Skip to content

พลิกปฐพี 125-4

ตอนที่ 125-4

ยาของข้าจะกินฟรีอย่างนั้นหรือ

หยุดคิดครู่หนึ่ง นางจึงพูดว่า “คำพูดของศิษย์พี่ ข้าจะไปไตร่ตรองดูให้ดี ขอบคุณศิษย์พี่เป็นอย่างมากที่คลี่คลายปริศนาให้กับข้า”

“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าแค่เพียงทำตามที่ตนเองได้รับปากเอาไว้” ซางจื่อซูพูดด้วยท่าทางอันแนบนิ่ง “ศิษย์ น้องมู่โปรดบอกที่อยู่ของตระกูลแก่ข้า หลังจากที่ข้าออกจากโรงโอสถจะไปทำ ตามอีกหนึ่งคำสัญญาที่ได้ให้ไว้”

มู่ชิงเกอหลุดยิ้ม “ศิษย์พี่ยอมเสียเวลาอันมีค่าถึงสามปี เพื่อตระกูลของข้าอย่างนั้นหรือ”

นางต้องการนักปรุงยาประจำตระกูลจริงเพื่อเตรียมยาให้กับกองทหารตระกูลมู่ แต่ทว่าที่นางต้องการคือตลอดไป สามปีสำหรับนางแล้วมันน้อยมาก เพราะฉะนั้นจึงปฏิเสธไปอย่างใจกว้างจะดีกว่า

“ทำตามในสิ่งที่ได้รับปากเอาไว้จึงจะทำให้ข้าหมดห่วง และไม่ติดค้างอะไรในใจ” ซางจื่อซูพูดอย่างแสดงความเคร่งขรึม

“ถ้าเช่นนั้น…’’มู่ชิงเกอลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดว่า “ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในจวนของข้าถึงสามปี เพียงแค่ส่งยาทั้งหมดที่ปรุงตลอดระยะเวลาสามปีให้กับจวนของข้าก็พอแล้ว”

ซางจื่อซูหยุดคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยอมรับวิธีการประนีประนอมนี้

สุดท้ายก็จบบทสนทนากับมู่ชิงเกอ ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

หลังจากที่ซางจื่อซูจากไปแล้ว มู่ชิงเกอก็อยู่ในหอตำราอีกเป็นเวลาสามวันจึงออกไป ภายสามวันนั้น นางได้อ่านหนังสือทั้งหมดบนชั้นห้าและหกจนจบรอบหนึ่ง แต่ชั้นเจ็ดนางไม่ได้ไป

ไม่ใช่เพราะนางไม่อยากไป แต่เพราะนางนึกขึ้นได้ว่า วันนี้เป็นวันหยุดของโรงโอสถ นางสามารถกลับเมืองซางจื่อไปเยี่ยมสองสาวนั้นได้ แล้วกลับไปตรวจ สอบว่ามั่วหยางมีข่าวอะไรหรือเปล่า

กลับไปถึงที่พัก มู่ชิงเกอก็มองเห็นเหล่าลูกศิษย์หญิงสาว ที่ออกันอยู่หน้าประตูแต่ไกล

ร่างกายเพียงวูบไหวทีหนึ่ง นางก็เข้าไปอยู่ในบ้านดังเช่นสายลมและไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คน

‘หลังจากที่ผ่านช่วงทดสอบแล้ว จะต้องหาที่ๆ ฮวงจุ้ยดีๆ ให้กับตนเองได้อยู่อย่างสงบบ้าง’ มู่ชิงเกอเดินอยู่บนที่ว่างข้างล่างบ้านต้นไม้แล้วพูดกับตัวเอง

นางไม่มีความคิดที่จะกลับห้องของตนเอง แต่กลับเดินตรงไปยังห้องของฟู่เทียนหลงเคาะประตูไปหลายที ผู้ที่เปิดประตูกลับเป็นสุ่ยหลิง “มู่เกอ ท่านมาแล้วหรือ” แก้มทั้งสองของสุ่ยหลิงแดงก่ำ พลันเปิดประตูห้องให้มู่ชิงเกอเข้าไป

มู่ชิงเกอมองนางแวบหนึ่งและเดินเข้าห้องไป

เห็นฟู่เทียนหลงที่นอนอยู่บนเตียงตั้งแต่แวบแรก ดูแล้ว แม้จะไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่ผ้าห่มยับยู่ยี่ และในห้องยังมีบรรยากาศสนิทสนมอันคลุมเครือ ทำให้มู่ชิงเกอไอเบา ๆ ทีหนึ่ง รู้สึกว่าตนเองมาผิดจังหวะ

“มู่เกอ เจ้ามาแล้ว นั่งตามสบายเถิด” ฟู่เทียนหลงพูดด้วยนํ้าเสียงที่ฉายความอึดอัดและท่าทางเขินอาย

มู่ชิงเกอไม่ได้นั่ง เพียงพูดว่า “ข้ามาดูว่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

ฟู่เทียนหลงรีบยืดอก แล้วกำหมัดทุบหน้าอกของตนเองสองที “ข้าหายตั้งนานแล้ว เพียงแค่สุ่ยหลิงไม่วางใจ บอกให้ว่าจะต้องนอนบนเตียงหลาย ๆ วัน”

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มบาง ๆ “หากสุ่ยหลิงไม่วางใจ เจ้าก็นอนต่ออีกเถิด”

สุ่ยหลิงชงชาและกำลังยกมาพอดี ได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง ใบหน้าก็แดงกํ่ามากขึ้นกว่าเดิมและรีบหนีออกไป

“นางเป็นอะไร” มู่ชิงเกอพูดอย่างฉายความแปลกใจ

ฟู่เทียนหลงกลับยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ได้เป็นอะไร ใช่สิ ข้าได้ยินเว่ยฉีบอกว่าไอ้คนชั่วฟ่งอวี๋กุยถูกขังอยู่ในคุกนํ้า”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ท่าทางที่ฉายความเคร่งเครียดของฟู่เทียนหลงผ่อนคลายลง “ดีมากเลย ไอ้เลวนั่นสมควรจะได้รับบทลงโทษ”

มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าศัตรูมีแค่ฟ่งอวี๋กุยคนเดียวหรือ”

ฟู่เทียนหลงมองนางด้วยความแปลกใจ

มู่ชิงเกอจึงเตือนว่า “หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าวันนั้น ฟ่งอวี๋กุยพูดถึงชื่อของใคร”

ฟู่เทียนหลงย้อนคิดถึงเรื่องราวในวันนั้นอย่างละเอียด อยู่ๆ ก็หรี่ตาทั้งคู่ลง “เขาพูดถึงเตียวหยวน”

มู่ชิงเกอพยักหน้า “หลายวันมานี้ ทางเตียนหยวนเงียบมาก หนึ่งคือ หลังจากที่ฟ่งอวี๋กุยถูกจับ ทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหว สองคือเจ้าและสุ่ยหลิงอยู่แต่ใน

บ้าน เขาไม่สามารถลงมือได้”

ฟู่เทียนหลงขมวดคิ้วทั้งสองข้างแน่น “ถ้าเช่นนั้น ทำอย่างไรดี ข้าจะไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหัวหน้าโรงโอสถ ให้ท่านเป็นฝ่ายตัดสิน”

“ไร้เดียงสา หัวซางซู่เป็นอาจารย์ของเตียวหยวน เจ้าคิดว่าเขาจะยืนอยู่ฝั่งเจ้าหรือฝั่งเตียวหยวน” มู่ชิงเกอดับฝัน ของเขาอย่างไม่มีเยื่อใย

“ถ้าเช่นนั้นจะให้เขามีอำนาจอยู่เช่นนี้หรือ” ฟู่เทียนหลงพูดอย่างไม่จำยอม

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ หลายวันนี้เจ้าพักผ่อนให้ดี อย่าขยับตัวเดินมากนัก ข้าจะออกจากโรงโอสถพักหนึ่ง ทุกอย่างรอข้ากลับมาแล้วค่อยว่ากัน”

พูดจบมู่ชิงเกอก็หันหลังและเดินจากไป วันหยุดครั้งนี้ ก่อนที่นางจะออกมา ได้สั่งให้พี่น้องตระกูลเว่ยอย่าได้ก่อเรื่อง แล้วจึงจากไปพร้อมกับสัตว์ปีกที่มีพลังเวทของโรงโอสถ

สัตว์ปีกที่มีพลังเวทของโรงโอสถหยุดลงบนชายแดนเมืองซางจื่อ วันหยุดของโรงโอสถคือสามวัน เพราะฉะนั้น ลูกศิษย์โรงโอสถจำนวนมากเลือกที่จะออกจากโรงโอสถไป เพื่อผ่อนคลายที่เมืองซางจื่อ มีบางส่วนที่บ้านใกล้ ก็ถือโอกาสกลับบ้าน เป็นครั้งแรกที่มู่ชิงเกอได้สัมผัสกับวันหยุด แต่ทว่า ทันทีที่นางลงจากสัตว์ปีกที่มีพลังเวท ก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ลูกศิษย์โรงโอสถมากมายในตอนแรก หายไปจนหมดสิ้น ในระยะเวลาสั้น บริเวณชายแดนผืนป่ามีเพียงนางแค่คนเดียว

มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม และพินิจอย่างแนบนิ่ง

รอบข้างเงียบจนไม่มีแม้กระทั่งเสียงแมลง สายลมพัดผ่านใบไม้พัดพาเม็ดทรายและก้อนหินให้ปลิวกระจาย ราวกับเป็นไอสังหารอันโหดเหี้ยม

‘ดูเหมือนว่า จะมีคนซ่อนตัวอยู่ที่นี่’ มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ในดวงตามีความขบขันจางๆเกิดขึ้น ผู้ที่จะลอบทำร้ายนางในวันหยุดเช่นนี้ นอกจากเตียนหยวนแล้ว นางคิดถึงใครไม่ออกอีกเลย

แต่คิดไม่ถึงว่า เตียวหยวนกลับไม่มีความอดทนเลยแม้แต่น้อย ไม่ยอมเสียโอกาสที่จะได้ทำร้ายนางแม้โอกาสเดียว

ในวันนี้ นางอยากจะดูสิว่า เตียวหยวนจะหาใครมาลอบทำร้ายนาง

หากเข้ามา ก็ต้องทำใจทิ้งชีวิตเอาไว้

มู่ชิงเกอยืนเอามือไพล่หลังอยู่กับที่

ใบไม้ใบหนึ่ง พุ่งเข้าหาดวงตาของนางดั่งใบมีด

มู่ชิงเกอไม่ขยับตัว ปล่อยให้ใบไม้เข้ามาใกล้ จนกระทั่งมาอยู่ตรงหน้านาง ใบไม้ที่ลอยอยู่จึงหยุดอย่างกะทันหัน แล้วกลายเป็นเศษผงท่ามกลางสายตาของนาง

“ออกมา” มู่ชิงเกอพูดด้วยโทนเสียงต่ำแต่เย็นเยียบ นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

ไม่นาน เสียงฝีเท้าจากพื้นรอบ ๆ ก็ดังทับซ้อนกันขึ้น

ชายหนุ่มร่างใหญ่สิบกว่าคนที่สวมผ้าคลุมหน้า ปรากฏอยู่รอบตัวนาง และล้อมรอบนางเอาไว้

มู่ชิงเกอกวาดมองคนทั้งสิบกว่าคนนั้น จากกลิ่นพลังเวทที่สาดออกจากตัวของพวกเขา สามารถรู้สึกได้ว่า ระดับพลังเวทของพวกเขาล้วนเป็นสายเขียวและสายคราม

ท่ามกลางคนเหล่านั้นสายเขียวมากที่สุด สายครามมีเพียงสี่ห้าคน

การลอบทำร้ายเช่นนี้ สำหรับแคว้นระดับสามแล้ว ถือว่าเป็นองค์ประกอบระดับสูง

“ส่งของมา แล้วจะไว้ชีวิตเจ้า!” คนที่เป็นผู้นำตะโกนใส่มู่ชิงเกอด้วยความเกรี้ยวกราด

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว แล้วถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ของอะไร”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version