Skip to content

บุพเพรักข้ามกาล 6

Chapter 6

รักษาจ้าวราชคีร์

“เอ็งจะทำอะไรรึ?” จ้าวราชคฤห์ถามอย่างสงสัยว่านางคิดจะทำอะไรกับน้องชาย

“ฉันจะขูดหนองออกจากแผลเขาน่ะซิ” รุ้งมณีบอก จ้าวราชคฤห์ขมวดคิ้วอย่างมิเข้าใจ แต่เขาก็ขยับเข้าไปช่วยจับตัวน้องชายตามที่นางบอก พลางสั่งกับนางทาสว่า “พวกเอ็งมาช่วยจับราชคีร์ด้วย”

“เจ้าค่ะ” พวกนางทาสรีบลุกไปทำตามคำสั่ง

“จับไว้แน่นๆนะ” รุ้งมณีสั่งแล้วก็หันไปหยิบผ้าผืนเล็กข้างหมอนเอามาม้วนให้หนาๆ แล้วเธอก็ยื่นให้คนเจ็บ “กัดผ้านี่ไว้นะจ๊ะ”

จ้าวราชคีร์กัดผ้าอย่างงงๆ รุ้งมณีหันไปถามชายคนนั้นว่า “มีเหล้าไหม?”

จ้าวราชคฤห์หันไปสั่งกับนางทาสว่า “เอ็งไปเอาเหล้ามาที”

“เจ้าค่ะ” นางทาสรีบเดินไปหยิบไหเหล้ามา รุ้งมณีชี้มือให้นางทาสเอาไหเหล้ามาวางตรงหน้าตัวเอง “เอามาวางไว้ตรงนี้เลยจ้ะ”

นางทาสวางไหเหล้าแล้วก็ถอยไปนั่งหมอบรอรับใช้ รุ้งมณียกไหเหล้าเทใส่ขันทอง จากนั้นเธอก็หยิบมีด เข็ม ด้าย ออกจากล่วมยามาแช่เหล้า เธอเอาผ้าจุ่มเหล้าแล้วก็เช็ดรอบแผลจนทั่ว จ้าวราชคีร์สะดุ้ง! รู้สึกเย็นวาบ แล้วรุ้งมณีก็หยิบมีดขึ้นมา เธอจรดปลายมีดลงบนปากแผล จ้าวราชคฤห์คว้าข้อมือหมับ! “เอ็งจะทำอะไร!?”

“โอ๊ย! ฉันก็จะขูดหนองออกน่ะซิ” รุ้งมณีบอกแล้วก็ชี้ไปที่ปากแผลแล้วอธิบายว่า “ไม่เห็นเหรอแผลเป็นหนองขนาดนี้ต้องขูดหนองออกให้หมด ไม่งั้นแผลก็ไม่หายแล้วก็จะทำให้เขาตายได้”

จ้าวราชคฤห์จ้องตานาง มิเห็นแววว่านางจะฆ่าน้องชายจึงปล่อยข้อมือนาง

“ถ้าราชคีร์เป็นอะไรไป ข้าฆ่าเอ็งแน่!” เขาพูดเหี้ยมโหด รุ้งมณีตวัดตาค้อนขวับ! คลำข้อมือตัวเองป่อยๆ “อูย”

“รีบรักษาน้องข้าซิ” จ้าวราชคฤห์พยักหน้าแล้วก็จับตัวน้องชายไว้แน่น รุ้งมณีจรดปลายมีดขูดหนองออก

“โอ๊ย!” จ้าวราชคีร์สะดุ้ง! ร้องลั่นดิ้นสุดพระกำลัง

“ทนเจ็บหน่อยนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” รุ้งมณีพูดปลอบพลางใช้มืออีกข้างกดตัวคนเจ็บไม่ให้ดิ้น เหล่านางทาสมองอย่างหวาดเสียว จ้าวราชคฤห์ช่วยกดตัวน้องชายแน่น เขาก็มิเข้าใจว่าเหตุใดถึงได้เชื่อใจนังเชลยคนนี้ รุ้งมณีเร่งขูดหนองให้เสร็จโดยเร็ว เธอขูดเอาเนื้อตายและน้ำหนองออกจนหมด จ้าวราชคีร์ทนความเจ็บปวดมิไหวก็สิ้นสติไป

“ราชคีร์!” จ้าวราชคฤห์ตกใจ! รุ้งมณีหยุดมือ เธอแตะชีพจรแล้วก็บอกว่า “ยังไม่ตาย”

แล้วเธอก็จัดแจงเอาเหล้าเช็ดแผลจนสะอาด จากนั้นเธอก็รีบใส่ยาให้เสร็จโดยเร็ว พอใส่ยาเสร็จแล้วเธอก็เอาเหล้าเช็ดรอบแผลอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เอาผ้าคลุมแผลเอาไว้ เธอตรวจชีพจรคนเจ็บแล้วก็หันไปล้างมือจนสะอาด จ้าวราชคฤห์มองมือขาวๆ นั่นแล้วก็คิดในใจว่า เหตุใดมือนังคนนี้ถึงขาวยิ่งนักทั้งๆ ที่แขนมันดำเช่นนั้น?

“อือ…โอย…” จ้าวราชคีร์ครางรู้สึกตัว จ้าวราชคฤห์หันไปสนในน้องชาย “ราชคีร์”

“โอย…ข้าเจ็บเหลือเกิน โอย…” จ้าวราชคีร์ขบกรามครางอย่างเจ็บปวด รุ้งมณีมองคนเจ็บแล้วก็ถามชายคนนั้นว่า “มีฝิ่นไหม?”

จ้าวราชคฤห์จ้องหมอเทวดาเขม็งพลางคิดว่า นังคนนี้มันติดฝิ่นกระมัง แล้วเขาก็หันไปสั่งกับข้าทาสว่า “เอ็งไปเอาฝิ่นมาให้มันที มันคงจะอยากฝิ่นกระมัง”

“เจ้าค่ะ” ข้าทาสรับคำแล้วก็ลุกออกไป ครู่ต่อมานางข้าทาสก็เข้ามาพร้อมกับถาดใส่ยางฝิ่นแห้งบดละเอียดและบ้องสูบฝิ่น นางเอาของทั้งหมดส่งให้เชลยนางนั้น รุ้งมณีรับมาอย่างงงๆ เธอวางถาดลงแล้วก็หยิบของในถาดขึ้นมาดูทีละอย่าง “อะไรล่ะเนี่ย?”

เธอดูไปดูมาอย่างงงๆ เคยเห็นของพวกนี้ตามพิพิธภัณฑ์ จู่ๆ ไม่นึกว่าจะได้มาจับต้องของจริงเช่นนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น “โอ!”

จ้าวราชคฤห์เห็นท่าทางของหมอเทวดาก็คิดว่า มันคงจะอยากฝิ่นจนตัวสั่นกระมัง

รุ้งมณีจับนู้นดูนี่แล้วก็จัดแจงเอาฝิ่นบดแห้งชงกับน้ำร้อน ตำรับยานี้เธอเรียนรู้มาจากป้านาก จ้าวราชคฤห์มองอย่างแปลกใจว่านางทำอะไร?

รุ้งมณีรอจนน้ำในถ้วยสีเข้มขึ้น แล้วเธอก็ประคองถ้วยยาไปป้อนให้คนเจ็บ

“กินยานี่นะจ๊ะ จะได้หายปวด” เธอบอก จ้าวราชคีร์ข่มความเจ็บปวดผงกศีรษะขึ้นดื่มยาจนหมดถ้วย พอป้อนยาเสร็จรุ้งมณีก็วางถ้วยลงในถาด แล้วก็ถอยไปนั่งข้างตั่งอย่างเหนื่อยล้า จ้าวราชคีร์ครางอย่างเจ็บปวด ครู่ต่อมาเขาก็เคลิ้มหลับ จ้าวราชคฤห์มัวแต่มองน้องชาย ครั้นพอน้องชายนอนหลับไปแล้วเขาจึงหันไปมองหมอเทวดา เห็นนางฟุบหลับข้างตั่งจึงปล่อยให้นางหลับอยู่อย่างนั้น เขาเอนตัวนอนบนตั่งเคียงข้างน้องชาย คอยนอนเฝ้าอย่างเป็นห่วง

นางข้าทาสก็พากันนั่งเฝ้านอนเฝ้าอย่างเงียบๆ มิมีใครกล้าทำเสียงดังให้ระคายหูกันสักคน บางคนก็แอบซุบซิบเกี่ยวกับแม่หญิงที่จ้าวราชคฤห์พามาอย่างสงสัยใคร่รู้ นางเป็นใครกัน? เหตุใดจึงกรีดเนื้อเถือหนังผู้อื่นอย่างมิเกรงกลัวเลือดเนื้อเลยสักนิด นางโพกผ้าคลุมหน้าคลุมตามิดชิด ผ้าผ่อนก็นุ่งห่มคลุมปิดไปหมดจนมิอาจจะรู้ได้ว่าผิวกายสีใด ดำหรือขาว แต่จากที่เห็นมือนางขาวยิ่งนัก แต่เหตุใดตีนกับแขนถึงได้ดำดั่งถ่านเช่นนั้นเล่า? นางข้าทาสพากันชะเง้อชะแง้มองอย่างอยากรู้อยากเห็น

แม่ทัพสิลาเข้ามาในกระโจมพอเห็นว่าจ้าวราชคฤห์นอน เขาก็ออกไปคอยดูแลความเรียบร้อยในค่าย การเดินทัพต้องหยุดชะงักลงเพราะจ้าวราชคีร์ถูกลอบทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอหลวงหลายคนก็มิอาจจะรักษาได้ จ้าวราชคฤห์ก็ทุกข์ใจยิ่งนักเพราะรักน้องชายมาก ได้หมอเทวดามาก็มิรู้ว่าจะสามารถรักษาจ้าวราชคีร์ได้หรือไม่? หากรักษามิได้…นังหมอบ้านป่าคงสิ้นชีพสังเวยคมดาบเป็นแน่ แต่ก็น่าประหลาดใจนักที่หมอเทวดาที่เขาร่ำลือกันเป็นแม่หญิง สำหรับบุรุษ สตรีมีไว้เพื่อบำรุงบำเรอเหล่าบุรุษเท่านั้น

เวลาผ่านไป แสงตะวันลับฟ้าไปนานแล้ว ภายในค่ายจุดไต้จุดตะเกียงให้แสงสว่าง ก่อกองไฟคลายความหนาว

“โอย” จ้าวราชคีร์ครางเจ็บ รุ้งมณีสะดุ้งตื่น ได้ยินเสียงคนเจ็บรู้สึกตัวเธอก็ขยับเข้าไปดูอาการ “รู้สึกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?”

“โอย…เจ็บเหลือเกิน” จ้าวราชคีร์พึมพำป่ายมือไปมา รุ้งมณีใช้หลังมือวัดอุณหภูมิ “ตัวร้อนเชียว”

แล้วเธอก็หันไปหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดตัวลดไข้ จ้าวราชคีร์พอรู้สึกเย็นสบายตัวก็หลับไปอีกครั้ง รุ้งมณีวัดอุณหภูมิอีกรอบ พอเห็นว่าตัวเย็นแล้วเธอก็หยุดเช็ด จากนั้นเธอก็ซักผ้าบิดน้ำแล้วก็พับผ้าทบกันวางไว้บนหน้าผาก แล้วเธอก็ถอยไปนั่งเฝ้าข้างตั่งอย่างรู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งหิว เจ็บก้นด้วย นางข้าทาสคนหนึ่งถือจานข้าวมายื่นให้ “ข้าวของเอ็ง ท่านแม่ทัพสั่งให้ข้าเอาข้าวมาให้เอ็งกิน กินเสียซิ”

รุ้งมณีฟังไม่รู้เรื่อง แต่ดูจากท่าทางอีกฝ่ายเธอก็พอจะเดาได้ เธอยกมือไหว้พร้อมกับบอกว่า “ขอบใจจ้ะ” แล้วก็รับจานข้าวมา นางข้าทาสมองอย่างเหยียดหยามแล้วก็เดินออกไป รุ้งมณีมองข้าวสีตุ่นๆ เหมือนดั่งอาหารเลิศรสด้วยความหิวจัด เธอลงมือกินข้าวทันที ไม่นานนักข้าวก็หมดจาน เธอวางจานลงแล้วก็ยกขันน้ำทองคำซึ่งวางอยู่ข้างตั่งมาดื่ม นางทาสเห็นเข้าก็ตวาดว่า “อีไพร่! บังอาจนัก!”

แล้วนางทาสคนนั้นก็ถลันมาแย่งขันพลางตบฉาด! เพี๊ย!

“โอ๊ย!” รุ้งมณีหน้าหัน เธอหันไปมองตาลุกวาว แล้วก็ลุกขึ้นต่อยเปรี้ยง!

“โอ๊ย!” นางทาสเซล้มลงปากแตกเลือดไหล นางทาสคนอื่นเห็นสหายถูกทำร้ายก็กรูกันเข้าไปช่วย “หน๊อยแน่ะอีไพร่สถุล! บังอาจตบพวกข้าเชียวรึ!”

รุ้งมณีรีบก้มลงฉวยจานดินเผาขึ้นมาถือเงื้อป้องกันตัว

“ใครเข้ามาฉันจะเอาจานฟาดให้หัวแตกเลย!” เธอตวาดลั่น แม้จะฟังภาษาของอีกฝ่ายไม่ออก แต่ท่าทีมุ่งร้ายขนาดนี้คงไม่เข้ามาทำดีกับเธอแน่นอน

“เอะอะอะไรกัน!” จ้าวราชคฤห์ตวาด เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเอะอะ ทุกคนชะงักกึก!

“ก็อีไพร่นี่ซิเจ้าคะ มันบังอาจเอาขันทองของจ้าวราชคีร์ไปกินน้ำเจ้าค่ะ” นางทาสรีบฟ้อง “แล้วมันยังตบข้าด้วยเจ้าค่ะ”

จ้าวราชคฤห์หันขวับ!ไปมองคนต้นเหตุ รุ้งมณีจ้องตอบ รอดูท่าทีว่าเขาจะว่าอย่างไรบ้าง แต่ถ้าใครคิดจะทำอะไรเธอล่ะก็…เธอสู้ตายแน่ หนอย…อยู่ดีๆ ก็มาตบเธอ กะอีแค่กินน้ำแค่นี้โวยวายอะไรกันก็ไม่รู้ เดี๋ยวแม่ก็เชือดทิ้งซะหรอก ตายเป็นตายซิ!

“เอ็งไปตักน้ำมาให้มันใหม่” จ้าวราชคฤห์สั่ง นางทาสรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ”

แล้วก็รีบออกไป แล้วจ้าวราชคฤห์ก็หันไปมองน้องชาย เหล่านางทาสรีบถอยไปนั่งรอถวายการรับใช้ตามเดิม ส่วนรุ้งมณีก็ลดจานลงแล้วก็หันไปมองผู้ชายคนนั้น จ้าวราชคฤห์เห็นผ้าบนหน้าผากน้องชายก็จะหยิบออก

“อย่าเอาออกนะ วางไว้อย่างนั้นแหละมันช่วยลดไข้ได้” รุ้งมณีรีบบอก จ้าวราชคฤห์ชะงัก! มองอย่างฉงน

“การรักษาของเอ็งแปลกประหลาดนัก” เขาพูดพลางชักมือกลับ “ข้าให้คนไปตักน้ำมาให้เอ็งแล้ว เอ็งต้องการสิ่งใดก็บอกกับนังพวกนี้มัน”

รุ้งมณีพยักหน้ารับรู้ คิดในใจว่าบอกไปแล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะ พูดกันคนละภาษาแบบนี้น่ะ เฮ้อ…

จ้าวราชคฤห์เห็นน้องชายหลับก็โล่งใจ แล้วเขาก็หันไปสั่งกับนางทาสว่า “พวกเอ็งจงดูแลนังเชลยผู้นี้ให้ดี มันต้องการสิ่งใดก็จงจัดหาให้มัน ข้าจะให้มันนั่งเฝ้านอนเฝ้าราชคีร์จนกว่าจะหายดี พวกเอ็งจงหาหมอนหาผ้าให้มันด้วย”

“เจ้าค่ะ” นางทาสรับตำสั่งแล้วก็รีบออกไปจัดหาเครื่องนอน ก็ใครจะกล้าอยู่ล่ะ ตาดุเสียขนาดนั้น

รุ้งมณีเห็นเขาไม่ได้พูดกับเธอ ก็เดินไปนั่งหลบมุมตรงปลายตั่ง เพราะเธอก็ไม่อยากอยู่ให้ขวางหูขวางตาเขาเช่นกัน พอกินอิ่มแล้วเธอก็เผลอหลับไป จ้าวราชคฤห์มองอาการของน้องชายอย่างพอใจ น้องชายของเขามิทุรนทุรายแล้วช่างน่าดีใจยิ่งนัก แล้วเขาก็เอนตัวลงนอนตามเดิม นางทาสเดินเข้ามาพอเห็นจ้าวราชคฤห์นอนก็หันไปกระซิบบอกต่อๆ กัน มิให้ส่งเสียงดัง แล้วพวกนางก็หอบเครื่องนอนไปโยนไว้ข้างๆ ตัวเชลยนางนั้น จากนั้นพวกนางก็เดินย่องไปนั่งๆ นอนๆ อีกด้านของกระโจม ทหารเปิดผ้าประตูกระโจมเข้ามา “จ้าวราชคฤห์…”

“ชู่ว…ท่านนอนอยู่ เบาๆ ซิ ประเดี๋ยวก็หัวขาดกันหมดหรอก” นางทาสหันไปกระซิบดุ ทหารตะครุบปากตัวเองแล้วก็รีบเดินออกไป

ยิ่งดึก อากาศก็ยิ่งเย็น จ้าวราชคฤห์สะดุ้งตื่น! ควานดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเพราะรู้สึกหนาว เขาหันไปมองน้องชาย เห็นผ้าห่มเลื่อนลงไปอยู่ที่เอวก็ห่มผ้าให้น้องชายอย่างเป็นห่วง แล้วก็หันไปมองพวกนางทาส เห็นพวกนางนอนหลับกอดก่ายกัน บ้างก็นอนน้ำลายไหลยืด ก็เบือนหน้าหนี ครั้นหันไปเห็นเชลยนอนคุดคู้ก็ขยับตัวลุกไปดูด้วยห่วงว่าหากนางเป็นอะไรไปจะมิมีหมอรักษาน้องชาย

รุ้งมณีหลับสนิทนอนคู้ตัวด้วยความหนาว จ้าวราชคฤห์เห็นผ้าคลุมหน้าเลื่อนหลุดออก ก็มองใบหน้าดำดั่งถ่านอย่างพิจารณา แม้ว่าผิวพรรณจะดำดั่งถ่านแต่เครื่องหน้านั้นงามชวนมอง เขาคลี่ผ้าห่มคลุมให้ แล้วก็หยิบหมอนพลางช้อนหัวนางให้นอนหนุนหมอน กลิ่นหอมแตะจมูกอีกครั้งจนต้องก้มหน้าไปใกล้ๆ ตัวนาง เขาสูดกลิ่นจากเรือนกายเล็กตรงหน้าอย่างเผลอตัว “หอมยิ่งนัก กลิ่นอะไรหนอ? ข้ามิเคยได้กลิ่นเช่นนี้เลยสักครั้ง หอมจริงเชียว”

“ฮื้อ…” รุ้งมณีครางสะลืมสะลืออย่างไม่พอใจที่ถูกแตะต้องตัว จ้าวราชคฤห์ชะงัก! ผละออกอย่างได้สติ รุ้งมณีพลิกตัวตะแคงอีกข้างพลางม้วนผ้าห่มห่อตัวอย่างสะลืมสะลือ จ้าวราชคฤห์โล่งใจที่นางมิตื่น แล้วเขาก็เห็นรอยเปื้อนดำๆ บนหมอน “หือ…รอยอะไร?”

เขาเอื้อมมือไปจับอย่างสงสัย แต่พอเห็นมือตัวเองก็แปลกใจ “มือข้าไยดำเช่นนี้เล่า?”

เขายกมือขึ้นดูอย่างสงสัย แล้วก็ลุกไปล้างมือ

“ไยมือข้าจึงเปื้อนเขม่าเช่นนี้เล่า?” เขาล้างมืออย่างสงสัยยิ่งนัก แล้วบางสิ่งก็แล่นวาบขึ้นมาในความคิด “หรือว่า…”

พอล้างมือเสร็จ เขาก็ก้าวพรวดเดียวถึงตัวหมอเทวดา ทรุดตัวลงนั่งชันเข่า เอื้อมมือไปลูบแก้มหมอเทวดา แล้วก็ยกขึ้นมอง พอเห็นคราบเขม่าเปื้อนนิ้ว “เป็นดังเช่นที่ข้าคิดจริงๆ นังคนนี้ใช้เขม่าทาตัว”

เขาจ้องหน้าหมอเทวดาอย่างสงสัย “หากมันขัดสีอาบน้ำอาบท่าแล้ว มันจะงามสักเพียงใดกัน? จะงามเท่านังคนที่ล่องเรือหนีไปได้นางนั้นรึไม่?”

เขาจับมือเรียวเล็กขึ้นมามองใกล้ๆ เพ่งพิศมือเรียวเสลาขาวดั่งไข่ปอก บรรดานางสนมของเขามิมีใครมีผิวงามเช่นนี้เลยสักคน รุ้งมณีสะลืมสะลือรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ เธอลืมตาขึ้น พอเห็นใบหน้าคนใกล้ๆ ก็ตกใจ “ว๊าย!”

เธอสะดุ้ง! ลุกพรวด! เขยิบตัวถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ จ้าวราชคฤห์กำมือเรียวเล็กแน่นจ้องหน้านางอย่างพินิจพิเคราะห์

“ปล่อย!” รุ้งมณีตวาดใส่อย่างตกใจสะบัดมือออก เหล่านางทาสที่นอนหลับก็พากันสะดุ้งตื่น! “มีอะไรรึ?”

พวกนางหันไปมองต้นเสียง พอเห็นจ้าวราชคฤห์ตวัดตามองก็พากันเงียบกริบ!

“ปล่อยนะ!” รุ้งมณีสะบัดมือพร้อมกับใช้มืออีกข้างจับมือใหญ่ง้างออก จ้าวราชคฤห์แย้มยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าอยากจะรู้นักถ้าเอ็งขัดสีคราบเขม่าออกแล้วเอ็งจะงามเพียงใด”

รุ้งมณีตะลึง! แล้วจ้าวราชคฤห์ก็หันไปสั่งกับนางทาสว่า “พวกเอ็งจงพานังคนนี้ไปอาบน้ำอาบท่าให้สะอาด หาผ้าผ่อนให้มันนุ่งห่มเสียใหม่ เสร็จแล้วพามันมาหาข้า”

“เจ้าค่ะ” นางทาสรับคำสั่งแล้วก็กรูกันเข้าไปจับตัวเชลยนางนั้น รุ้งมณีตกใจที่จู่ๆ พวกผู้หญิงก็กรูกันเข้ามา เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้สั่งอะไรพวกนั้นบ้าง เธอจึงดิ้นสู้ “จะทำอะไรน่ะ?”

“ข้าให้พวกมันพาเอ็งไปอาบน้ำอย่างไรล่ะ” จ้าวราชคฤห์บอก รุ้งมณีส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้อง!”

จ้าวราชคฤห์กระชากร่างเล็กเข้ามา

“ว๊าย!” รุ้งมณีถลาอย่างไม่ทันตั้งตัว จ้าวราชคฤห์จับปลายคางเรียวจ้องหน้านางถามว่า “เอ็งจะให้พวกมันอาบน้ำให้เอ็งหรือจะให้ข้าเป็นผู้อาบให้?”

รุ้งมณีตะลึงตกใจ! เธอส่ายหน้าเดี๊ยะ “ไม่! อย่ามายุ่งกับฉันนะ!”

จ้าวราชคฤห์แย้มยิ้ม “เอ็งคงอยากให้ข้าอาบน้ำให้เอ็งกระมัง ถ้าเช่นนั้นก็ดี ข้าก็อยากอาบน้ำเช่นกัน”

แล้วเขาก็หันไปสั่งกับนางทาสว่า “พวกเอ็งจงรีบไปเตรียมน้ำเร็วเข้า ข้าจะอาบน้ำ”

“เจ้าค่ะ” นางทาสคำสั่งแล้วก็รีบเดินออกไปเตรียมน้ำอาบให้จ้าวราชคฤห์ รุ้งมณีมองตามนางทาสที่เดินออกไปอย่างงงๆ แต่พอหันกลับมามองผู้ชายตรงหน้า เธอก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยน่าไว้ใจ

“ปล่อยฉัน!” เธอสั่งตาดุวาว จ้าวราชคฤห์มองนางอย่างนึกขัน นางขู่ฟ่อประดุจแมวป่าพาลให้นึกถึงสัตว์เลี้ยงตัวโปรด เจ้านิล…เสือดำที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ซึ่งได้ตายจากไปเมื่อไม่นานมานี้

“ไปอาบน้ำเสียนังตัวดำ หาไม่ข้าจะอาบให้เอ็งเสียเอง” เขาบอกแล้วก็รั้งนางไปให้พวกนางทาส แล้วก็สั่งกับนางทาสว่า “พามันไปอาบน้ำ”

“เจ้าค่ะ” นางทาสยื่นมือไปดึงตัวรุ้งมณีพาออกไป รุ้งมณีขืนตัวไว้ “จะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไปนะ ปล่อยฉัน”

“ไปอาบน้ำเสียดีๆ อย่าโยกโย้พิรี้พิไรให้มากความ” นางทาสช่วยกันลากตัวรุ้งมณีออกไป รุ้งมณีหันไปมองผู้ชายคนนั้น เห็นเขาโบกมือไล่ เธอก็นึกเบาใจที่เขาไม่ได้ตามเธอมาด้วย เธอจึงยอมเดินตามพวกนางทาสไปโดยดี ครั้นพอพวกนางทาสพาเชลยไปถึงที่อาบน้ำ ซึ่งกั้นด้วยตับหญ้าคาแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับพวกนางทาสอาบน้ำ พวกนางทาสก็ช่วยกันเปลื้องผ้าออกจากตัวนางเชลย

“ว๊าย! จะทำอะไรน่ะ หยุดนะ!” รุ้งมณีร้องลั่นพลางตะครุบผ้าแน่น

“ช่วยกันถอดซิวะ” นางทาสคนหนึ่งสั่ง อีกหลายคนก็ช่วยกันดึงคนละไม้คนละมือ โดยมิสนว่านางเชลยจะยื้อยุดเช่นไร คนเดียวหรือจะสู้หลายคนได้ ผ้าผ่อนที่ห่มคลุมกายก็ถูกดึงออกจนหมด รุ้งมณีอายสุดขีดพยายามเอามือปิดบังเรือนร่าง ตั้งแต่โตพอรู้ประสาก็ไม่เคยแก้ผ้าให้ใครดู ยังดีที่มีแต่ผู้หญิงด้วยกัน แล้วนางทาสก็ตักน้ำสาดโคร้ม! ใส่เชลยสาว

“ว๊าย!” รุ้งมณีสะดุ้ง! น้ำเย็นเฉียบจนหนาวสะท้าน แล้วน้ำอีกหลายขันก็ถูกสาดโคร้มๆ ใส่เธอ จากนั้นก็มีมือหลายมือยื่นมาเอาบางอย่างมาขัดตัวเธอ

“โอ๊ย! แสบนะ” รุ้งมณีดิ้นหนี ยิ่งดิ้นพวกนั้นก็ยิ่งขัดแรงจนเธอแสบผิวไปหมด “เบาๆหน่อยซิฉันเจ็บนะ”

แต่พวกนั้นก็ไม่สนใจคำพูดของเธอ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขัดถูจนเธอได้แต่ยืนกัดปากข่มความเจ็บ พอขัดเสร็จน้ำก็สาดโคร้มๆ มาอีก เธอได้แต่ยืนเอามือป้องไม่ให้น้ำเข้าตา พอล้างตัวเสร็จนางทาสก็เอาผ้าเช็ดตัวให้แรงๆ จากนั้นพวกนางก็ช่วยกันแต่งตัวให้นางเชลย หลังจากแต่งตัวเสร็จพวกนางทาสก็ทั้งดึงทั้งดันตัวนางเชลยให้เดินกลับไปที่กระโจม “เดินไปเร็วๆ ซินังนี่ ยืดยาดพิรี้พิไรอยู่ได้”

“โอ๊ย! เบาๆ ซิฉันเจ็บนะ!” รุ้งมณีเดินตามแรงผลัก เธอรีบฉวยผ้ามาห่มพันอกแล้วก็เอาชายผ้าที่เหลือคลุมตัวเพราะอากาศเย็นจนหนาวสะท้าน พอถึงกระโจมพวกนางทาสก็ดันตัวรุ้งมณีเข้าไป

“นังเชลยอาบน้ำแล้วเจ้าค่ะ” นางทาสรายงาน จ้าวราชคฤห์นั่งบนตั่ง หันไปมองพลางกวักมือ “มานี่ซิ”

นางทาสผลักนางเชลย “ท่านเรียกก็รีบไปซินังคนนี้นี่”

รุ้งมณีเซถลาแทบจะไปล้มลงแทบเท้า “โอ๊ย!”

พอทรงตัวได้เธอก็หันไปมองพวกนางทาสอย่างโมโห “หนอยแน่ะ!”

จ้าวราชคฤห์ลุกขึ้นขยับเข้าไป เขาจับใบหน้าใต้ผมยุ่งรุงรังให้หันมาหาตัวเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!