Skip to content

พลิกปฐพี 108-4

ตอนที่ 108-4

ยื่นหน้าเข้ามาขนาดนี้แล้ว จะไม่ตบได้อย่างไร

เข้านอนจนถึงฟ้าเริ่มสาง ในขณะที่มู่ชิงเกอลืมตาขึ้น ก็พบว่าอาหารมื้อเย็นที่ตนเองทานเข้าไปได้ย่อยหมดแล้ว

ท้องที่ว่างเปล่ากำลังเรียกร้อง ทำให้นางจำเป็นต้องตื่นเพราะความหิว

เพิ่งจะอิ่มท้อง สองพี่น้องตระกูลเว่ยก็เข้ามาหา

แต่ทว่า การเจอทั้งสองในวันนี้ ใบหน้าของพวกเขาไม่ได้ดูกังวล ดวงตาอันสดใสของเว่ยกว่านกว่านราวกับร้องไห้มาทั้งคืน

เพิ่งจะพบกับมู่ชิงเกอ นางก็พูดอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “มู่เกอ ท่านพ่อรังแกข้า!”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก พูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ท่านเจ้าเมืองเว่ยทำอะไรรึ”

ดวงตาของเว่ยกว่านกว่านแดงกํ่าอีกครั้ง “ท่านพ่อบอกว่า ท่านช่วยชีวิตท่านแม่เอาไว้และเป็นผู้มีพระคุณของจวนตระกูลเว่ย ต่อจากนี้ให้ปฏิบัติกับท่านดั่งผู้อาวุโส ห้ามเสียมารยาท”

เคารพดั่งผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก พลางแอบคิดในใจว่า อายุของนางก็ต่างจากพี่น้องตระกูลเว่ยไม่มาก หากนางเป็นผู้อาวุโส ก็เท่ากับยัดเอียดความแก่ให้กับนาง เว่ย หลินหลางคิดจะทำอะไร

“ท่านเจ้าเมืองเว่ยก็เกรงใจกันเกินไป” ไม่กระจ่างในจุดประสงค์ของเว่ยหลินหลาง มู่ชิงเกอทำได้เพียงแค่ตอบตามมารยาท

“ท่านไม่ได้เกรงใจ แค่ทำเกินไป! ท่านก็รู้อยู่แล้วว่า ข้า….เจ้า” เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความโกรธ แต่ทว่า เมื่อสบกับสายตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยแม้แต่คำเดียว

เพียงแค่อุทานคำหนึ่ง แล้วก็วิ่งหนีออกไป

มู่ชิงเกอมองแผ่นหลังของเว่ยกว่านกว่านอย่างฉงนใจ ก่อนจะหันไปมองเว่ยฉีและพูดว่า “นางทำไมรึ”

แต่ว่า เว่ยฉีไม่ตอบคำถามของนาง เพียงแค่มองอย่างแนบนิ่ง แล้วพูดทิ้งท้ายว่า “อย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้” ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

ความผิดปกติของทั้งสอง ทำให้มู่ชิงเกอลูบจมูกอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปมองโย่วเหอและฮวาเยวี่ยที่ ยายามกลั้นเสียงหัวเราะ “พวกเจ้าเป็นอะไร”

ฮวาเยวี่ยกลั้นเสียงหัวเราะและใช้สายตาอันน่าเย้ายวนมองมู่ชิงเกอ แล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณชาย ท่านทำให้หญิงสาวต้องชํ้าใจอีกแล้ว” พูดจบ นางก็หันหลังและเดินกลับไป

มู่ชิงเกอกะพริบตาหลายครั้ง ก่อนจะหันไปมองโย่วเหอ

โย่วเหอเองเพียงพยักหน้าอย่างจำนนและพูดว่า “คุณชายของข้า ท่านดูไม่ออกหรือว่าคุณหนูตระกูลเว่ยมีใจให้กับท่าน และยิ่งไปกว่านั้นคุณชายตระกู ลเว่ยก็ไม่บริสุทธิ์ใจกับท่าน”

ในที่สุดมู่ชิงเกอก็กระจ่าง

นางกระตุกมุมปากอย่างแรงทีหนึ่ง ราวกับโดนตบหน้า

ครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางก็มืดมนลง พลางกัดฟันพูดว่า “สองพี่น้องนั่นเป็นกันเองมาก ข้าคิดว่าพวกเขาล้อเล่นมาโดยตลอด”

โย่วเหอพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “จะโทษคุณชายก็ไม่ได้ ใครใช้ให้คุณชายน่าดึงดูดจนทุกคนต้องหลงใหลเช่นนี้!”

“แม่สาวน้อยคนนี้ กล้าล้อเลียนข้ารึ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะลงโทษเจ้าเสียตอนนี้!” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ผุดรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมตรงมุมมาก พลางหรี่ตามองโย่วเหอ

จนโย่วเหอต้องรีบร้องขอชีวิต “คุณชายโปรดให้อภัยข้าเถิด”

“แค่นี้ก็ร้องขอชีวิตแล้วรึ” มู่ชิงเกอยกมือขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกอดรัดเอวบางของโย่วเหอเอาไว้ แล้วดึงนางเข้าไปไว้ในอ้อมกอด

โย่วเหอร้องด้วยความตกใจทีหนึ่ง แก้มทั้งสองแดงกํ่าและพูดด้วยความเขินอายว่า “คุณชาย คุณชายอย่ากลั่นแกล้งข้าน้อย”

มู่ชิงเกอกอดเอวบางของโย่วเหอเอาไว้พร้อม ปล่อยไอร้อนๆ ออกมากระทบข้างหูของนาง “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเจ้าคือผู้หญิงของข้า แค่นี้ก็จะสามารถกันพวกสาวๆ ทั้งหลายได้แล้ว”

โย่วเหอดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของมู่ชิงเกอและพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “คุณชายคนดีของข้า ข้าน้อยเป็นคนของท่านแต่แรก ท่านจะทำอย่างไร ข้าน้อยก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไร เพียงแต่ว่าเรื่องของพี่น้องตระกูลเว่ย ท่านเจ้าเมืองเว่ยก็ได้หาทางออกให้ท่านแล้วไม่ใช่หรือ”

มู่ชิงเกออึ้งและกระจ่างทุกอย่างในทันที

นางก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าเหตุใดเว่ยหลินหลางจึงได้ยกตำแหน่งน้องชายให้แก่นาง ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง!

“ถึงว่าเหตุใดสองพี่น้องนี้มาหาข้าในวันนี้จึงได้มีท่าทางไม่พอใจเช่นนั้น” มู่ชิงเกอกระจ่างทุกอย่างในทันที พลางเอามือลูบคาง

โย่วเหอถือโอกาสนี้ในการหนี นางหันตัวออก เพื่อเว้นระยะห่างของทั้งสอง แล้วจึงพูดว่า “ในที่สุดคุณชายก็รู้ตัวเสียที”

มู่ชิงเกอเกอยิ้มอย่างอึดอัดและพูดกับนางว่า “อาจเป็นเพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ปรุงยามากเกินไป สมองข้าจึงทำงานอย่างเชื่องช้า”

“ถ้าเช่นนั้น คุณชาย ต่อจากนี้ท่านมีแผนการอย่างไร” โย่วเหอถาม นางยังจำได้ว่าสองพี่น้องตระกูลเว่ยจะตามนางไปยังโรงโอสถที่เมืองอวี๋

มู่ชิงเกอคิดทบทวนแล้วพยักหน้า แล้วจึงตอบว่า “ถึงแม้ว่าข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเว่ยหลินหลางจึงได้ทำเช่นนี้ แต่อย่างไรเสีย เขาก็ได้ลงมือจัดการแล้ว ข้าก็จะทำเหมือนว่าไม่รู้และให้ความร่วมมือกับเขา”

โย่วเหอคิดดูแล้ว ก็พยักหน้า

สำหรับนางแล้ว การจัดการเช่นนี้ของคุณชายจะสามารถทำลายความอึดอัดที่ไม่จำเป็นได้

อึกประการหนึ่ง นางก็พอจะดูออกว่า ความรู้สึกที่พี่น้องตระกูลเว่ยมีให้กับเจ้านายของตนเองไม่ได้ถือว่าลึกซึ้ง เพียงแต่เป็นความรู้สึกดีๆ ก็เท่านั้น

บางทีเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะค่อยๆ พบว่า พวกเขายังคงไม่เหมาะสมที่จะยืนเคียงข้างเจ้านายของพวกนาง

แต่ว่า คำถามเดิมนี้ได้กลับมาอึกครั้ง

เจ้านายทีสมบูรณ์แบบมากถึงเพียงนีใครล่ะจะเหมาะสม ที่จะอยู่เคียงข้างนางไปจนแก่เฒ่า

โย่วเหอคิดอย่างตั้งใจ อย่างไรก็ยังคงรู้สึกว่าไม่มีใครคู่ควรอยู่ดี!

เวลาหนึ่งวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้จวนตระกูลเว่ยที่เงียบสงบมาโดยตลอด เกิดคึกคักขึ้นมา

ตั้งแต่เช้ามืด จวนตระกูลเว่ยมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่และตกแต่งมากมาย ภายในห้องครัว ทุกคนต่างเร่งรีบจนวุ่นวายเพื่อจัดเตรียมอาหารขึ้นชื่อต่างๆ ของแคว้นลี่จนเต็มโต๊ะอาหาร

ฟ้ายังไม่มืด เสียงกลองก็ได้ดังขึ้นทั่วทั้งจวนตระกูลเว่ย นางรำที่เชิญมา ก็ได้เริ่มเต้นบนเวทีที่อยู่เหนือระดับนํ้า

ผู้คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็คาดการณ์ไปต่างๆ นานาถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในจวนตระกูลเว่ย

คนในจวนตระกูลเว่ยรู้เพียงว่าฮูหยินของจวนนี้ที่ป่วยมานาน ในที่สุดก็ได้หาย เจ้าของจวนมีความสุขจึงได้จัดการเลี้ยงใหญ่โตเช่นนี้

สำหรับผู้ที่รู้ขาวไว ก็รู้อย่างคร่าวๆ ว่า อาการที่ดีขึ้นของฮูหยินมีความเกี่ยวข้องกับแขกที่เพิ่งเข้ามาพัก

เหมือนว่าจะเป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์ทั้งใบหน้าอันงดงามและความน่าดึงดูดในชุดสีแดงที่กลับมาพร้อมกับคุณหนูและคุณชาย ได้รักษาอาการป่วยของฮูหยินจนหายดี ทำให้ท่านเจ้าเมืองเบิกบาน จวนตระกูลเว่ยจึงได้ปัดเป่าหมอกควันที่ปกคลุมเอาไว้มาเนิ่นนานออกไป ราวกับแสงตะวันอันเจิดจ้าได้สาดส่องเข้ามาก็ไม่ปาน

ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม เว่ยหลินหลางได้มาเชิญมู่ชิงเกอด้วยตนเอง

ในขณะที่มู่ชิงเกอเห็นว่าเว่ยหลินหลางเดินเข้ามา ก็พลันเกิดความสงสัยและรู้สึกว่าเว่ยหลินหลางเกรงใจมากเกินไป นางไม่ได้รู้สึกว่าตนเองได้ทำเรื่องอันยิ่งใหญ่อันใด

“น้องมู่ เชิญทางนี้” ในขณะนี้เว่ยหลินหลางได้คลายความทุกข์ที่อยู่ในใจมานานนับ 10 ปี ท่าทางสง่าผ่าเผยและรอยยิ้มก็มีมากขึ้นกว่าเดิม

มู่ชิงเกอพยักหน้า เดินมุ่งไปยังห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงพร้อมพร้อมกับเขา

“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง” ในวันนี้ มู่ชิงเกอไม่ได้ไปเยี่ยมฮูหยินเว่ย

เหตุผลประการแรก คืออยากจะให้ครอบครัวของเขาได้มีเวลาอยู่ร่วมกัน

เหตุผลที่สอง นางมั่นใจแล้วว่าฮูหยินเว่ยหายดีแล้ว แน่นอนว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปรบกวน

คำถามนี้ เพียงแค่ถามตามมารยาทก็เท่านั้น

หรือว่า จะให้นางเงียบเช่นนี้จนเข้าห้องโถงไป

เมื่อพูดถึงอาการของภรรยาของตน เว่ยหลินหลางก็กลายร่างเป็นเทพบุตรและสามีที่รักภรรยา พลันพูดกับมู่ชิงเกอด้วยความดีใจว่า “อาการของฮูหยินข้าดีขึ้นมากแล้ว อีกทั้งยังสามารถพูดคุยกับเราได้ เพียงแต่ร่างกายยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นคืนนี้จึงยังไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงได้ และนางอยากพบกับน้องมู่สักครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณด้วยตนเอง”

“วันหลังข้าจะไปเยี่ยมฮูหยินและปรุงยาที่ช่วยบำรุงร่างกายไปให้” มู่ชิงเกอพูด

เว่ยหลินหลางดีใจเป็นที่สุดและพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ขอรบกวนน้องมู่ด้วย หากท่านต้องการวัตถุดิบอันใดในการปรุงยา ก็จงบอก ข้าจะสั่งคนให้ไปเตรียม”

เขาได้เห็นแล้วว่า มู่ชิงเกอมีความสามารถในการปรุงยาและอดไม่ได้ที่จะอยากให้เขาช่วยปรุงยาเพิ่มไว้อีกหน่อย เผื่อไว้ใช้ในอนาคต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!