Skip to content

พลิกปฐพี 109-5

ตอนที่ 109-5

ฟ่งอวี๋กุยแย่แล้ว!

โย่วเหอส่ายหน้าอย่างจนใจ สบตากับฮวาเยวี่ยครู่หนึ่ง แล้วรีบตามขึ้นไปคว้ามือสองข้างของมู่ชิงเกอไว้ เพื่อไม่ให้นางชนเสาที่อยู่ตรงหน้า

“คุณชายท่านเป็นคนซื่อตรงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ถึงได้ดื่มเหล้ากับพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ ยาแก้เมาที่เตรียมเอาไว้ก็ไม่ได้ดื่ม” โย่วเหอพยุงร่างของมู่ชิงเกอที่โอนเอนไปมาเอาไว้อย่างดี นํ้าเสียงฉายแววโกรธเคือง

“วันนี้ข้ามีความสุข !” มู่ชิงเกอยกมือขึ้น พลันสะบัดไปมาและพูดเสียงดังลั่น ในค่ำคืนนี้ ความจริงใจของผู้คนในจวนตระกูลเว่ย ทำให้นางหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ดื่มกับเพื่อนร่วมรบเมื่อชาติที่แล้ว ความรู้สึกผ่อนคลายเช่นนั้น ผู้ที่ไม่เคยสัมผัสแน่นอนว่าจะไม่มีวันเข้าใจ

ไม่ใช่ว่ากับกองทหารเขี้ยวมังกร นางจะไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ เพียงแต่ว่า ระหว่างนางกับกองทหารเขียวมังกร ยังมีช่องว่างระหว่างชนชั้น แม้จะมองข้ามเรื่องของฐานะ แต่ก็ไม่อาจจะสามารถนั่งดื่มนั่งกินด้วยกันอย่างครึกครื้นเฉกเช่นนี้

ส่วนผู้คนในจวนตระกูลเว่ยเอง เป็นเพราะเว่ยหลินหลาง จึงทำให้พวกเขาเป็นคนที่มีความจริงใจอย่างมาก ไร้การเสแสร้ง และอาจเพราะไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของนาง รู้เพียงแค่ว่านางเป็นน้องชายของเจ้านาย การดื่มจึงเป็นไปอย่างผ่อนคลาย

เพราะฉะนั้น คืนนี้นางจึงปล่อยตัวและไม่ดื่มยาแก้เมาที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ในตอนแรก

ผู้คนในจวนตระกูลเว่ยที่มิได้คอแข็งมากนัก รวมทั้งเว่ยหลินหลาง สุดท้ายยังสามารถลุกขึ้นยืนได้ ถือว่าไม่ธรรมดา!

ทั้งสามคนเดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้อง มู่ชิงเกอผลักตัว สาวใช้ทั้งสองออกอีกครั้ง แล้วเดินตรงไปยังเตียงนอน

ทันทีที่สัมผัสกับขอบเตียง ใบหน้าที่สะลืมสะลือของนาง ก็เผยรอยยิ้มพออกพอใจ ล้มตัวลงนอนบนเตียง หลับตาและกางแขนขาออกอย่างผ่อนคลาย

โย่วเหอและฮวาเยวี่ยเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ต่างจ้องมองมู่ชิงเกอในตอนนี้ที่กำลังหายใจเข้าออกอย่างแรงเป็นจังหวะอย่างจนใจครู่หนึ่ง จึงได้ลงมือคลายปมเสื้อผ้าที่รัดแนบกายนางออก เพื่อให้นางได้นอนอย่างสบาย

ถอดเสื้อตัวยาวตัวนอกออก เหลือเพียงแค่เสื้อตัวข้างใน หลังจากที่ใช้ผ้าชุบนํ้าเช็ดตัวให้นางเสร็จ โย่วเหอและฮวาเยวี่ยจึงได้ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

ภายในห้องนอน ได้แปรเปลี่ยนเป็นมืดสนิทในทันที

บนเตียงใหญ่ เงาร่างที่ดูเลือนรางส่งเสียงหายใจเป็นจังหวะสมํ่าเสมอ

พักใหญ่ สายลมปริศนาสายหนึ่งได้พัดผ่านมาทำให้ประตูที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดออก เพียงแต่ว่า เพียงครู่เดียว ประตูก็ได้ปิดลง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สิ่งที่แตกต่าง คือใต้ความมืดได้มีเงาร่างสูงโปร่งเงาหนึ่ง ท่ามกลางอากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ เงาสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวไปใกล้คนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ ในดวงตาดวงเรียวยาวที่สาดฉายแสงสีนํ้าเงิน มีเงาของผู้ที่ในขณะนี้กำลังหลับลึกสะท้อนอยู่

เค้าโครงที่งดงามอย่างมิอาจจะเปรียบได้ ใบหน้าละเอียดประณีต เมื่ออยู่ในยามคํ่าคืนราวกับแฝงความ ละมุนบางอย่างเอาไว้

ผิวที่ขาวบริสุทธิ์ แดงกํ่าเพราะฤทธิ์จากเหล้าดูน่าเย้ายวนและสะกดวิญญาณ ทำให้ผู้ที่หลบอยู่ในความมืด แทบจะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสและหอมให้ชื่นใจ

เขาคิดเช่นนี้ และกำลังจะทำเช่นนั้น นิ้วมืออันเรียวยาว ค่อยๆ ยื่นออกมาจากแขนเสื้อกว้าง เมื่ออยู่ในความมืดมือนั้นกลับดูขาวราวกับหยก

ในขณะที่ปลายนิ้วของเขากำลังจะสัมผัสกับผิวกายของมู่ชิงเกอ ผู้ที่หลับลึกอยู่ในตอนแรก กลับลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในแววตาอันสว่างไสว เต็มเปี่ยมไปด้วยความแจ่มใสไหนเลยจะยังเหลือความมึนเมาอยู่อีก?

ราวกับว่า ผู้ที่เมาเพราะเหล้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่นาง

นางจับจ้องร่างของคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด กวาดสายตาผ่านนิ้วเรียวยาวที่อยู่ในระยะประชิด พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ “หายฉายไฉ่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าการ ทำลายฝันดีของคนอื่นนั้นเป็นการกระทำเช่นใด”

ฐานะที่แท้จริงของผู้ที่อยู่ในความมืดได้ถูกเปิดเผยเพราะคำขานเรียกของนาง มือที่ขาวละเอียดลออค่อยๆ เก็บกลับไปอย่างไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย

มู่ชิงเกอลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเพียงกระดิกนิ้วอย่างแผ่วเบา เทียนในห้องก็ถูกจุดจนสว่างในทันที

แสงเทียนประกายส้ม ทำลายความมืดในห้องลง ในขณะเดียวกันก็สาดแสงสว่างจนสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของผู้มาเยือนอย่างชัดเจน

ดวงตาหงส์เรียวยาวหางตาตวัดคม งดงามดั่งภาพวาด ใบหน้างดงามสะกดจิตวิญญาณ ชุดลายดอกไม้สีสันฉูดฉาดที่สวมอยู่บนร่างกาย ทำให้เขาราวกับเป็นดั่งราชาแห่งบุปผา

ในตอนนี้มู่ชิงเกออยู่ในเสื้อบางเพียงตัวเดียว รวมทั้งมีเครื่องมือมายาคอยช่วย จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าตนเองจะต้องเสียเปรียบ

แต่ทว่า กู่หยาที่คอยคุ้มกันอยู่ในที่มืดกลับร้อนใจจนขมวดคิ้ว

ฉากตรงหน้านี้ หากเจ้านายจอมตระหนี่ผู้นั้นรู้เข้า อาจเป็นตัวเขาเองที่โดนแล่เนื้อออกเป็นชิ้นๆ ก่อนเป็นคนแรก!

แต่ว่า เขากลับไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปห้ามทั้งสอง

เพราะเหตุใดน่ะหรือ เพราะยังไม่มีฐานะที่ชัดเจนอย่างไรล่ะ!

ท่านประมุขผู้เชื่องช้าในเรื่องความรักผู้นั้น เขาไปนานถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าจะรู้ใจตนเองได้หรือยัง

คุณชายที่อยู่ในห้องผู้นั้น ก็ทำท่าทางราวกับไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย!

ช่างสร้างความร้อนรนใจให้เขายิ่งนัก!

ฮือๆๆ เขาช่างเป็นข้ารับใช้ที่มีชะตารันทดเสียจริง! ไม่ เพียงต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้กับเจ้านายของตนเอง แต่ยังต้องคอยจัดการความรู้สึกให้กับผู้เป็นนายด้วย

มู่ชิงเกอไม่ได้รับรู้เลยว่า กู่หยาที่หลบอยู่ในที่มืดกำลังโศกเศร้าเพียงใด นางเพียงแค่จับจ้องหานฉายไฉ่อย่างระวังตัว และอยากจะรู้ถึงเหตุผลการมาเยือนของเขา

จะมาซักถามนางเกี่ยวกับเรื่องที่หอสรรพสิ่งโดนปล้นอย่างนั้นหรือ

หรือมีเบาะแสของพญาเพลิง?!

ทันทีที่คิดถึงเหตุผลประการหลัง ในสายตาอันสว่างไสว ของมู่ชิงเกอก็เป็นประกาย และถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “มีเบาะแสของพญาเพลิงหรือไม่”

ริมฝีปากแดงก่ำของหานฉายไฉ่กระตุกขึ้นเป็นเส้นโค้ง นํ้าเสียงแฝงความเกียจคร้านพูดขึ้นว่า “หากอยากจะได้เบาะแสของพญาเพลิง พรุ่งนี้เที่ยงให้ไปรอข้าที่ชายแดนทิศเหนือของเมืองถัว”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วและถามว่า “เหตุผล”

“เพราะข้าจะพาเจ้าไปหาพญาเพลิงด้วยตนเอง” หานฉายไฉ่ยิ้มอย่างแนบนิ่ง ในดวงตาเรียวกลับฉายรังสีอันตรายบางอย่าง

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง พลันปฏิเสธว่า “มิต้องรบกวนท่านประมุขหานหรอก เพียงแค่บอกเบาะแสของพญาเพลิงแก่ข้าก็เพียงพอแล้ว จริงสิ ขอถามหน่อยว่า พญาเพลิง ที่ท่านพบนั้นเป็นพญาเพลิงประเภทใด” หากมิใช่หนึ่ง ในสองประเภทที่นางต้องการ นางจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลัง

“ตำแหน่งของพญาเพลิงนั้น ข้ามิอาจจะบอกได้ แต่สามารถนำทางได้ จะไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า ส่วนพญาเพลิงนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นพญาเพลิง เมฆสุริยา” ท่าทางของหานฉายไฉ่แข็งกระด้างเป็นอย่างมาก

“พญาเพลิงเมฆสุริยาอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอก้มหน้าลงพึมพำ จากพญาเพลิงที่บันทึกอยู่ในตำราม้วนของหานฉายไฉ่ เป็นพญาเพลิงระดับ 5 เป็นธาตุไฟ และที่ สำคัญคือตรงตามความต้องการของนาง

ดูเหมือนว่า การเดินทางไปยังโรงโอสถจะต้องถูกเลื่อนออกไปอีกหน

เพียงครู่เดียว มู่ชิงเกอก็ตัดสินใจได้ เพียงแต่ว่า ในขณะที่นางเงยหน้าขึ้นและเตรียมจะตอบ หานฉายไฉ่กลับหายออกไปจากห้องแล้ว

ภายในห้องที่ในขณะนี้ยังหลงเหลือกลิ่นหอมของดอกไม้ ถูกทิ้งท้ายเอาไว้เพียงประโยคง่ายๆ เพียงประโยคเดียว “โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ข้าเพียงมาตามสัญญา”

“เจ้าหานฉายไฉ่นั้นคิดจะทำการใดกันแน่” สายลมในยามคํ่าคืนที่พัดผ่าน เพิ่มความเย็นมากขึ้นหลายระดับ มู่ชิงเกอมองประตูห้องที่ถูกปิดอยู่พลางพึมพำ แต่นางรู้ดีว่า ไม่ว่าหานฉายไฉ่คิดจะทำการใด การนัดหมายในครานี้ นางจะต้องไปแน่นอน!

เบาะแสของพญาเพลิงไม่ได้ได้มาโดยง่าย หากพลาดในครานี้ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าต้องรออีกนานเพียงใด เป้าหมายของนาง ไม่ใช่เพียงแค่หลินชวน หากนางอยากจะออกจากหลินชวน เพื่อไขความลับทั้งปวง ก็ต้องทำให้ตนเองเก่งกาจมากขึ้น เพราะฉะนั้น สายโลหิตแห่งปรมาจารย์การหลอมอาวุธจะต้องถูกกระตุ้น!

สายตาของมู่ชิงเกอฉายความมุ่งมั่น ครู่หนึ่ง นัยน์ตาก็ได้กลับสู่ความแนบนิ่งอีกหน

นอนลงอีกครั้ง มู่ชิงเกอก็ได้กลับเข้าสู่ฝันดีของตนเอง

พรุ่งนี้ต้องไปลาเว่ยหลินหลางแต่เช้า แล้วค่อยไปหาหานฉายไฉ่

วันต่อมา

มู่ชิงเกอลุกจากเตียงตั้งแต่เช้าตรู่

หลังจากที่เก็บสัมภาระจนเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งให้มั่วหยาง และคนอื่นๆ ไปเตรียมตัวเพื่อออกเดินทาง และนางก็ไปพบเว่ยหลินหลาง เพื่อบอกว่าตนเองจะต้องไปแล้ว

เมื่อคืนที่ผ่านมา นางยังคงจำได้รางๆ ว่า ในตอนที่นั่งดื่มเหล้า เว่ยหลินหลางได้พูดกับนางอย่างจนใจว่า หากพี่น้องตระกูลเว่ยจะไปเรียนรู้ทักษะที่โรงโอสถจริงๆ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องบ้าๆ บอๆ คู่นี้ เว่ยหลินหลางจึงได้ฝากพวกเขาไว้ให้กับ “ท่านอา” อย่างนางดูแล

ในตอนนี้ นางกลับจำเป็นต้องจากไปก่อน ดูเหมือนว่าพี่น้องตระกูลเว่ยจะต้องเดินทางไปยังโรงโอสถด้วยตนเองแล้ว!

หลังจากที่ได้พบกับเว่ยหลินหลางอย่างไม่มีอุปสรรคอันใด และบอกจุดประสงค์ที่มาพบ เว่ยหลินหลางก็มิได้รั้งแต่อย่างไร เพียงแต่ว่าได้พามู่ชิงเกอไปพบกับฮูหยินของตนเองก่อนที่จะจากไป

อาการของเว่ยฮูหยินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามดังใจต้องการก็เท่านั้น

เมื่อได้พบกับผู้มีพระคุณอย่างมู่ชิงเกอ นางก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และหลังจากที่แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่ชิงเกอจึงออกจากเรือนเล็กอันเงียบสงบนั้นไป

หลังจากที่รวมตัวกับพวกของมั่วหยาง เว่ยหลินหลางเองก็มาส่งด้วยตนเอง พวกเขาก็ได้ออกจากจวนตระกูลเว่ย และมุ่งไปสู่ประตูเมืองทางทิศเหนือ

สำหรับสองพี่น้องตระกูลเว่ย จากคำพูดของเว่ยหลินหลาง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด อย่ากล่าวคำอำลาต่อหน้าพวกเขาจะดีกว่า

สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่ามู่ชิงเกอไม่ได้สงสัยแต่อย่างไร

หลังจากออกจากประตูเมือง มู่ชิงเกอก็ได้รํ่าลาเว่ยหลินหลาง แล้วจึงพาองครักษ์เขี้ยวมังกร และสาวใช้ทั้งสองมุ่งไปยังชายแดนทิศเหนือ

นางอยากจะรู้ว่า ในครานี้หานฉายไฉ่มีแผนการอันใดอีก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version