Skip to content

พลิกปฐพี 108-2

ตอนที่ 108-2

ยื่นหน้าเข้ามาขนาดนี้แล้ว จะไม่ตบได้อย่างไร

มู่ชิงเกอกำลังจดจ่ออยู่กับการปรุงยา จึงไม่รู้ว่าภายในจวนจะเกิดเรื่องอันน่าสนใจเช่นนี้ขึ้น

หลังจากนั้น 3 วัน 3 คืน ในที่สุดประตูห้องของมู่ชิงเกอก็ถูกเปิดออก

ทันทีที่นางปรากฏตัว ข่าวนี้ก็พลันเข้าหูของเว่ยหลินหลางและสองพี่น้องตระกูลเว่ย

พอทุกคนเดินเข้ามา มู่ชิงเกอที่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แล้วลิ้มรสโจ๊กที่โย่วเหอต้มเองกับมือ

เมื่อเห็นทั้งสามเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ มู่ชิงเกอเงยสายตาขึ้น พร้อมพูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นชาว่า “ท่านทั้งสามรับประทานอาหารเช้าหรือยัง หากยัง เชิญ นั่งทานด้วยกัน”

ทั้งสามที่ในตอนแรกลุ้นว่าการปรุงโอสถเปลี่ยนระบบชีพจรจะสำเร็จหรือไม่ ทันทีที่ได้ยินเสียงอันเย็นชาและแนบนิ่งของนาง ก็ก้าวเท้าช้าลงในทันที

สีหน้าอันเคร่งขรึมของเว่ยหลินหลาง ผุดรอยยิ้มออกมา พลันนั่งลงข้างๆ มู่ชิงเกอ เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านเองก็นงลงข้างๆ เขา และคอยแอบมองมู่ชิงเกอที่กำลังดื่มโจ๊ก

“เชิญคุณชายมู่ทานให้อร่อย เราต่างก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว”

มู่ชิงเกอพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อและตั้งใจดื่มโจ๊กที่อยู่ในถ้วยอย่างใจจดใจจ่อ

ท่าทางอันผ่อนคลาย ทำให้จิตใจที่เป็นกังวลมานานหลายวันของเว่ยหลินหลาง ในที่สุดก็กำลังจะได้รับการปลดปล่อย ความตื่นเต้นในใจยากที่จะบรรยายได้

ในความคิดของเขา หากมู่ชิงเกอล้มเหลวจากการปรุงโอสถ คงจะไม่นั่งดื่มโจ๊กอย่างสบายอารมณ์เช่นนี้หรอก!

รอจนมู่ชิงเกอดื่มโจ๊กในถ้วยเสร็จ แล้ววางถ้วยลง เว่ยหลินหลางจึงถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายมู่ ไม่ทราบว่าโอสถที่เราต้องการ…”

มู่ชิงเกอในขณะที่เช็ดปาก พลางเงยสายตาขึ้นมองเว่ยหลินหลางและตอบว่า “ท่านเจ้าเมืองเว่ยวางใจเถิด ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมหมดแล้ว”

เมื่อได้ยินคำตอบอย่างชัดเจน ก้อนหินก้อนโตที่ทับอยู่ตรงหน้าอกของเว่ยหลินหลางราวกับถูกยกออก

แต่ ทันทีที่นึกถึงว่าภรรยาผู้อ่อนแรงของตนเอง จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างสาหัส คิ้วของเขาก็ขมวดอีกครั้งและพยายามเก็บความรู้สึก

“ช่วงที่ผ่านมานี้ อาการของฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถาม แต่หลังจากที่ถามแล้วก็ไม่รอตำตอบ เพียงยกมือขึ้นห้ามและพูดว่า “เดี๋ยวข้าขอไปดูก่อน หากร่างกายฟื้นตัวได้ดี จะให้ฮูหยินกินโอสถวันนี้เลย’’

“ลำบากคุณชายแล้ว” เว่ยหลินหลางลุกขึ้นแสดงความขอบคุณ

มู่ชิงเกอตอบกลับโดยการยกมือขึ้นอย่างผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังห้อง พร้อมกับเว่ยหลินหลาง

เว่ยฉีกำลังจะเดินตามไป กลับถูกเว่ยกว่านกว่านดึงชายเสื้อให้หยุดลง

เขามองน้องสาวของตนเองอย่างฉงนใจ ในแววตาเต็มไปด้วยคำถาม

เว่ยกว่านกว่านมองแผ่นหลังของท่านพ่อและมู่ชิงเกอ แล้วรีบเข้าไปหาเว่ยฉีและพูดว่า “ไอ้เว่ยฉี เจ้ารู้สึกถึงหรือไม่ ว่าท่านพ่อของเราดูจะเคารพมู่เกอเป็นอย่างมาก!”

“มู่เกอสามารถช่วยชีวิตท่านแม่ของเราได้ท่าน พ่อแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้มันแปลกตรงไหน” เว่ยฉีถามด้วยความแปลกใจ

“โธ่เอ๊ย! โง่จริง!” เว่ยกว่านกว่านเกือบจะอดไม่ได้ที่จะเอาค้อนมาทุบหัวของเขา ก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เจ้าไม่รู้สึกว่าปฏิกิริยาที่ท่านพ่อมีต่อมู่เกอ ราวกับเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่เกอแล้วเราทั้งสองต่างก็เหมือนเป็นเพียงเด็กน้อย” พูดจบ ใบหน้าอันงดงามและน่าดึงดูดของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ถูกนางเตือนสติเช่นนี้ เว่ยฉีเองก็พลันได้สติกลับมาในทันที

เมื่อหวนคิดถึงปฏิกิริยาที่ท่านพ่อมีต่อมู่เกอและความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา ก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

หลังจากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างลังเลว่า “บางทีอาจจะเป็นเพราะความสามารถของมู่เกอทำให้ท่านพ่อรู้สึกชื่นชม อีกประการหนึ่ง หากท่านแม่ของเราสามารถฟื้นขึ้นได้เพราะมู่เกอจริงๆ เขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเรา การที่ท่านพ่อจะสุภาพและให้ความเคารพต่อเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

เว่ยกว่านกว่านขมวดคิ้ว โกรธจนสับเท้า “แต่ า หากท่านพ่อแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ ต่อไปความสัมพันธ์ของข้ากับมู่เกอจะเป็นอย่างไร”

“ความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร หมายถึงอะไรกัน ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรต่อไปก็เป็นเช่นนั้น” ยิ่งพูดเว่ยฉีก็ยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม

เว่ยกว่านกว่านโกรธจนเดินเข้าไปเหยียบเท้าของเขาและวิ่งหนีออกไป ท่ามกลางเสียงตะโกนของอีกฝ่าย

ขณะวิ่ง เว่ยกว่านกว่านคิดว่า หากท่านพ่อกับมู่เกอคุยกันถูกปากถูกคอ ราวกับเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันเช่นนี้ต่อไปนางจะยังสามารถเป็นภรรยาของมู่เกอได้หรือไม่

“ไร้สาระเสียจริง” เว่ยฉีที่ถูกเหยียบเท้า มองแผ่นหลังของน้องสาวแล้วพึมพำ

ไม่ได้คิดมากเหมือนเว่ยกว่านกว่าน เว่ยฉีเองก็รีบวิ่งตามไป

ครู่หนึ่งทั้งสี่คนก็ได้เข้าไปในเรือนที่ทั้งสงบและร่มเย็น

ในห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างงดงาม สบายตา ฮูหยินเว่ยยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างสงบเพียงแค่ว่าใบหน้าได้มีสีเลือดมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการหายใจที่ดูปกดติกว่าที่เคย

เว่ยหลินหลางสั่งให้คนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติถอยออกไป มู่ชิงเกอเดินเข้าไปอยู่ข้างเตียงเพื่อจับชีพจรของฮูหยินเว่ย

ท่ามกลางความกังวลและการรอคอยของทั้งสามแห่งตระกูลเว่ย มู่ชิงเกอค่อยๆ ปล่อยมือและพูดว่า “หลายวันมานี้ การฟื้นตัวของฮูหยินถือว่าดีมาก หาก ท่านเจ้าเมืองเว่ยคิดดีแล้ว อีกครู่หนึ่งข้าจะให้ฮูหยินกินโอสถ”

เว่ยหลินหลางมองภรรยาที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ประสานหมัดและก้มหัวลงด้วยความนอบน้อม แล้วพูดกับมู่ชิงเกอว่า “ฝากคุณชายมู่ด้วย”

มู่ชิงเกอพยักหน้ารับ

ทั้งสามแห่งตระกูลเว่ยออกจากเรือนไป แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เพียงแค่ยืนรออยู่ภายนอกเรือน

ในห้องเป็นคนในครอบครัวของพวกเขาและในตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย

ภายในห้องมีเพียงมู่ชิงเกอคนเดียว นางเอาโอสถที่หลอมเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา โอสถนั้นฉายประกายสีนํ้าเงิน ไอลอยวนปกคลุมอย่างไม่ขาดสาย

ส่วนกลิ่นนั้นรุนแรงจนแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง เชื่อว่าผู้คนที่ได้กลิ่นนี้ต่างต้องทั้งร่าเริงและเบิกบาน

“เหมิงเหมิงกลับบอกว่า โอสถนี้ของข้ายังไม่ถึงมาตรฐานของโอสถวิเศษ” มู่ชิงเกอมองโอสถเม็ดนั้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

นางสามารถหลอมโอสถให้สำเร็จภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสามวันก็ถือว่าทำลายสถิติที่ผ่านมาของนางแล้ว แต่หลังจากที่เหมิงเหมิงดมแล้วกลับบอกว่า โอสถนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นโอสถวิเศษ

มู่ชิงเกอพยายามถามรายละเอียดเกี่ยวกับโอสถวิเศษกับนาง แต่เหมิงเหมิงกลับบ่ายเบี่ยงและบอกว่า มู่ชิงเกอค้นพบด้วยตนเองจะดีกว่า

เพราะฉะนั้นมู่ชิงเกอจึงเก็บโอสถอีกเม็ดหนึ่งที่วางอยู่ข้างเตาโดยไม่ให้เหมิงเหมิงเอาไปเป็นลูกอม ทำให้เหมิงเหมิงที่อยู่ในช่องว่างโกรธจนทั้งสับเท้าโวยวาย

หลังจากที่มองโอสถที่อยู่ตรงปลายนิ้วอย่างละเอียดรอบหนึ่ง มู่ชิงเกอจึงป้อนโอสถเข้าไปในปากของฮูหยินเว่ย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!