Skip to content

พลิกปฐพี 956

ตอนที่ 956

อวสานบทต้น

ตอนที่มู่ชิงเกอกลับไปหลินชวน ราตรีก็ย่างกรายมาถึง

นางใช้เวลาเดินทางไปกลับไม่ถึงหนึ่งวัน แต่ว่านางกลับยืนอยู่นอกประตูจวน มีความรู้สึกเสมือนอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง

ภายใต้ความมืดมิด เงียบสงัดอย่างยิ่ง

นอกประตูจวนตระกูลมู่ มีทหารคุ้มกัน โคมไฟสองใบที่แขวนอยู่ใต้ชายคา แกว่งไกวสั่นไหวท่ามกลางสายลมยามราตรี ทำให้เงาสะท้อนรอบด้านเคลื่อนที่

นางไม่ได้รีบเข้าไป เพียงแค่ยืนมือไพล่หลังอยู่หน้าแผ่นหินศิลาที่ได้รับพระราชทานแผ่นนั้น

ใต้ชายคาที่สูงใหญ่เกรียงไกรโล่ประกาศเกียรติคุณสามโล่ยังคงแขวนอยู่ตรงนั้น

มู่ชิงเกอมองโล่ประกาศเกียรติคุณทั้งสามนั้น เนิ่นนานไม่เอ่ยปาก

ความนิ่งเงียบของนาง ทำให้ทหารคุ้มกันสองนายนอกประตูจวนสงสัยอย่างถึงที่สุด ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเอ่ยปากหรือไม่

ภายในประตูจวนที่เปิดกว้าง เงาร่างสูงโปร่งหนึ่งสายค่อยๆ ปรากฎ

เงายาวๆ ลากออกมาจากในประตูจวนจนมาถึงนอกประตูจวน เรียกสติทหารคุ้มกันสองนายนอกประตู พวกเขาหมุนตัวอย่างไม่ได้นัดหมาย มองเห็นเจ้าของเงา

คนทั้งสองสูดหายใจเล็กน้อยในใจ คุกเข่าลงทันที

“ออกไป” ซือมั่วยกนิ้วมือเบาๆ ทั้งสองคนก็ถูกเขาใช้บัญญัติอาคมเคลื่อนที่ หายไปจากที่เดิม

การหายไปของทหารคุ้มกัน ในที่สุดก็เรียกสติมู่ชิงเกอได้ สายตาของนาง เลื่อนลงมาจากโล่ประกาศเกียรติคุณ สบกับดวงตาสีอำพันคู่นั้นของซือมั่ว

ดวงตาคู่นี้ เป็นหนึ่งไม่เป็นสองในใต้หล้า

ขณะที่มองเขา ภาพที่เห็นในนํ้าพุแห่งอนาคตก็ปรากฎอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกออีกครั้ง การปกคลุมของราตรีที่มืดมิด บดบังความรู้สึกเจ็บปวดในดวงตาของนาง เพียงทำให้ดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นของนาง คลุมเครือยากจะเข้าใจ

ซือมั่วมาถึงข้างหน้านาง ยกมือขึ้นปัดเศษผมกลางหน้าผากให้นางเบาๆ กล่าวถาม “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป”

มู่ชิงเกอไม่ตอบ เพียงแค่ยกมือกอดเอวของเขาไว้ ร่างทั้งร่างอิงแอบอยู่ในอ้อมอกเขา

ซือมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย มู่ชิงเกอในแบบนี้ทำให้เขารู้สึกผิดปกติอย่างยิ่ง เพียงแต่นางไม่พูด เขาก็ไม่เค้นถาม นี่คือความรู้ใจกันของคนทั้งสอง เช่นเดียวกัน เรื่องที่เขาไม่พูด มู่ชิงเกอก็ไม่ซักถาม

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

มู่ชิงเกอหลับตาลงพิงร่างซือมั่ว รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ส่งมาจากร่างกายเขา รวมถึงเสียงหัวใจเต้นของเขา ขับไล่ความหนาวบนร่างนางออกไป

‘ดีจริงๆ ยังมีชีวิตอยู่ ดีจริงๆ’

ฉากสุดท้ายในน้ำพุแห่งอนาคต เป็นภาพที่ซือมั่วตัวเย็นเฉียบ ล้มพับอยู่ในอ้อมอกนางอย่างไม่มีลมหายใจเหลือแม้แต่น้อย ตอนนี้นางกอดซือมั่วอยู่ รู้สึกถึงลมหายใจของเขา ความสุขเช่นนี้ทำให้มู่ชิงเกอยอมสละทุกอย่างเพื่อแลกมา

‘ในเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ดีอย่างยิ่ง เช่นนั้นก็จะตายไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตายไม่ได้’ มู่ชิงเกอลืมตาทั้งคู่ช้าๆ ดวงตาที่ใสสะอาด กลับมาสดใสเหมือนเดิม

ซือมั่วรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในลมหายใจของเสี่ยวเกอเอ๋อร์ในอ้อมอกเขาเอง ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาอารมณ์ขึ้นลงมากเช่นนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ว่า สุดท้ายเขากลับรู้สึกได้ว่า เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขากลับมาแล้ว

“พวกเรากลับกันเถอะ” มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นจากอ้อมอกเขา สบดวงตาที่ราวกับดาราคู่นั้นของเขา

ซือมั่วพยักหน้า ทั้งสองกุมมือเดินเข้าไปในจวนตระกูลมู่ ศึกทะเลแห่งความจริง ทำให้ผู้ปกครองในแคว้นต่างๆ รู้ว่าคนที่เผชิญหน้าครั้งนี้เป็นศัตรูแบบใด

ตอนแรกซือมั่วใช้เวลาหลายปีที่หลินชวนเพื่อหาธงวิญญาณมารกลับมา สร้างฐานะมหาปราชญ์ให้ตนเอง ตอนที่มู่ชิงเกอจากมา เขาก็ใช้ฐานะนี้มาเยือนอีกครั้ง จัดการเรื่องทางการทหารในหลินชวนทั้งหมดโดยตรง

พูดได้ว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาก็คือผู้ปกครองที่สูงที่สุดของหลินชวน

“แม้ทางเข้าจะถูกผนึกแล้ว แต่อย่างไรเสียทางเข้าก็ยังคงอยู่ในหลินชวน ข้าเลยวางแผนว่าจะปรับปรุงกองทัพหลินชวนใหม่ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” ทั้งสองเดินเข้าจวนตระกูลมู่ ภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง ไม่ได้พูดคุยเรื่องรักใคร่ แต่กลับพูดถึงการจัดระเบียบกองทัพเพื่อความปลอดภัยทั่วทั้งหลินชวน

มู่ชิงเกอกล่าวถาม “เจ้ามีแผนอย่างไร”

ซือมั่วกล่าว “คนของแผ่นดินเทพมาร ไม่อาจคุ้มกันอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ ข้าวางแผนว่าหลังจากรวบรวมกองทัพแต่ละแคว้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่งตั้งเหล่าทัพพิเศษหนึ่งกลุ่มในกองทหารแต่ละแคว้น หน้าที่ของพวกเขาก็คือรับผิดชอบดูแลทะเลแห่งความจริง รวมถึงนอกเขตทะเลแห่งความจริง ข้าจะตั้งป้อมปราการตามค่ายกล เฝ้าระวังโดยกองทหาร ผนึกพื้นที่บริเวณนี้ ต่อให้วันหนึ่งผนึกถูกทำลาย พวกเขาก็จะถูกขังอยู่ในค่ายกล ไม่มีทางบุกเข้ามาในแผ่นดินได้ทหารเฝ้ารักษาของหลินชวนก็จะมีเวลามารายงานพวกเราทัน

มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว วิธีการของซือมั่ว กับวิธีการที่เทพโอสถใช้มาปกป้องสมุนไพร มีความยอดเยี่ยมที่ได้ผลเหมือนกันแม้จะต่างคนใช้ ปีนั้นโรงโอสถที่เทพโอสถสร้างขึ้นในความเป็นจริงก็คือค่ายกลที่ซ่อนลมปราณแห่งหนึ่ง ปกป้องสมุนไพรที่เป็นลมปราณของราชันย์โอสถจอมเทพไม่ให้ถูกคนของแผ่นดินเทพมารสังเกตเห็น และตอนนี้วิธีที่ซือมั่วเลือกใช้ก็เหมือนกัน ใช้กองทัพ และสร้างป้อมปราการทางการทหาร ทำการปิดล้อม แยกทะเลแห่งความจริงออกไป

หลินชวนเกิดช่องโหว่แล้ว ตำแหน่งเช่นนี้ไม่ได้ป้องกันเพียงแต่เผ่าฝู แต่ยังป้องกันศัตรูจากข้างนอกที่สามารถทำลายผนึก บุกเข้ามาในหลินชวนได้เช่นกัน

“ความคิดดี” มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

หลินชวน จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใช้พลังของตัวเองมาปกป้องแว่นแคว้นของตนไม่อาจอาศัยพลังอย่างอื่นไปตลอดได้

มิเช่นนั้น คนของหลินชวน จะเป็นคนอ่อนแอต่อหน้าคนของโลกอื่นตลอดกาล

อยากแข็งแกร่ง สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยน ก็คือตัวเอง

“แต่ว่า อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่วิธีหลัก เผ่าฝูยังคงเป็นหายนะสำคัญ หลังจากจัดการปัญหาที่นี่เรียบร้อยแล้ว พวกเราต้องคิดหาวิธีอื่นอีก กำจัดเผ่าฝูให้สิ้นซาก จึงจะสามารถแก้ไขเรื่องราวได้อย่างแท้จริง” ซือมั่วกล่าว

มู่ชิงเกอมองเขา ในดวงตาที่ใสสะอาด รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นดวงดาวระยิบระยับ ขับให้ดวงตาทั้งคู่สว่างไสวท่ามกลางแสงราตรี

“คิดไม่ถึงว่า เจ้าแห่งมารที่กระหายเลือดเย็นชาไร้ความรู้สึกในสายตาคนจำนวนมาก ตอนนี้กลับเป็นห่วงแว่นแคว้นราษฎรเสียแล้ว”

การเย้าหยอกของนาง กลับทำให้ซือมั่วสารภาพด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง “เป็นเพราะเจ้า”

มู่ชิงเกอพูดไม่ออก แสงราตรีปกคลุมแก้มที่แดงซ่านของนาง

“ข้าเป็นราชาของแดนมาร สำหรับข้าแล้ว เรื่องสงครามเช่นนี้ข้าขอเพียงปกป้องประชาชนของข้าได้ก็พอแล้ว สำหรับข้า คนอื่นเป็นตายไม่ได้สำคัญเลย แต่เพราะว่าเจ้า พระชายาของข้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าใส่ใจ ต้องการปกป้อง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ข้าต้องปกป้อง นี่คือหน้าที่ในการเป็นสามีของเจ้า”

ในดวงตาสีอำพันของซือมั่วเต็มไปด้วยความจริงใจ ใต้ดวงจันทร์ทั้งสองสบตากันและกัน คำพูดนับพันนับหมื่น ต่างก็หลอมละลายอยู่ในใจคนทั้งสอง

ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า เช้าวันใหม่มาตรงเวลา

รอบๆ ทะเลแห่งความจริง ผู้ที่เฝ้าระวังคือเทพมารที่มู่ชิงเกอนำมาเหล่านั้น ตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงไม่กี่พันคน แต่กลับสุขุมมากกว่าตอนที่มา

ก่อนที่แผนการของซือมั่วจะบรรลุผล ความปลอดภัยที่นี่ มีพวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบ

วันนี้พวกเขามาลาดตระเวนรอบนอกทะเลแห่งความจริงตาม ช่วงเวลานี้และวิธีการที่คุ้นเคย ทุกอย่างสงบเงียบเป็นปกติ ได้ยินเสียง แมลง นกร้องเป็นครั้งคราว

ทันใดนั้น เสียงที่ดังลั่นเสียงหนึ่ง ก็ดังมาจากท้องฟ้า ทำลายความเงียบสงัดนี้..

ครืนนน

เสียงดังสนั่น เกิดขึ้นกะทันทัน

แผ่นดินใหญ่ทั่วทั้งหลินชวน คล้ายได้รับการโจมตีที่รุนแรงอย่างยิ่ง สั่นไหวอย่างแรง ทำลายความเงียบสงัดยามเช้าตรู่

เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน ดังออกมาจากบ้านคนนับหมื่นนับพัน

ในทะเลแห่งความจริง เผ่าเทพเผ่ามารที่คุ้มกันอยู่ที่นี่ แหงนหน้ามองฟ้าด้วยความตกใจ ดวงตาถูกความตกตะลึงแผ่คลุม ท้องฟ้าที่เดิมสว่างสดใส ตอนนี้ลมเมฆเปลี่ยนสี เมฆขาวที่ล่องลอยกลายเป็นพายุหมุนทำลายล้าง ปะทะอยู่บนท้องฟ้าอย่างโหดเหี้ยม สีของท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาวหม่น ทั่วท้องฟ้าปรากฎรอยร้าวนับไม่ถ้วน ในรอยร้าว สายฟ้าปรากฎขึ้นราวกับมังกรเลื้อย ร้องคำรามเสียงดังไม่หยุดหย่อน

“เกิดอะไรขึ้น เผ่าฝูบุกโจมตีอีกแล้วหรือ”

“การเคลื่อนไหวครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน”

ครืนนน

เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครา ตัดบทสนทนาลง

แผ่นดินหลินชวนเริ่มสั่นไทว กระทั่งผู้คนรู้สึกได้ว่าพื้นดินเริ่มเอนเอียงไม่ขาดสาย แม้ว่าความรู้สึกนี้จะเบาอย่างยิ่ง แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกได้

ความหวาดกลัว แผ่ขยายไปบนแผ่นดินหลินชวนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าแต่ละแคว้นจะปลอบขวัญประชาชนได้ด้วยการตอบสนองที่เร็วที่สุด แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อย

“ฟ้าทลายแล้ว”

ในหลินชวนที่วุ่นวาย แต่ละแห่งส่งเสียงร้องหวาดกลัวที่เหมือนกัน

คนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเหล่านี้มองเห็นฉากที่พันปีหมื่นปีพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ท้องฟ้าที่ไม่มีวันสั่นสะเทือนในความคิดนั้น คาดไม่ถึงว่าเริ่มแตกร้าวประหนึ่งก้อนน้ำแข็ง และเศษละเอียดที่ร่วงลงมาเหล่านั้นก็กลายเป็นลูกไฟแต่ละลูกๆ ตกลงมาจากท้องฟ้าที่ว่างเปล่า กระทบแผ่นดินหลินชวนอย่างรุนแรง

“อ๊าก หนีเร็ว”

“ฟ้าถล่มแล้วรีบหนีเร็ว”

“วันสิ้นโลกมาแล้ว วันสิ้นโลกมาแล้ว”

พายุหมุน สายฟ้า จู่โจมแผ่นดินผืนนี้อย่างต่อเนื่อง ผู้คนซึ่งไร้ที่พึ่ง นอกจากวิ่งหนีอุตลุดอย่างไม่มีเป้าหมาย ก็ทำอย่างอื่นไม่ได้อีก

ความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง แผ่ขยายอยู่ในใจของพวกเขาไม่หยุด

บนถนน ในบ้านเรือนที่ต่างๆ ล้วนแต่มีเสียงกรีดร้องของผู้ใหญ่ รวมถึงเสียงร้องไห้ของเด็ก

ศึกใหญ่ครั้งนั้นเมื่อเดือนก่อนอย่างน้อยก็ยังควบคุมให้อยู่ภายในขอบเขตของทะเลแห่งความจริงประชาชนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบก็ถูกอพยพออกไปแต่เนิ่นๆ เช่นกัน

แต่วันนี้เล่า แผ่นดินหลินชวนทั้งหมด ต่างก็ตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ต่อการพังพินาศชนิดนั้น

พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใด จู่ๆ ถึงเป็นเช่นนี้

หายนะเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

วินาทีก่อน พวกเขายังเตรียมต้อนรับวันใหม่ ทว่าตอนนี้ กลับทำให้พวกเขาทุกคนอยากย้อนเวลากลับไป กลับไปก่อนหน้าที่หายนะจะเริ่มต้น

ลูกไฟที่พุ่งลงบนพื้น ตกเข้าไปในป่า ทะเลหญ้า ตกลงไปในคูเมือง หมู่บ้าน

เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนา เสียงขอความช่วยเหลือ ดังซํ้าๆ อย่างต่อเนื่อง สายฟ้าที่ไร้ความปรานี รวมถึงพายุหมุน ต่างก็กวาดล้างชีวิตอย่างบ้าคลั่ง ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

ทหารคุ้มกันของเผ่าเทพและเผ่ามารในทะเลแห่งความจริง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเทพ เป็นมาร พวกเขาแกร่งกล้าเหนือใคร แต่เมื่อเผชิญหน้ากับภาพเหตุการณ์เช่นนี้ก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาเช่นกัน

“จะต้องเป็นเผ่าฝูบุกโจมดีอีกครั้งแน่ๆ”

“เร็วรีบไปรายงานราชาเทวะมู่และเจ้าแห่งมาร”

ทว่า พูดยังไม่ทันขาดคำ บนท้องฟ้าก็มีเงาร่างสองสายทะยานผ่านมาอย่างรวดเร็ว ตกลงตรงหน้าพวกเขา

หนึ่งดำหนึ่งแดง คือซือมั่วและมู่ชิงเกอ

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้แรกเริ่มคนทั้งสองคิดว่าผนึกถูกทำลาย ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ล่าช้า หลังจากที่ทิ้งมั่วหยาง หยินเฉิน ไป๋สี่ให้ดูแลคนในครอบครัวแล้ว ก็ตรงมาที่นี่ทันที

ทว่า ตอนที่พวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์บนท้องฟ้าเหนือทะเลแห่งความจริง กลับพบว่าผนึกไม่ได้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

“เจ้าแห่งมาร ราชาเทวะมู่”

เมื่อเห็นคนทั้งสองปรากฎตัว เหล่าพลทหารเทพมารที่เฝ้าระวัง ก็ราวกับมองเห็นผู้ช่วยชีวิต

พวกเขากรูกันเข้าไปหาคนทั้งสองด้วยความตื่นเต้น รอพวกเขาออกคำสั่งขั้นต่อไป เสมือนกับว่า หลังจากที่ทั้งสองปรากฎตัว พวกเขาเหล่านี้ก็มีเสาหลักแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผนึกไม่มีความผิดปกติ แต่ว่านี่…” มู่ชิงเกอ ขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองท้องฟ้าที่พังทลายนั้น

เหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนนี้นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ทันใดนั้น เสียงร้องโอดครวญก็ดังขึ้นข้างหลังคนทั้งหมด พวกเขาหันมอง มองเห็นว่าในป่ารอบด้านทะเลแห่งความจริง ต้นไม้ที่ไม่รู้ว่าอยู่มากี่ปีแล้วเหล่านั้น          ถูกถอนออกไม่เว้นแม้แต่ลำต้น ลอยเข้าไปในอากาศ

ภายใต้การพังทลายของพายุหมุน กลายเป็นอาวุธทำลายหลินชวน

บนท้องฟ้า ลูกไฟ ลูกเห็บ ร่วงตัดสลับกันลงมา

ความสมดุลทั้งหมด กฎเกณฑ์ทั้งหมด ในวินาทีนี้ ราวกับถูกทำลายลงแล้ว

สี่ฤดูสลับปนเป กลางวันกลางคืนกลับตาลปัตร ภูเขาแม่น้ำ พังทลาย สายน้ำไหลย้อนกลับ

หลักวิถีที่ควบคุมสรรพสิ่ง กลายเป็นความโกลาหลอย่างถึงที่สุด

“สิ่งที่สามารถทำให้เกิดการเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้ มีความเป็นไปได้ เพียงอย่างเดียว” ซือมั่วก็ขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน ในน้ำเสียงมีความเคร่งขรึมที่ ไม่เคยมีมาก่อน

มู่ชิงเกอละสายตามองเขาทันที

“ดูท่าแล้ว เผ่าฝูคงจะทำลายผนึกไม่ได้จึงใช้ชวิธีที่เหนือขั้นอีกวิธีหนึ่ง คิดอยากจะบุกโจมตีต่อ” ความเย็นเยียบในนํ้าเสียงของซือมั่วค่อยๆ แผ่ขยาย

“คืออะไร” มู่ชิงเกอถามอย่างรีบร้อน

ดวงตาสีอำพันของซือมั่วมีแสงเย็นวาบปรากฎ ละสายตา กลงบนใบหน้ามู่ชิงเกอช้าๆ “พวกเขาใช้โลกอีกใบหนึ่ง ปะทะโลกหลินชวนใบนี้”

อะไรนะ

ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอนิ่งงันอย่างรวดเร็ว ความตกตะลึงส่องออกมาจากดวงตา

ไม่เพียงแต่นางที่เป็นเช่นนี้เทพมารรอบข้างที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของซือมั่ว ก็เผยสีหน้าตกใจและเหลือเชื่อออกมาเช่นเดียวกัน

ใครจะคิดว่าเผ่าฝูบ้าคลั่งเสียสติถึงขั้นนี้

เพื่อการบุกรุก คาดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องเช่นนี้

ใช้โลกหนึ่งใบ ปะทะโลกอีกหนึ่งใบ ต้องบ้าคลั่งมากเพียงใด จึงจะทำออกมาได้ เทียบกับการบุกรุกที่พวกเขาหาช่องว่างแล้วนำมาเป็นทางเข้าก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้ต่างหากที่ทำให้ทุกคนรับรู้ได้ถึงความบ้าคลั่ง และป่าเถื่อนของเผ่าฝูอย่างแท้จริง

ประชาชนมากมายบนโลก ไม่เพียงแต่หลินชวนที่มี โลกอีกใบก็มีเช่นกัน

เผ่าฝูจะไม่สนใจความเป็นความตายของประชาชนหลินชวนก็ได้ แต่กลับยังไม่ใส่ใจความเป็นความตายของประชาชนใต้การปกครองของตนด้วยเช่นกัน เผ่าที่ป่าเถื่อนไร้ปรานีเช่นนี้ หากถูกพวกเขารุกรานจริงๆ จักรวาลทั้งหมดที่ปกคลุมแผ่นดินเทพมารจะยังหลบหนีเคราะห์ร้ายพ้นได้อีกหรือ

“พวกเขาบ้าไปแล้ว” คำสี่คำนี้ มู่ชิงเกอแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มีเค้นออกมาจากช่องฟัน

สายตาซือมั่วเย็นเยียบ กล่าวด้วยเสียงทุ้มตํ่าจนน่ากลัว “ใช่ บ้าไปแล้ว”

โลกสองใบปะทะกัน จะต้องเกิดการฉีกขาดกันระหว่างช่องว่าง แน่นอน ช่องว่างจำนวนมากจะเกิดรอยร้าว เมื่อฉากกำบังถูกทำลาย ก็จะไม่มีวิธีใดไปขัดขวางการรุกรานของเผ่าฝูได้อีก

“เจ้าแห่งมาร ราชาเทวะ พวกท่านจะทำอย่างไร” มีคนถามอย่างหวาดกลัว

“นั่นสิ ราชาเทวะ เจ้าแห่งมารรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า”

“ไม่สู้พวกเรากลับไปที่แผ่นดินเทพมารก่อน หลินชวนแห่งนี้กำลังจะถูกทำลายแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะสูญสลาย พวกเราอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่สู้กลับไป สู้ศึกสุดชีวิตกับเผ่าฝู”

ที่คือการปะทะกันของโลก ผลสุดท้ายก็คือความพินาศ โลกสองใบที่ปะทะจะหายไปจนหมดสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจะต้องตาย ไม่ว่า เจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม

“ไม่ ไม่ได้” มู่ชิงเกอส่ายหน้าช้าๆ ดวงตาที่ใสสะอาดแน่วแน่ “ข้า จะไม่ยอมปล่อยให้แผนร้ายสำเร็จ ข้าไม่อาจมองดูหลินชวนถูกทำลายเป็นอันขาด”

ถูกสายตาที่เย็นฉํ่าคู่นั้นของมู่ชิงเกอจ้องมอง ดวงตาสีอำพันของซือมั่วก็กะพริบวาบ เขาไม่ตอบรับคำพูดของมู่ชิงเกอ แต่กลับมองคนอื่น แล้วออกคำสั่ง “คนทั้งหมดเตรียมออกจากหลินชวนทันที”

“ขอรับ! เจ้าแห่งมาร”

“ขอรับ! เจ้าแห่งมาร”

เมื่อได้รับคำสังที่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใครสั่ง สำหรับพวกเขาแล้วล้วนเป็นความหวัง

ท้องฟ้าที่หลินชวน ยังคงพังทลายไม่หยุด

ลูกไฟ ลูกเห็บ ปะปนเข้าด้วยกัน กระทบลงบนพื้นอย่างรุนแรง ตกลงข้างกายมู่ชิงเกอกับซือมั่ว

ทั้งสองยืนอยู่บนชายฝั่งทะเลแห่งความจริง ต่างฝ่ายต่างไม่มีคำพูด ความเด็ดขาดในแววตามู่ชิงเกอ ความคลุมเครือยากจะเข้าใจในดวงตาซือมั่ว กำลังปะทะกันและกัน

ลูกไฟหนึ่งลูก ตกลงมาระหว่างคนทั้งสอง แต่กลับถูกซือมั่วยกมือโบก ตบลูกไฟกลับไป ระเบิดออกท่ามกลางความว่างเปล่าทันที

ลูกไฟที่ระเบิดออก ส่องสว่างงดงามราวกับดอกไม้ไฟ ทว่าตอนนี้ กลับไม่มีความรู้สึกชวนฝันแม้แต่นิดเดียว

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์เรื่องบางเรื่อง หากต้องทำ ก็อาจจะต้องแลกกับบางสิ่งที่ใหญ่ยิ่งกว่า” ซือมั่วมองมู่ชิงเกออย่างตั้งใจ กล่าวเสียงตํ่า

“ข้ารู้” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างสงบนิ่ง

โลกปะทะ โลกพังทลาย

เรื่องแบบนี้ คิดอยากจะพลิกสถานการณ์สงบสงคราม ไหนเลยจะทำได้ง่ายๆ

“แต่ว่า เรื่องบางเรื่อง รู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ต้องทำ” มู่ชิงเกอกล่าวทีละคำทีละประโยค

“เจ้าทิ้งหลินชวนไม่ได้แต่ทิ้งประชาชนคนอื่นได้หรือ” ซือมั่วกล่าวถาม

สายตามู่ชิงเกอเย็นวาบ ริมฝีปากเม้มแน่น

ฆ่าหนึ่งคนช่วยหนึ่งคน

“เจ้าบอกข้ามาก่อน ต้องทำอย่างไร” ไม่นานนัก มู่ชิงเกอจึงกล่าว นางรู้ดีว่า ซือมั่วจะต้องมีวิธี เพียงแต่วิธีนั้น แม้กระทั่งซือมั่วก็อาจจะยังไม่อยากพูด

“เจ้าจะช่วยหลินชวน ก็ทำได้เพียงใช้แผ่นดินเทพมารทั้งหมดไปช่วย” ในที่สุดซือมั่วก็บอกคำตอบ

ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอนิ่งงันทันที

ซือมั่วจ้องมองนาง เดินเข้าไปใกล้นาง “เป้าหมายของเผ่าฝูชัดเจนอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการบุกรุกแผ่นดินเทพมาร ตอนนี้ พวกเขาใช้โลกใบเล็กปะทะ คิดอยากจะฉวยโอกาสเข้ามา เช่นนั้นหากต้องการจะหยุดยั้ง ก็ต้องให้พวกเขาหยุดการปะทะ หยุดการพังทลายหลินชวนอย่างต่อเนื่อง”

จะหยุดยั้งไม่ให้เผ่าฝูทำลายหลินชวนต่อได้อย่างไร

“แผ่นดินเทพมาร” ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย พูดคำตอบออกมา

ซือมั่วพยักหน้าเบาๆ “แผ่นดินเทพมารมีช่องที่เชื่อมต่อกับโลกของเผ่าฝู เพียงเพราะว่าช่องเล็กแคบ จึงไม่มีทางให้พวกเขาบุกโจมตีในขนาดใหญ่ได้ หากจะช่วยหลินชวน วิธีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือฉีกช่องแคบเหล่านั้นต่อ ทำให้มีช่องโหว่ใหญ่ขึ้น สร้างเส้นทางรุกลํ้าให้พวกเขาทะลุมาได้สะดวกยิ่งขึ้น”

มู่ชิงเกอตกตะลึง

นางเข้าใจความหมายของซือมั่วทั้งหมดแล้ว

หากจะหยุดยั้งไม่ให้หลินชวนถูกทำลาย เช่นนั้นก็ทำได้เพียงใช้แผ่นดินเทพมารเข้าแลก

จักรวาลขนาดใหญ่ ไร้หนทางเคลื่อนที่

พวกเขาไม่มีทางใช้แผ่นดินเทพมาไปปะทะโลกของเผ่าฝู จึงทำได้เพียงฉีกช่องโหว่ ล่อเผ่าฝูเข้ามาในแผ่นดินเทพมาร หรือไม่พวกเขาก็โจมตีเข้าไปในนั้น

แต่ว่า ผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้ก็คือ หากไม่อาจเติมเต็มช่องโหว่ได้ทันเวลา เช่นนั้นแผ่นดินเทพมารก็จะถูกทำลายไปพร้อมกับโลกของเผ่าฝู ส่วนโลกทั้งหมดภายใต้การปกครองของพวกเขาก็จะพังพินาศเช่นกัน

คุ้มค่าหรือ

มู่ชิงเกอซวนเซไปข้างหลังหนึ่งก้าว

การเดิมพันครั้งนี้…

ครืนนน!

ครืน!

การทำลายล้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง หลินชวนกลายเป็นเครื่องเคลือบที่แตกง่ายหนึ่งใบ ประดับประคองได้ไม่นานแล้ว

ถ้าหากจะช่วยหลินชวน ก็ต้องเปิดศึกกับเผ่าฝูภายในระยะเวลาจำกัด อีกทั้งยังต้องคว้าชัยชนะให้ได้ หลังจากนั้น ก็เติมเต็มจักรวาลขนาดใหญ่ที่แตกเป็นเสี่ยง เช่นนั้นก็สามารถช่วยทั้งหมดไว้ได้

หากไม่ช่วยหลินชวน เช่นนั้นต้องใช้เรืออากาศ โลกขนาดเล็ก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่สามารถบรรทุกได้ พยายามอพยพคนทั้งหมดของหลินชวนออกไป ละทิ้งโลกใบนี้ก่อนที่หลินชวนจะถูกทำลาย

นี่คล้ายกับว่าเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่ง แต่ว่าสำหรับมู่ชิงเกอ กลับยากผิดปกติ

สายตาของมู่ชิงเกอเคลื่อนออกไปเบาๆ ตกลงในทะเลแห่งความจริงที่ถูกสูบน้ำจนแห้งแห่งนั้น

ศพหลังสงครามใหญ่ ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยงแล้ว แต่ว่าร่องรอยหลังสงคราม กลับไม่อาจกำจัดได้ง่ายเพียงนั้น คราบเลือดด่างพร้อยที่แห้งกรัง ร่องรอยอาวุธสังหาร ปรากฎอยู่ตรงหน้า

‘สาบานว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับหลินชวน! สาบานว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับหลินชวน!’

เสียงร้องตะโกนของทหารหาญในหลินชวน ก้องสะท้อนอยู่ในหูของมู่ชิงเกอ เนิ่นนานไม่ขาดสาย

“นี่คือแผ่นดินที่พวกเขาใช่ชีวิตปกปhอง จะละทิ้งง่ายๆ ได้อย่างไร” มู่ชิงเกอกล่าวเสียงหนักแน่น

“เช่นนั้นก็ช่วยเถอะ” ซือมั่วพลันกล่าว

มู่ชิงเกอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว มองซือมั่วด้วยความตกตะลึง

สติปัญญาบอกนางว่า ไม่ควรเสี่ยงอันตรายที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ อพยพคนของหลินชวน ละทิ้งหลินชวน กลับไปที่แผ่นดินใหญ่เทพมาร สู้ศึก เป็นตายกับเผ่าฝู คล้ายว่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

ทว่าซือมั่วกลับยิ้มขึ้นมา ในรอยยิ้มของเขา เบาบางอ่อนโยนเช่นนั้น ทำให้คนสบายใจ “อันที่จริงก็ไม่ได้เลือกยากเพียงนั้น ละทิ้งหลินชวน เผ่าฝูไล่ฆ่าขึ้นมา โลกใบเล็กทั้งหมดที่แผ่นดินเทพมารดูแล ประชาชนก็ต้องลำบากแสนเข็ญเช่นเดียวกัน กระทั่งเลวร้ายยิ่งกว่า ถึงตอนนั้น ที่จะพังพินาศไม่ใช่แค่หลินชวน ยังมีโลกแห่งยุคกลางและอีกมากมาย เป็นเช่นนี้แล้ว ไม่สู้เผชิญหน้าต่อสู้ เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กระทำ ฉวยโอกาสนี้พลิกฟ้าพลิกดิน!”

“จะพลิกฟ้าพลิกดินอย่างไร” มู่ชิงเกอกล่าวถามด้วยสายตาเฉียบแหลม

“เจ้าอยู่ที่นี่” ซือมั่วกล่าวตรงไปตรงมา

มู่ชิงเกอตกตะลึง เม้มปากรอคำพูดต่อไปของซือมั่ว

“รากฐานหลินชวนถูกทำลาย ต่อให้ตอนนี้เผ่าฝูจะหยุดการโจมตี มันก็จะค่อยๆ พังทลายลงเช่นกัน ส่วนเจ้าเป็นอาจารย์หลอมศาสตรา เก้าชั้นฟ้าที่แตกเป็นเสี่ยง เจ้ายังหลอมมันขึ้นมาใหม่ได้ เช่นนั้น เจ้าก็คิดเสียว่า หลินชวนเป็นยุทธภัณฑ์จอมเทพที่เอามาหลอม ข้าจะนำคนกลับไปแผ่นดินเทพมาร ฉีกช่องโหว่ออก ดึงดูดความสนใจของเผ่าฝู ให้พวกเขาละทิ้งหลินชวน เจ้าก็รีบทำเวลา สร้างเสถียรภาพของหลินชวนขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นก็รีบตามกลับไปที่แผ่นดินเทพมาร สร้างเสถียรภาพให้รากฐานแผ่นดินเทพมาร ขอเพียงทั้งหมดเป็นไปตามแผน เคราะห์ร้ายครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้” ซือมั่วกล่าว

มู่งชิงเกอเบิกตาโต

การเดิมพันที่กล้าได้กล้าเสียครั้งนี้ของซือมั่ว ได้วางเดิมพันทั้งหมดไว้กับนางแล้ว

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วเดินเข้าไปใกล้นาง มือทั้งคู่จับไหล่ทั้งสองของนาง ดึงนางเข้ามาในอ้อมอกตน

มู่ชิงเกอซบอกเขาอย่างสงบนิ่ง ในสมองมีความรู้สึกร้อยแปดพันเก้า แต่กลับพูดไม่ออก

“ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นตั้งใจฟื้นฟูหลินชวน ข้าเชื่อเจ้า! เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของข้า ตลอดทางที่มา ล้วนสร้างปาฏิหาริย์ ครั้งนี้ก็ต้องทำสำเร็จเช่นกัน สงครามที่ดูเหมือนมีทางเลือกครั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางเลือก นี้คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา” ซือมั่วตบหลังมู่ชิงเกอเบาๆ ปลอบประโลมเสียงตํ่าข้างหูนาง

ทั้งสองกอดกันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงผละออกจากอ้อมกอดของกันและกัน

“เจ้าพาองครักษ์เขี้ยวมังกร ไป๋สี่ หยินเฉิน โห่วพวกนั้นไปเถอะ” มู่ชิงเกอกดความหนักอึ้งภายในใจไว้ กล่าวเสียงแข็งกับซือมั่ว

แต่ซือมั่วกลับมองนางอย่างไม่เข้าใจ

มู่ชิงเกอมองเขาแล้วยิ้มน้อยๆ “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ พวกเจ้าไปดึงดูดความสนใจของเผ่าฝูแล้ว หลินชวนกลับกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด พวกเขาอยู่ข้างกายข้าก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้กลับไป จะได้เพิ่มอัตราการชนะในสงครามกับเผ่าฝู”

สายตาที่ไม่ยอมปฏิเสธในดวงตาของมู่ชิงเกอ ทำให้ซือมั่วพูดไม่ออก

เขายิ้มบางๆ พยักหน้าท่ามกลางการจับจ้องของนาง

“เชื่อข้า ข้าจะต้องทำได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องยืนหยัด รอข้า” มู่ชิงเกอรับปากกับซือมั่วอย่างตั้งใจจริง

ซือมั่วพยักหน้าเบาๆ มือทั้งคู่กอบหน้าของนาง เผยรอยยิ้มที่ทลายทุกสรรพสิ่งให้นาง “ตกลง ข้าจะรอเจ้า”

มือทั้งคู่ของซือมั่ว ละออกไปจากแก้มของมู่ชิงเกอ เขาถอยหลังช้าๆ ข้างหลังเขาไม่ไกล เรืออากาศที่บรรทุกเทพมารเต็มลำกำลังลอยอยู่ในอากาศเงียบๆ รอเขาอยู่

พวกเขาถูกพามาโดยมู่ชิงเกอ ตอนนี้ซือมั่วจะพาพวกเขากลับไป

ซือมั่วกลายร่างเป็นลำแสงหนึ่งสาย ขึ้นเรืออากาศ เขายืนอยู่บนหัวเรือ มือไพล่หลัง ท่ามกลางลูกไฟ ลูกเห็บ พายุหมุนทั่วฟ้า เขาทอดมองมู่ชิงเกอบนพื้นดินอยู่ไกลๆ

เรืออากาศลอยขึ้นช้าๆ ทันใดนั้น ซือมั่วก็กล่าวเสียวดังกับมู่ชิงเกอ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ จะหลอมหลินชวน ส่วนประกอบที่มันขาดไป เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าคืออะไร”

ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหดลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าขาวซีดทันที

สีหน้าที่กลายเป็นเจ็บปวดฉับพลันของนาง ตกอยู่ในสายตาของซือมั่ว ดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเขา ปรากฎความรู้สึกที่ซับซ้อนและปวดใจออกมา

‘ขอโทษ! เสี่ยวเกอเอ๋อร์…ขอโทษ! นี่คือการสูญเสียที่น้อยที่สุดแล้ว การทำลายล้างที่ใหญ่เพียงนี้ หากคิดจะกอบกู้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เสียสละอะไรเลย’ ริมฝีปากสีแดงของซือมั่ว เม้มแน่นเป็นเส้น กำปั้นที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่นขึ้นแล้ว

เรืออากาศ กลายร่างเป็นแสงขนาดเท่าเมล็ดข้าวหนึ่งเมล็ด ท่ามกลางท้องฟ้าที่ถล่มทลาย หายไปจากหลินชวน

ทว่า หลังจากที่พวกเขาจากไป มู่ชิงเกอกลับพ่นโลหิตสดคำใหญ่ออกมา ในดวงตาที่ชุ่มฉํ่า เบ้าตาแดงกํ่า สาดยิงความเคียดแค้นและความเจ็บปวดที่รุนแรงออกมา

นางกัดฟันกรอด หลับตาลงช้าๆ ยกมือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ตอนที่นางลืมตาอีกครั้ง ความรูสึกทั้งหมดในแววตาก็เก็บงำเอาไว้แล้ว กลับคืนสู่ความใสสะอาด

นางหันหลังกลับ เงาร่างยิงเข้าไปบนท้องฟ้าราวกับกระสุนปืน

เกราะเพลิงปรากฎขึ้นบนร่างนาง นางทะยานผ่านท้องฟ้า หมัดมือเปล่าทั้งคู่ ปัดลูกไฟที่ตกลงมาตรงหน้านางเหล่านั้นออกไป

ปัง ปัง ปัง!

ลูกไฟถูกนางตบระเบิดไม่ขาดสาย แต่นางกลับตบรุนแรงยิ่งขึ้น คล้ายกำลังระบายอารมณ์ในใจอยู่

นางอยู่บนท้องฟ้าเหนือหลินชวนก้มลงมองแผ่นดินใหญ่ของหลินชวนทั้งหมด มองเห็นหายนะในแต่ละแห่ง มองเห็นแผ่นดินใหญ่ที่แตกระแหงจนปรากฎให้เห็นหินหนืด ภูเขาแม่นํ้าที่ถล่มทลายเป็นเสี่ยงๆ ในใจก็ประมาณพิกัดแล้ว

ตอนที่มู่ชิงเกอตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับเปลวเพลิง ที่ที่ยืนอยู่ก็คือยอดเขาตำหนักหลีกงที่ซือมั่วอยู่ในตอนแรก

ที่นี่ คล้ายกับว่ามีพลังเทพปกปักรักษา ไม่ได้รับความเสียหาย กลายเป็นสถานที่หลบภัยของราชวงศ์อาณาจักรเซิ่งหยวน

การปรากฎตัวกะทันทันของมู่ชิงเกอ ทำให้หวงฝู่เฮ่าเทียนเผยสีหน้าประทลาดใจ เดิมเขาอยากก้าวขึ้นไปพูด แต่กลับถูกความเย็นเยียบบนใบหน้าของมู่ชิงเกอหยุดยั้งฝีเท้า

มู่ชิงเกอไม่มีเวลาไปทักทายคนรู้จักเหล่านี้นางยืนอยู่บนยอดเขา สองมือไพล่หลัง มองแผ่นดินหลินชวนที่ถล่มอย่างต่อเนื่อง สูดหายใจเข้าลึก ดึงพลังเทพเข้าไป เปล่งเสียงของตนออกมาให้หลินชวนทั้งหมดได้ยินถึงกัน

“ประชาชนหลินชวน ข้าคือมู่ชิงเกอ พวกเจ้าบางคนอาจรู้จักข้า หรือว่าบางคนอาจไม่รู้จัก แต่นี่ก็ไม่สำคัญ ตอนนี้ขอให้พวกเจ้าสงบลงจากความหวาดกลัว ตั้งใจฟังข้าพูดต่อไป”

เสียงของนาง แผ่ขยายออกไปราวกับระลอกคลื่น เข้าไปในหูของ ทุกๆ คนในหลินชวน

หลินชวนที่ตกอยู่ในความตื่นตระหนก ค่อยๆ สงบลงภายใต้เสียงของนาง

บนท้องฟ้า ยังคงมีลูกไฟ ลูกเห็บตกลงมาอยู่ พายุหมุนยังคงพัดผ่านข้างกายพวกเขา ทว่า พวกเขากลับรักษาความสงบ รอคำพูดต่อไปของมู่ชิงเกออยู่เงียบๆ

ในลวตูแคว้นฉิน ฉินจิ่นเฉินเรียกประชุมขุนนางชั้นผู้ใหญ่ กองทัพทั้งหมด คุ้มกันประชาชนเข้ามาในพระราชวัง

พระราชวังที่เกรียงไกร กลายเป็นสถานที่หลบภัย เบียดเสียดไปด้วยผู้คน

เสียงของมู่ชิงเกอ ดังออกมาจากบนท้องฟ้า ตกลงในพระราชวังแคว้นฉินเช่นเดียวกัน

“เกอเอ๋อร์!” มู่ซงลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างกายเขามีลูกชายลูกสะใภ้ หลานชายของเขา รวมถึงผู้อาวุโสเด็กหนุ่มเด็กสาวในจวนตระกูลมู่ กองทัพตระกูลมู่ ประชาชนลั่วตู ขุนนางชั้นสูง รวมถึงราชนิกุล

ฉินจิ่นเฉินเองก็ลุกขึ้นยืน เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แตกเป็นเสี่ยง

เจ้าอ้วนแช่เช่ากุมอาวุธ ยืนอยู่อย่างสง่างามน่าเกรงขาม เต็มไปด้วยมาดแข็งแกร่งผู้ใดมิอาจย่างกราย เขาคุ้มกันทางเข้าพระราชวัง ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาที่นี่ ต่างก็ต้องข้ามเขาไปก่อน

วันนี้ วันที่หลินชวนแหลกสลาย เขากลายร่างเป็นเทพปกปักรักษา เก็บบุคลิกลูกคุณหนูของเขาไว้ คุ้มกันอยู่ที่นี่ด้วยความเคร่งขรึมทรงพลัง ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ก็ไม่มีทางทำให้เขาถอยหลังได้

เมื่อเสียงของมู่ชิงเกอดังขึ้นสีหน้าสง่าผ่าเผยที่ขึงตึงของเขาก็สั่นไหว เงยหน้าขึ้นพึมพำเสียงตํ่า “ลูกพี่!”

บนยอดเขาตำหนักหลีกง ในมือมู่ชิงเกอรวบรวมตราหลายอันออกมาอย่างรวดเร็ว โยนออกไปในตำแหน่งที่แตกต่างกันบนท้องฟ้า

ไม่นานนัก ตราเหล่านี้ก็แยกย้ายกันตกลงในแคว้นแต่ละแห่ง

แว่นแคว้นทุกๆ แห่งมีเพียงหนึ่งอัน ไม่ขาดไม่เกิน

เมื่อตรานั้นตกลง ก็ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว กลายเป็นค่ายกลรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำให้กลุ่มคนถอยไปข้างหลังอย่างตื่นตะลึง

ค่ายกล ส่งลำแสงลีทองจางๆ ออกมา ไม่มีใครรู้ว่านี่คืออะไร!

ในพระราชวังฉินก็มีค่ายกลตกลงมาเช่นกัน อยู่ข้างนอกตำหนัก ที่ฉินจิ่นเฉินและพวกมู่ซงอยู่

มือทั้งคู่ของมู่ชิงเกอตกลงช้าๆ ตกลงข้างลำตัว คำพูดที่ต้องการพูด วนเวียนอยู่ในปาก แต่กลับยากอย่างยิ่งที่จะพูดออกมา คำพูดเหล่านั้น ทุกๆ คำที่พูด ก็เหมือนกับมีดที่กรีดหัวใจของนาง

แต่ ต่อให้จะไม่อยากพูด ก็ต้องพูดอยู่ดี

เวลาไม่คอยใคร!

ริมฝีปากของมู่ชิงเกอสั่นเบาๆ มือทั้งสองที่ตกลงข้างลำตัว เล็บมือจิกเข้าไปในฝ่ามือแล้ว “หลินชวนกำลังถล่ม นี่คือแผนการร้าย คือการสังหารที่จงเกลียดจงชัง ศัตรูต่างเผ่า ต้องการจะรุกลํ้า จึงบ้าคลั่งจนไม่เลือกวิธีแล้ว”

เสียงของนาง แผ่ขยายไปข้างนอกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนต่างก็ได้ยินชัดเจน

“หลินชวน ไม่อาจพังทลาย! โลกของพวกเขา ก็ไม่อาจพังทลาย! การบุกรุกจากข้างนอก พวกเราจะต้องยืดหยัดต่อต้าน ตอนนี้ มหาปราชญ์ของพวกเจ้า นำนักรบเทพมารไปสู้ศึกเป็นตายกับศัตรูข้างนอกแล้ว ส่วนข้าอยู่ที่นี่ ก็เพื่อช่วยหลินชวนคืนมา ช่วยบ้านเมืองของพวกเราคืนมา”

คำพูดของมู่ชิงเกอ นำความหวังมาให้ผู้คน แต่ว่าสีหน้าที่ยินดีของพวกเขา ยังไม่ทันได้แสดงออกมา ก็ถูกคำพูดต่อไปของมู่ชิงเกอตีกลับมาแล้ว

“แต่ว่า หากจะช่วยหลินชวนคืนมา อาศัยเพียงกำลังของข้าคนเดียวไม่พอ บาดแผลครั้งนี้ ทำให้รากฐานหลินชวนได้รับความเสียหาย คิดอยากจะฟื้นฟูรากฐาน ส่วนประกอบที่ต้องใช้ก็คือ…”

คือ?

คืออะไร…

ลางสังหรณ์ไม่ดีชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นในใจคนทุกคน

ริมฝีปากล่างของมู่ชิงเกอถูกกัดจนแตกแล้ว นางกล่าวเสียงตํ่า “ส่วนประกอบก็คือเลือดเนื้อจิตวิญญาณภักดีของหลินชวน!”

ตูมมม!

เลือดเนื้อจิตวิญญาณภักดี คำลี่คำนี้ ระเบิดออกในสมองของทุกคน ทำให้พวกเขาลืมทุกสิ่งรอบข้างไปชั่วขณะ

มู่ชิงเกอพยายามควบคุมความสั่นเครือในนํ้าเสียง กล่าวต่อ “หากจะฟื้นฟูหลินชวน อย่างน้อยก็ต้องใช้เลือดเนื้อจิตวิญญาณภักดีหนึ่งล้านดวง มิเช่นนั้น…หลินชวนจักต้องล่มสลาย! คนทั้งหมดยากจะหนีเอาชีวิตรอด”

จะสละเลือดเนื้อจิตวิญญาณภักดี ยอมสละชีพตนเอง ฟื้นฟูหลินชวน หรือว่าจะตายไปด้วยกัน นี่คือทางเลือกที่โหดร้าย แต่กลับคุ้มค่าอย่างยิ่ง

ตอนที่มู่ชิงเกอเอ่ยประโยคนี้ออกมา เส้นเลือดข้างขมับนางทั้งสองข้างก็ปูดขึ้นมาแล้ว

ความเจ็บปวดภายในใจนาง ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร

‘มู่เกอ แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เกิดที่นี่ แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นที่เจ้ากลายเป็นมู่ชิงเกอ เจ้ากับแผ่นดินผืนนี้ ก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกันแล้ว ที่นี่ คือบ้านของเจ้า เจ้าต้องปกป้อง’ มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ปล่อยให้น้ำตาไหลย้อนกลับไป

เลือดเนื้อจิตวิญญาณภักดีหนึ่งล้านดวงบูชาหลินชวน…

เมื่อประโยคนี้ของมู่ชิงเกอดังออกไป ทั่วทั้งหลินชวนก็ตกลงอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด

พวกเขาเชื่อใจมู่ชิงเกอ รู้ว่าหากไม่ใช่ว่านางไม่มีวิธีแล้ว ก็คงไม่มีทางเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมาแน่นอน

“ทุกทุกแคว้น ต่างก็มีค่ายกลหนึ่งอัน ผู้ที่ยินดีสละเลือดเนื้อบูชาหลินชวน ฟื้นฟูหลินชวน สามารถเดินเข้าไปในค่ายกลได้ด้วยตัวเอง จำนวนคนที่สามารถรองรับได้ของแต่ละค่ายกลเท่ากัน จำนวนคนที่เกินออกมา จะถูกผลักออก” เสียงของมู่ชิงเกอดังขึ้นอีกครั้ง

ทุกทุกแคว้นมีจำนวนคนเท่ากัน

พูดได้ว่า มู่ชิงเกอแบ่งจำนวนคนหนึ่งล้านคนนี้จากทุกๆ แว่นแคว้นอย่างเท่าเทียม อีกทั้งยังกำหนดขีดจำกัดไว้ในค่ายกล

หลินชวนมีกี่แว่นแคว้น

แคว้นอันดับหนึ่ง แคว้นอันดับสอง แคว้นอันดับสาม…นับดูแล้ว ทุกๆ แว่นแคว้น จำนวนคนที่จำเป็นต้องสละตัวเองเดินเข้าค่ายกลก็ลดลงเหลือประมาณหนึ่งแสนคน

จำนวนนี้ ดูเหมือนน้อยกว่าหนึ่งล้านคนมาก แต่ก็ยังคงทำให้คนปวดใจเช่นเดิม

“พวกเรามีเวลาจำกัด ให้เวลาคิดได้มากที่สุดเพียงหนึ่งก้านธูป หากว่าล่าช้าออกไป ก็ต้องให้คนถวายชีวิตตัวเองมากขึ้น” สายตามู่ชิงเกอมองออกไปไกลอย่างยิ่ง เสียงกลับคืนสู่ความสงบ

คำพูดที่พูดยากที่สุด นางพูดออกมาแล้ว ภายในใจกลับสงบลง

หนึ่งก้านธูปหรือ

เลือกระหว่างความเป็นความตาย มีเวลาให้คิดเพียงหนึ่งก้านธูป

มู่ชิงเกอนำความหวังมาให้พวกเขา แต่ในขณะเดียวกันก็นำความเจ็บปวดมาให้เช่นกัน

ข้างล่างตำหนักหลีกง หวงฝู่เฮ่าเทียนพลันลุกขึ้นยืน ยกมือปัดฝุ่นที่เปื้อนชุดฮ่องเต้บนร่างตน

เมื่อเขาขยับ ก็ทำให้คนที่ล้อมอยู่รอบกายเขาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาท พระองค์จะทรงทำอะไร”

หวงฝู่เฮ่าเทียนยิ้มอย่างเมินเฉย “ไม่ได้ยินที่คุณชายพูดหรือ เราเป็นฮ่องเต้เพียงองค์เดียวของแคว้นอันดับหนึ่ง ตอนนี้หลินชวนต้องการเรา”

พูดจบ เขาก็ผลักคนทั้งหมดที่ไม่ทันตั้งตัวออกไป วิ่งเข้าไปในค่ายกลนั้นทันที

“ฝ่าบาท”

“ฝ่าบาท”

ทุกคนตกใจหน้าถอดสี มองหวงฝ่เฮ่าเทียนที่ยืนอยู่ในค่ายกลด้วยความตกตะลึง

“ฮ่าๆๆๆ” หวงฝูเฮ่าเทียนเงยหน้าหัวเราะร่า เขายืนอยู่ในค่ายกล ถูกแสงทองปกคลุม มองประเมินซ้ายขวาเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ค่ายกลของคุณชาย สบายจริงๆ เลย”

เมื่อเขาพูดจบ ผู้อาวุโสหลายคนในราชสำนักก็มองตากันปราดหนึ่ง ในดวงตาปรากฎการตัดสินใจ วิ่งเข้าไปในค่ายกลพร้อมกัน

“พวกท่าน” รอยยิ้มบนใบหน้าหวงฝู่เฮ่าเทียนหายไปฉับพลัน

ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มกล่าวกับเขา “ฝ่าบาท ปกป้องอาณาจักรเซิ่งหยวน ปกป้องตระกูลหวงฝู่ ปกป้องหลินชวน คือหน้าที่ของพวกเรา”

ทันใดนั้น ทหารองครักษ์ของหวงฝู่ฮ่วน รวมถึงคนของสี่ตระกูลใหญ่ ต่างก็พากันกระโดดเข้าไปในค่ายกล คนในค่ายกลเยอะขึ้นเรื่อยๆ มี ชาวบ้าน มีขุนนาง มีทหาร มีทั้งชายมีทั้งหญิง…

หวงฝู่เฮ่าเทียนมองเห็นภาพภาพนี้กลับหัวเราะไม่ออกอีก หน้าอกมีเพียงโลหิตร้อนกำลังลุกไหม้

พระราชวังลั่วตู ฉินจิ่นเฉินเดินออกไปนอกตำหนัก

“ฝ่าบาท” ทว่ามู่ซงกลับดึงเขากลับมา ขวางอยู่ข้างหน้าเขา

ฉินจิ่นเฉินมองเขาแล้วกล่าว “ผู้เฒ่ามู่ โปรดหลบไป”

ทว่ามู่ซงกลับส่ายหน้ากล่าว “แคว้นฉินยังต้องการท่าน ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เรื่องการถวายชีวิตบูชาหลินชวนเช่นนี้ หากต้องทำก็ควรจะเป็นกระหม่อมที่ทำ”

พูดจบ เขาก็ยกมือตบไปบนลำคอของฉินจิ่นเฉิน ทำให้เขาหมดสติไป

“ฝ่าบาท” คนที่อยู่ข้างหลังฉินจิ่นเฉินรับเขาไว้

มู่ซงมองพวกเขาแล้วกล่าว “ดูแลฝ่าบาทให้ดี”

ทว่า ตอนที่เขาเพิ่งพูดประโยคนี้ออกมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บที่คอตนเองก็สูญเสียการรับรู้หงายไปข้างหลังเช่นกัน

“ท่านปู่ นี่ยังไม่ถึงตาของท่าน” มู่อี้เฉินรับร่างที่ล้มลงของมู่ซง กล่าวด้วยนํ้าเสียงเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “ฟื้นแล้วอย่าได้ตำหนิข้า ข้าเองก็เลียนแบบท่าน”

เขาวางมู่ซงไว้ข้างๆ ฉินจิ่นเฉิน เหลือบตาขึ้นมองบิดาของตน

มู่เหลียนเฉินเผยรอยยิ้มที่ปลอบโยนออกมา “พ่อลูกลงสนามรบพร้อมกันจึงจะคว้าชัย คนที่ตายมาแล้วหนึ่งครั้งเช่นข้า ไม่มีใครถวายชีวิตได้เหมาะสมไปยิ่งกว่าข้า”

“ข้าคือแม่ทัพน้อยของกองทัพตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน ไม่มีเหตุผล ให้ถอยหลังในตอนนี้” มู่อี้เฉินเองก็ยิ้มกล่าว

“เช่นนั้นวันนี้พวกเราสองคนพ่อลูก ก็จับมือกันสู้ศึกสุดท้ายเถอะ” มู่เหลียนเฉิงยื่นมือออกไป ประสานมือกับมู่อี้เฉิน

“พวกเจ้าคิดจะทิ้งข้าอีกแล้วหรือ”ทว่าซางหลันรั่วกลับเดินออกมา ยืนมือจับมือที่กุมแน่นของสามีและลูกชาย นางมองคนทั้งสอง เผยรอยยิ้ม “ครั้งนี้พวกเราสามคนไปพร้อมกัน ไม่มีทางเดียวดาย”

พูดจบ ทั้งสามก็เดินไปในค่ายกลสีทอง

เมื่อพวกเขาขยับ ในกลุ่มขุนนางชั้นผู้ใหญ่แคว้นฉินก็เดินออกมา ทีละคนๆ โขกศีรษะอยู่ข้างหน้าฉินจิ่นเฉิน “ฝ่าบาทโปรดถนอมพระวรกาย”

“ฝ่าบาทโปรดถนอมพระวรกาย”

“ฝ่าบาทโปรดถนอมพระวรกาย”

พวกเขาขุนนางแคว้นฉิน ทำเพื่อแคว้นทำเพื่อประชาชน ทำเพื่อใต้หล้า

พวกเขาได้รับความเคารพจากประชาชน ตอนนี้ถึงตาที่พวกเขาจะทำอะไรเพื่อประชาชนบ้างแล้ว

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หนึ่งกลุ่ม เส้นผมเป็นสีขาวแล้ว จอนผมทั้งสองมีหงอกขึ้น ตอนนี้กลับเชิดหน้ายืดอกเดินไปยังค่ายกลสีทองราวกับทหารออกศึก

ทว่า ตอนที่พวกเขาตามมู่เหลียนเฉินและคนทั้งสองไปถึงค่ายกลสีทอง กลับพบว่า เจ้าอ้วนแซ่เซ่าที่คุ้มกันทางเข้าออกพระราชวัง ยืนอยู่ข้างในก่อนแล้ว

เขาหันหน้ามองทิศทางที่ตระกูลเช่ายืนอยู่ มองเห็นภรรยาที่ปิดปากร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดของตน รวมถึงลูกๆ ที่รู้ประสาและไม่รู้ประสา ไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น เพียงแค่เผยรอยยิ้มที่เหมือนดั่งเมื่อก่อนออกมา

มู่เหลียนเฉินและคนทั้งสองตกตะลึง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร ก้าวเข้าไปในค่ายกลสีทอง

หลังจากพวกเขา กองทัพตระกูลมู่ก็เดินออกมา เข้าไปในค่ายกลสีทองคนแล้วคนเล่า พวกเขาคือทหารของแคว้นฉิน ปกป้องบ้านคุ้มกันแคว้นคือหน้าที่ของพวกเขา

ตอนนี้ หลินชวนตกระกำลำบาก ประชาชนตกระกำลำบาก คือช่วงเวลาที่พวกเขาต้องยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่าง

กล้าวิ่งเข้าหาความตาย

ฉากแต่ละฉากที่สะเทือนใจคน ปรากฎอยู่เงียบๆ ในแต่ละแคว้น

ทุกคนที่เดินเข้าไปในค่ายกลสีทอง รูปร่างหน้าตาของพวกเขา ต่างก็ถูกฝังลึกลงไปในใจคนข้างนอกค่ายกลสีทอง พวกเขาต้องจดจำวีรบุรุษเหล่านี้ไว้ตลอดกาล

“ข้าไปด้วย”

ประชาชนที่ถูกสะเทือนอารมณ์ทนโลหิตร้อนที่เดือดพล่านอยู่ในอกไม่ไหวจริงๆ โยนของที่หอบออกมาจากบ้านที่พังทลายลง ก้าวยาววิ่งเข้ามาในค่ายกลสีทอง

หลินชวน ฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว

กลุ่มคนที่นิ่งเงียบ ระเบิดโลหิตร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาออกมา แต่ละคนวิ่งไปยังค่ายกลสีทองอย่างไม่คิดชีวิต

พวกเขาเบียดเสียด ฉุดดึงกัน ห้ามไม่ให้คนอื่นเร็วกว่าตนหนึ่งก้าว

การแย่งชิงเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าในค่ายกลสีทองมีสมบติลํ้าค่า แต่กลับเสี่ยงชีวิตไม่กลัวตาย

การแย่งชิงที่ปรากฎขึ้นในแต่ละแคว้น มู่ชิงเกอมองไม่เห็น สิ่งเดียวที่นางมองเห็นก็คือค่ายกลสีทองของอาณาจักรเซิ่งหยวน ด้านล่างตำหนักหลีกง

คนหนึ่งล้านคน แทบจะถึงกำหนดภายในช่วงเวลาสั้นๆ

ตอนที่จำนวนคนในค่ายกลสีทองเต็ม เข้าไปไม่ได้อีก คนที่วิ่งเข้าไปในค่ายกลสีทองต่อเหล่านั้นล้วนถูกผลักกลับมา และแสงทองที่สาดแสงแยงตาของค่ายกลสีทองก็แผ่คลุมคนในค่ายกล ชั่วพริบตาก็หายไปจากที่เดิม

ทันใดนั้นคนที่หายไปก็ทำให้พื้นเกิดพื้นที่ว่างขนาดใหญ่

คนที่เหลืออยู่ต่างก็มองดูพื้นที่ที่หายไปนั้นอย่างตกตะลึง ตอนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว ไม่ว่าพวกเขาจะเคยโทษแว่นแคว้นของตนมากน้อยเพียงใดต่างก็มลายหายไปทั้งสิ้น

ตุบ!

มีคนคุกเข่าทั้งคู่ลงพื้น โขกศีรษะลงตรงที่ที่ค่ายกลสีทองนั้นหายไป

พวกเขาไม่รู้ว่าจะขอบคุณอย่างไรแล้ว พวกเขาทำได้เพียงกอดความหวัง ใช้ชีวิตอย่างดีต่อไปหลังจากพ้นหายนะครั้งนี้

บนยอดเขาตำหนักหลีกง ค่ายกลสีทองพาคนที่ยอมสละชีพของแต่ละแว่นแคว้นมาปรากฎอยู่รอบด้าน

แสงทองกระจายหายไป เผยให้เห็นเงาคนหนึ่งล้านเงา

เบื้องหน้าก็คือแผ่นหลังที่ยืนมือไพล่หลังของมู่ชิงเกอ

ตอนนี้ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปที่นางกำหนด ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่ง

มู่ชิงเกอที่หันหลังให้ท้พวกเขา ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาที่เย็นฉํ่าของนาง ความรู้สึกต่างๆ ซัดสาด นางค่อยๆ หมุนตัว ตอนที่นางมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายดวงนั้นในค่ายกลสีทองของแคว้นฉิน แม้ว่าจะคาดการณ์ในใจแล้ว แต่สายตาก็ยังหดลงรวดเร็วอย่างอดไม่ได้

ทรวงอก คล้ายถูกโจมตีอย่างแรง

มู่ชิงเกอกัดริมฝีปากแน่น พยายามเลื่อนสายตาลงบนร่างญาติมิตรของตน

เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอ

มู่เหลียนเฉิง มู่อี้เฉิน ซางหลันรั่ว เจ้าอ้วนแซ่เซ่าและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดจา พวกเขาเพียงแค่…ไม่อยากทำให้มู่ชิงเกอลังเลใจ

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก เก็บความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงภายในใจ เอาไว้ เอ่ยปากกล่าว “หลังจากบูชาแล้ว เลือดเนื้อจิตวิญญาณภักดีของพวกเจ้า จะฟื้นฟูสถานที่ที่พังทลายของหลินชวน ส่วนพวกเจ้าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลินชวนตลอดกาล…”

นางนิ่งเงียบครู่หนึ่ง กล่าวทีละคำทีละประโยค ภายใต้การจ้องมองของใบหน้าที่สงบนิ่งสุขุมแต่ละดวง “ปกป้องหลินชวน!”

ถ้าหากว่าทำได้นางก็คงจะถวายชีวิตตัวเองด้วย

ทว่า นางยังตายไม่ได้

หลังจากฟื้นฟูหลินชวนแล้ว นางยังต้องรีบไปแผ่นดินเทพมารโดยเร็วที่สุด ไปสร้างเสถียรภาพรากฐานที่ฝั่งนั้น

ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลงอย่างเร็ว ยกมือโบก หม้อผลาญสวรรค์กตกลงตรงหน้านาง

สมุนไพร ได้มอบให้ศิษย์พี่ของนางไปนานแล้ว หม้อผลาญสวรรค์เองก็ไม่ได้จุดเตามานานแล้วเช่นกัน

พึ่บ!

ฝ่ามือข้างหนึ่งของมู่ชิงเกอตบลงบนหม้อผลาญสวรรค์ หม้อผลาญสวรรค์ส่งเสียงทุ้มตํ่าออกมาหนึ่งครา หมุนลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขยายใหญ่ไม่หยุด นอกตำหนักหลีกง สายฟ้ายังคงผ่าลงมา ท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงจนมองสถานที่ทั้งหมดไม่ออก

แผ่นดินใหญ่ ยังคงแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง หินหนืดใต้ดินเริ่มพ่นออกมาข้างนอก

ไม่มีเวลาให้นางกล่าวลาพวกเขาแล้ว

หม้อผลาญสวรรค์ขยายใหญ่เท่าภูเขาแล้ว ตกลงกลางเทือกเขา รอบต้านตำหนักหลีกงอย่างหนักอึ้ง

ทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จแล้วริมฝีปากมู่ชิงเกอสั่นอย่างคุมไม่อยู่ แทบจะใช้เสียงที่ฝืนเค้น ตะโกนออกมา “โปรดเข้าไปในหม้อ!”

“ข้านำเอง” มู่เหลียนเฉิงก้าวออกมา บินเข้าไปในหม้อผลาญสวรรค์เป็นคนแรก

เขาลงไปในหม้อ สบตากับมู่ชิงเกอ เขาเผยรอยยิ้มที่สุขุมไร้กังวลออกมา “เกอเอ๋อร์เจ้าคือความภูมิใจของข้าตลอดไป”

มู่ชิงเกอ เบ้าตาแดงกํ่า กัดฟันแน่น ไม่ยอมให้น้ำตาของตนไหลลงมา

เผ่าฝู! เผ่าฝู! เผ่าฝู!

“ท่านพ่อ ข้าจะแก้แค้นให้พวกท่าน” มู่ชิงเกอทำได้เพียงพูดประโยคเช่นนี้ออกไป

เมื่อมู่เหลียนเฉิงขยับก็เริ่มมีคนเดินเข้าไปในหม้อผลาญสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ คนเหล่านี้ มีทั้งคนที่มู่ชิงเกอรู้จักและไม่รู้จัก

กระทั้ง นางยังมองเห็นใบหน้าของจิ่งเทียน

จิ่งเทียน ลูกคุณหนูผู้หยิ่งยโสผู้นั้น นายน้อยตระกูลจิ่งที่มองเห็นสภาพความเป็นจริงผู้นั้น ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะเลือกถวายชีวิต

“ลูกพี่” เจ้าอ้วนแซ่เช่าไม่ได้เข้าไปในหม้อ แต่กลับเดินมาข้างๆ มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองเขา แววตาซับซ้อน เม้มปากแน่น พูดไม่ออก

เจ้าอ้วนแซ่เซ่ายิ้มกล่าว “ลูกพี่ ข้าอยากบอกท่านว่า มีท่านเป็นลูกพี่ข้า คือเรื่องที่ดีที่สุดที่ตลอดชีวิตเจ้าอ้วนแซ่เซ่าได้ทำ ก่อนหน้านี้ มีแต่เจ้าอ้วนที่มองดูลูกพี่สง่างามผ่าเผย วันนี้ถึงตาที่เจ้าอ้วนจะเป็นวีรบุรุษบ้างแล้ว”

เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอ กล่าวเสียงตํ่าข้างหูนาง “ลูกพี่ ตั้งแต่ที่ท่านให้น้ำยามหัศจรรย์นั้นแก่ข้า ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปกป้อง หลินชวนแทนท่านให้เป็นอย่างดี ข้าคิดมาตลอดว่าตนจะกลายเป็นเทพปกปักรักษาหลินชวนได้ แต่วันนี้ข้าเข้าใจแล้ว เทพปกปักรักษาไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่เป็นคนหนึ่งกลุ่ม คนหลินชวนที่มีเลือดร้อนทั้งหมด ข้าดีใจยิ่งนัก วันนี้ข้าสามารถเป็นเทพปกปักรักษาที่แท้จริงได้แล้ว ทั้งยังไม่เสียน้ำยาที่ท่านให้ข้ามาเปล่าๆ”

พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินไปในหม้อผลาญสวรรค์

จู่ๆ มู่ชิงเกอก็คว้าข้อมือเขาไว้แน่น กล่าวเสียงแข็ง “เจ้าอ้วน…”

“ลูกพี่ ข้าทราบดี” เจ้าอ้วนแซ่เซ่าออกแรงดึงข้อมือตนกลับมา เชิดหน้ายืดอกเดินไปยังหม้อผลาญสวรรค์

มู่ชิงเกอกลืนน้ำตาในเบ้าตาลงไป ละสายตามองคนในหม้อผลาญสวรรค์ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางคนนับล้าน แต่นางก็ยังมองเห็นมู่อี้เฉิน กับซางหลันรั่ว และรอยยิ้มบนใบหน้าคนทั้งสองก็ทำให้นางเจ็บปวดจนยากจะหายใจราวกับหัวใจถูกมีดกรีด

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก มองพวกเขา พยายามยกยิ้ม กล่าวเสียงเบา “อาจจะเจ็บเล็กน้อย อดทนหน่อย”

ไม่มีใครรู้ความรู้สึกในใจนาง ตอนที่นางพูดประโยคนี้ออกไป

“คุณชาย พวกข้าไม่กลัว!”

“คุณชายรีบเริ่มเถอะ พวกข้าไม่กลัวเจ็บ!”

“คุณชาย ได้อยู่ร่วมกับหลินชวนตลอดไป เป็นเกียรติสูงสุดที่ไม่ใช่ว่าใครก็มีได้ พวกข้ามีความสุขอย่างยิ่ง”

“คุณชาย…”

“คุณชาย…”

เสียงเรียกคุณชายแต่ละเสียงๆ ดังอยู่ในหูมู่ชิงเกอ นางกัดฟัน หลุบตาลง ยกมือโบก พญาเพลิงมากมายในตัวนางพุ่งออกมาพร้อมกัน โผเข้าไปที่หม้อผลาญสวรรค์

“อ๊ากกก!” ตอนที่เปลวเพลิงปกคลุมหม้อผลาญสวรรค์ มู่ชิงเกอ เงยหน้าแผดเสียงยาวด้วยความเจ็บปวดหนึ่งครา

ฝืนกลั้นนํ้าตาหลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไทว ไหลลงมาจากหางตา ซึมเข้าไปในเสื้อของ นาง เกราะของนาง

บนแผ่นดินเทพมาร กองทัพใหญ่เทพมาร รวมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

แผนการของซือมั่ว นี่คือทางเลือกที่ไม่มีทางเลือก แน่นอนว่าไม่มีใครคัดค้าน เพราะว่า เวลาไม่คอยท่าแล้ว!

ซือมั่วยืนอยู่บนเก้าชั้นฟ้าเพียงลำพัง ที่นี่ไม่มีคนแล้ว คนทั้งหมด ต่างก็ต้องเข้าร่วมสงคราม ครั้งนี้ แผ่นดินเทพมารต้องทุ่มแรงสู้ศึก ไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจหลบหนี

เขายกมือขึ้น ตบหินผาข้างกาย

ปัง!

ปัง ปัง!

ปัง ปัง ปัง!

“ตื่นได้แล้ว นายเจ้ากำลังเผชิญเคราะห์ร้าย เจ้ายังหลับลึกอยู่ได้อย่างไร” ซือมั่วเอ่ยปากช้าๆ

“เจ้านายหรือ เจ้านายเป็นอะไรไป” เสียงของเหมิงเหมิง ราวกับว่าเพิ่งจะตื่นนอน เต็มไปด้วยความสะลืมสะลือ

แววตาซือมั่วสงบนิ่ง กล่าวเสียงตํ่าและช้า “หลินชวนถูกทำลาย แม้ว่าจะมีเลือดเนื้อจิตวิญาณภักดีมาฟื้นฟู แต่ช่องโหว่กลับขาดหินอุดฟ้า”

“หินอุดฟ้าหรือ” เหมิงเหมิงประหลาดใจครู่หนึ่ง

“เจ้าก็คือหินอุดฟ้าก้อนนั้น แผ่นดินเทพมารตอนนี้ นอกจากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถอุดช่องโหว่นั้นได้อีก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!