำหนักข้างในวังอู๋หวามู่ชิงเกอสิ้นสุดการนั่งสมาธิ
วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงวันเกิด หลังจากรออยู่หลายวันในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว
“ชิงเกอ คืนนี้เจ้ามั่นใจไหม หรือว่า…ให้ข้าไปช่วยเป็นกำลังเสริมอีกคน” หยินเฉินพูดอย่างไม่วางใจ
เขาย่อมไม่วางใจแน่นอน วังราชาเทวะในดินแดนอู๋หวา เขาไปสำรวจเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งยังเขาวงกตนั้น เขาไม่ได้เข้าไปแม้แต่นิด เพียงแค่เฝ้ามองอยู่ภายนอก
ข้อมูลเพียงแค่นี้จะให้มู่ชิงเกอไปเสี่ยงภัยได้อย่างไร
เขาคิดแล้วคิดอีก ก่อนที่มู่ชิงเกอจะเอ่ยปากก็เปลี่ยนคำพูดว่า “ไม่สู้ให้ข้าไปเองส่วนเจ้าอยู่ดีกว่าไหม”
มู่ชิงเกอมองเขาแล้วส่ายหน้าช้าๆ”ไม่ต้องแย่งกันแล้ว ข้าไปเอง เจ้าไม่รู้ด้วยซํ้าว่าเคล็ดวิชาเทวะเป็นอย่างไร ต่อให้ไปแล้วจะหาได้อย่างไร น่ากลัวว่าต่อให้เคล็ดวิชาเทวะมาแบหราอยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้ายังมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ”
“…” หยินเฉินเงียบ
มู่ชิงเกอพูดเรื่องจริง เขาไป…ก็ไม่มีประโยชน์
“เช่นนั้นให้ข้ารออยู่ข้างนอก” หยินเฉินพูดอีก
นัยน์ตาสีเลือดของเขาแฝงความดื้อรั้น แต่มู่ชิงเกอก็มีการตัดสินใจของนางเอง นางยังคงส่ายหน้า บอกหยินเฉินว่า “เจ้ารออยู่ที่นี่ หากมีเรื่องอะไร มีคนสงสัยที่นี่ เจ้ายังพอขัดขวางได้บ้าง หากไม่อยู่ทั้งข้าทั้งเจ้า ไม่ใช่เป็นการบอกให้โลกรู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่หรือ”
“แต่…” หยินเฉินคงยังไม่วางใจ
มู่ชิงเกอยกมือตัดบทเขา “ไม่ต้องกังวลเรื่องข้า หากไม่ไหวจริงๆ ข้าจะหลบเข้าไปในช่องว่าง ไม่เกิดเรื่องหรอก ภารกิจเจ้าเองก็ไม่เบา ต้องระวังข้างนอกไว้ล่ะ อย่าให้ใครสงสัย”
“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้” สุดท้ายแล้วหยินเฉินจึงต้องยอมผงกศีรษะ
ขณะที่เขายังจะกำชับอะไรมู่ชิงเกอเพิ่มเติม มู่ชิงเกอก็ยกมือขึ้นบอกเขาว่า “มีคนมา”
นางเพิ่งพูดจบ นอกประตูก็เห็นชายกระโปรงวับแวม ชูเนี่ยนยิ้มแย้มเดินเข้ามา
“ชิงเกอ เตรียมตัวเสร็จแล้วหรือยัง” ชูเนี่ยนเดินมาถึงตรงหน้ามู่ชิงเกอแล้วพูดกับนาง
มู่ชิงเกอยิ้มผงกศีรษะ “ทำไมต้องรบกวนเจ้ามาเองด้วย”
ชูเนี่ยนอมยิ้มพูดว่า “เจ้าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของบิดาข้า เขากำชับข้าว่าต้องต้อนรับเจ้าดีๆ วันนี้ข้าจะทอดทิ้งราชาเทวะน้อยมู่ได้อย่างไรเล่า”
มู่ชิงเกอหัวเราะพลางส่ายหน้า ”ข้าเข้าใจว่าวันเช่นนี้เจ้าจะอยู่ด้านนอกวังราชาเทวะ คอยต้อนรับแขกเหรื่อเสียอีก”
“เป็นธุระของพวกสิบลูกศิษย์ใหญ่ คนพวกนั้นไม่ต้องให้ข้าออกหน้าหรอก ข้าดูแลเจ้าก็พอแล้ว” ชูเนี่ยนพูดทีเล่นทีจริง
มู่ชิงเกอยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องทำตามเท่านั้นแล้ว”
ทั้งคู่สบตายิ้มให้กัน เดินเคียงกันออกไป
นอกวังราชาเทวะดินแดนอู๋หวา ลานใหญ่โตมโหฬาร สร้างอยู่ที่ยอดเขา
เวลานี้ บนลานนั้นมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย พวกเขาต่างใช้เท้าเดินขึ้นมาเพื่อร่วมฉลองวันเกิดให้ราชาเทวะอู๋หวา หลังจากพักผ่อนแล้วกำลังวังชาพวกเขาต่างก็ฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย
“เอ๊ะ นั้นอะไรน่ะ”
“ดูเหมือนเป็นคนนะ” “มาดูเร็ว คนดินแดนเทพอื่นมาอวยพรวันเกิด”
เวลานี้เองก็มีคนสังเกตเห็นว่ามีแสงสีรุ้งจากที่ห่างไกลวาบมาเป็นสายๆ แสงนั้นผ่านศีรษะพวกเขาลงไปอยู่ที่แท่นหินหน้าวังราชาเทวะ สิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าก็เชิญคนเหล่านั้นเข้าไปในตำหนักด้วยความเคารพนบนอบ
เวลานี้ พวกเขาที่อาศัยสองขาและกำลังกายของตัวเองเดินขึ้นมาก็เริ่มส่งเสียงอื้ออึง
คนนับไม่ถ้วนต่างยื่นคอยาว แย่งกันมองออกไป เกรงว่าจะเสียโอกาสดีๆ ไป เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่จะได้เห็นกันง่ายๆ วันนี้ได้เห็นแล้วจะได้ใช้คุยอวดกันได้ในวันหลัง
พวกเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองได้รับการต้อนรับที่ด้อยกว่า แต่คิดจะอาศัยโอกาสนี้ชื่นชมผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนเทพอื่นๆ เพราะคนเหล่านี้ยากนักที่พวกเขาจะได้พบ
ได้เห็นวันนี้ก็เพียงพอที่จะให้พวกเขากลับไปแล้วคุยโวกันได้อีกนาน
“นั่นเป็นลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าดินแดนเฝินไห่ใช่ไหม”
“ใช่เขาจริงๆ ด้วย ไม่นึกว่าครั้งนี้จะส่งเขามา”
“พวกเจ้าดูท่าทางเขาสดชื่นเช่นนั้น ไม่เหมือนราชาเทวะน้อยในดินแดนเพิ่งจะตายไปเลย”
“เหอะ หากไม่ใช่ราชาเทวะน้อยดินแดนฟืนไห่ถูกฆ่าอย่างแปลกประหลาด พวกเจ้าคิดว่าเขาจะมีโอกาสมางานเช่นนี้หรือ”
“นั่นดินแดนซุยชิง…,”
“นั่นดินแดนจินกวง”
“สามดินแดนเทพอื่นในแผ่นดินเทพใต้ต่างมากันครบแล้ว”
“ไม่เพียงแค่แผ่นดินเทพใต้ ข้าเห็นคนแผ่นดินเทพอื่นก็มากันแล้ว”
“ไหนๆ”
“โน่น คนโน้นเป็นคนดินแดนเซียนเหนี่ยวแผ่นดินเทพเหนือ…ยังมีดินแดนกู่เฟิงแผ่นดินเทพตะวันตก… นั่นเป็นดินแดนสือฟางแผ่นดินเทพเหนือ…”
ไม่ใช่ว่าพวกเขารู้จักกลุ่ม ‘ศักดิ์สูง’ เหล่านี้แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะบนของร่างแขกเหล่านี้ต่างแขวนป้ายดินแดนเทพของตัวเองเอาไว้ ทำให้คนทราบว่าพวกเขามาจากที่ไหน
แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ดินแดนเทพใหญ่ทั้งหลายต่างส่งคนมาอวยพรวันเกิดให้ราชาเทวะอู๋หวา เป็นการให้เกียรติกันอย่างเต็มที่
“มีคนมาอีกแล้ว” มีคนร้องอย่างตื่นเต้น
ทันใดนั้น ทุกคนก็เห็นว่าหลังจากแสงงดงามสองสายร่อนลงแล้วกระจายหายไปก็มีเงาร่างคนปรากฎขึ้น คนแรกคือองค์หญิงชูเนี่ยนแห่งดินแดนอู๋หวา ที่ติดตามมาคือสองสาวใช้
อีกด้าน คนแรกเป็นชายหนุ่มชุดแดง ใบหน้างดงามเป็นหนึ่งอย่างไม่อาจหาใครเทียบเทียมได้ ผู้ติดตามสามคน นัน คนหนึ่งผมสีเงินนัยน์ตาสีเลือด อีกสองคนก็สง่างามหน้าตาหล่อเหลา
คุณชายชุดแดงกับองค์หญิงชูเนี่ยนนั้นพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
ชั่วขณะนั้นผู้คนก็คาดเดากันขึ้นมาทันที
“นั่นใครหรือ ทำไมไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อนเลย”
“ดูเขาสนิทสนมกับองค์หญิงชูเนี่ยนมากหรือจะเป็นลูกเขยของราชาเทวะอู๋หวา” “ดูเหมือนเขาจะใส่เสื้อผ้าของตัวเองนะ ไม่มีตราสัญลักษณ์ดินแดนเทพ ไม่รู้ว่ามาจากไหนกัน”
“ได้ยินว่าองค์หญิงชูเนี่ยนสูงส่งสง่างาม เข้ากับคนได้ง่าย แต่ก็น้อยมากที่จะแสดงท่าทีเช่นนี้ ดูแล้ว เก้าส่วนน่าจะเป็นลูกเขยที่ราชาเทวะอู๋หวาเลือกไว้”
“องค์หญิงชูเนี่ยนอายุห้าพันหนึ่งร้อยกว่าปีแล้ว ต่อให้มีคู่ครองก็เป็นเรื่องปกติ”
ทุกคนต่างคาดเดาถึงความสัมพันธ์ของมู่ชิงเกอกับองค์หญิงชูเนี่ยน ทั้งยังฐานะของชายชุดแดงผู้งามสง่า
เวลานี้ มู่เทียนอินเองก็เห็นคนที่เขาเคียดแค้นจนฝังกระดูก ไม่มีวันลืมเลือนแล้วเช่นกัน
‘มู่-ชิง-เกอ!’
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแววตามู่เทียนอินเวลานี้มืดทึบลง เพราะถูกความแค้นและความโหดเหี้ยมยึดครองไปจนหมดสิ้น จิตสังหารที่ผุดออกมาจากจิตใจวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขา
เขาไม่นึกถึงเลยว่าจะมาพบกับมู่ชิงเกออีกครั้งที่นี่
อีกทั้ง ตัวเองก็ทำได้เพียงนั่งอยู่กับพวกคนชั้นตํ่าด้อยค่าเหล่านี้ ส่วนคนที่เขาแค้นนักหนากลับยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยหน้าวังราชาเทวะที่ชวนให้ผู้คนอิจฉา ผู้คนทั่วไป ต้องแหงนหน้าขึ้นมอง
กระทั้งมู่ชิงเกอยังสนิทสนมกับองค์หญิงชูเนี่ยนที่เขาชื่นชอบอีกด้วย
เมื่อแค้นเก่าแค้นใหม่มารวมกันก็แทบจะแผดเผาสติทั้งหมดที่มู่เทียนอินมีอยู่
เวลานี้เอง ลู่เยี่ยที่มาจากที่ไกลออกไปก็ตะโกนเรียกชื่อมู่ชิงเกอเสียงดัง “ราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ย ที่แท้ท่านอยู่ที่นี่เอง” พูดจบก็พลิ้วกายลงมาอยู่เบื้องหน้ามู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนด้วยท่าที่ยินดีผิดปกติ
เสียงร้องเรียกของเขาเปิดเผยฐานะของมู่ชิงเกอในทันที พลันนั้นคลื่นลมใหญ่ก็โหมซัดสาด
คลื่นลมครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงแค่คนที่ไม่มีคุณสมบัติได้เข้าไปยังวังราชาเทวะที่อยู่ด้านล่างเท่านั้น พวกศักดิ์สูงที่มาจากดินแดนเทพอื่นๆ เองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
หนุ่มชุดแดงสง่างาม หล่อเหลาเป็นหนึ่งที่ทำให้ผู้คนต้องมองอีกหลายครั้งคนนี้ก็คือราชาเทวะน้อยคนใหม่ของดินแดนฮ่วนเยวี่ยหรือ