ตอนที่ 101-5
หอสรรพสิ่งผู้ฉลาดแกมโกง
แก่นสมองสัตว์? หากนางต้องการ นางสามารถไปสังหารสัตว์ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
โอสถ? นางปรุงเองก็ได้ เหตุใดจึงต้องซื้อ
ทักษะการต่อสู้? ฮู้ว…แม้ว่านางจะมีไม่มาก แต่ก็ถือว่าพอใช้ สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
แล้วอาวุธล่ะ จริงๆ แล้ว นางก็ถือเป็นนักหลอมอาวุธครึ่งนึงแล้ว อีกประการหนึ่ง สิ่งที่นางสวมอยู่ในมือเองก็เป็นอาวุธ! ในช่องว่าง ยังมีอาวุธกึ่งเทพที่มีที่มาไม่ชัดเจนอยู่อีกชิ้นหนึ่ง
เพราะฉะนั้น สิ่งของต่างๆ ที่ทำให้คนในงานรู้สึกสนใจ สำหรับนางแล้ว มันไม่น่าดึงดูดเลยแม้แต่น้อย
“เป็นอย่างไรบาง เจอของที่ตนเองอยากได้หรือยัง” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วถาม
เว่ยกว่านกว่านและเว่ยฉีมองหน้ากัน เว่ยฉีหน้าแดงและก้มหน้าลง เว่ยกว่านกว่านกลับพูดโดยไม่คิดจะปิดบังมู่ชิงเกอว่า “ท่านพ่อคุมพวกเราอย่างเข้มงวด ไม่ยอมให้เราใช้จ่ายเงินตามอำเภอใจเพราะของพวกนี้หรอก”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
แม้ว่ามู่ชิงเกอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่มีทางที่นางจะพูดบ้าๆ ว่า พวกเจ้าชอบอะไรก็จงบอก ข้าจะจ่ายทุกอย่างให้ อะไรพวกนี้หรอก!
เพราะนางเองก็เป็นคนจนคนหนึ่ง!
“ต่อไป ที่เราจะประมูลคือโอสถระดับสูงชั้นเยี่ยมเม็ดหนึ่ง เท่าที่เจ้าของโอสถได้กล่าวเอาไว้ ชื่อของโอสถนี้คือ ‘เก้าชีวิตหวนคืน’ สามารถระเบิดพลังทั้งหมดออกมาได้ ก่อนลมหายใจทุกท้าย และช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ แต่ทว่า โอสถชนิดนี้ หอของเราเพิ่งเคยพบครั้งแรกและไม่กล้ายืนยันผลลัพธ์ของมัน เพราะ ฉะนั้นขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณเอาเถิด โอสถรักษาชีวิตนี้ขอเปิดราคาในราคาหนึ่งล้านตำลึงทอง”
“หืม? มู่เกอ นั้นยาของท่านมิใช่หรือ” เว่ยกว่านกว่านยืนขึ้นมา พร้อมยื่นคอออกไปมอง
ในขณะที่โอสถเก้าชีวิตหวนคืนถูกนำออกมา มู่ชิงเกอก็หรี่ตาและเข้าใจในจุดประสงค์ของตานเฉินจื่อ
ตาแก่นั้น ช่างแพ้ใม่เป็นเสียจริง
เขาอยากจะให้นางเห็นกับตาว่าโอสถนี้มีมูลค่าจริงๆ หรือไม่
มู่ชิงเกอเงียบและไม่ยอมพูดอะไร อยากจะชมการประมูลต่อไป เหลียนเอ๋อร์ยืนอยู่บนห้องอย่างอึดอัดและกำลังไม่พอใจในแผนการแย่ๆ ของท่านผู้เฒ่าตาน
คุณชายมู่ท่านนี้ เก่งกาจมากจนถึงเพียงนี้ จะดูแผนการตื้นๆ เช่นนี้ไม่ออกได้อย่างไร
และแน่นอนว่า หลังจากสิ้นเสียงของผู้ ดำเนินงานประมูล ก็ไม่มีคนเสนอราคา ราวกับกำลังเป็นห่วงถึงผลลัพธ์ของโอสถเก้าชีวิตหวนคืนนี้
พักใหญ่ ก็ยังไม่มีคนเสนอราคา
ดูแล้ว โอสถระดับสูงชั้นดีนี้จะขายไม่ออกซะแล้ว
“คนพวกนี้ช่างไม่รู้จักของดี พวกเขาไม่เอา ข้าเอา !” เว่ยกว่านกว่านรีบทวงความยุติธรรมให้กับมู่ชิงเกอ
ในขณะที่เว่ยกว่านกว่านเตรียมพร้อมจะยกมือขึ้น มู่ชิงเกอก็ยกมือขึ้น “ไม่ต้องรีบ”
นางไม่อยากจะเชื่อว่าเทียบเชิญที่ตาเฒ่าตานยื่นให้กับนาง ก็เพื่อให้นางอับอาย
ในตอนนี้ ในบริเวณชั้นล่าง ผู้ดำเนินงานประมูลได้พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ทุกท่านคงกำลังสงสัยในผลลัพธ์ของโอสถนี้” ราวกับว่าเขาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเรื่องทุกอย่างต้องเป็นเช่นนี้ จึงไม่แสดงความตื่นตระหนกอันใดเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ทันใดนั้น ผู้ดำเนินงานประมูลก็ได้พูดขึ้นว่า “มิทราบว่า วันนี้ท่านเก๋อมาหรือไม่”
“ท่านเก๋อมีลูกชายแค่คนเดียว และตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านเก๋อกำลังเจ็บหนักเป็นตายเท่ากัน เพราะการต่อสู้แลกชีวิตเมื่อหลายวันก่อน” เหลียนเอ๋อร์อธิบายสั้นๆ แต่ก็สร้างความเข้าใจให้กับทั้งสาม ที่อยู่ในนี้
ที่แท้ ท่านผู้เฒ่าตานก็มีจุดประสงค์เช่นนี้นี่เอง
ประการแรก คือ สามารถทดลองผลลัพธ์ของโอสถนี้ ว่าวิเศษอย่างที่มู่ชิงเกอได้พูดเอาไว้หรือไม่ ประการที่สองคือสามารถทำรายได้อันมหาศาลให้กับหอสรรพสิ่ง
ชั้นล่าง ท่านเก๋อที่ถูกเอ๋ยชื่อพูดขึ้นอย่าง ช้าๆ ว่า “ทำไม? หอสรรพสิ่งคิดจะใช้ลูกชายของข้าเป็นหนูทดลองอย่างนั้นรึ?”
ผู้ดำเนินงานประมูลก็พูดตรงๆ พร้อมรอยยิ้มโดยไม่อึดอัดขัดเขินเลยแม้แต่นิด “ได้ยินมาว่า คุณชายเก๋อบาดเจ็บสาหัสเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เหตุที่ท่านเก๋อมาร่วมงานประมูลในวันนี้ คือการหายารักษาที่ดีที่สุดมิใช่หรือ อีกทั้งงานประมูลในครานี้ ยาที่สามารถช่วยชีวิตได้ ก็มีเพียงโอสถเก้าชีวิตหวนคืนในมือของข้าเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นไม่สู้ท่านเก๋อลองเสี่ยงใช้โอสถนี้รักษาดูดีหรือไม่ เพียงหนึ่งล้านตำลึงทอง ใช้แลกกับชีวิตของคุณชายเก๋อ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเป็น ที่สุด”
คำพูดของผู้ดำเนินงานประมูลทำให้ท่านเก๋อขมวดคิ้วเป็นปมและเงียบลง ราวกับกำลังคิดพิจารณาเพื่อตัดสินใจ
ครู่หนึ่ง เขาจึงพูดอีกครั้งว่า “หากไม่ได้ผล หอสรรพสิ่งจะรับผิดชอบอย่างไร แล้วชีวิตของลูกชายข้าใครจะรับผิดชอบ”
สำหรับคำถามนี้ มู่ชิงเกอเองก็สงสัยเป็นอย่างมากว่าหอสรรพสิ่งจะมีคำตอบอย่างไร
ผู้ดำเนินงานประมูลราวกับได้เตรียมตัวมาก่อนแล้ว ทันทีที่ท่านเก๋อพูดจบ ก็พูดอย่างผ่อนคลายว่า “หากไม่ได้ผลหอของเรายินดีคืนเงินทั้งหมดทันที และต้องบอกท่านเก๋อว่าเจ้าของโอสถนี้ ก็อยู่ภายในงานประมูลในครั้งนี้ด้วย หากไม่ได้ผล และทำให้อาการหนักกว่าเดิม ข้าว่าเจ้าของโอสถก็ควรจะออกมาชี้แจงสักหน่อย” พูดจบ เขาก็แอบกวาดสายตามองห้องที่มู่ชิงเกอนั่งอยู่แวบหนึ่ง
“ไร้เหตุผล! เห็นได้ชัดว่า เขาคิดจะลากท่านเข้าไปเกี่ยวด้วย!” เว่ยฉีทุบที่วางมือของเก้าอี้อย่างจังทีหนึ่ง พลันมองเหลียนเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไร้เดียงสาด้วยแววตาอันโหดเหี้ยม
“หอสรรพสิ่งของพวกเจ้านี่ ช่างไม่รู้จักอาย!” เว่ยกว่านกว่างจ้องเหลียนเอ๋อร์เขม็ง ราวกับกำลังปล่อยดาบออกมาทำร้ายนางด้วยสายตา
กลับเป็นมู่ชิงเกอเอง ที่หลังจากสิ้นเสียงของผู้ดำเนินงานประมูล สายตาของนางมีความเย็นเยียบเกิดขึ้นแวบหนึ่งพร้อมกระตุกรอยยิ้มที่แฝงความขบขันและเยาะเย้ยตรงมุมปาก
นางมั่นใจว่า วิธีการหลังนี้ไม่ใช่ของตานเฉินจื่อ แต่เป็นของคนอื่น
คนผู้นั้น เป็นคนที่นางเคยชมเชยความชาญฉลาดในการจัดการเรื่องของคุณชายจู
“ไม่เป็นไร ทองแท้ย่อมไม่กลัวเพลิงหลอม” คำพูดไม่ใส่ใจของมู่ชิงเกอดับเพลิงโทสะในใจของพี่น้องตระกูลเว่ยลงชั่วคราว แต่ว่าในขณะที่พวกเขามองเหลียนเอ๋อร์อีกครั้ง ในสายตาไม่หลงเหลือความสนุกสนานอีกต่อไปแล้ว
ในขณะที่พูด ท่านเก๋อที่อยู่ด้านล่างก็ได้ตัดสินใจเสร็จแล้ว
เขาสั่งคนให้ไปรับลูกชายของตนเองออกจากจวน ดูเหมือนว่าจะทดลองโอสถต่อหน้าทุกคน ก็ไม่รู้ว่าเพราะเขากลัวว่าหอสรรพสิ่งจะโกง หรือกลัวว่าเจ้าของโอสถอย่างมู่ชิงเกอจะแอบหลบหนีไปกันแน่
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอย คนใช้ตระกูลเก๋อก็หามชายหนุ่มที่มีใบหน้าและร่างกายผอมแห้ง ลมหายใจรวยรินเข้ามาด้วยเปลไม้
ทันทีที่คนผู้นั้นปรากฏตัว ท่านเก๋อก็พุ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น สำหรับฐานะของคนๆ นั้นไม่ต้องพูดก็คงทราบกันดี
ในขณะที่ท่านเก๋อรับยาเก้าชีวิตหวนคืนมาจากมือของผู้ดำเนินงาน สายตาของทุกคน ต่างมารวมกันอยู่ที่เขา
ในตอนแรก สถานที่จัดงานประมูลของหอสรรพสิ่งเป็นการรวมตัวกันของห้องพิเศษหลายๆห้อง ทุกคนต่างไม่เห็นหน้ากันแต่ว่า ในตอนนี้แทบจะทุกคนเบียดกันออกมาจากห้องและจ้องมองท่านเก๋อที่ป้อนโอสถเข้าปากของลูกชายของตนเองกับมือ
หากโอสถนี้ไม่ได้ผลก็ช่างเถอะ แต่หากได้ผล พวกเขาก็ถือว่าได้พลาดยันต์รักษาชีวิตนี้ไปแล้วน่ะสิ?
ธาตุแท้ของมนุษย์มักจะแสดงออกมาอย่าง ชัดเจนในสถานการณ์เช่นนี้
คนที่อยู่ในนี้ ส่วนมากคงจะหวังให้โอสถนี้ไม่ได้ผล ผลลัพธ์เช่นนี้ จะทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้ถูกเอาเปรียบ
ณ ตอนนี้ ภายในห้องๆ หนึ่ง ร่างอันเกียจคร้านร่างหนึ่งกำลังแอบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นบริเวณชั้นล่าง เขาเห็นทุกอาการที่แสดงอยู่บนใบหน้าของทุกคน ในดวงตาเรียวยาวและน่าเย้ายวนแฝงความขบขันและเย้ยหยัน…