Skip to content

พลิกปฐพี 121-4

ตอนที่ 121-4

ศิษย์น้องมู่เจ้าไหวหรือไม่

“ทุกท่าน การประลองการปรุงยาระหว่างซ่งอวี้และมู่เกอกำลังจะเริ่มขึ้น ขอให้ผู้ชมทุกท่านโปรดรักษาความสงบในขณะที่ชมการประลอง อย่าได้รบกวนสมาธิของผู้ประลองทั้งสอง” ทันทีที่เขาพูดจบรอบข้างก็เงียบสงบกว่าเดิมหลายเท่า ผู้ที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเป็นผู้ที่เรียนการปรุงยาและรู้ดีกว่าใครว่าระหว่างการปรุงยานั้นต้องการความสงบจึงจะสามารถรวบรวมสมาธิและปรุงยาที่ดีออกมาได้

การให้ความร่วมมืออย่างดีเช่นนี้ทำให้ท่านผู้อาวุโสพอใจเป็นอย่างมาก

เขาพยักหน้าและตะโกนว่า “ซ่งอวี้ มู่เกอ ขึ้นเวที!”

ในที่สุด ผู้ประลองก็ได้ขึ้นสู่เวที ทันทีที่เห็นผู้ที่ขึ้นไปอยู่บนเวที ทุกคนก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา และมีคนรู้สึกเสียดาย “ศิษย์พี่เหมยสนใจในตัวศิษย์ใหม่อย่างศิษย์น้องมู่มิใช่หรือ เหตุใดเขาจึงไม่มา”

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่ว่าศิษย์พี่เหมยผู้มีลักษณะเป็นดั่งเทพบนฟ้า ความคิดของท่านจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดา ๆ อย่างเราจะสามารถคาดเดาได้”

“เงียบกันเถิด ตั้งใจชมการประลอง ข้ามีความรู้สึกว่าการประลองในวันนี้จะต้องมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเป็นแน่!”

บริเวณใดบริเวณหนึ่งบนอัฒจันทร์ พี่น้องตระกูลเว่ย สุ่ยหลิงและฟู่เทียนหลง รวมทั้งอีกห้าคนที่อยู่ในฐานะผู้พนันกับมู่ชิงเกอนั่งอยู่ด้วยกัน

เว่ยกว่านกว่านจ้องบนเวทีอย่างตื่นเต้นและพึมพำอย่างไม่รู้หยุดว่า “เหตุใดจึงยังไม่ออกมา เหตุใดจึงยังไม่ออกมา”

“อย่าส่งเสียงไป รอดูอย่างเงียบ ๆ เถิด” เว่ยฉีอดไม่ได้ที่จะตบศีรษะของนางเบา ๆ ในขณะที่เว่ยกว่านกว่านกำลังจะตอบโต้ ก็ได้ยินสุ่ยหลิงพูดว่า “ออกมาแล้ว”

คำพูดนี้ได้หยุดความคิดที่จะแก้แค้นของเว่ยกว่านกว่านเอาไว้ และรวบรวมสมาธิทั้งหมดบนร่างที่เคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่บนเวที

ท่าทางอันสง่าและแฝงความองอาจนั้นดูผ่อนคลายและงดงามอย่างไม่อาจบรรยายได้ และคนผู้นี้หากไม่ใช่มู่ชิงเกอจะเป็นใครได้อีกเล่า ทันทีที่นางปรากฏตัวก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วน

“ไม่คิดว่าศิษย์น้องที่เข้ามาใหม่ของเราจะงดงามและองอาจมากมายถึงเพียงนี้ เขาที่ยืนอยู่ด้านบนช่างทำให้ข้าละอายใจในรูปลักษณ์ของตนเองนัก”

“ข้าขอพูดอะไรเสียหน่อย นี่เป็นความคิดส่วนตัวของข้า ศิษย์น้องมู่งดงามกว่าศิษย์พี่เหมยและศิษย์พี่จ้าวเสียอีก”

“ข้าเองก็มีความรู้สึกเช่นนั้น!”

“ข้าเองก็เช่นกัน!”

“ข้าเองก็เช่นกัน!”

“ช่างงดงามและองอาจนัก! ข้าอยากคลอดลูกให้เขา!”

“เจ้าอย่าได้หลงผู้ชายนัก!” ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ทนฟังไม่ได้ จึงรีบโต้กลับ

“ไปเล่นตรงนั้นไป๊ ชายขี้เหร่!” ทันใดนั้น เขาก็ถูกเหล่าลูกศิษย์สาวโจมตี

เขาตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก และหดตัวอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ด้วยความอึดอัด

“เฮ้อ รูปโฉมน่ะมีก็จริง แต่มิอาจรู้ได้ว่าความสามารถจะเป็นอย่างไร”

ลูกศิษย์สาวคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมความเขินอาย “เจ้า หมายถึงความสามารถด้านใดกันเล่า”

“ถุ้ย เจ้าคนแก่แดด” หญิงสาวจำนวนมากที่กำลังหวั่นไหวพูดคุยกันอย่าง สนุกสนาน เมื่ออยู่ท่ามกลางอัฒจันทร์ที่เงียบสงบ จึงทำให้กลายเป็นจุดสนใจเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งท่านผู้อาวุโสบนเวทีส่งเสียงไอเบา ๆ หญิงสาวที่กำลังหลงใหลในตัวมู่ชิงเกอจนโงหัวไม่ขึ้นจึงเก็บอาการและนั่งลงอย่างสงบ

เพียงแต่ว่า สายตาที่ในตอนแรกจับจ้องจ้าวหนานซิง ในตอนนี้ได้เคลื่อนไปอยู่ที่มู่ชิงเกอแล้วครึ่งหนึ่ง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนอัฒจันทร์มิได้ส่งผลอันใดต่อทั้ง มู่ชิงเกอและซ่งอวี้เลยแม้แต่น้อย

ทั้งสองมาพบกันด้านล่างบนเวทีประลอง ต่างสบตากันแวบหนึ่งก่อนจะขึ้นเวทีไป

ยืนอยู่บนเวทีประลองวงกลม รับรู้ถึงสายตามากกว่าพันสายตาที่จับจ้องอยู่ มู่ชิงเกอถอนหายใจเบา ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนมหัศจรรย์ เมื่อวานนางยังนั่งเป็นผู้ชมอยู่บนอัฒจันทร์เลย ในวันนั้นนางก็ได้มายืนอยู่บนเวทีประลอง เพื่อให้ทุกคนวิจารณ์อย่างสนุกปากเสียแล้ว

“ศิษย์น้องมู่ คงจะสบายดีนะ” ซ่งอวี้เผยรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยตรงมุมปาก

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างแนบนิ่ง “ศิษย์พี่ซ่งก็ยังคงเหมือนตอนพบกันเมื่อหลายวันก่อน” ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด กำลังเสียดสีว่าซ่งอวี้ยังคงไม่มีการพัฒนาจากหลายวันที่ผ่านมา เมื่อรับรู้ถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา สีหน้าของซ่งอวี่ก็เปลี่ยนไปและพูดอย่างเย็นเยียบว่า “ช่างฉลาดพูดเสียจริง”

“เช่นกันๆ!” มู่ชิงเกอพูดพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางที่ผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองเช่นนี้ ยิ่งทำให้ได้ใจบรรดาหญิงสาวที่เป็นสาวกทั้งหลาย

จูหลิงหันไปมองซางจื่อซู และพูดราวกับจงใจและไม่จงใจในขณะเดียวกันว่า “ศิษย์น้องมู่ผู้นี้ช่างกล้า ท่าทางและการวางตัวเช่นนี้ ช่างเป็นที่น่าหลงใหลเสียจริง” พูดจบ นางก็กวาดสายตาผ่านจ้าวหนานซิง

เมื่อรับรู้ถึงสายตาที่คอยจ้อง จ้าวหนานซิงก็ก้มสายตาลงพร้อมรอยยิ้มและไม่ได้ใส่ใจ และซางจื่อซูก็ยิ่งไม่แสดงอาการอันใด ราวกับไม่ได้ยิน

คำพูดของจูหลิง ปฏิกิริยาของทั้งสอง ไม่ได้ทำให้จูหลิงรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย

นางกลับเผยรอยยิ้มและพูดว่า “ข้าว่า หากวันนี้ศิษย์น้องมู่ชนะ ไม่เพียงแค่จะได้แทนที่ตำแหน่งของซ่งอวี้ แต่ยังจะกลายเป็นเป้าหมายที่ลูกศิษย์หญิงสาวในโรง โอสถต่างแย่งชิง เรื่องนี้ก็ถือเป็นการลดภาระให้กับศิษย์พี่เหมยและศิษย์พี่จ้าวได้ไม่น้อย”

ซางจื่อซูกะพริบตาหลายหน และยังคงไม่ตอบโต้

จ้าวหนานซิงหันไปมองซางจื่อซูแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับจูหลิงพร้อมรอยยิ้มว่า “หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะต้องขอบคุณศิษย์น้องมู่เป็นอย่างมาก” พูดจบ เขาก็หันมองแผ่นหลังที่สาดฉายความเย็นชาดั่งธารนํ้าแข็งของซางจื่อซู ความรักใคร่ในสายตาไม่เคยจะปิดบังได้เลย

จูหลิงยิ้มก่อนจะหันมองซางจื่อซูแวบหนึ่ง ในที่สุดก็รวบรวมความสนใจไว้บนเวทีประลอง

ซึ่งในขณะนี้ การประลองบนเวทีได้เริ่มขึ้นแล้ว

มู่ชิงเกอและซ่งอวี้ต่างเขียนชื่อยาที่ตนเองจะปรุงและส่วนประกอบยาสมุนไพรที่ต้องการ

ทั้งสองก้มสายตาลงเขียนครู่หนึ่ง ผู้ที่เขียนเสร็จก่อนคือ ซ่งอวี้

เขายื่นกระดาษแผ่นขาวที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือให้กับท่านผู้อาวุโสบนเวที และรอให้มู่ชิงเกอเขียนเสร็จไปพร้อม ๆ กัน

ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านางยังไม่มีท่าทีที่จะเขียนเสร็จ ซ่งอวี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสี “ศิษย์น้องมู่ เพียงแค่ยาระดับต่ำเท่านั้น เหตุใดยาสมุนไพรที่ต้องการจึงมากถึง เพียงนี้”

ในขณะที่มู่ชิงเกอวางพู่กันลง และได้ยินคำพูดเหล่านี้ของซ่งอวี้ นางก็พลันเผยรอยยิ้มและเงยสายตาขึ้นมองเขา “ใครบอกว่าข้าจะปรุงยาระดับตํ่า” พูดจบ นางเองก็ยื่นกระดาษที่เต็มไปด้วยชนิดของยาสมุนไพรให้กับท่านผู้อาวุโสผู้ควบคุมการประลอง

บนกระดาษแผ่นนั้น เต็มไปด้วยตัวอักษร ราวกับมียาสมุนไพรเป็นร้อยชนิด

ท่านผู้อาวุโสรับมาอ่านรอบหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความสงสัยหรี่ลง

เมื่ออ่านจบแล้ว เขามองมู่ชิงเกออย่างไม่แน่ใจอีกหน เมื่อเห็นว่านางเผยรอยยิ้มจาง ๆพร้อมพยักหน้า จึงได้เคลื่อนสายตาที่แฝงคำถามออกจากนางท่ามกลาง ความตะลึง ปฏิกิริยาของท่านผู้อาวุโสที่ยืนอยู่บนเวลา สะท้อนอยู่ในสายตาของซ่งอวี้และผู้ชมทุกคน

ซ่งอวี้พลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที แต่ผู้ชมทุกท่านล้วนกำลังคาดเดาว่ามู่ชิงเกอเขียนสิ่งใดลงไป จึงทำให้ท่านผู้อาวุโสตกตะลึงได้มากถึงเพียงนี้

พยายามรวบรวมสติ ท่านผู้อาวุโสบนเวทีตะโกนว่า “ยาที่ซ่งอวี้จะปรุงคือยาระดับกลาง ยารวมมรกต”

ยาระดับกลาง คือระดับความสามารถแต่แรกของซ่งอวี้ แต่รอดูก่อนว่าเขาจะสามารถปรุงยาระดับสูงได้หรือไม่ หากสามารถปรุงได้ ชัยขนะก็จะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่แท้

หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสผู้รับผิดชอบการประลองได้ ประกาศชื่อยาของซ่งอวี้ นี่คือความคิดของคนส่วนมาก

“ยาที่มู่เกอปรุงคือ…” ท่านผู้อาวุโสที่ควบคุมการแข่งขันหยุดไปครู่หนึ่ง ทำให้คนจำนวนมากต่างตื่นเต้น ครู่หนึ่ง เขาจึงจำต้องประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ยาคงรูปโฉมระดับสูง”

แซ่ด—!

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้นท่ามกลางผู้คน ยาระดับสูง?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version