Skip to content

พลิกปฐพี 106-3

ตอนที่ 106-3

ไอหยา ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!

หากพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน การที่ไอ้คนแซ่มู่ปรากฏตัวอยู่ในเมืองฮ่วน แสดงว่าคนแซ่หานนั่นก็ต้องอยู่ด้วย

ทันทีที่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ สีหน้าของจูลี่ก็ซีดเผือด ไร้ซึ่งโลหิต ร่างกายสั่นเล็กน้อยและหันไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากฟ่งอวี๋กุย

“องค์ชายสาม โอสถที่ข้าน้อยมอบให้แก่พระองค์นั่น เขาก็คือ…”

“โอสถอะไร เจ้าหมายถึงโอสถชุบชีวิตที่ข้าปรุงขึ้นด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ” คำพูดของจูลี่ถูกตัดบทอย่างไม่ไยดีและคำพูดหลังจากนั้นของเขาก็เต็มไปด้วยการตักเตือนอันโหดเหี้ยม

จูลี่กลืนนํ้าลายและได้สติในทันทีจึงรีบพูดแก้ต่างว่า “ใช่ๆ ก่อนหน้านี้มีคนเอาโอสถที่องค์ชายสามทรงปรุงขึ้นมาสร้างความเดือดร้อนในเมืองจื๋อและทำให้ตระกูลเนี่ยต้องถูกกวาดล้าง คนตรงหน้าก็คือหนึ่งในนั้น แล้วยังมีคนแซ่หานอีกคนได้ยินมาว่าเป็นประมุขแห่งหอสรรพสิ่ง”

โอสถชุบชีวิตอย่างนั้นหรือ รอยยิ้มตรงมุมปากของมู่ชิงเกอแฝงความขบขัน จากการสนทนาของทั้งสอง ทำให้นางพอจะเดาอะไรออก

แต่ไม่คิดว่า องค์ชายสามแห่งแคว้นลี่ท่านนี้จะหน้าด้านและขี้โกงได้ถึงเพียงนี้

เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองจื้อ ฟ่งอวี๋กุยก็ได้ยินมาบ้าง แต่จูลี่ยังไม่ทันได้เล่าอย่างละเอียด แต่ตอนนี้ยังกล่าวถึงประมุขหอสรรพสิ่ง เขาค่อยๆ ขมวดคิ้วและรู้สึกเสียใจที่รับปากจะช่วยจูลี่แก้แค้น

ไม่ใช่เพราะเขากลัวประมุขแห่งหอสรรพสิ่ง แต่เพียงคิดว่าไม่คุ้มที่จะเป็นศัตรูกับคนแบบนี้เพราะจูลี่

“มู่เกอ ที่พวกเขาพูดหมายความว่าอย่างไร” เว่ยกว่านกว่านยืนอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอด้วยใบหน้าฉงนใจ

ในขณะนี้เองเว่ยฉีก็ได้มายืนอยู่อีกข้างของมู่ชิงเกอและพูดกับนางเบาๆ ว่า “พวกเราเพิ่งจะมาถึงก็พบกับเจ้านี่ ข้าและกว่านกว่านไม่ได้คิดจะหาเรื่อง แต่พวกเขากลับไล่เราออกไปอย่างหยิ่งยโส เราทนไม่ได้จึงได้มีปากเสียงกับเขา ข้าว่าองค์ชายสามก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร มู่เกอระวังตัวด้วย”

เจ้าเด็กนี่… ช่างจริงใจและน่ารักเสียจริง!

ต่อหน้าคนอื่น ยังจะกล้าพูดขนาดนี้

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากทีหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไร

“บางทีอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าว่าน้องชายคนนี้ดูท่าทางไม่เลว ไม่เหมือนกับคนที่จะทำความชั่ว จูลี่เจ้าจำผิดหรือเปล่า” สายตาอันโหดเหี้ยมของฟ่งอวี๋กุย หยุดอยู่บนร่างกายของจูลี่การตักเตือนที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นไม่จำเป็นต้องบอกก็ชัดเจนเป็นอย่างดี

จูลี่มองเขาด้วยความตะลึงและคิดอะไรไม่ออก ในทันที

ไหนบอกว่าจะช่วยแก้แค้นให้ไม่ใช่หรือ?

ไหนบอกว่าจะทวงความยุติธรรมให้กับข้า?

แล้วตอนนี้มันอะไรขึ้น?

การหาจังหวะเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีงามอย่างชัดเจนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?

ใบหน้าของจูลี่เต็มไปด้วยความมึนงง แต่เพราะถูกฟ่งอวี๋กุยกดดัน จึงพึมพำเพียงว่า “ใช่…ใช่…”

แค้นนี้ของเขาไม่ชำระแล้วหรือ? ไม่ได้! เขาต้องกลับไปหาพี่สาว เพื่อให้พี่สาวขอร้ององค์ชายสาม!

แม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าไอ้คนแซ่มู่และแซ่หานได้ เขาก็จะทรมานพวกมันให้เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีก จึงจะสามารถลบล้างความหวาดกลัวในใจของเขาได้

“แม้เป็นการเข้าใจผิด แต่ทุกคนก็ได้รู้จักกันแล้ว ถ้าเช่นนั้นร่วมรับประทานอาหารกันดีหรือไม่” แม้จะเป็นการเชิญชวน แต่สายตาของฟ่งอวี๋กุยก็ยังคงเย่อหยิ่ง

ราวกับว่า คำเชิญชวนจากเขาเป็นคำอวยพรจากสรวงสวรรค์ที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ต้องยอมรับเท่านั้น

“ไม่จำเป็น ข้าเกรงว่าจะกินไม่ลง” มู่ชิงเกอปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาในทันที

ไม่ใส่ใจใบหน้าอันเย็นเยียบของฟ่งอวี๋กุย นางเดินเข้าไปหาจูลี่อย่างขบขัน ยกมือขึ้นตบไหล่ของเขา ราวกับเป็นมิตรสหาย “คุณชายจู ช่างคิดเองเออเองเก่งเสียจริง”

ไหล่ทั้งสองข้างของจูลี่สั่นเบาๆ เพราะการกระทำของเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือกระวนกระวายใจเพราะคำพูดของนาง

หันหลังกลับไป มู่ชิงเกอพูดกับพี่น้องตระกูลเว่ยและลุงโจว “ร้านนี้ข้าว่าเราอย่ากินเลย ได้ข่าวว่าเมืองฮ่วนมีร้านเนื้อย่างที่มีชื่อเสียงอยู่ร้านหนึ่ง เราไปที่นั่นกันเถิด”

ลุงโจวพยักหน้าหลายที กลัวว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป หลานทั้ง 2 จะยั่วโทสะองค์ชายสามอีก

การที่เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านมาที่นี่ก็เพื่อมารอมู่ชิงเกอ ในตอนนี้นางมาแล้ว แน่นอนว่าไม่อยากจะร่วมรับประทานอาหารกับคนคนนี้ที่นี่อีกต่อไป

เพราะฉะนั้น เพราะการเสนอจากมู่ชิงเกอ ทุกคนจึงได้เดินออกจากโรงเตี๊ยมมหาเทพอย่างสง่า เหลือไว้เพียงแค่แผ่นหลังอันแฝงความเย็นเยียบให้กับใบหน้าที่ฉายแววความโหดเหี้ยม

ราวกับว่า พวกเขารังเกียจที่จะร่วมรับประทานอาหารกับเขา

“องค์ชายสาม พวกเขากล้าทำเช่นนี้เชียวหรือ!” หลังจากที่จากไปแล้ว จูลี่ก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตนเองได้กลับมา จึงรีบเดินไปพูดกับฟ่งอวี๋กุย

“หึ” ฟ่งอวี๋กุยอุทานอย่างเย็นเยียบทีหนึ่ง ไม่ได้รับประทานอาหารต่อ เพียงแค่พาทุกคนเดินออกจากโรงเตี๊ยมมหาเทพ

เขาเดินจากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งจูลี่ให้ยืนอึ้งอยู่กับที่

พอเขาเดินออกไปแล้วครู่หนึ่ง จูลี่จึงได้สติและรีบพุ่งออกจากประตู เขาจะไปหาพี่สาวเพื่อที่จะให้พี่สาวเป่าหูองค์ชายสาม

หลังจากที่ผู้มีอำนาจทั้งหมดจากไป บรรยากาศอันคึกคักก็ได้กลับสู่โรงเตี๊ยมมหาเทพอีกครั้ง

แต่ทว่า เรื่องราวที่ทุกคนสนทนากัน กลับถูกเปลี่ยนประเด็นมาเป็นอีกฝ่าย

“ชายหนุ่มในชุดแดงคนนั้นเป็นใครกัน กล้าปฏิเสธคำเชิญจากองค์ชายสาม ช่างกล้าเสียจริง” มีคนพูดอย่างชื่นชม

ทันใดนั้น ก็มีคนพูดแทรกขึ้นมาว่า “ข้าว่าคุณชายท่านนั้นดูภูมิฐาน ทั้งสูงสง่าและงดงามโดดเด่นเป็นอย่างมาก ฐานะก็คงจะไม่ธรรมดา”

“ใช่ๆๆ! ใบหน้าของคุณชายคนนั้นช่างงดงามอย่างพลิกฟ้าพลิกปฐพี คนที่สมบูรณ์แบบมากถึงเพียงนี้จะเกิดจากตระกูลธรรมดาได้อย่างไร”

“แต่จะว่าไปแล้ว องค์ชายสามสามารถปรุงโอสถชั้นสูงได้จริงๆ หรือ”

“ชู่ว ข่าวนี้เพิ่งจะกระจายออกมาได้เพียง 3-4 วัน ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ข้าได้ข่าวว่าอีกไม่นานองค์ชายสาม ก็จะไปฝึกการปรุงโอสถที่โรงโอสถในเมืองอวี๋แล้ว”

“หากสามารถปรุงโอสถชั้นสูงได้ จะไปโรงโอสถเพื่ออะไรอีก”

“เหอะๆ อย่าพูดอะไรอีกเลย เรื่องของราชวงศ์ เราอย่าสนใจเลยดีกว่า”

คำวิพาษ์วิจารณ์ของแขกในโรงเตี๊ยมมหาเทพ มู่ชิงเกอไม่ได้ยิน ในตอนนี้นางกำลังฟังลุงโจวแนะนำองค์ชายสามแห่งแคว้นลี่อยู่

“ฟ่งอวี๋กุยอย่างนั้นหรือ ราชวงศ์ของแคว้นลี่คือ ตระกูลฟ่ง” มู่ชิงเกอพึมพำ พลันนึกถึงฟ่งเหนียงผู้ที่เปิดโรงเตี้ยมอยู่ในเมืองลั่วรื่อแห่งแคว้นฉินคนเดียวและก็เป็นคนที่ขอร้องให้นางตามหาสามี รวมทั้งเรื่องที่มั่วหยางเคยบอกว่าองค์หญิงใหญ่ของแคว้นลี่ได้หายตัวไป นางคิดทบทวนครู่หนึ่ง แล้วจึงเรียกมั่วหยางเข้ามาหา สั่งให้เขาใช้ช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองฮ่วนไปสืบเรื่องนี้

เรื่องของฟ่งเหนียงและมู่ยี่ นางยังจำได้เสมอ แต่เพียงแค่ไม่มีเบาะแสอะไรก็เท่านั้น

“มู่เกอ เราจะออกจากเมืองฮ่วนเมื่อไหร่” เว่ยกว่านกว่านถามอย่างรีบร้อน

มู่ชิงเกอจะไปเมืองอวี๋ ถ้าเช่นนั้นหลังจากที่ออกจากเมืองฮ่วน ก็ต้องไปเมืองถัว เมื่อไปถึงเมืองถัว ซึ่งเป็นถิ่นของพวกเขา ก็จะได้ต้อนรับมู่ชิงเกอให้ดีๆ

มู่ชิงเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสักระยะ” ยังไม่ได้ของเหลวเย็นมาครอบครอง นางยังไม่สามารถออกจากที่นี่ได้

แต่ทว่า ในครานี้ นางไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเงินไปแลก

หอสรรพสิ่งเอาเปรียบนาง แล้วยังจะเอาเงินจากนางอีกหรือ โลกนี้มีเรื่องดีเช่นนี้เชียว?

ในเมื่อของเหลวเย็นอยู่ที่หอสรรพสิ่งเมืองฮ่วน ถ้าเช่นนั้นนางไปเอามาเลยดีกว่า

คำตอบจากมู่ชิงเกอทำให้เว่ยกว่านกว่านผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงฝืน “เอาเถิด ถ้าเช่นนั้น เราจะรอท่าน อาชาเพลิงและรถม้าของท่าน เราก็พามาด้วยแล้ว อยู่ในที่พักของเรา ท่านกลับไปพร้อมเราเถิด”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!