Skip to content

พลิกปฐพี 125-5

ตอนที่ 125-5

ยาของข้าจะกินฟรีอย่างนั้นหรือ

“ไอ้หนุ่มอย่าแกล้งโง่หน่อยเลย! ของที่ท่านเตียวต้องการ เป็นสิ่งที่เจ้ากล้าครอบครองหรือ” ผู้เป็นหัวหน้า หัวเราะอย่างเย็นเยียบ

เตียวหยวนจริงๆ ด้วย

มู่ชิงเกอแอบยิ้มอย่างเย็นเยียบ

ในตอนแรก นางยังหวังให้ตนเองได้รับคำตอบที่ทำให้แปลกใจมากกว่านี้ แต่ไม่คิดว่า ความจริงทำให้นางรู้สึกว่างเปล่าเป็นอย่างมาก!

อยากจะจัดการกับนางทั้งที อย่าใช้วิธีตํ่าๆ เช่นนี้ได้หรือไม่

“ที่แท้เตียวหยวนก็เป็นคนส่งพวกเจ้ามา” มู่ชิงเกอทำท่าทางแสดงความกระจ่าง และท่าทางของนางก็แลดูผ่อนคลาย ไร้ซึ่งความกังวล พลันยื่นมือออกไปลูบคางตนเอง และพึมพำว่า “ดูเหมือนว่า การเป็นนักปรุงยานั้นเป็นเรื่องที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก เพียงแค่นักปรุงยาระดับกลางอย่างเตียวหยวน ก็สามารถสั่งให้ยอดฝีมือสายเขียว สายครามอย่างพวกเจ้ามารับใช้ได้หรือว่า เขาไม่ได้บอกพวกเจ้าว่า ข้าเป็นนักปรุงยาระดับใด”

“ระดับใดเล่า เพียงแค่นักปรุงยาระดับตํ่าก็เท่านั้น” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นหัวหน้า คนอื่น ๆ ก็หัวเราะ ขึ้นมาในทันที

“หึ เขาบอกพวกเจ้าว่าข้าเป็นนักปรุงยาระดับตํ่าพวกเจ้า ก็เชื่ออย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกออ่อนใจกับสติปัญญาของพวกเขา

ผู้เป็นหัวหน้ากลับบอกว่า “จะใช่หรือไม่ใช่ ก็เอาหลักฐานรับรองมาให้เราดู ก็กระจ่างแล้ว”

แค่กๆ…

มู่ชิงเกอแอบอึ้ง

ราวกับว่า คล้ายกับว่า ประมาณว่า เหมือนกับว่า…นางได้ลืมเรื่องที่จะไปเปลี่ยนหลักฐานยืนยันบนเอว ไปแล้วจริงๆ ในตอนนี้หลักฐานรับรองบนเอวของนางยังเป็นนักปรุงยาระดับตํ่าอยู่จริง ๆ ในใจของมู่ชิงเกอมีความรู้สึกว่าโดนตนเองหลอก บางที อาจจะเป็นเพราะเตียวหยวนเห็นว่า หลายวันที่ผ่านมานี้ นางไม่ได้ไปเปลี่ยนหลักฐานยืนยัน จึงได้วางแผนลอบทำร้ายเช่นนี้ รอเพียงแค่นางออกจากโรงโอสถก็ลงมือกับนางเลย

หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็อาจจะส่งคนให้ไปซ่อนตัวอยู่บริเวณที่ขึ้นสัตว์ปีกที่มีพลังเวท เพื่อรอคอยให้เสือออกจากถํ้า ไม่เช่นนั้น เขาก็คงจะส่งคนพวกนี้มาที่นี่เพื่อเสี่ยงดวง

แน่นอนว่าข้อแรกมีความเป็นไปได้มากที่สุด

เพียงรู้ว่านางออกจากโรงโอสถ ก็รีบส่งคนให้รายงานคนที่อยู่ข้างนอก เพื่อเริ่มแผนการลอบทำร้าย อย่างไรก็ตาม หากเตียวหยวนไม่ได้สิ่งที่นางได้จากหอแห่งสติปัญญาก็ไม่มีทางปล่อยนาง!

“ว่าไงไอ้หนุ่ม เจ้าไม่มีล่ะสิ คิดว่าข้าโง่หรือ” ผู้เป็นหัวหน้าเมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอเงียบไป จึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งในทันที

ท่าทางคนต่ำช้าอวดบารมีของเขา ทำให้มู่ชิงเกออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “ไม่รู้ว่าสายครามของเจ้านั้นฝึกมาได้อย่างไร”

“ลูกพี่ ท่านเตียวเคยบอกว่า ไอ้หนุ่มคนนี้เจ้าเล่ห์มาก ให้เราอย่าไปคุยกับมันมากนัก ควบคุมตัวมันเอาไว้ ตัดเอ็นแขนและขาของมันแล้วค่อยถามของนั้นอยู่ที่ใด” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นหัวหน้า กระซิบเตือนเบาๆ

แต่ทว่า เขากลับไม่รู้ว่า แม้จะเป็นการสนทนาที่เบามากถึงเพียงนี้ แต่ทุกคำพูดกลับเข้าหูของมู่ชิงเกอไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ตัดเอ็นแขนและขาของเขาก่อนแล้วค่อยถามว่าของอยู่ไหน

มู่ชิงเกอแอบเผยรอยยิ้มอันเย็นเยียบในใจ เตียนหยวนคนนี้ถือว่าโหดเหี้ยมอำมหิตมาก!

ผู้เป็นหัวหน้าเห็นด้วย จึงพยักหน้าและพูดว่า “ทุกคนบุก  จับไอ้หนุ่มคนนี้ให้ได้ เพื่อไปรับรางวัลจาก ท่านเตียว!”

พูดจบ เขาก็เปิดศึกก่อนโดยการส่งกำลังคนให้โจมตีมู่ชิงเกอ

แต่เสียดายที่ทักษะการสงครามของเขาอ่อนหัดมาก และตํ่าต้อยจนไม่เป็นท่า

กระบี่สีครามห้าเล่ม ลอยลงมาจากฟ้า แล้วพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกลับเพียงแค่ยกหมัดขึ้น ก็ทำให้กระบี่ทั้งห้าละเอียดเป็นเศษผง ทำลายทักษะการสงครามของผู้เป็นหัวหน้าจนหมดสิ้น

“แย่แล้ว! อีกฝ่ายเก่งกาจ ทุกคนลงมือพร้อมกัน!” ผู้เป็นหัวหน้าหรี่ตาลง และสั่งการในทันที

ทักษะการสงครามหลากหลายชนิดพุ่งเข้าหามู่ชิงเกอ

ทันใดนั้น บนท้องฟ้าก็ส่งเสียง ‘ครื้นๆ’ ราวกับเสียงของสายฟ้าขึ้น

หลังจากที่การโจมตีจบลงรอบหนึ่ง หมอกควันก็ค่อยๆ จางลง แต่ทั้งสิบกว่าคนกลับค้นพบด้วยความตื่นตระหนก ว่ามู่ชิงเกอยังคงยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาโดยไม่ เป็นอะไรเลย แม้กระทั้งชายเสื้อยังไม่ได้รับผลกระทบประการใด

“ลูกพี่! นี่มัน…” มีคนพูดด้วยความตื่นตระหนก ผู้เป็นหัวหน้าเองก็ไม่ได้โง่ ทันทีที่เห็นว่ามู่ชิงเกอไม่ธรรมดา ก็รีบพูดว่า “สถานการณ์ไม่ดี ถอยทัพ!”

“ลงมือเสร็จแล้วอยากจะหนีอย่างนั้นหรือ ไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก” มู่ชิงเกอพูดด้วยสายตาอันแนบนิ่ง รอยยิ้มตรงมุมปากของนางมีความเย็นเยียบ

ทันใดนั้น ร่างของนางก็หายไปจากที่เดิมที่นางยืนอยู่ พอนางปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ได้มาอยู่ตรงหน้าผู้เป็นหัวหน้า และขวางทางของพวกเขาเอาไว้

ผู้เป็นหัวหน้าตัวสั่นทีหนึ่ง ราวกับถูกนํ้าแข็งปกคลุม เขาพยายามยืดคอตรง และหันกลับไปมองด้านข้างของตนเอง แต่เห็นเพียงแค่เงาร่างของพวกเขาที่ราวกับถูกสะกดเอาไว้และไม่สามารถขยับตัวได้พวกเขายังไม่ทันได้พูดอะไร เพียงกะพริบตา ก็เห็นโลหิตสดพุ่งออกจากคอของพวกเขา พวกของเขาล้มลงกับพื้นไปทีละคนโดยไม่ส่งเสียงอันใดเลยแม้แต่น้อย

ฉากนี้ กระตุ้นความตื่นตระหนกของผู้เป็นหัวหน้า นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวา และค่อยๆ หันคอกลับมา เขาอ้อนวอนมู่ชิงเกอว่า “อย่า อย่า ฆ่าข้า…”

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มอันชัดเจนและน่าเย้ายวนแต่สร้างความหวาดกลัวได้อย่างมหาศาล

เพียงพลิกมือ ในฝ่ามือของนางก็มียาปรากฏขึ้นเม็ดหนึ่ง กลิ่นหอมอันเข้มข้นจากเม็ดยากระตุ้นความกระหายอยาก

ในขณะนี้ ผู้เป็นหัวหน้าราวกับจะลืมเรื่องที่ลูกน้องตายอย่างอนาถ และลืมการลงมืออันโหดเหี้ยมของมู่ชิงเกอไปแล้ว เพียงแค่จ้องยาในมือของนางเขม็ง พลางเผยสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหาย และกลืนนํ้าลายอย่างไม่รู้หยุด

“อยากกินไหม นี่เป็นยาระดับสูงนะ” นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอแฝงการล่อลวงราวกับปีศาจร้าย

ผู้เป็นหัวหน้าพยักหน้าอย่างไม่หยุดคิด

รอยยิ้มของมู่ชิงเกอเจิดจ้ามากกว่าเดิม “อยากกิน ก็กินเลยสิ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ สำหรับผู้เป็นหัวหน้าแล้ว ก็ราวกับเป็นการเปิดกรง เขาหยิบเม็ดยาจากมือของมู่ชิงเกอในทันที และยัดเข้าปากของตนเองไปอย่างเร่งรีบ พอยาเข้าไปในปากก็ละลายและกลายเป็นไอร้อนไหลเข้าไปในเส้นเลือดและทุกส่วนในร่างกายของเขา ทันใดนั้น ผู้เป็นหัวหน้าก็รู้สึกว่าตนเองกระปรี้กระเปร่าขึ้นหลายเท่า แม้ไม่ใช้พลังเวทก็สามารถล้มควายได้ทั้งตัว ในขณะนี้ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่า “นี่มันยาอะไรกัน”

มู่ชิงเกออธิบายเพื่อให้เขากระจ่างอย่างอารมณ์ดี “สิ่งนี้ เรียกว่ายาเก้าชีวิตหวนคืน ความหมายที่แท้จริงก็คือ ไม่ว่าเจ้าจะบาดเจ็บมากเพียงใด ก็สามารถรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้และยังช่วยในการรักษาบาดแผล”

ผู้เป็นหัวหน้าตาเป็นประกาย ในใจรู้สึกตื่นเต้นจนไม่อาจจะอธิบายได้ในขณะเดียวกันก็เสียดาย ตนเองไม่น่ารีบกินยานั่นเข้าไป ควรจะเก็บเอาไว้ เพื่อใช้รักษาชีวิตในอนาคต

อยู่ ๆ เขาก็หันไปมองมู่ชิงเกอ ความโลภในใจเอาชนะความกลัว เขาจ้องมู่ชิงเกออย่างโหดเหี้ยม “เจ้ายังมี อีกหรือไม่รีบเอาออกมา!”

มู่ชิงเกอพูดด้วยรอยยิ้มอันสดใสว่า “แน่นอนว่าข้ามี ข้าบอกแล้วว่าข้าเป็นนักปรุงยาระดับสูง แต่ว่า เหตุใดข้าต้องเอายาให้เจ้าด้วย”

พูดจบ นางก็สะบัดมือ แสงสีครามหลายแสงได้กวาดผ่านแขนและขาของผู้เป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็ว

“อ๊าก——!”

ผู้เป็นหัวหน้าส่งเสียงกรีดร้องที่แฝงความเจ็บปวด และล้มลงกับพื้นในทันที

“เจ้าทำอะไรข้า!” ผู้เป็นหัวหน้าพูดอย่างอดทนต่อความเจ็บปวด

มู่ชิงเกอค่อยๆ คุกเข่าลงข้างๆ ตัวเขา ในมือไม่รู้ว่ามีขวานที่ขึ้นสนิมปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“ช่วงนี้ฝีมือแย่มาก ถือโอกาสใช้เจ้าฝึกฝนเสียหน่อย เจ้าวางใจเถิด เจ้ากินยาเก้าชีวิตหวนคืนไป ทุกครั้งที่ข้าใช้ขวานฟันเจ้า บาดแผลของเจ้าก็จะถูกรักษา ด้วยสรรพคุณของยา จนกระทั่งยาหมดฤทธิ์ข้าคำนวณดูแล้ว ด้วยระดับของยาระดับสูง ไม่ว่าอย่างไรก็คงทำให้เจ้าทนรับได้สักหมื่นกว่าครั้งโดยที่ยังไม่สลบ”

ผู้เป็นหัวหน้ามองมู่ชิงเกอด้วยความตื่นกลัว ราวกับเป็นปีศาจร้าย

เขารับรู้ได้ว่าเส้นเลือดที่ถูกตัดขาดกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว

แต่ทว่า ยังไม่ทันจะหายดี ขวานก็ฟันลงมาอย่างรุนแรง ทำให้เนื้อหนังของเขาฉีกขาดและกระดูกหัก

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ไม่ได้จบลงเพียงครั้งเดียว แต่ฟันลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“อ๊าก—–เอ๊าก—–!” เสียงร้องอันแฝงความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วฟ้า

“โธ่เอ๊ย ไม่เป็นไรๆ ไม่ตายหรอก ให้เจ้ากินยาไปแล้วมิใช่หรือ ชินมือบ้างไม่ชินมือบ้าง ฝึกอีกหน่อย ข้าก็สามารถฟันให้ขาดได้ในทีเดียว ไม่ต้องรีบๆ ทนหน่อยนะ! วันนี้ ว่างพอดี เรามาค่อยๆ ฟันกันเล่นนะ” สิ่งที่แฝงมากับเสียงกรีดร้อง ยังมีเสียงอันไร้เดียงสาของมู่ชิงเกอปะปนอยู่ด้วย

“นี่! เจ้าจ้องข้าเช่นนี้เจ้าคิดว่ายาระดับเทพเช่นนี้ จะกินไปเปล่าๆ ได้หรือ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version