ตอนที่ 117-3
ปีศาจจากตระกูลไหนกัน
สุ่ยหลิงไม่แม้กระทั่งจะมองเขาเลยแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียว แต่ก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้เขาจากไป
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้สร้างความสนใจมากนัก เพียงแต่ผู้คนที่เห็นตอนที่ฟู่เทียนหลงอาละวาดในผืนป่าเมื่อครู่ที่ผ่านมา ได้ตีความเรื่องนี้เป็นเรื่องการหึงหวงในทำนองชู้สาวไป
“เอาล่ะ คนที่ผ่านด่านแล้วให้เข้าไปพร้อมกับข้า” ชายชุดขาวพูดอย่างเย็นชา นํ้าเสียงแฝงความสูงส่ง ตำแหน่งอาจารย์ปรุงยา ทำให้คนจำนวนมากล้วนเย่อหยิ่ง แต่ว่า ทำให้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างประเมินค่าและรู้สึกราวกับว่านี่แหละที่สมกับการเป็นอาจารย์ปรุงยา
ในด่านแรกนี้ ผู้ที่ตกรอบมีประมาณสามสิบถึงสี่สิบคน ที่เหลืออีกสามร้อยกว่าคน ต่างเดินตามชายเพื่อชุดขาวเข้าไปยังโรงโอสถ
ทุกคนค่อย ๆ เดินเข้าไป ประตูที่หนักและหนาก็ถูกเปิดออกด้วยเสียงที่ฟังดูหนักหน่วง จนเห็นเป็นทางเข้าที่คนสามคนสามารถเข้าไปพร้อม ๆ กันได้
ชายชุดขาวเดินนำเข้าไปก่อน มู่ชิงเกอและคนอื่น ๆ ก็ ค่อยเดินเข้าไปตาม
เหล่าคนที่ถูกปลดออกไปเหล่านั้น ต่างมองพวกเขาที่หายลับไปจากหน้าประตูอย่างอิจฉา และเดินออกไปอย่างเศร้าใจเพราะโดนคนของโรงโอสถไล่
ทันทีที่เข้าสู่ประตู ทุกคนก็ถูกหมอกควันสีขาวปกคลุมเอาไว้ ทำให้มองอะไรไม่เห็น
ราวกับอยู่บนก้อนเมฆ ไม่อาจจะแยกแยะทิศทางต่าง ๆ ได้
อยู่ ๆ ก็มองอะไรไม่เห็น ทำให้ทุกคนที่กำลังเดินเข้าไปล้วนหยุดฝีเท้า
ครู่หนึ่ง หมอกสีขาวจึงค่อยๆ จางไป เผยให้เห็นหนทางที่ปูด้วยหยกสีขาว
“ตามข้ามาอย่าให้ห่าง” ศิษย์ชุดขาวที่เป็นคนนำทางอยู่ข้างหน้าสั่งทุกคน และเดินผ่านทางที่ปูเต็มไปด้วยหยกสีขาว
ทั้งสามร้อยกว่าคนล้วนตามหลังเขาไปติดๆ และเดินเข้าหมอกสีขาวไป
ก็ไม่รู้ว่าเดินมาไกลเท่าไหร่ แต่ทุกคนมักจะรู้สึกว่าทางเดินใต้เท้านั้นไม่ได้เปลี่ยนไปไหนเลย
“ถึงแล้ว” ทันใดนั้น ชายชุดขาวก็ได้หยุดฝีเท้าลง
ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า หมอกควันสีขาวได้ค่อยๆ จางไปแล้ว ทำให้เห็นภาพที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมอก
“นี่ นี่มันแดนเซียนท่ามกลางโลกมนุษย์งั้นหรือ?” มีคนอุทาน
มู่ชิงเกอเงยสายตาทั้งสองข้างขึ้นสังเกตรอบ ๆ ก้อนเมฆสีขาวลอยตํ่าราวกับรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับพื้นดิน รอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้แก่ ใบไม้สีเขียวแผ่กิ่งก้าน เต็มท้องฟ้าราวกับหลังคาอันวิจิตร เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนห้อยย้อยลงมาราวกับม่านไหม
บนต้นไม้แก่เหล่านั้นมีบ้านไม้ และกลิ่นยาที่หอมโชยลงมาจากบ้านไม้
ต้นไม้แก่เหล่านี้ ทุกต้นต้องใช้คนประมาณสิบคนในการโอบจึงจะสามารถโอบได้ทั้งหมด บ้านไม้ที่อยู่ข้างบนก็ราวกับเป็นปราสาทที่เรียงรายกันอย่างต่อเนื่องและทับซ้อนกันเป็นแนวยาว
บนทางเดินบนต้นไม้มีศิษย์ในชุดสีขาวจำนวนไม่น้อย กำลังเดินขวักไขว่ไปมาอย่างเร่งรีบ
ท่ามกลางต้นไม้เก่าแก่ มีหอสูงยอดแหลมเจ็ดชั้น สามหอตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น คล้ายชัดเจนคล้ายเลือนราง ดูใหญ่โตหรูหราราวกับมีความรุ่งโรจน์จำนวนนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่
ระหว่างต้นไม้ ใช้เถาวัลย์มาก่อตัวเป็นสะพานโค้งที่สูงใหญ่เสียดฟ้า ราวกับเป็นสายรุ้งที่เรียงตัวกัน ทำให้ต้นไม้แก่เหล่านี้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ ทำให้คนที่ อาศัยอยู่บนต้นไม้สามารถเดินไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกสบาย
พื้นดินสีเขียวที่อยู่ใต้ต้นไม้ ไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย และยังรักษาสภาพของตนเองเอาไว้
เพียงแค่บนต้นใหญ่บางต้นที่ถูกสร้างเป็นพื้นที่ราบเรียบ ราวกับเป็นสนาม
ด้านบนเต็มไปด้วยหยก ที่ส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์
หลังต้นไม้ มีภูเขาที่ทับซ้อนกันทอดยาวไปจนสุดสายตา
ในบริเวณที่ไกลออกไป ยังสามารถเห็นผู้คนอย่างเลือนราง ราวกับที่นั่นมีมนุษย์อาศัยอยู่
‘นี่คือโรงโอสถหรือ?!’ ในส่วนลึกของสายตาของมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความตะลึง
นางไม่เคยคิดว่าโรงโอสถจะปรากฏต่อสายตาของนางในสภาพเช่นนี้ แค่โรงโอสถสาขาย่อยยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วโรงโอสถหลักล่ะ โรงโอสถหลักในอาณาจักรเซิ่งหยวนจะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนได้มากแค่ไหนเชียว
มาถึงที่นี่ มู่ชิงเกอรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงกบในกะลาในทันที บนโลกใบนี้ยังมีสถานที่อีกมากเหลือเกินที่นางยังไม่เคยได้สัมผัส
“นี่มันผิดไปจากที่คิดไว้มาก! อาศัยอยู่บนต้นไม้เชียวหรือ” เว่ยฉีพึมพำด้วยความตะลึง
ในสายตาของเว่ยกว่านกว่านเองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และมองทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ยินดีต้อนรับพวกเจ้าเข้าสู่โรงโอสถ” ศิษย์ชุดขาวเห็นความตะลึงของทุกคน จึงพูดขึ้น
หวนคิดถึงในครั้งแรกที่เขาเข้ามาในโรงโอสถแห่งนี้ ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
แม้กระทั่งในตอนนี้เขาก็ยังคงตะลึงกับสิ่งที่โลกภายนอกไม่มีเหล่านี้
“ตรงหน้าของเจ้า คือเขตที่ใช้ทำกิจกรรมหลักของโรงโอสถที่เป็นทั้งห้องนอน ห้องปรุงยาคลังยาและห้องตำรายาเป็นต้น ข้างหลังเป็นผืนป่าหมีเมิ่ง เป็นคลังยา สมุนไพรจากธรรมชาติ แต่ว่าหากไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ห้ามเข้า ผู้ที่ทำผิดกฎต้องออกจากโรงโอสถอย่างไร้การปรานี! บริเวณชายขอบของผืนป่าหมี เมิ่ง เป็นสวนยาสมุนไพรที่โรงโอสถของเราปลูกขึ้นเอง พวกเจ้าเป็นเด็กใหม่ สวนนี้มอบหมายให้กับพวกเจ้าเป็นคนดูแล” ศิษย์ชุดขาวแนะนำโรงโอสถอย่างคร่าวๆ จากนั้น ท่ามกลางท่าทางอึ้งๆ ของทุกคน เขาพูดต่ออีกว่า “เอาเถิดบททดสอบเพื่อเข้าสู่โรงโอสถยังไม่เสร็จสิ้น ต่อจากนี้ พวกเจ้าจะถูกพาตัวไปยังห้องปรุงยา เพื่อดูพรสวรรคในการปรุงยาของพวกเจ้า ในขณะเดียวกันก็จะวัดความสามารถทางด้านปัญญาการหยั่งรู้ของพวกเจ้าด้วย”
ทันทีที่ได้ยินว่าบททดสอบ ทุกคนก็พลันกลั้นหายใจ เพื่อเก็บอารมณ์
มองไปรอบ ๆ ทีหนึ่ง ศิษย์ในชุดขาวเผยรอยยิ้มและพูดด้วยนํ้าเสียงที่ฉายความเหยียดหยัน “จำไว้ว่า พรสวรรคในการปรุงยาของพวกเจ้าจะเป็นตัวกำหนด อนาคตของพวกเจ้า เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจะต้องปรุงยาให้สุดความสามารถ ได้ข่าวว่าในรุ่นของพวกเจ้านี้มีคนที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้ ความสามารถระดับนี้ สำหรับโรงโอสถแล้วยังไม่เคยมีมาก่อน รุ่นน้องที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้ผู้นี้ขอให้พยายามให้เต็มที่”
นํ้าเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความเป็นปฏิปักษ์อย่างเข้มข้น ฟ่งอวี๋กุยที่อยู่ท่ามกลางผู้คน พยายามลดการมีตัวตนของตนเองลง แต่ก็คงยังคงรู้สึกถึงสายตาล้อเลียนที่ส่งมาจากรอบด้าน
ทำให้เขาโกรธมู่ชิงเกอเป็นอย่างมาก จนแทบจะทนไม่ได้ที่จะลากตัวเขามาเฆี่ยนตีเพื่อระบายความโกรธให้สาแก่ใจ!
“ไปเถิด ไปทดสอบความแข็งแกร่งของการหยั่งรู้ของพวกเจ้ากันก่อน” ศิษย์ชุดขาวแค่นเสียงหึด้วยนํ้าเสียงเย็นเยียบเสียงหนึ่ง และหันหลังเดินมุ่งไปทางหอที่มี
ยอดแหลมนั่น
เพียงครู่หนึ่ง ทุกคนก็เดินตามศิษย์ชุดขาวไปทางหอที่อยู่ซ้ายสุดและหยุดฝีเท้าลง ทางเข้าหอมีป้ายแขวนที่เขียนว่า ‘หอแห่งปัญญา’ อยู่
ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้ ประตูที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออก ศิษย์ชุดขาวนำทุกคนเข้าไปด้วยท่าทางนิ่งสงบ
“ข้าได้ยินมาว่า โรงโอสถมีทั้งหมดสามหอ แบ่งเป็นหอแห่งปัญญา หอตำรายา หอคลังสินค้า ส่วนที่นี่ก็คงจะเป็นหอแห่งปัญญา” พอเดินเข้าไปยังชั้นแรกของหอ ก็มีคนวิจารณ์กันขึ้นเบาๆ
“ไร้สาระ ไม่เห็นป้ายที่แขวนอยู่ข้างหน้าหรือ” มีคนเยาะเย้ย
“หึ! หัวเราะเยาะข้าหรือ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าในทุก ๆ หอล้วนมีคนเบื้องบนคอยสังเกตการณ์ ไม่แน่ว่าทุกการกระทำของเราในตอนนี้อาจจะอยู่ในสายตาเขาทั้ง หมดก็ได้”
“เงียบให้หมด!” ศิษย์ในชุดสีขาวหยุดเสียงทั้งหมดด้วยเสียงเข้ม
ภายในหอเงียบลงในทันที
หลังจากที่ทุกคนเงียบลง ศิษย์ชุดขาวจึงได้ประสานหมัด และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “อาวุโส ศิษย์ได้ทำตามคำสั่งของหัวหน้าโรงโอสถพาลูกศิษย์ของโรงโอสถมาทดสอบปัญญาการหยั่งรู้ขอรับ’’
ภายในหอ ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
เพียงแต่ว่า ประตูทางขึ้นชั้นต่อไปของหอกลับเปิดออก เผยให้เห็นทางเดินสีรัตติกาล