Chapter 5
หมอเทวดาถูกลักพาตัว
รุ้งมณีพยักหน้ารับรู้ เธอคิดว่าคงไม่ไกลเกินนักหรอกมั้ง แล้วเธอก็หันไปพูดกับเงินว่า “พี่เงินหยิบล่วมยาให้หน่อยจ้ะ”
“จ้ะแม่รุ้ง” เงินรับคำแล้วก็หันไปหยิบล่วมยาซึ่งเป็นย่ามผ้าสำหรับใส่ยากับอุปกรณ์ทำแผลส่งให้รุ้งมณี
รุ้งมณีรับล่วมยาไปสะพายพาดบ่าแล้วก็บอกกับชายคนนั้นว่า “ฉันพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ”
แล้วรุ้งมณีก็เดินนำหน้าไปออกทางหลังวัด เงินและมากก็รีบตามรุ้งมณีไป จ้าวราชคฤห์พยักหน้าแล้วก็เสด็จตามไป แม่ทัพสิลารีบตามไป พอคนไข้เห็นแม่หมอเดินออกไปก็พากันถามคนคุมแถวว่า “แม่หมอจะไปที่ใดรึ?”
คนคุมแถวตอบว่า “มีคนเจ็บหนัก แม่หมอก็จะไปรักษาคนเจ็บหนักก่อนจ้ะ”
“อ้าว แล้วพวกข้าล่ะ?” คนไข้ท้วง
“พวกลุงป้าน้าอาก็รอกันก่อนนะจ๊ะ ประเดี๋ยวแม่หมอก็กลับแล้วจ้ะ” คนคุมแถวรีบปะเหลาะบรรดาคนไข้ให้อยู่ในความสงบ บรรดาคนไข้และญาติๆ จึงรอต่อไปอย่างสงบเรียบร้อย คนคุมแถวลอบถอนหายใจ “เฮ้อ…”
เพราะมีบ่อยครั้งที่บรรดาคนไข้ก่อเหตุวุ่นวายเพราะต้องการให้หมอเทวดารักษาให้ตัวเองก่อน รุ้งมณีเดินออกทางหลังวัดแล้วก็หันไปถามชายคนนั้นว่า “ไปทางไหนจ๊ะ?”
จ้าวราชคฤห์ชี้ไปทางท่าน้ำพูดว่า “ทางนี้”
แล้วเขาก็เดินนำทาง แม่ทัพสิลารีบเดินนำหน้าคอยระวังภัย รุ้งมณีกับพวกก็เดินตามหลังไป ครั้นพอเกือบถึงท่าน้ำ แม่ทัพสิลาก็เดินเลี้ยวไปทางชายป่า เงินกับมากมองอย่างงงๆ แล้วมากก็ถามว่า “อ้าว ทำไมเดินไปทางนั้นเล่า?”
เงินก็ชี้มือบอกว่า “เรืออยู่ทางนี้มิใช่หรือ?”
ทุกคนชะงัก! แล้วเงินก็ถามว่า “รึว่าเรือของพวกเอ็งจอดอยู่ทางนั้นรึ?”
แม่ทัพสิลารีบรับ “ใช่จ้ะๆ”
รุ้งมณีกลัวคนเจ็บจะตายเสียก่อนก็บอกว่า “รีบไปเถอะ”
แม่ทัพสิลาจึงเดินนำทางต่อไป ครั้นถึงจุดที่ทหารรออยู่ พวกทหารต่างก็ยืนขึ้นอย่างระวังตัว พอเห็นว่าเป็นผู้ใดเดินมาก็ยืนรออย่างเงียบๆ ส่วนเงินกับมากพอเห็นม้าหลายตัวกับผู้ชายหลายคนยืนอยู่ก็นึกระแวง เพราะม้ามีใช้เฉพาะในกองทัพเท่านั้น
“พวกเอ็งใช้ม้ารึ” มากถาม
“ใช่” แม่ทัพพยักหน้า
มากรีบคว้าข้อมือรุ้งมณีให้หยุดเดิน “เดี๋ยวนังหนู”
รุ้งมณีชะงัก! “อะไรจ๊ะลุง?”
เงินก็ชะงัก! เช่นกัน พอทั้ง 3 ชะงัก! จ้าวราชคฤห์ก็สั่งทหารเป็นภาษากาสีว่า “จับพวกมันเร็ว!”
พอได้ยินภาษากาสี เงินก็ตะลึง!ร้องลั่น “เฮ้ย! ไอ้พวกกาสี!”
แล้วเงินก็วิ่งอ้าวกลับไปทางเดิม จ้าวราชคฤห์รีบพุ่งตัวรวบตัวแม่หมอเอาไว้
“ว๊าย!” รุ้งมณีร้องลั่นอย่างตกใจ ส่วนแม่ทัพสิลาก็รีบจับตัวมาก มากตั้งท่าต่อยสวน แม่ทัพสิลาเอี้ยวหลบแล้วก็ต่อยท้องมากเต็มแรง ตั๊บ!
“อุก!” มากจุกลงไปกองกับพื้น แม่ทัพสิลาก็จับตัวมากกดลงกับพื้นแล้วก็ถามว่า “จะให้ทำอะไรกับไอ้เฒ่านี่ขอรับ?”
“มัดมันไว้แล้วก็เอามันไปด้วย” จ้าวราชคฤห์สั่ง รุ้งมณีเห็นช่องโหว่ก็ศอกใส่ชายคนนั้นเต็มแรง ปึก!
“โอ๊ะ!” จ้าวราชคฤห์ร้องเจ็บ รุ้งมณีสะบัดตัวหลุดไปได้ เธอจะวิ่งหนี แต่พอหันไปเห็นมากถูกจับ เธอก็ชะงักงัน! “ลุงมาก!”
เฉพาะตัวเธอคงจะหาทางหนีไปได้แน่ แต่ด้วยความเป็นห่วงลุงมากหล่อนจึงละล้าละลังไม่รู้จะทำยังไงดี? จ้าวราชคฤห์ฉวยโอกาสเข้าไปจับตัวแม่หมอเอาไว้
“หยุด! มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าไอ้เฒ่านั่นเสีย!” เขาตวาดดุดัน แม่ทัพสิลาชักมีดออกมาจ่อคอมาก
“อย่านะ อย่าฆ่าลุงมาก!” รุ้งมณีรีบห้าม
“เอ็งไปกับพวกข้าเสียโดยดี มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าไอ้เฒ่านั่น!” จ้าวราชคฤห์ขู่หน้าตาดุดัน รุ้งมณีส่ายหน้าขอร้อง “อย่านะ อย่าทำอะไรลุงมากนะ”
จ้าวราชคฤห์หันไปสั่งทหารว่า “เอาม้ามา”
ทหารรีบจูงม้าไปให้ จ้าวราชคฤห์จับสายบังเหียนแล้วก็ผลักหมอเทวดาให้ขี่ม้า “ขึ้นไปซิ”
รุ้งมณีขืนตัว “ฉันขี่ม้าไม่เป็น”
จ้าวราชคฤห์อุ้มนางขึ้นมา
“ข้าบอกให้ขี่ม้า!” เขาตวาดใส่นาง
“ว๊าย! รุ้งมณีร้องลั่นคว้าโอบคอเอาไว้ตามสัญชาตญาณ จ้าวราชคฤห์ชะงัก! นังคนนี้ตัวเบายิ่งนัก!
เขาส่งนางขึ้นหลังม้า รุ้งมณีตะกายขึ้นม้าอย่างกลัวตก จากนั้นจ้าวราชคฤห์ก็ตวัดตัวขึ้นขี่ม้าซ้อนหลังหมอเทวดา
“ปล่อยข้า!” มากดิ้น แม่ทัพสิลาเพิ่มแรงกด จรดคมมีดกรีดผิวลำคอเชลยเฒ่า มากชะงัก! มิกล้าดิ้น แม่ทัพหันไปสั่งทหารว่า “มัดมันไว้ แล้วเอามันไปด้วย”
ทหารสองคนล้วงเชือกออกมาแล้วก็เดินเข้าไปจับแขนมากมัดไพล่หลัง
“ปล่อยข้า!ๆ” มากดิ้นสู้ ทหารเงื้อดาบขู่ มากชะงักมิกล้าขัดขืน พอมัดเสร็จทหารทั้งสองก็ช่วยกันหิ้วมากไปขึ้นม้า แล้วทหารคนหนึ่งก็ขึ้นคร่อมซ้อนด้านหลัง ส่วนทหารที่เหลือก็ไปขึ้นม้าของตัวเอง จ้าวราชคฤห์หันไปมอง เห็นทหารขึ้นม้ากันหมดแล้วก็พยักหน้า เขาโอบเอวหมอเทวดาเอาไว้ อีกมือก็จับบังเหียนแล้วก็บังคับม้าให้ออกวิ่ง
“ว๊าย!” รุ้งมณีร้องลั่นรีบเกาะขอบอานม้าแน่นอย่างกลัวตก ทหารก็รีบควบม้าตามเสด็จ
ส่วนเงินหนีรอดไปได้ก็รีบวิ่งกลับวัดไปบอกหลวงพ่อว่า “แย่แล้วๆ หลวงพ่อๆ ขอรับ แย่แล้วขอรับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อกำลังนั่งอยู่บนแคร่หน้ากุฏิ “อะไรของเอ็งวะไอ้เงิน?”
“ไอ้พวกกาสีขอรับหลวงพ่อ พวกมันจับตัวแม่รุ้งกับลุงมากไว้ขอรับ” เงินรีบบอก
“ห๊า!” หลวงพ่อตกใจ ครู่ต่อมาพอตั้งสติได้หลวงพ่อก็ซักว่า “พวกมันมากันกี่คนรึไอ้เงิน?”
“หลายคนขอรับหลวงพ่อ มันลวงแม่รุ้งออกไปแล้วมันก็จับตัวแม่รุ้งกับลุงมากไว้ขอรับ” เงินตอบพลางชี้มือไปทางชายป่า หลวงพ่อมองตามแล้วก็บอกว่า “ถ้างั้นเอ็งไปตามพวกหนุ่มๆ มา บอกพวกมันด้วยว่าให้เอามีดเอาดาบมาให้ครบมือ แล้วเอ็งก็รีบพาพวกมันไปช่วยนังหนูเร็วเข้า”
“ขอรับหลวงพ่อ” เงินรับคำแล้วก็รีบวิ่งไปบอกพรรคพวก คนในหมู่บ้านพอรู้ข่าว ต่างก็รีบคว้ามีดคว้าดาบตามเงินไปทันที
ครั้นพอไปถึงชายป่าก็มิเห็นใครเลย
“พวกมันอยู่ไหนรึ” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม เงินรีบชี้ไปตรงที่ที่พวกกาสีเคยอยู่ “ตรงนี้จ้ะ”
“มิเห็นมีใครเลย เอ็งจำมิผิดนะ?” ชาวบ้านอีกคนถาม
“มิผิดจ้ะ นั้นไงผ้าของข้าตกอยู่นั่น” เงินรีบวิ่งไปหยิบผ้ามาเคียนเอว ทุกคนหันไปมองรอบๆ บริเวณ แต่ก็มิพบใครเลย มีเพียงรอยเกือกม้าทิ้งเอาไว้
“พวกมันคงหนีไปหมดแล้ว นั่นไงรอยเกือกม้าเป็นเทือกเชียว” ชาวบ้านชี้ให้ดูรอยบนพื้นดิน
“ถ้าเช่นนั้นจะทำเช่นไรรึ?” เงินถาม ชาวบ้านก็บอกว่า “กลับไปปรึกษากับหลวงพ่อก่อนเถอะ พวกมันขี่ม้าไป พวกเราตามมันมิทันหรอก”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย แล้วทั้งหมดก็กลับไปที่วัด ส่วนคนอื่นๆ พอรู้ข่าวว่าหมอเทวดาถูกจับตัวไปก็เป็นเดือดเป็นแค้นยิ่งนัก ส่วนหลวงพ่อพอรู้ว่ามิมีทางตามตัวรุ้งมณีกลับมาได้ก็ได้แต่ยืนปลง
จ้าวราชคฤห์พอได้ตัวหมอเทวดามาแล้วเขาก็เร่งควบม้ากลับค่าย รุ้งมณีไม่เคยขี่ม้าเลยสักครั้ง พอก้นกระแทกกับอานม้าบ่อยครั้งเข้าเธอก็เริ่มรู้สึกเจ็บก้น
“โอย…” เธอคราง มือเกาะอานแน่น จ้าวราชคฤห์ก้มลงเหลือบมองนางในอ้อมแขนแล้วเขาก็เร่งม้าให้วิ่งเร็วยิ่งขึ้น ใจร้อนรนด้วยความเป็นห่วงน้องชาย ถึงแม้จะเป็นน้องชายต่างมารดา แต่เขาก็รักน้องชายยิ่งนัก พวกทหารก็เร่งม้าตามสุดฝีเท้าอย่างมิเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย อยู่บนหลังม้านานๆ เข้า รุ้งมณีก็เพลียจนเผลอหลับ ตัวเอนโงนเงนไปมา จ้าวราชคฤห์เห็นหมอเทวดาตัวอ่อนโงนเงนก็กลัวว่านางจะตกม้า กระชับอ้อมแขนกอดเอวแน่นขึ้น เขารั้งตัวนางให้พิงอกตัวเอง เขารู้สึกถึงรอบเอวที่เล็กบางจนแทบจะใช้ 2 มือกำรอบได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างบางในอ้อมแขนชวนให้ปั่นป่วนใจ นึกแปลกใจว่า เหตุใดนังคนนี้จึงตัวหอมยิ่งนัก ต่างจากพวกนางสนมของเขาซึ่งมิมีใครมีกลิ่นหอมเช่นนี้เลยสักคน
“เหตุไฉนนางจึงมีกลิ่นหอมผิดแผกจากหญิงบ้านป่าเช่นนี้?” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วก็หันไปใส่ใจบังคับม้าให้วิ่งลัดเลาะไปตามทางสัตว์ในป่า จนกระทั่งถึงค่ายทหาร ทหารที่เฝ้าหน้าค่ายได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาก็ชะเง้อดู
“มีคนมาๆ” ทหารตะโกนบอกต่อๆ กัน พลธนูก็รีบตั้งท่าง้างธนูเตรียมยิง แต่พอเห็นม้าของจ้าวราชคฤห์ทหารก็รีบตะโกนบอก “จ้าวราชคฤห์เสด็จกลับมาแล้วๆ”
แล้วทหารก็รีบเปิดประตูค่ายรับเสด็จ พลธนูลดธนูลงพลางชะเง้อมองว่ามีข้าศึกติดตามมาหรือไม่อย่างระแวดระวัง จ้าวราชคฤห์ขี่ม้าตรงลิ่วไปที่กระโจมของน้องชาย เขาหยุดม้าหน้ากระโจมแล้วพลางเขย่าปลุกหมอเทวดา “นังหมอตื่น!ๆ”
รุ้งมณีสะดุ้งตื่นหน้าตามึนงง “หือ”
จ้าวราชคฤห์ตวัดตัวลงจากหลังม้า แล้วก็อุ้มหมอเทวดาลง “ลงมา”
“ว๊าย!” รุ้งมณีตกใจ พอเท้าแตะพื้นได้เธอก็ยันตัวถอยหนี
นังคนนี้ตัวเบายิ่งนัก! จ้าวราชคฤห์คิดในใจ เขาคว้าข้อมือเล็กให้ตามตัวเองไป “มานี่!”
รุ้งมณีดิ้นสะบัดแขนสุดแรง “ไม่! ปล่อยฉันนะ!”
จ้าวราชคฤห์ตาวาววับอย่างมิพอใจที่นังเชลยกล้าขัดคำสั่งของเขา เขาอุ้มนางขึ้นพาดบ่า
“ว๊าย!” รุ้งมณีตกใจดิ้นสุดฤทธิ์ “ปล่อย! ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”
“เงียบ! เดี๋ยวข้าก็ฆ่าทิ้งเสียเลย!” จ้าวราชคฤห์ตวาดลั่น รุ้งมณีชะงัก! รู้สึกกลัวจับใจ ยายจ๋าช่วยรุ้งด้วย…
จ้าวราชคฤห์แบกหมอเทวดาเข้าไปในกระโจม พวกทหารได้แต่มองตามตาปริบๆ
“ก็ไหนว่าจ้าวราชคฤห์ไปตามหมอเทวดามิใช่รึ?” ทหารคนหนึ่งถาม
“นั่นซิ ไปตามหมอเทวดาแต่เหตุใดถึงได้พาแม่หญิงกลับมาเช่นนี้เล่า?” อีกคนเสริม
“หุบปากเชียวพวกเอ็ง! หาไม่ข้าจะเอาหวายทวนหลัง” แม่ทัพสิลาตวาดตาวาว เหล่าทหารที่ยืนเฝ้าหน้ากระโจมต่างพากันก้มหน้าหลบตากันเป็นแถว แล้วแม่ทัพสิลาก็สั่งทหารว่า “เอาไอ้เฒ่านี่ไปขังไว้”
“ขอรับ” ทหารรับคำสั่งแล้วก็ลากเชลยไปขัง มากมิกล้าขัดขืนกลัวจนแทบเยี่ยวราด
พอเข้าไปในกระโจม จ้าวราชคฤห์ก็ปล่อยเชลยลงกับพื้น รุ้งมณีรีบผละออกถอยหนีจนติดผ้ากระโจมอย่างตื่นกลัว “อย่าเข้ามานะ”
จ้าวราชคฤห์เดินไปนั่งบนตั่งทอง มองน้องชายอย่างเป็นห่วง “เจ้าเป็นเช่นไรบ้างราชคีร์”
จ้าวราชคีร์ลืมตามอง พอเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ตอบว่า “ข้าปวดเหลือเกินท่านพี่ โอย…”
จ้าวราชคฤห์หันไปมองหมอเทวดาแล้วก็ตวาดว่า “เอ็งรีบมารักษาน้องข้าเร็วเข้า!”
“เอ่อ…” รุ้งมณีมองชายคนนั้นแล้วก็มองคนบนเตียงอย่างตื่นกลัวปนงงๆ
“เร็วซิ!” จ้าวราชคฤห์ตะคอก เขาลุกไปกระชากแขนเชลยอย่างใจร้อน
“ว๊าย!” รุ้งมณีตกใจถลาตามแรงกระชาก “โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ!”
เธอสะบัดแขนน้ำตาคลอ
“เอ็งจงรีบรักษาน้องข้าเร็วเข้า!” จ้าวราชคฤห์ตะคอกเหวี่ยงหมอเทวดาไปที่ตั่งทอง รุ้งมณีล้มถลาข้างตั่ง “โอ๊ย!”
น้ำตาหยดเผาะ
“รีบรักษาน้องข้าเร็วเข้า!” จ้าวราชคฤห์ตะคอกใส่ รุ้งมณีจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหวั่นกลัว เธอกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ ทำไมจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย! เธอยกมือปาดน้ำตาทิ้งพยุงตัวลุกขึ้น ขยับเข้าไปดูคนเจ็บ นี่ถ้าหากไม่เห็นแก่มนุษยธรรมล่ะก็…เธอคงจะหาทางหนีไปให้ไกลๆ จากคนน่ากลัวคนนี้แน่ๆ
“เป็นอะไรจ๊ะ?” เธอถามคนเจ็บ จ้าวราชคีร์เหลือบมองแล้วก็ครางว่า “เจ็บเหลือเกิน โอย…”
“เอ็งเป็นหมอแล้วเอ็งมิรู้หรือว่าน้องข้าเป็นอะไรห๊า!?” จ้าวราชคฤห์ตวาดใส่ รุ้งมณีโมโหขึ้นมา!
หันขวับไปตวาดใส่อย่างลืมตัวว่า “นี่คุณ! ฉันเป็นหมอนะไม่ได้เป็นพระเจ้าจะได้ตรัสรู้ได้เองว่าเขาไม่สบายเป็นอะไรน่ะ ถ้าไม่ถามแล้วฉันจะไปรู้รึไง ถ้าคุณเก่งนักก็รักษาเอาเองซิ!”
จ้าวราชคฤห์ตะลึง! เพราะมิเคยมีใครกล้าตวาดใส่เขาเช่นนี้ ในชีวิตนี้มีเพียงพระบิดาและพระมารดาเท่านั้นที่กล้าดุเขา จ้าวราชคีร์ก็ตะลึงเช่นกัน ส่วนข้าทาสต่างก็ตะลึงตกใจไปตามๆ กัน “เอ่อ…”
รุ้งมณีจ้องตาดุวาว เธอสูดลมหายใจข่มความโกรธแล้วก็หันไปดูคนเจ็บ เอื้อมหลังมือแตะหน้าผากคนเจ็บ “ตัวร้อนจี๋เชียว เป็นไข้มากี่วันแล้วจ๊ะ?”
เงียบ! ไม่มีใครตอบ
“ฉันถามว่าเป็นไข้มากี่วันแล้ว?” รุ้งมณีหันไปถามผู้หญิงที่หมอบอยู่ใกล้ๆ
เงียบ ไม่มีใครตอบอีกเหมือนเดิม
พอคิดได้ว่าเธอกับพวกเขาพูดกันคนละภาษาเธอจึงหันไปถามคนที่พูดภาษาเดียวกับเธอได้ว่า “เขาเป็นไข้ตัวร้อนอย่างนี้มากี่วันแล้ว?”
รู้สึกว่ามีเพียงคนๆ นี้คนเดียวที่ฟังเธอรู้เรื่อง
“หลายวันแล้ว” จ้าวราชคฤห์ตอบยังงงๆ ที่ถูกตวาดใส่ แล้วรุ้งมณีก็หันไปดูร่างกายคนเจ็บ เธอเห็นผ้าพันพาดบ่ามีรอยเปื้อนสีคล้ำๆ เธอขยับเข้าไปจับผ้าแง้มดู เห็นยาพอกตั้งแต่บ่ายาวไปถึงกลางหลัง ผิวหนังอักเสบบวมเบ่ง เธอก็รู้แล้วว่าคนเจ็บเป็นอะไร เธอดันตัวคนเจ็บให้นอนคว่ำพลางบอกว่า “ขอฉันดูแผลหน่อยนะ”
จ้าวราชคีร์ขยับตัวนอนคว่ำตามมืออย่างว่าง่าย รุ้งมณีจัดแจงแกะผ้าออกเพื่อดูแผลให้ชัดๆ เธอกวาดยาพอกแผลทิ้งใส่กระโถน ตรวจดูแผลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ปลดล่วมยาออกจากบ่า หยิบห่อผ้าออกมา แล้วก็หันไปบอกผู้ชายคนนั้นว่า “ฉันต้องการน้ำร้อนกับอ่างใบใหญ่ๆ”
จ้าวราชคฤห์หันไปสั่งข้าทาสว่า “พวกเอ็งจงไปเอาอ่างกับน้ำร้อนมาเร็ว”
“เจ้าค่ะ” นางทาสลุกออกไป 2 คน ครู่ต่อมานางทาสก็ถืออ่างทองคำเข้ามา อีกคนก็ถือหม้อใส่น้ำร้อนเข้ามา รุ้งมณีเหลือบมองแล้วก็สั่งว่า “เอามาวางไว้ตรงนี้”
นางทาสแม้จะมิเข้าใจภาษาที่อีกฝ่ายพูดแต่ดูจากท่าทางก็พอจะเข้าใจ พอเอาของไปวางตามคำสั่งแล้วก็ถอยไปนั่งหมอบตามเดิม
“โอย…ปวดเหลือเกิน…โอย” จ้าวราชคีร์ร้องครางอย่างสุดจะอดกลั้น รุ้งมณีเอาผ้าชุบน้ำร้อนแล้วก็เช็ดมือจนสะอาด จากนั้นเธอก็เอาผ้าผืนใหม่ชุบน้ำร้อนค่อยๆ เช็ดแผลอย่างเบามือ จ้าวราชคีร์สะดุ้ง! ข่มความเจ็บคิดในในว่า นังคนนี้มือเบามิเหมือนไอ้พวกหมอหลวงพวกนั้น พอกยาให้เขาแต่ละหนมือหนักเหลือจะกล่าว
พอเช็ดแผลจนสะอาดแล้วรุ้งมณีก็ตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียด แผลเป็นหนองบวมเป่ง เพราะแบบนี้ถึงได้มีไข้ตัวร้อนจัดขนาดนี้ หลังจากตรวจดูแผลแล้วเธอก็หันไปบอกผู้ชายคนนั้นว่า “คุณช่วยมาจับตัวเขาหน่อยซิ”
แล้วเธอก็หันไปชี้ที่เหล่านางทาสซึ่งหมอบอยู่พลางบอกว่า “พวกเธอก็มาช่วยกันจับตัวเขาด้วย”