ตอนที่ 808
หงายไพ่เจรจา!
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเอ่ยเสริมเรียบๆ อีก “หลังจากนั้น ภายในระยะสั้นๆ เพียงสองปี ก็กำเนิดขั้นศักดิ์สิทธิ์อีกสองคน”
สองตาหงส์ของเขาทอดมองมาที่ร่างมู่ชิงเกอ พูดอย่างคลุมเครือว่า “แบ่งเป็นเหยียนเสี่ย ดินแดนจั๋วอวี่และหมิงถงดินแดนชุ่ยซิงแผ่นดินเทพใต้
เขาหยุดแล้วเอ่ยต่อว่า “ส่วนเจ้า…ราชาเทวะน้อย ดินแดนฮ่วนเยวี่ยของข้า บัดนี้เรื่องที่เข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกยังไม่มีใครรู้ ข้าจำได้ว่าเจ้ากับเหยียนเสี่ยนั้นเคย
มีข้อพิพาทกันใช่ไหม”
นางกับเหยียนเสี่ย?
นัยน์ตามู่ชิงเกอสาดประกายแสงมืดดำ สบตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยแล้วพูดช้าๆ ว่า “ใช่แล้ว หลังจากข้ากลับจากแผ่นดินเทพตะวันตกมาถึงแผ่นดินเทพตะวันออก ระหว่างทางกลับดินแดนฮ่วนเยวี่ย เหยียนเสี่ยได้นำลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่เข้าลอบสังหารข้า ข้าได้ต่อสู้กับเขา ขณะที่เขาจากไปได้เอ่ยว่าจะกลับมาหาข้าอีก”
เรื่องนี้ขณะที่เกิดเรื่องราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็รู้แล้ว เวลานี้เมื่อพูดขึ้นมา มู่ชิงเกอก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่อความหมายอะไรจึงเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างย่อๆ อีกครั้งหนึ่ง
“เช่นนั้นหากเจอเขาอีก เจ้าก็ไม่ต้องออมมือแล้ว” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถูนิ้วเบาๆ ถ้วยชาบนโต๊ะบินมาถึงมือเขา
เขาหลุบตาพูดประโยคนี้ มู่ชิงเกอมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่เนื้อความในคำพูดกลับทำให้นางชะงักไป
ราชาเทวะเฒ่าพูดว่า “เพิ่งได้ข่าวมาว่า ราชามารในแดนมารถูกลอบสังหารจากราชาเทวะเผ่าเทพของเราหลายคน เรื่องนี้ค่อนข้างไร้เกียรติจึงไม่ได้ป่าวประกาศ ออกไป แต่ว่าการลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลว มีสองราชาเทวะจากสี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพตะวันออกร่วมมือด้วย สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้กลับมาทั้งคู่ เจ้าลองทายดูสิว่า เป็นสองคนไหน”
มู่ชิงเกอฉุกขึ้นคิดได้เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งสงบว่า “ราชาเทวะยังทั้งสบายอยู่ที่นี่จึงตัดทิ้งไปเป็นคนแรก ราชาเทวะจงซานดูแล้วก็ไม่เหมือนพวกที่ชอบเรื่องประเภทลอบสังหาร ตามที่ราชาเทวะบอกเมื่อครู่นี้ คนหนึ่งต้องเป็นราชาเทวะจั๋วอวี่ อีกคนที่เหลือนั้นก็มีเพียงราชาเทวะเหว่ยอี้แล้ว”
“ฮ่าๆๆ ปัญหานี้ไม่ยากสำหรับเจ้าจริงๆ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า ก่อนเกิดเรื่องนี้ได้พบสายลับเผ่ามาร ทั้งยังเป็นลูกศิษย์ตำหนักหน้าด้วย” ราชาเทวะเฒ่าพูด
สองตามู่ชิงเกอหรี่ลงนิดๆ มองไปทางราชาเทวะเฒ่า ร้อง ‘อ้อ?’
หางตานางกวาดไปที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย เห็นเขากำลังดื่มชาด้วยอาการนิ่งเฉย ราวกับว่าเรื่องที่ราชาเทวะเฒ่าพูดนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา เขาจึงไม่ได้สนใจ
ราชาเทวะเฒ่าสะบัดมือ ปล่อยตัวตามสบาย อมยิ้มพูดว่า “พอเรื่องนี้แดงออกมาก็ทำให้ดินแดนเทพต่างๆ ล้วนตื่นกลัว ทุกดินแดนต่างตามสืบหาสายลับเผ่ามาร แม้แต่ดินแดนอ่วนเยวี่ยของเราก็ไม่เว้น”
“แล้วผลเป็นอย่างไร” มู่ชิงเกอถาม
พอเคราะห์กรรมเป็นตายของซือมั่วผ่านพ้นไป นางก็รีบจากมาทันที ไม่ได้มีโอกาสถามถึงเรื่องนี้ เลยไม่รู้ว่าเหล่าสายลับที่เขาตั้งใจฝังตัวไว้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซือมั่วหรือไม่มู่ชิงเกอไม่ได้รู้สึกเลวร้ายต่อเผ่ามาร กระทั่งถึงขนาดรู้สึกว่า ของของเขาก็คือของนาง ภายในส่วนลึกของจิตใจ ไม่อยากให้พวก สายลับเผ่ามารที่เสี่ยงภัยฝังตัวในแผ่นดินเทพเกิดเรื่อง
ราชาเทวะเฒ่าส่ายหน้าช้าๆ “ความจริง พวกดินแดนเทพคิดว่าจะรอสายลับเผ่ามารที่ถูกพบติดต่อกับพรรคพวกคนอื่นแล้วพวกเราค่อยลากตัวพวกเขาออกมา ทั้งหมด แต่ไม่นึกว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อพรรคพวก ทั้งตัวเองก็หายไปด้วย ไม่รู้ว่าหนีกลับแดนมารไปหรือไม่”
แววตามู่ชิงเกอเปลี่ยนแปลงวูบหนึ่ง พูดว่า “แล้วดินแดนฮ่วนเยวี่ยพวกเรา ได้อะไรบ้างไหม”
ราชาเทวะเฒ่ายังคงส่ายหน้า
เวลานี้ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพลันเอ่ยขึ้นกะทันหัน “เรื่องนี้ มอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
มอบให้นาง!
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ดวงตาที่ใสกระจ่างมองไปที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย
นางกลับมาครั้งนี้ ต้องการหงายไพ่ที่มีกับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ไม่ใช่ต้องการจับตัวสายลับเผ่ามารอะไรนั่น
สายตาใสกระจ่างของมู่ชิงเกอมักทำให้คนอื่นมองข้ามไม่ได้ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถูกเขาจ้องดูก็อดไม่ได้จนต้องสบตาของเขา “มีเรื่องอะไรหรือ”
มู่ชิงเกอยิ้มเรียบๆ มองทั้งสองคนแล้วว่า “ราชาเทวะ อดีตราชาเทวะ ที่ข้ากลับมาวันนี้ เพราะมีเรื่องหนึ่ง อยากขอปรึกษาทั้งสองท่าน”
“เรื่องอะไรหรือ” ราชาเทวะเฒ่าถาม
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็รอคำพูดต่อมาของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอมีท่าทางปกติ พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่รู้ทั้งสองท่านพอรู้ไหมว่า เมื่อหมื่นปีก่อนเกิดเรื่องขึ้นที่เก้าชั้นฟ้า คนตระกูลมู่สายตรงสายหนึ่งถูกส่งลงไปยังโลก ข้างล่าง”
ราชาเทวะเฒ่าหน้าตาเคร่งขรึมทันที ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเองก็มองมู่ชิงเกอด้วยท่าทีลึกลํ้า
ปฏิกิริยาของทั้งคู่มู่ชิงเกอล้วนเห็นในสายตา รอยยิ้มที่มุมปากขยายกว้างมากขึ้น “ดูแล้วทั้งสองท่านรู้ฐานะของข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“พูดเรื่องที่เจ้าอยากพูดให้จบทั้งหมดก่อน” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดเรียบๆ
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ “ได้ ตามที่ข้ารู้มา เรื่องเก้าชั้นฟ้าครั้งนั้น ดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย อืม นางมองราชาเทวะเฒ่าแวบหนึ่งแล้วเอ่ยแก้ว่า “อดีตราชาเทวะคงไปร่วมดูร่วมสนุกด้วยเฉยๆ แต่บังเอิญเห็นข้อความบางส่วนของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง ส่วนที่เหลือ หลังจากผ่านมาหมื่นปี ท่านก็นำมาสอนข้า”
มุมปากราชาเทวะเฒ่ากระตุก ไม่ได้เอ่ยคำ
มู่ชิงเกอพูดอีกว่า “เรื่องเก้าชั้นฟ้า หนี้แค้นอันยิ่งใหญ่ของตระกูลมู่เป็นเพราะสาเหตุใด ท่านทั้งสองคงรู้อยู่แก่ใจ พูดให้ชัดแล้วก็เพียงเพราะกลุ่มคนที่ละโมบ โลภมาก ใช้ข้อกล่าวหาเลื่อนลอย ทั้งใช้ความไม่พอใจของผู้คนที่ไม่ยอมลงให้กับตระกูลมู่สร้างเรื่องขึ้นมา เรื่องสมคบเผ่ามาร เรื่องทำร้ายเผ่าเทพ เป็นเพียงปาบที่ใช้หลอกคนเท่านั้น สายเลือดตระกูลมู่สืบทอดจากเทพเจ้าสงคราม ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินเทพจะทำเรื่องที่ผิดต่อแผ่นดินเทพได้อย่างไร สงครามใหญ่ครั้งนั้น เก้าชั้นฟ้าถูกทำลาย เวลานี้ยังคงเป็นเพียงซากปรักหักพัง ส่วนตระ กูลมู่ก็ถูกปรักปรำถึงหมื่นปี ถึงเวลานี้ยังคงใช้ชีวิตเหมือนหนู ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดสายเลือดตระกูลมู่ ข้าสมควรต้องทำอะไรบ้างแล้ว”
นางเปิดเผยฐานะตัวเองต่อทั้งสองคน
ทั้งราชาเทวะเฒ่ากับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยต่าง มองนางอย่างสงบนิ่ง สักครู่หนึ่งราชาเทวะเฒ่าก็ถามว่า “คนที่ถูกเจ้าสังหารที่เก้าชั้นฟ้าเป็น…”
“เขาเป็นนายน้อยตระกูลมู่จริง ข้าเองก็ใช่” มู่ชิงเกอพูดตรงๆ เห็นนัยน์ตาคนทั้งคู่ผุดความงุนงงขึ้นมา นางจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า “เคราะห์กรรมตระกูลมู่มีสาเหตุทั้งจากปัจจัยภายนอก ทั้งจากปัจจัยภายใน ดังนั้นเพื่อเตือนสติชนรุ่นหลังและเพื่อหล่อหลอมให้เป็นกระบี่ที่คมกริบจริงๆ เพื่อฟื้นฟูตระกูลมู่ นายน้อยตระกูลมู่จึงไม่ได้มีเพียงคนเดียว คนสุดท้ายที่มีชีวิตเหลืออยู่ก็คือนายน้อยตระกูลมู่ที่สวรรค์ลิขิต ส่วนข้าก็คือคนสุดท้ายที่มีชีวิตเหลือรอดคนนั้น”
“มิน่าพวกเขาจึงค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเคล็ดวิชาเทวะในสิ่งของที่เหลืออยู่ของนายน้อยตระกูลมู่ไม่พบ” ราชาเทวะเฒ่าเพิ่งจะเข้าใจ
ส่วนราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับมองมู่ชิงเกอและ ถามว่า “จุดประสงค์ที่เจ้าบอกเรื่องเหล่านี้ให้พวกข้าฟัง ก็เพราะอยากจะใช้ดินแดนฮ่วนเยวี่ยใช่ไหม”
คำพูดราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนั้นตรงไปตรงมามาก
คำพูดนี้ซ่อนความคมกริบไว้ภายใน หากมู่ชิงเกอตอบได้ไม่ดี ไม่แน่ว่าวันนี้นางคงยากที่จะออกจากวังราชาเทวะนี้ได้
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ภายใต้การจับจ้องของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนางเอ่ยกับราชาเทวะเฒ่าด้วยท่าทีปกติว่า “อะไรคือใช้กัน วันนี้ที่ข้าพูดมาทั้งหมดนี้ เพียงเพื่อต้อง
การเป็นพันธมิตรเท่านั้น”
“พันธมิตรรึ” ราชาเทวะเฒ่าอมยิ้ม เอ่ยอย่างไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ว่า “เจ้าหนูน้อย เจ้าคิดจะเป็นพันธมิตรกับเราอย่างไร อีกทั้งเจ้าคิดจะฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้า อย่างไร”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ พูดว่า “เป็นพันธมิตร เนื่องจากข้าต้องการรู้ให้แน่ชัดก่อนจะเกิดสงครามใหญ่ว่า ใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู ไม่ใช่มิตรก็คือศัตรู ในจุดนี้ คิดว่าทั้งสองท่านก็คงรู้ดี เรื่องครั้งนั้น ดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งนี้จึงเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นพันธมิตรกับข้า การปฏิบัติต่อพันธมิตร ข้าล้วนใจกว้างเสมอมา และการปฏิบัติต่อศัตรู ข้าก็ไม่มีทางปรานี ส่วนจะฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้าได้อย่างไรนั้น พวกท่านจะได้เห็นโดยเร็ว”
“ดูเจ้ามีความเชื่อมั่นเต็มที่ มีแผนการอยู่แล้ว แต่เจ้ารู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรหรือไม่” ราชาเทวะเฒ่าพูดขำๆ
เขาชื่นชมมู่ชิงเกอมาก เนื่องจากพรสวรรค์การบำเพ็ญของเขาเหนือกว่าใครๆ ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก เรื่องความฉลาดเฉลียวระดับฝืนฟ้าฝืนสวรรค์เขา ถูกใจมู่ชิงเกอมากทีเดียว
แต่การฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้า ล้างข้อกล่าวหาตระกูลมู่ในครั้งนั้น ไม่ใช่แค่อาศัยเขาเพียงคนเดียวก็จะทำได้
“หรือเจ้าคิดว่าพวกตระกูลมู่เหลือเดนเหล่านั้นจะสามารถช่วยเจ้าได้” ราชาเทวะเฒ่าพูดขึ้นอีก
ครั้งนี้มู่ชิงเกอหัวเราะขบขันเสียเอง “หากพวกเขาสามารถทำได้ คงไม่ต้องรอถึงหมื่นปีก็ยังต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ หรอก”
คำพูดนางทำให้ราชาเทวะเฒ่าเก็บรอยยิ้ม ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็มองมู่ชิงเกอเงียบๆ
“ท่าทางเจ้ายังมีไพ่ตายที่พวกเราไม่รู้ในมืออีก” ราชาเทวะเฒ่าพูด
มู่ชิงเกอยิ้ม “หากไม่มีความมั่นใจพอสมควร วันนี้ข้าจะกล้ามาพูดเรื่องนี้ที่นี่หรือ เกรงตัวเองจะมีชีวิตอยู่นานเกินไปหรือไร”
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยแค่นยิ้ม “เจ้าใจกล้ามากจริงๆ”
“ขอบคุณราชาเทวะที่ชมเชย” มู่ชิงเกอรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
นางมองราชาเทวะเฒ่าและตอบคำถามราชาเทวะเฒ่าว่า “ข้าจะต้องพบเจออะไรนั้นข้าเข้าใจดี ดินแดนเทพที่ร่วมกันทำเรื่องนี้ในครั้งนั้น พวกตัวตั้งตัวตีข้าจะไม่ ปล่อยไปแม้เพียงคนเดียว เส้าเทียน กู่เฟิ่ง เซวียนเช่อ จื่อกวงต่างเป็นพวกเดียวกัน เป็นตัวตั้งตัวตีในครั้งนั้น อีกทั้งอู๋หวา ไห่เทียน สือฟาง จั๋วอวี่ต่างเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด คนเหล่านี้ไม่ว่าตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนในสิ่งที่เคยทำทั้งสิ้น”
“ท่าทางเจ้าจะรู้เรื่องทั้งหมดดีอยู่แล้ว คงเป็นผู้เฝ้ามองตระกูลมู่สองคนนั้นบอกเจ้า ครั้งนั้นผู้เฝ้ามองตระกูลมู่สามคน ตายในสงครามครั้งนั้นหนึ่งคน ที่เหลือสองคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพู เรียบๆ
ราชาเทวะเฒ่าพูดต่อทันทีว่า “ผู้เฝ้ามองมีน้อยมาก เก้าชั้นฟ้ายึดไปแล้วสามคน ที่เหลืออยู่เวลานี้ก็สิ้นไปหมดแล้ว นับรวมแล้ว ทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร คง เหลืออยู่เพียงสองคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลมู่เท่านั้น”
สำหรับเรื่องนี้ มู่ชิงเกอไม่แสดงท่าทีปฏิเสธหรือเห็นด้วย
ราชาเทวะเฒ่ายิ้มว่า “เจ้าพูดมามากมาย จริงๆ แล้วมีแผนอะไรข้ายังไม่รู้เลย เจ้าอยากให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ยเป็นพันธมิตรกับเจ้าก็ควรต้องแสดงความจริงใจอะไร ออกมาบ้าง”
มู่ชิงเกอยิ้มพลางส่ายหน้า “ความจริงใจย่อมต้องมี แต่แผนการเวลานี้ต้องขออภัยที่บอกไม่ได้ เรื่องแผนการลับเหล่านี้ คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี โอกาสสำเร็จก็จะยิ่งสูง เวลานี้ข้าไม่ได้หวังให้ทั้งสองท่านให้คำตอบ ทั้งสองท่านรออีกสักหลายวัน อีกสักพักแล้วพวกเราค่อยมาคุยเรื่องนี้ดีไหม”
“เจ้าตอบข้าเพียงว่า เจ้าคิดจะล้างมลทินตระกูลมู่อย่างไรก็พอ ข้าอยากรู้มาก” ราชาเทวะเฒ่าพูด
มู่ชิงเกอกลับหัวเราะขึ้นมา นางถามกลับว่า “ในแผ่นดินเทพมารนี้จำเป็นต้องล้างมลทินด้วยหรือ”
พูดจบนางก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวลาทั้งสองคน หันกายเดินออกไป
สายตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกับราชาเทวะเฒ่า มองไปที่แผ่นหลังอันสง่าผ่าเผยของมู่ชิงเกออยู่นานโดยไม่ละสายตา
ราชาเทวะเฒ่ายังงงงัน หันมองราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยและถามว่า “คำพูดเจ้าหนูนี่หมายความว่าอย่างไร เขาไม่อยากล้างชื่อสกปรกที่ตระกูลมู่แบกรับอยู่หรือ เขา ยอมรับว่าตระกูลมู่สมคบกับเผ่ามารหรือไร”
สายตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกวาดมาอย่างเย็นเยียบ พูดเรียบๆ ว่า “ความหมายของเขาคือ ในแผ่นดินเทพมาร หมัดใครใหญ่กว่าแข็งแกร่งกว่า คนคนนั้นก็คือความถูกต้อง ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร มลทินมีความจำเป็นอะไรที่ต้องชำระล้างอีก”
ราชาเทวะเฒ่าตกตะลึงไปในทันที พึมพำคำหนึ่ง ว่า “ตระกูลมู่แต่ไหนแต่ไรมาห่วงเรื่องความสง่างาม รักคุณธรรมยิ่งชีวิต ไม่นึกว่าหมื่นปีให้หลังจะมีเจ้าหนูที่บ้าคลั่งชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาได้”
มู่ชิงเกอออกจากวังราชาเทวะ นางไม่ได้กลับตำหนักตัวเอง แต่ไปยังถํ้าที่ลูกศิษย์ฮ่วนเยวี่ยธรรมดาพักอาศัย
ไม่ได้พบกันสิบกว่าปี นางยังไม่รู้ว่าเหยาชิงไห่ ซีเซียนเสวี่ยเวลานี้เป็นอย่างไรแล้ว อีกทั้งถงเถิง หลายปีนี้ได้ก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว
เพียงแต่นางนึกไม่ถึงว่า เพิ่งไปครึ่งทางก็พบกับเฟิ่งซิ่งเข้า
“ศิษย์พี่เฟิ่งซิ่ง?” มู่ชิงเกอรู้สึกผิดคาด
เฟิ่งซิ่งยิ้มพยักหน้า คารวะมู่ชิงเกอด้วยความเคารพ เดินมาที่เบื้องหน้ามู่ชิงเกอแล้วหยิบของจากแขนเสื้อมาวางไว้ในมือมู่ชิงเกอแล้วก็หันกายจากไป
หลังจากเขาไปแล้วมู่ชิงเกอจึงดูของที่เขาให้มา นัยน์ตาเบิกกว้างทันที ตกตะลึงสุดประมาณ ‘ที่แท้สายลับแดนมารในดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็คือเฟิ่งซิ่ง!’
ของที่เขายื่นให้เป็นหลักฐานยินยันจากซือมั่ว แน่นอนว่าที่เขาเปิดเผยฐานะตัวเองก็เพราะได้รับคำสั่งจากซือมั่วเช่นกัน
มู่ชิงเกอเก็บของนั้นไว้ในช่องว่าง ตกใจยิ่งนักแต่ไม่แสดงท่าทีอะไรแม้แต่นิด
นางเดินต่อไปข้างหน้า เวลาเดียวกันนั้นก็เริ่มเกิดพายุใหญ่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ปกคลุมดินแดนเทพไม่น้อยอยู่ภายใน
ดินแดนเหว่ยอี้กับดินแดนจั๋วอวี่ เนื่องจากราชาเทวะเสียชีวิต เหล่าลูกศิษย์ตำหนักหน้าก็เริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีทั้งสนับสนุนราชาเทวะน้อยและมีทั้งไม่สนับสนุน กระทั้งเริ่มมีการต่อสู้ภายใน
ในแผ่นดินเทพเหนือ ดินแดนไห่เทียนก็เป็นเช่นเดียวกัน ราชาเทวะไห่เทียนเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้แต่งตั้งราชาเทวะน้อยจึงทำให้ในดินแดนเกิดการต่อสู้ภายในไม่สิ้นสุด มีคนบาดเจ็บล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งยังดินแดนเฟิ่งเทียน ลือกันว่าหลียวนราชาเทวะเฟิ่งเทียนระยะนี้แปลกประหลาดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ร้ายขี้หงุดหงิด ลูกศิษย์หญิงในดินแดนหายไป จำนวนมาก ทั้งยังเสาะหาหนุ่มรูปงามตามที่ต่างๆ จับตัวเข้าไปดินแดนเฟิ่งเทียน ทำให้แต่ละคนใจคอหวาดหวั่น
ที่ชุลมุนมากที่สุดคือแผ่นดินเทพตะวันตก ในแผ่นดินเทพตะวันตก ลูกศิษย์สี่ดินแดนเทพเกิดกระทบกระทั้งกันไม่หยุด ไต่ระดับถึงขั้นใช้อาวุธต่อสู้กัน ต่าง ฝ่ายต่างไม่พอใจซึ่งกันและกัน โกรธเกรี้ยวราวกับกินดินระเบิดเข้าไป ส่วนราชาเทวะทั้งสี่ดินแดนเทพกลับเสือกที่จะอยู่เฉยเหมือนตกลงกันไว้แล้ว ปล่อยให้เหล่าลูกศิษย์ไปโรมรันกันเอง
ที่สงบมากที่สุดกลับเป็นแผ่นดินเทพใต้ แต่แม้จะสงบมากที่สุด สี่ดินแดนเทพในนั้นก็ยังมีกระทบกระทงกันบ้าง ไม่สุขสันติเหมือนแต่ก่อนนี้
แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ความสงบสันติสุขที่ยาวนานถูกทำลาย เรื่องวุ่นวายในที่ต่างๆ รวมทั้งเรื่องแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดนับวันยิ่งรุนแรงขึ้น พายุนั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าใครก็ต้านทานไม่อยู่