Skip to content

พลิกปฐพี 702

ตอนที่ 702

ขึ้นบกที่แผ่นดินเทพตะวันออก

“คาถาท่อนนี้…

สองตามู่ชิงเกอเปล่งประกายเฉียบคม ภายในส่วนลึกนั้น สามารถเห็นได้ถึงความสะท้านใจ

ใช่แล้ว ความสะท้านใจ

เนื่องจากเคล็ดวิชาเทวะสามส่วนที่หลอมรวมกันในสมองนางนั้นปรากฎชัดถึงคาถาหนึ่ง ภายในนั้นมีท่อนสั้นๆ ท่อนหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้คาถาท่อนสั้นๆ นั้นจะมีใจความขาดหายไปบ้าง แต่ส่วนที่เหลืออยู่นั้นนางก็ยังสามารถจดจำได้ในทันที

คาถาที่นางคุ้นเคยนี้นางบำเพ็ญมาแล้วสองปีกว่าถึงสามปี

‘เหตุใดเขาจึงมีได้ เหตุใดจึงรู้ถึงคาถาบำเพ็ญของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง’ มู่ชิงเกอพึมพำเสียงเครียด

คาถาท่อนนี้นั้นก็คือคาถาที่ชายชราซึ่งนางมารู้ทีหลังว่าเป็นอดีตราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมอบให้นาง

ครั้งนั้น อดีตราชาเทวะบอกว่าคาถานั้นไม่สมบูรณ์ หวังว่านางจะมีโอกาสเพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปให้ครบถ้วนสมบูรณ์ได้

เวลานี้…

มู่ชิงเกอสงบลง ขมวดคิ้วครุ่นคิด

ดูจากเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างที่นางได้มาสามส่วนในเวลานี้แล้ว นางสามารถวิเคราะห์ได้พอสังเขปว่า ใจความของส่วนล่างมีส่วนหนึ่งเป็นคาถาบำเพ็ญพลัง เทพ คาถานี้มีพื้นฐานมาจากส่วนบนและส่วนกลาง แตกต่างจากคาถาอื่นๆ อย่างมาก นอกจากคาถาแล้วที่บันทึกในเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างก็คือบัญญัติอาคม

ทุกๆ บัญญัติอาคมล้วนยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้าดิน

สามส่วนในมือมู่ชิงเกอที่เปิดให้เห็นนั้นเป็นกว่าครึ่งของคาถา ทั้งยังมีสามบัญญัติอาคมใหญ่ เพียงดูจากสามบัญญัติอาคมนี้ มู่ชิงเกอสามารถแน่ใจได้เลยว่า บัญญัติอาคมในสองส่วนที่เหลือนั้นจะต้องสะเทือนฟ้าดินยิ่งกว่านี้อีก

เนื่องจาก สามบัญญัติอาคมนี้เป็นเพียงระดับถํ้าวิญญาณเท่านั้น

“แล้วเหตุใดจึงยังขาดคาถาท่อนสั้นๆ ที่อดีตราชาเทวะเคยบอกมา จริงๆ แล้ว อีกสองส่วนที่เหลือควรจะมีแต่เรื่องเกี่ยวกับบัญญัติอาคม ไม่ควรจะมีคาถาอีกสิ” มู่ชิงเกอพึมพำเสียงค่อย ข้อสงสัยเหล่านี้ทำให้นางข้องใจอย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกโชคดีก็คือคาถาที่อดีตราชาเทวะบอกนาง รวมทั้งที่มีอยู่ในมือนางนั้นกลายเป็นชุดคาถาที่สมบูรณ์ชุดหนึ่งพอดี

หรือก็หมายความว่า ในแผ่นดินเทพมาร ปัจจุบันมีนางเพียงคนเดียวที่กุมคาถาการบำเพ็ญแรกเริ่มของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างไว้ในมือ

“ดูแล้ว หลังจากกลับฮ่วนเยวี่ยแล้วจะต้องคุยกับอดีตราชาเทวะให้ถ่องแท้” คิ้วที่ขมวดของมู่ชิงเกอค่อยๆ คลายออก

นางเป็นคนที่ไม่ชอบอ้อยสร้อยมาแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อคิดหาคำตอบไม่ออกในเวลานี้ คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ รอไว้กลับถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ย พบอดีตราชา เทวะแล้วทุกอย่างก็จะชัดแจ้งเอง

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว มู่ชิงเกอจึงวางข้อสงสัยนี้ลง

เมื่อปรับอารมณ์แล้ว นางจึงวางจุดสนใจไว้ที่สามบัญญัติอาคมระดับถํ้าวิญญาณที่บันทึกไว้ในเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างส่วนที่เหลือ

เมื่ออ่านบัญญัติอาคมที่หนึ่งอย่างละเอียดแล้ว ดวงตามู่ชิงเกอก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้น

จนนางอ่านจบก็อดไม่ได้ที่ต้องสูดลมหายใจรำพันอย่างสะท้อนใจว่า “บรรพชนตระกูลมู่ที่สร้างเคล็ดวิชาเทวะ ช่างเป็นคนที่เก่งกาจเหนือมนุษย์แท้ๆ ข้าเทียบเขาไม่ได้เลย”

ขณะที่นางรำพันจบ แสงสีเงินแวบหนึ่งเกิดขึ้นข้างหลังตกลงบนพื้นข้างหน้านางกลายเป็นรูปร่างคน

หยินเฉินมองนาง นัยน์ตาสีเลือดผุดแววไม่เห็นด้วย “เหตุใดชิงเกอจึงต้องประเมินตัวเองเสียต่ำต้อยเช่นนี้ด้วย”

ในใจเขา มู่ชิงเกอเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ร้ายกาจที่สุดตลอดเวลา

แม้แต่ซือมั่ว ในสายตาของเขาก็ยังไม่ร้ายกาจเท่ามู่ชิงเกอ

ดังนั้น หลังจากที่ได้ยินคำรำพันของนางแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ต้องปรากฎตัวออกมา

มู่ชิงเกอส่ายหน้าหัวเราะ “ข้าไม่ได้ดูถูกตัวเองพรํ่าเพรื่อ แต่ก็ไม่เคยประเมินตัวเองสูงส่งอย่างตาบอด”

นางหยุดแล้วพูดกับหยินเฉิน “บัญญัติอาคมที่ข้าสัมผัสมาแต่ก่อนนี้ ไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ยังคงเหมือนเดิม”

หยินเฉินขมวดคิ้ว เม้มปากฟังนางอธิบาย

“จุดที่ไม่เปลี่ยนก็คือ การใช้บัญญัติอาคมเป็นการระดมพลังกฎบัญญัติ ขับเคลื่อนกฎบัญญัติเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม” มู่ชิงเกอชี้จุดสำคัญของบัญญัติอาคม

หยินเฉินผงกศีรษะ นัยน์ตาผุดแววสงสัย “แล้วมีอะไรไม่ถูกหรือ”

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะ “ไม่ใช่ไม่ถูก แต่ทุกๆ คนต่างคิดว่า พลังกฎบัญญัติใช้ได้เพียงเท่านี้เอง”

ตาดำหยินเฉินหดลงราวกับทายได้ว่ามู่ชิงเกอจะพูดอะไรต่อ

“แต่ใจความในเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างกลับบอกข้าให้รู้ถึงการใช้พลังกฎบัญญัติอีกวิธีหนึ่ง” มู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิที่ขอบเตียง งอนิ้วยื่นมือออกไปเคาะขอบเตียงเบาๆ สองครั้ง

“ในนั้นบันทึกสามบัญญัติอาคม กระบวนท่าที่หนึ่ง เรียกว่านิ้วหนึ่งจิต มีความหมายว่าหนึ่งจิตระหว่างเป็นกับตาย กระบวนท่านี้เริ่มบำเพ็ญจากขั้นถํ้า วิญญาณ เมื่อบำเพ็ญสำเร็จขั้นที่หนึ่งก็สามารถชี้ให้ตายได้เพียงนิ้วเดียว เมื่ออยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หนึ่งแล้ว บำเพ็ญขั้นที่สองก็สามารถชี้ให้เป็นได้ในนิ้วเดียว ใช้ หลักธรรมเป็นหรือตายหลอมรวมอยู่ในกระบวนท่า ออกกระบวนท่าก็คือกฎบัญญัติ คือหลักธรรมนิ้วเดียวชี้เป็นหรือตาย”

หยินเฉินสูดลมหายใจเย็นเฉียบกลั้นหายใจ นัยน์ตาสีเลือดสะท้านยิ่งนัก

มู่ชิงเกอยิ้มขื่นเอ่ยว่า “ดูสามบัญญัติอาคมในเคล็ดวิชาเทวะแล้ว ข้าจึงรู้ว่าการติดอยู่ในรากวิญญาณนั้นช่างน่าหัวเราะนัก ทุกคนต่างเข้าใจว่าการรับรู้และการควบคุมคาถาและบัญญัติอาคมนั้น เกี่ยวข้องกับรากวิญญาณของตัวเอง แต่กลับไม่รู้ว่า ทุกคาถารวมเป็นหนึ่ง เพียงแค่เจ้าสามารถรับรู้ได้ก็จะไม่ถูกจำกัดโดยรากวิญญาณแม้แต่นิดเดียว”

“แล้วรากวิญญาณจะมีประโยชน์อันใดเล่า” หยินเฉินเอ่ยเสียงหลง

มู่ชิงเกอถอนหายใจรำพันว่า “ใช่แล้ว รากวิญญาณจะมีประโยชน์อันใดเล่า” ใจความของเคล็ดวิชาเทวะหากเผยแพร่ออกไปจะต้องสะเทือนฟ้าดินแน่นอน

มิน่า ราชาเทวะเหล่านี้จึงอยากได้เคล็ดวิชาเทวะมากมายขนาดนี้ แม้กระทั่งซือมั่วยังบอกว่าในนั้นซ่อนความลับยิ่งใหญ่ของการทะลวงขอบเขตขั้นสุดท้ายเอาไว้

บัญญัติอาคมภายในนั้น ความคิดที่เปิดเผยออกมาเป็นการล้มล้างทุกอย่างที่รับรู้ไปแล้วในเวลานี้

เพียงแค่ส่วนที่หนึ่งก็ทำให้คนตกตะลึงได้มากมายถึงเพียงนี้ อีกสองส่วนที่จะอยู่ข้างหลังรวมทั้งบัญญัติอาคมที่บันทึกไว้ในสองส่วนที่เหลือนั้นจะต้องน่าตกใจยิ่งกว่านี้แน่

มู่ชิงเกอไม่ได้ดูบัญญัติอาคมที่สองกับสามต่อไป นางจะต้องเข้าใจนิ้วหนึ่งจิตให้ถ่องแท้เสียก่อน รอจนสามารถเปลี่ยนทัศนคติเดิมของตัวเองที่มีต่อคาถาได้เสียก่อนจึงค่อยไปฝึกอีกสองอย่างที่อยู่ข้างหลัง

เพราะความตกตะลึงที่พบว่าตัวเองถูกจำกัดอยู่ในอุปสรรคกฎเกณฑ์ดั้งเดิมมู่ชิงเกอจึงสะท้อนใจว่านางเองไม่ได้มีความสามารถเท่าบรรพชนตระกูลมู่เลย

“หยินเฉิน ในระยะนี้ข้าต้องการเวลาคิดอย่างละเอียด พรุ่งนี้หลังจากขึ้นเรืออากาศแล้วก็จะปิดประตูบำเพ็ญ อย่าให้ใครมารบกวนข้า จนถึงแผ่นดินเทพตะวันออกแล้วเจ้าค่อยเรียกข้า” มู่ชิงเกอบอกหยินเฉิน

หยินเฉินผงกศีรษะ เขารู้ว่าเวลานี้จะรบกวนมู่ชิงเกอไม่ได้ การปิดประตูบำเพ็ญของมู่ชิงเกอก็คือกลับเข้าไปในช่องว่าง

วันรุ่งขึ้น พอมู่ชิงเกอก้าวขึ้นเรืออากาศก็ประกาศว่าจะปิดประตูบำเพ็ญ ให้หยินเฉินเฝ้าระวังอยู่หน้าประตู

นางต้องการปิดประตูบำเพ็ญ คนอื่นย่อมไม่มีความเห็นอะไร

ความจริง การเข้าไปในช่องว่างนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับใครในช่องว่าง เพียงปิดประตูบำเพ็ญในเจดีย์ฝึกพลังยุทธ์ ที่นางต้องค้นคว้านั้นคือนิ้วหนึ่งจิต

ต้องฝึกนิ้วหนึ่งจิตให้ได้ นางจึงจะเข้าใจได้ถึงคำอธิบายขั้นแรกของบัญญัติอาคมในเคล็ดวิชาเทวะ

เวลาในเจดีย์ฝึกพลังยุทธ์ ถูกปรับให้เร็วขึ้นหลายเท่าตัว ข้างนอกหนึ่งวันเท่ากับข้างในสิบวัน จากแผ่นดินเทพตะวันตกวิ่งข้ามมหาสมุทรดวงดาวไปจนถึง แผ่นดินเทพตะวันออกนั้นจะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนครึ่ง เท่ากับมู่ชิงเกอบำเพ็ญในเจดีย์ฝึกพลังยุทธ์ถึงหนึ่งปีครึ่ง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!