Skip to content

สู่วิถีอสุรา 500

Svtasr

ตอนที่ 500 ต้นกำเนิดวิญญาณโลก

ซูหมิงเหมือนถูกค้อนหนักทุบกลางกระหม่อม ร่างเขาถอยไปหลายก้าว สีหน้ามืดทะมึน ในความคิดปรากฏสามภาพวูบวาบอย่างรวดเร็ว!

ภาพแรก เป็นตอนนั้นที่อยู่บนโซ่เขาหานในเมืองเขาหาน เขาเห็นเป่ยหลิง เห็นเหลยเฉิน และยังมีคำพูดประโยคนั้น

‘เจ้าตายไปแล้ว ข้าเป็นคนฝังเจ้าเองกับมือ…’

ภาพนี้หายวับไปทันใด แล้วแทนที่ด้วยภาพตอนที่หงหลัวจะหายไป เขาอยู่เหนือโลงศพไม้บนภูเขาของเผ่าเชมัน ทันทีที่สัมผัสกับโลงศพไม้ ก็เกิดความมืดในความทรงจำปานความฝัน

‘เด็กสองคนในตอนนั้น…คนที่มีชีวิตคือนาง คนที่ตายไปคือข้า…’

จากนั้น ภาพนี้สลายไปทั้งหมด ร่างเงาตี้เทียนปกคลุมทั้งหมดในความทรงจำของซูหมิง คำสองคำที่เย็นเยียบนั้นดังก้องในความคิดซูหมิงไม่หยุด…ไม่เลือนหายอยู่นาน

‘ซู่มิ่ง!’

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น มองชายชราเสื้อคลุมเหลือง มองฟ้าดินด้านหลัง ผ่านไปพักใหญ่ถึงกล่าวขึ้นด้วยความขมขื่น

“ข้า…ตายแล้วหรือ?”

“อาจจะใช่ และอาจจะไม่ใช่” ชายชราเสื้อคลุมเหลืองมองซูหมิงพลางส่ายศีรษะ

“หมายความว่าอย่างไร?” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวเนิบช้า ใช่ว่าเขารับไม่ได้กับคำพูดของชายชรา เรื่องแบบนี้เขาเคยเจอเงื่อนงำอยู่บ้างเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ว่าเอามาเชื่อมกันไม่ได้

“โลกมีสองด้านคือตรงและกลับ หากด้านตรงหมายถึงชีวิต เช่นนั้นด้านกลับก็หมายถึงความตาย…ทว่าอะไรเล่าคือความตาย อะไรคือด้านกลับ มีใครอธิบายได้ชัดเจนหรือไม่?

บางทีอาจมองขอบเขตของโลกระหว่างด้านตรงและด้านกลับเป็นกระจก คนนอกกระจกมองในกระจก และคนในกระจกก็มองนอกกระจกเช่นกัน คนที่มองคือตัวเอง แต่บางทีอาจไม่ใช่ตัวเอง เข้าใจหรือไม่?”

ชายชราเสื้อคลุมเหลืองกล่าวช้าๆ

ซูหมิงขมวดคิ้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็มองฟ้าดินออกไปไกลยิ่งกว่า

“ความหมายของเจ้าคือคนในกระจกมีชีวิตของตัวเองอยู่อย่างนั้นหรือ นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนนอกกระจกไม่รู้ อย่างเช่นเจ้ากับข้า ก็อยู่ในกระจกเช่นกัน?”

“การทำความเข้าใจของเจ้าใช้ได้ คนที่เลี่ยซานซิวสนใจจะต้องมีดีอย่างเจ้า…บ้านเกิดของข้าหรือโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เริ่มศึกษาหยินหยางเมื่อนานมาแล้ว จนได้ผลสรุปมาว่าจักรวาลนี้ก็มีด้านตรงและด้านกลับเช่นกัน!

พวกเราเรียกด้านกลับว่ามายาแห่งมรณะหยิน และเรียกด้านตรงว่าอากาศแห่งแสงสว่างหยาง” ชายชรากล่าวถึงตรงนี้ก็พลันหยุด อมยิ้มแล้วไม่กล่าวอีก

ซูหมิงเงียบ ยกมือขวาขึ้นมองเส้นผมบนนิ้วมือ ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีสีหน้าเด็ดขาด

“ข้าจะช่วยให้เผ่าเจ้ากลับบ้านได้อย่างไร?”

“ที่นี่สร้างขึ้นจากของวิเศษในเผ่าข้า มันเสียหายตอนที่ข้าข้ามผ่านผืนฟ้าดารา ทว่าวิญญาณของโลกนี้หรือก็คือวิญญาณในของวิเศษนี้ยังไม่ตาย มันเพียงหลับใหลเท่านั้น!

มันต้องการพลังที่มากพอจึงจะตื่นขึ้น เมื่อมันตื่นขึ้นถึงเปิดใช้งานของวิเศษได้อีกครั้ง และกลับไปยังโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ตามวงโคจรของมันในตอนนั้น!

ในอดีต เผ่าข้าสั่งสมสิ่งของจนพอใช้ได้แล้ว ทว่าก็ยังไม่พอ ฉะนั้นเลยร่วมมือกับเผ่าเชมันและต้องการวิญญาณมังกรปราณปฐพีตัวนี้!

ขอแค่เจ้าส่งพลังของเลี่ยซานซิวเข้าไปในวงแหวนอาคมของวิหารใหญ่ ก็ถือว่าเป็นการช่วยเผ่าข้าอย่างสูงแล้ว หากรวมกับพลังของเลี่ยซานซิว ข้ามั่นใจอยู่เจ็ดส่วนว่าจะทำให้วิญญาณโลกนี้ตื่นขึ้นมาได้ในเวลาอีกไม่นาน!

หากวิญญาณโลกตื่นขึ้น เผ่าข้าติดต่อกับวิญญาณโลกได้แล้ว เผ่าข้าก็จะใช้มัน…กลับบ้านได้!” ชายชราเสื้อคลุมเหลืองดูค่อนข้างตื่นเต้น หลังจากปรับอารมณ์ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็มองซูหมิงด้วยสีหน้าจริงใจ

“หลังจากวิญญาณโลกตื่นขึ้น ข้าจะเปิดอาคมเคลื่อนย้ายในของวิเศษได้ แม้อาคมนี้จะใช้ได้ไม่มากนักเพราะพลังงานในของวิเศษ แต่ก็สามารถส่งเจ้ากับชาวเผ่าพวกนั้นกลับไปโลกของพวกเจ้าได้!

นอกจากนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อระหว่างมายาแห่งมรณะหยินและอากาศแห่งแสงสว่างหยาง ถึงตอนนั้นเมื่อไรข้าจะบอกเจ้า หวังว่าเจ้าจะช่วย…

อีกทั้งหากเจ้าอยากมองเห็นโลกนี้ให้ชัดจริงๆ ถ้ากล้าเดิมพัน เช่นนั้นก็ให้ออกจากวงแหวนอาคมนี้เป็นคนสุดท้าย ถึงตอนนั้นเจ้าจะเห็นท้องฟ้าและดาวทอประกาย…” ชายชราเสื้อคลุมเหลืองกล่าวถึงตรงนี้ก็ถอยไปหลายก้าว แล้วประสานมือคารวะซูหมิง

“คำพูดทุกอย่างของข้าเป็นความจริง หวังว่าเจ้าจะช่วยเหลือ หากวันหนึ่งเจ้าออกจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรมไปยังโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ก็มาที่แผ่นดินใหญ่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ ที่นั่นเป็นที่อยู่ของเผ่าวิญญาณหยิน ข้าหวังว่าจะได้เจอกับเจ้าที่นั่นสักวันหนึ่ง!”

ซูหมิงเงียบ มองชายชราตรงหน้าแล้วพยักหน้า

คำพูดทุกอย่างของชายชราทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกราวกับความฝัน นึกไปถึงความเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่คำพูดส่งเดชเลย

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ซูหมิงยอมตกลงเรื่องนี้เพื่อคำตอบในใจ แม้ชายชราจะโกหก แม้ทุกอย่างเป็นเรื่องลวงหลอก ซูหมิงก็ยอมเชื่อดีกว่าว่าชายชราโกหก

ครั้นเห็นซูหมิงพยักหน้า ชายชราสวมเสื้อคลุมเหลืองก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนสะบัดชายเสื้อ วิหารใหญ่บนยอดเขานี้พลันบิดเบี้ยว หลังจากค่อยๆ หายไปแล้ว รูปปั้นยักษ์ทั้งแปดด้านในก็หายตามไปด้วย ราวกับว่าทุกอย่างเป็นภาพมายา มีเพียงร่องรอยวงแหวนอาคมใหญ่ที่เหลือไว้หลังจากมังกรแดงฉานบินออกมา!

“โปรดส่งพลังของเลี่ยซานซิวเข้าไปในวงแหวนอาคมด้วย!” ชายชราประสานมือคารวะอีกครั้ง

ซูหมิงนิ่งเงียบ ค่อยๆ เดินไปยังวงแหวนอาคมจนกระทั่งมายืนด้านใน สายตามองวงแหวนนั้นอยู่นาน ก่อนยกมือขวาขึ้นทันควัน เส้นผมบนนิ้วพลันปลดปล่อยพลังมหาศาลและเปล่งแสงอย่างเด่นชัด

คลื่นพลังหมุนวนรอบๆ ท้องฟ้าส่งเสียงโครมคราม มวลอากาศรอบๆ ดุจไม่อาจทนรับไหว เกิดรอยร้าวขึ้นหลายจุด วินาทีที่นิ้วของซูหมิงจะกดลง เขาพลันหันไปมองสีหน้าของชายชราเสื้อคลุมเหลืองปานสายฟ้า

สิ่งที่เขาเห็นคือความตื่นเต้น ขมขื่น คะนึงหา และอยากกลับบ้าน

‘จะเชื่อเจ้าสักครั้ง!’ ซูหมิงกดมือขวาลงอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กดบนวงแหวนอาคม เส้นผมบนนิ้วเผาไหม้อย่างรวดเร็ว พลังมหาศาลที่ไม่อาจบรรยายปลดปล่อยออกมา ไหลไปตามนิ้วมือเข้าสู่วงแหวนอาคม

ขณะเดียวกัน ยอดเขาที่ซูหมิงอยู่ทลายลงทีละน้อย กลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไป ทว่าวงแหวนอาคมยังคงอยู่ มันลอยอยู่กลางอากาศและค่อยๆ เปล่งแสง!

ด้านนอกยอดเขาที่หายไป รูปปั้นและวิหารใหญ่ทั้งหมดพลันสลายกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตาเดียว รูปปั้นเหล่านั้นคล้ายถูกพายุถาโถม พากันล้มลงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนดิน

จนกระทั่งพายุสลายไป แสงจากวงแหวนอาคมสว่างจ้าตา โดยรอบก็ไม่มียอดเขากับวิหารอีก รูปปั้นเผ่าวิญญาณหยิน ตอนนี้เหลือเพียงสิบรูป!

อีกทั้งสิบรูปนี้ยังไม่สมประกอบ แฝงไว้ด้วยความรู้สึกเก่าแก่และผุพัง ปานผ่านกาลเวลามาไม่รู้กี่ปี

วงแหวนอาคมกลางอากาศส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก่อขึ้นเป็นเสาแสงสว่างจ้า เสานี้พุ่งขึ้นมาจากวงแหวนอาคมและตรงดิ่งขึ้นไปยังสุดท้องฟ้า

วินาทีที่เสาแสงพุ่งขึ้นฟ้าไป บนแผ่นดินใหญ่ไกลออกไปยังมีอีกหนึ่งเสาแสงพุ่งขึ้นเสียบเมฆ จากนั้นในโลกเก้าหยินกว้างไกลนี้ก็มีเสาหินพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ซูหมิงจะไม่เห็นทั้งหมด เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดิน!

เส้นผมบนนิ้วซูหมิงเหลือไม่มากแล้ว ตัวเขาถูกแรงปะทุจากเสาแสงบีบจนถอยไปติดๆ กันหลายร้อยจั้ง ใบหน้าซีดขาวและกระอักเลือด เขาเหม่อมองไปรอบๆ มองวิหารใหญ่ที่หายไป มองรูปปั้นสลายไปทีละรูป ทุกอย่างนี้ให้ความรู้สึกสมจริงอย่างยิ่ง นั่นหมายความว่าสิ่งที่ชายชราพูดเป็นเรื่องจริง

“บุญคุณครั้งนี้จะไม่มีวันลืม!” ชายชรามีสีหน้าตื่นเต้น หลังจากประสานมือคารวะซูหมิงแล้วก็ตรงไปยังเสาแสงวงแหวนอาคม

“เปิดวงแหวนอาคมต่อ ข้าจะปลุกวิญญาณโลกให้ตื่นขึ้นสุดกำลัง อย่างเร็วก็ครึ่งเดือน อย่างช้าก็หนึ่งเดือน โลกเก้าหยินจะเปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าดิน ขอให้ผู้มีพระคุณรวมพลเผ่าของท่านด้วย ตอนที่วิญญาณโลกตื่นขึ้น ข้าจะเปิดเส้นทางให้!”

ซูหมิงมองชายชราเสื้อคลุมเหลืองหายไปในเสาแสง เขายืนเงียบอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง สีหน้ากล้ำกลืน ล้มเลิกความคิดที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อแปลงเป็นซู่มิ่งอีกครั้ง

นี่คือการป้องกันเหตุไม่คาดคิดครั้งสุดท้าย หากอีกฝ่ายพูดโกหก ซูหมิงจะใช้เวลาสิบห้าลมหายใจนี้เปลี่ยนมัน

ทว่า…ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงโดยรอบหรือการกระทำของชายชรา ทุกอย่างอธิบายได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย เมื่อเป็นเช่นนั้น ระดับความน่าเชื่อถือของคำพูดอีกฝ่ายจึงอยู่ในระดับที่เกือบเป็นความจริง!

นี่คือสิ่งที่ซูหมิงอยากรู้โดยเร็วที่สุด และก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า

ขณะเงียบงันซูหมิงก็เก็บมังกรแดงฉานไป ให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์บนแขนซ้าย มังกรตัวนี้เสียหายมากเกินไป ยามนี้จึงหลับใหล ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นเมื่อไร

ซูหมิงพาศพพิษและหนอนงูมุ่งหน้าไปยังหุบเขาของเผ่าชะตาชีวิต เงาแผ่นหลังเขาดูเงียบเหงานัก แฝงไว้ด้วยความสับสนและโดดเดี่ยว ขณะค่อยๆ เดินไป เสาแสงด้านหลังเขาสว่างจ้า พื้นดินใต้เท้าสั่นสะเทือน ชั้นเมฆบนท้องฟ้าหมุนตลบ ทุกอย่างนี้หมายความว่าโลกใบนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่

“ครึ่งเดือน…หนึ่งเดือน…จะได้รู้คำตอบทุกอย่างตอนที่ออกไปจากที่นี่”

ซูหมิงพึมพำเบาๆ นัยน์ตาค่อยๆ ฉายแววแน่วแน่ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบใด เขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป

ไม่ว่าคำตอบนี้หมายถึงอะไร บางเรื่อง ซูหมิงรู้สึกว่าตนต้องรู้!

ร่างเงาเขาหายลับไปไกล ช่วงที่บินอยู่บนท้องฟ้า เขาปล่อยจิตสัมผัสปกคลุมไกลออกไป จนกระทั่งจิตเขาไปอยู่ในซากเมืองเชมัน จนกระทั่งเขาเห็นวิญญาณของอาหู่กำลังล่องลอยอยู่ในซากนั้น และยังมีนอกซากปรักหักพังเมืองเชมัน ท่ามกลางวิญญาณล่องลอยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีสตรีคนหนึ่งที่ซูหมิงคุ้นตา

“นาง…ไม่ได้ออกไปในตอนนั้นหรือ…” ซูหมิงหยุดอยู่กลางอากาศ แล้วหันหน้ามองไปยังตำแหน่งของสตรีในจิตสัมผัสผู้นั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!