Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1313

LamNamBubPaPit
BC

บทที่ 1313 ข้า…ข้าจะรับผิดชอบ…

หนนี้ถ้าเขาตายเกรงว่าจะไม่มีเวลาให้ประกอบร่างขึ้นใหม่อีกแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!

C

ถึงอย่างไรเขาก็แข็งแกร่งนัก ถึงแม้ร่างกายจะสลบไปแล้ว แต่ดวงวิญญาณยังคงรักษาสติไว้ได้ ใช้พลังจากดวงวิญญาณหล่อเลี้ยงสัญญาณชีพของร่างนี้ แต่ก็หล่อเลี้ยงไว้ได้เพียงสามชั่วยามเท่านั้น แล้วเขาก็จะใช้พลังไม่ได้ ทำได้เพียงละทิ้งกายเนื้อ…

นางจะช่วยเขาหรือไม่?

บางทีอาจต้องกล่าวว่านางจะรู้ตัวทันเวลาหรือเปล่า?

ยามนี้ได้ทราบแล้วว่าเจตนารมณสวรรค์ไร้น้ำใจนัก

ซีจิ่ว บุพเพของเจ้าและข้าเป็นข้าที่ฝืนช่วงชิงมา หรือว่าผลแตงที่ฝืนเด็ดย่อมไม่หวานจริงๆ?

ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่เคยใส่ใจสิ่งใดเลย ใส่ใจเพียงเจ้าผู้เดียว ทว่ากลับทำผิดพลาดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

ซีจิ่ว ข้าไม่อยากให้เจ้าเสียใจภายหลัง ไม่อยากให้เจ้าเศร้าใจไปชั่วชีวิต ดังนั้น เจ้าต้องช่วยข้าก่อนนะ…

เจ้าหอยยักษ์โผนทะยานปานเหินบิน พบกับหลัวจั่นอวี่ที่ติดตามร่องรอยของมันมาพอดี

เจ้าหอยยักษ์ทราบว่าหลัวจั่นอวี่เป็นหมอมีชื่อ รีบลากเขามา ขอให้ช่วยเหลือ และเปิดฝาหอยออกให้เขาดูอาการก่อน หลัวจั่นอวี่ตรวจสอบครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว ลมหายใจของตี้ฝูอีรวยรินเกินไปแล้ว!

ราวกับเปลวเทียนท่ามกลางสายลมที่พร้อมจะดับลงได้ทุกเมื่อ ถึงอย่างไรหลัวจั่นอวี่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ มือกำแน่น!

ว่ากันตามเหตุผล ตอนที่ตี้ฝูอีเพิ่งเข้ามาอาการบาดเจ็บหนักหนาถึงเพียงนั้นก็สมควรจะพักฟื้นอยู่ในสถานที่เดิม ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมา เขากลับอวดดีไปกำราบผู้อื่น ซ้ำยังปล่อยให้เจ้าหอยยักษ์ที่พึ่งไม่ได้ตัวนี้พาวิ่งตะลุยไปอีก ต่อให้มิใช่เขาวิ่งด้วยตัวเอง ก็ยังกระทบกระเทือนถึงบาดแผลอยู่ดี ทำให้บาดเจ็บขึ้นไปอีก!

หลัวจั่นอวี่ก็ไม่กล้าโอ้เอ้เช่นกัน “ไป รีบไปที่เรือนร้อยสมาน!”

เรือนร้อยสมานเป็นสถานที่ที่หลัวจั่นอวี่ใช้ช่วยชีวิตคนโดยเฉพาะ ถึงแม้นามจะหยาบกระด้าง แต่มองแล้วกลับทำให้คนสบายใจ

ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว การรักษาให้หายขาดราบรื่น ล้วนเป็นความหวังของผู้รักษาทุกคน

เนื่องจากผู้คนต้องออกไปล่าสัตว์เก็บเกี่ยวกันทุกวัน เรื่องได้รับบาดเจ็บกล่าวได้ว่ามีเกิดขึ้นทุกวัน บางครั้งถึงขั้นที่เกิดขึ้นวันละหลายครั้งด้วย

เมื่อก่อนนอกจากหลัวจั่นอวี่แล้ว ยังมีผู้ช่วยอีกสองคน ค่อนข้างยุ่งง่วนยิ่งนัก

หลังจากกู้ซีจิ่วมาที่นี่ ฝูงชนก็สร้างโรงหมอให้นางหลังหนึ่งอยู่ข้างๆ เรือนร้อยสมานของหลัวจั่นอวี่ ให้ทั้งสองปรึกษาหารือช่วยเหลือกันและกันได้สะดวก…

ทักษะการแพทย์ของกู้ซีจิ่วเหนือลํ้ากว่าหลัวจั่นอวี่มากนัก ดังนั้นผู้คนที่นี่จึงแขวนป้ายให้โรงหมอของเธอว่า ‘เรือนพันสมาน’ เสียเลย

กู้ซีจิ่วพาไป๋หลี่เช่อกลับมาที่เรือนพันสมาน

ไป๋หลี่เช่อเจ็บจนแทบสลบแล้ว หยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมาชั้นแล้วชั้นเล่า!

การผ่าตัดเช่นนี้ย่อมต้องถอดเสื้อผ้าท่อนบนออก เริ่มแรกไป๋หลี่เช่อยังคงเหนียมอายอยู่บ้าง เขารู้สึกอายเล็กน้อยที่ต้องเปลือยไหล่ต่อหน้าเด็กสาว

เพียงแต่วาจาเหนียมอายของเขายังไม่ทันได้กล่าวจนจบ ก็ถูกกู้ซีจิ่วตัดบทแล้ว “พูดเหลวไหลให้น้อยหน่อย!”

เธอฉีกเสื้อท่อนบนของเขาออกทั้งหมดแล้วโยนทิ้งไปทันที เผยให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำเป็นมัดๆ ของเขา

รูปร่างของไป๋หลี่เช่อยอดเยี่ยมนัก เขาก็ภาคภูมิใจในร่างกายได้สัดส่วนของตน เขารู้สึกว่าไม่มีบุรุษคนไหนที่มีกล้ามเนื้อแบบเขา มีกลิ่นอายความเป็นชายถึงเพียงนี้ ทุกครั้งยามที่เขาถอดเสื้อออก ถึงแม้จะเป็นเพียงสองไหล่ที่เปลือยเปล่า ก็สามารถดึงดูดสายตาของสาวๆ บางส่วนได้แล้ว

เขาเป็นชายหนุ่มหล่อล่ำ เปี่ยมด้วยความเป็นชาย ยามนี้ไป๋หลี่เช่อที่เปี่ยมด้วยความเป็นชายนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเสมือนไก่ที่ถูกกำจัดขนแล้วตัวหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะมองตาของกู้ซีจิ่ง อยากขุดค้นหาแววตาตื่นตาตื่นใจสักนิดจากนัยน์ตาของนาง…

ผลคือ สายตาที่กู้ซีจิ่วมองเขาไม่มีระลอกคลื่นเลยสักน้อย

เพื่อความแม่นยำ เธอจึงไม่ได้มองทั้งร่างเขา สายตาจดจ่อเพียงบาดแผลของเขา…

ไป๋หลี่เช่อกระแอมคราหนึ่ง “ข้า…ข้าจะรับผิดชอบนะ…”

กู้ซีจิ่วอับจนวาจา มิน่าล่ะคนถึงพูดกันว่าหมอหญิงนั้นเป็นยาก

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!