Skip to content

พลิกปฐพี 125-2

ตอนที่ 125-2

ยาของข้าจะกินฟรีอย่างนั้นหรือ

เช่น นางสามารถเข้าไปในทุกชั้นของโรงโอสถ อย่างไม่ได้รับการจำกัด

และเช่นเวลาที่นางสามารถอยู่ในหอตำราก็ไม่ได้รับการจำกัดอีกต่อไป

นั้นก็หมายความว่า หากว่านางยินยอม จะอยู่ในหอตำราโดยไม่ออกไปอีกเลยก็ได้

‘นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยจริงๆ!’ ทันทีที่นึกถึง เหตุการณ์นอกบ้านไม้เมื่อครู่นี้ ความคิดที่มู่ชิงเกอจะขังตนเองไว้ในหอตำราก็เกิดขึ้นในทันที

เข้าสู่หอตำรา มู่ชิงเกอก็ขึ้นไปบนชั้นสามในทันที

ภายในหอตำรา นางใช้เวลาอยู่ในนั้นทั้งวัน เมื่อนางมาถึงบนชั้นสี่ นอกจากซางจื่อซูแล้วก็ไม่มีใครอยู่เลย

เห็นเงาร่างอันงดงามและสง่าของซางจื่อซูท่ามกลางแสงไฟ มู่ชิงเกอก็อึ้งอยู่กับที่

นางไม่รู้เลยว่า ซางจื่อซูเข้ามาให้หอตำราตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สิ่งที่มั่นใจคือต้องเป็นตอนที่นางอยู่ เพราะซางจื่อซูไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในหอตำราได้นานอย่างไม่จำกัดดังเช่นนาง

หอตำรา มีทั้งหมดเจ็ดชั้น

ชั้นหนึ่งและชั้นสอง เพียงแค่นักปรุงยาระดับตํ่าก็สามารถเข้ามาได้แล้ว

ชั้นสามและชั้นสี่ จะต้องเป็นนักปรุงยาระดับกลางจึงจะสามารถเข้าได้

ส่วนชั้นห้าและชั้นหก จะต้องเป็นนักปรุงยาระดับสูงจึงจะสามารถเข้าได้

บนชั้นเจ็ด มีสูตรยาอันลํ้าค่าอยู่มากกว่า นักปรุงยาระดับสูงสามารถเข้าไปได้ แต่ได้ยินมาว่า บนชั้นเจ็ดมีมนต์ต้องห้ามอันหนาแน่นที่จะคัดเลือกคนเข้าไปเองได้

ก่อนหน้านี้ซ่งอวี้เคยบอกว่า เพียงแค่ชนะเขา ก็จะสามารถแทนที่ในอันดับของเขา และได้โอกาสเข้ามาอยู่ชั้นบนสุดได้เดือนละครั้ง ไม่ใช่เรื่องโกหก เพื่อจะกระตุ้นการแข่งขันของผู้มีฝีมือภายในโรงโอสถ จึงได้สร้างสิทธิ์พิเศษเช่นนี้ขึ้น

ในทุก ๆ เดือนชั้นเจ็ดจะเปิดให้ผู้ที่มีอันดับเข้าไปโดยไม่มีข้อแม้หนึ่งครั้ง

มู่ชิงเกอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็วรอบหนึ่งพบว่า บนชั้นสี่มีคนน้อยกว่าชั้นสาม ราวกับว่ามีเพียงนางและซางจื่อซูเท่านั้น

และอีกชั้นที่อยู่ข้างบน…

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองทางเข้าชั้นห้า ก่อนที่นางจะมาในโรงโอสถสาขาย่อยนี้มีนักปรุงยาระดับสูงเพียงแค่สามคน สองในสามคนนั้นยังเป็นถึงอาจารย์

สองชั้นข้างบนคงฝุ่นเกาะแล้ว!

แอบถอนหายใจทีหนึ่ง มู่ชิงเกอไม่ได้มีความคิดที่จะไปรบกวนซางจื่อซู และเดินไปอยู่อีกฝั่ง พลันหยิบตำราโบราณเล่มหนึ่งออกมาเปิดอ่าน

ชั้นสามและชั้นสี่ ส่วนมากเป็นสูตรการปรุงการระดับกลาง และยังมีการแนะนำสมบัติอันลํ้าค่าอีกจำนวนมาก รวมทั้งความแตกต่างของนักปรุงยาในแคว้นที่มี

ระดับต่างกันของหลินชวน

มู่ชิงเกออ่านจนลืมตัวและยังคงยืนอยู่กับที่ อ่านหนังสือบนชั้นวางจนแทบจะครบทุกเล่มแล้ว

ความว่องไวในการอ่านของนาง น่ากลัวราวกับฉลามกลืนทะเล

อ่านจนนางเริ่มเมื่อยคอ นางจึงเงยหน้าขึ้นและเตรียมจะขยับเคลื่อนไหวร่างกาย

แต่ทว่า ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าซางจื่อซูยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ด้วยความนิ่งเงียบดั่งรูปปั้น

“ศิษย์พี่ซาง” มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ

ซางซือซูพยักหน้านิ่งๆ และพูดว่า “ศิษย์น้องมู่ ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย”

เสียงของซางซื่อจู เป็นดั่งเสียงลมบนภูเขานํ้าแข็ง ที่เย็นเยียบอย่างเป็นที่สุด และทำให้อาการหัวสมองมึนจากการอ่านหนังสือของมู่ชิงเกอหายเป็นปลิดทิ้ง

“ศิษย์พี่ซางลองกล่าวมาว่าเป็นเรื่องอะไร” มู่ชิงเกอพูด

ซางจื่อซูเม้มปาก ราวกับกำลังลังเล สุดท้ายจึงตัดสินใจได้ว่า “ข้าอยากจะขอให้เจ้าช่วยไปหาสูตรยาสูตรหนึ่ง”

“สูตรยา” สายตาของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปในทันที และถามว่า “หากข้าจำไม่ผิด เหนือชั้นห้าล้วนเป็นตำรายาที่เป็นสูตรยาระดับสูง”

“ใช่” ซางจื่อซูพยักหน้าและพูดอย่างไม่ปิดบังว่า “ในตำรายาบนชั้นห้า มีสูตรยาสูตรหนึ่งที่ถือเป็นชั้นเริ่มต้น สำหรับผู้ที่จะเข้าสู่การปรุงยาระดับสูง หากเอามาปรุงยา ถือเป็นทางลัดในการเข้าสู่การเป็นนักปรุงยาระดับสูง ยาชนิดนี้ไม่ถือว่าปรุงยากมากนัก แต่กลับสามารถสัมผัสความรู้สึกของการปรุงยาระดับสูงได้อย่างชัดเจน”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มู่ชิงเกอกระจ่างแล้ว

แต่ทว่านางยังคงมีความสงสัย “หากมีสูตรยาเช่นนี้ เหตุใดศิษย์พี่ซางจึงมาหากับข้า ศิษย์พี่เหมยและท่านอาจารย์โหลวล้วนเป็นนักปรุงยาระดับสูง สูตรยาเช่นนี้ พวกเขาน่าจะรู้”

ซางจื่อซูกลับส่ายหน้า “ท่านอาจารย์โหลวนิยมความเป็นธรรมชาติ และไม่เห็นด้วยที่ข้าจะให้ความสนใจกับการเลื่อนระดับ รวมทั้งเขายังมักออกไปผจญภัยไม่อยู่ในโรงโอสถ ข้าอยากจะถามเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ส่วนศิษย์พี่เหมย ใช้เวลาส่วนมากไปกับการฝึกการปรุงยา ขังตัวเองแต่ละครั้งก็เดือนกว่า ข้าอยากจะให้เขาช่วย…” พูดจนเกือบจะจบ ซางจื่อซูก็เผยรอยยิ้มจาง ๆ ที่แฝงความทุกข์ใจ ศิษย์พี่ของนางเติบโตมากับท่านอาจารย์นิสัยถือว่าเชื่อฟังท่านอาจารย์เป็นอย่างมาก หากท่านอาจารย์ไม่เห็นด้วยกับการใช้ทางลัดในการเลื่อนระดับ ศิษย์พี่จะช่วยได้ อย่างไร

“เพราะฉะนั้น ศิษย์พี่ซางจึงทำได้เพียงแค่ฝากความหวังไว้ที่ข้า” มู่ชิงเกอพูด ซางจื่อซูกัดปาก พร้อมพูดอย่างฉายความนิ่งสงบว่า “ข้าไม่ควรจะรบกวนเจ้าตั้งแต่แรก แต่ข้าอยู่ในระดับกลางเป็นเวลานาน และต้องการเลื่อนระดับอย่างเร่ง ด่วน ครั้งนี้หากเจ้าช่วยข้า ไม่ว่าจะต้องตอบแทนอย่างไร ข้าก็ยอมรับได้ทั้งนั้น” “ศิษย์พี่พูดเช่นนี้ไม่กลัวว่าข้าจะมีข้อเสนอที่ทำให้ศิษย์พี่ต้องลำบากใจหรือ” มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก และพูดอย่างแฝงความขบขัน

ซางซื่อซูกลับยิ้มจางๆ อย่างใจกว้างว่า “ข้าเชื่อมั่นในตัวศิษย์น้องมู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่มาขอร้องเช่นนี้”

มู่ชิงเกอเม้มปาก แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “หากว่าศิษย์พี่เชื่อในตัวข้าเช่นนี้ เรื่องนี้ข้าจะช่วย โดยไม่ต้องการการตอบแทนอันใด ถือเป็นการชดเชยที่ข้าแอบดูสูตรยาคงรูปโฉมของท่าน”

ซางจื่อซูอึ้ง พูดด้วยความสงสัยว่า “แต่ว่า เจ้าก็ได้เอายาคงรูปโฉมที่ปรุงเสร็จแล้วให้ข้าแล้วนี่ ถือเป็นการชดเชยแล้ว ครั้งนี้ข้าเป็นคนมาขอความช่วยเหลือ จะคิดเช่นนี้ได้อย่างไร”

เมื่อพูดถึงยาคงรูปโฉม ซางจื่อซูก็คิดถึงยาที่อยู่ในกระเป๋าจัดเก็บของตนเอง แม้ว่า ยาคงรูปโฉมจะเป็นยาระดับสูง แต่เพราะผลลัพธ์ของมัน เพราะฉะนั้นสูตรยานี้จึงอยู่ในขอบเขตที่นักปรุงยาระดับกลางสามารถทำได้

หากว่านางเป็นอันดับสามหรือสี่ก็คงจะดี นางเองก็ไม่ต้องคอยขอความช่วยเหลือจากใคร

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็ส่ายหน้า และพูดอย่างแน่วแน่ “หากศิษย์น้องมู่ไม่ต้องการการตอบแทน เรื่องนี้ข้าจะไปหาคนอื่นช่วย”

มู่ชิงเกอหลุดยิ้ม นางคิดไม่ถึงว่า ซางจื่อซูผู้เย็นชาจะมีกฎเกณฑ์ในการใช้

ชีวิตที่แน่นอนเช่นนี้

มีแต่คนอยากจะเอาเปรียบ แต่นางกลับคำนวณทุกอย่างอย่างชัดเจนเช่นนี้ “เหตุใดศิษย์พี่ต้องทำถึงเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากใจอันใด” มู่ชิงเกอพูดห้าม

ซางจื่อซูกลับพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “สำหรับศิษย์น้องมู่แล้ว บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายเพียงเอื้อมมือ แต่สำหรับข้า บุญคุณในครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากนัก” พูดจบ นางก็หันหลังและเตรียมจะจากไป

คนเช่นนี้ มู่ชิงเกอไม่ได้พบบ่อยมากนัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version