Skip to content

พลิกปฐพี 136-3

ตอนที่ 136-3

ไม่ว่าทางไหนล้วนชนะขาดลอย!

บนสูงสุดของอัฒจันทร์ซือมั่วมองมู่ชิงเกออย่างไม่แสดงอาการ

กู่หยาทนไม่ได้จึงถามว่า “ท่านประมุข คุณชายเป็นอะไรไป”

ทันใดนั้นซือมั่วก็เผยรอยยิ้มตรงมุมปาก “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ได้พบกับวาสนาที่เป็นของนาง”

วาสนาอย่างนั้นหรือ

สายตาของกู่หยาฉายความเคร่งขรึม แล้วเงียบไป

ถ้าเป็นวาสนาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

โล่งอกทีหนึ่งแล้วเขาก็ปั้นหน้าและยืนอยู่เป็นราวกับเป็นภาพพื้นหลังให้กับซือมั่ว

บนเวทีที่หนึ่ง เตียวหยวนมองมู่ชิงเกอที่หลับตา รอยยิ้มอันเย็นเยียบในใจไม่สามารถหยุดได้ เท่าที่เขาดู มู่ชิงเกอจะต้องแพ้และต้องเกิดข้อผิดพลาดแน่ๆ

สายตาอันโหดเหี้ยมของเขาเคลื่อนไปหยุดที่หม้อหลอมยาของมู่ชิงเกอ เมื่อเห็นเปลวไฟที่เกิดขึ้นบนหม้อแล้ว ก็อยากจะเพิ่มไฟเข้าไป ระเบิดหม้อหลอมยาเสีย!

“พี่ชาย มู่เกอจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” เว่ยกว่านกว่านถาม

เป็นการยากที่นางจะเรียกเว่ยฉีว่าพี่ชาย

ในตอนนี้เว่ยฉีกลับไม่ได้สังเกต หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนางเพียงแค่พยักหน้าไว้ก่อน และปลอบใจนางว่า “เราต้องเชื่อในตัวมู่เกอ”

ทันใดนั้น บนอัฒจันทร์ก็ตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

แต่มู่ชิงเกอกลับไม่ทันได้สังเกต ในตอนนั้นนางตกอยู่ในสภาวะอันลึกลับและตื่นเต้นจนไม่รู้ตัว นางราวกับสามารถควบคุมสิ่งเหนือธรรมชาติได้ และผสมแสงสีต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างที่ใจต้องการ ความรู้สึกที่เกิดจากจิตวิญญาณเช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกถึงความโชคดีอย่างเป็นที่สุด

เมื่อแสงทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เสาแสงเจ็ดสีต้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ส่องสะท้อนให้ดวงตาของ นางงดงามหยาดเยิ้มราวกับอัญมณีเจ็ดสีอันงดงาม

เห็นเสาแสงเจ็ดสีที่อยู่ตรงหน้า มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มอันน่าเย้ายวนตรงมุมปาก นางยกมือขึ้นจับเสาเจ็ดสีราวกับมีชีวิตและถูกดูดเข้าไปอยู่ในฝ่ามือของนาง หลังจากที่นางดูดเสาเจ็ดสีลงไปทั้งหมดแล้ว ร่างกายก็ราวกับกลายเป็นแก้วใส ที่สาดแสงเจ็ดสีออกมา แม้กระทั่งเส้นผมยังไม่เว้น

ไม่นาน แสงทั้งเจ็ดสีก็หายไปในตัวของมู่ชิงเกอ

ตรงหน้านางกะพริบทีหนึ่ง จากภาพลวงตาสีขาวที่อยู่ตรงหน้า กลับกลายเป็นภาพบนเวทีอีกครั้ง ทันทีที่นางลืมตาขึ้น ก็สบกับตาที่ประหนึ่งชัยชนะอยู่ในกำมือของเตียวหยวน นางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม มือทั้งคู่วางลงบนหม้อหลอมที่ปะทุ พลังล่องหนออกจากร่างกายของนาง และเข้าลู่หม้อหลอมยาไป

หม้อหลอมยาค่อยๆ กลับคืนลู่ความสงบอีกครั้ง

“กลิ่นหอมของยา! ข้าได้กลิ่นหอมจากยาแล้ว” ไม่นาน ก็มีคนจมูกไวพูดขึ้น

เขาถึงขั้นยืนขึ้นจากที่ทั้งบนอัฒจันทร์ยื่นคอออกไป พยายามดมกลิ่น

เพราะการกระทำของเขา ผู้คนจำนวนไม่น้อยล้วนสูดลมหายใจและโน้มตัวมาข้างหน้า

กลิ่นหอมเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และกระจายไปทั่ว

สีหน้าของเตียวหยวนดูยํ่าแย่ขึ้นในทันที

“กลิ่นหอมของยานี้…ช่างบริสุทธิ์นัก” เซี่ยเทียนอู๋สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ทีหนึ่ง แล้วพูดเบาๆ

ทั้งสามที่อยู่รอบข้างเขา ในครานี้ไม่ได้ปฏิเสธ ราวกับเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

กลิ่นหอมของยานี้บริสุทธิ์กว่ากลิ่นยาธรรมดา

กลิ่นหอมของยาในครั้งก่อนๆ แม้จะเข้มข้น แต่ก็ยังคงมีกลิ่นแปลกปลอมเจือปนอยู่ แต่ในครั้งนี้ กลิ่นยาที่พวกเขาสัมผัสได้นี้กลับบริสุทธิ์มาก ราวกับไม่มีสิ่งแปลกปลอมเลยแม้แต่น้อย

กลิ่นอันบริสุทธิ์เช่นนี้เป็นกลิ่นที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ราวกับว่าเพียงแค่ลม ก็ทำให้ความเจ็บปวดในร่างกายที่สะสมมานานได้รับการปลดปล่อย

ทั้งสี่คนยังรู้สึกเช่นนี้ คนอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บนจุดสูงสุดของอัฒจันทร์รอยยิ้มในสายตาของซือมั่ว ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

กู่หยาสูดกลิ่นหอมของยาเข้าลึกๆ พลันรู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่างกายในทันที แม้กระมั่งโรคที่สะสมมานานก็ราวกับหายไปบ้าง

เขาพูดด้วยความแปลกใจ “คุณชายปรุงยาอะไรกันแน่ ถึงมีผลลัพธ์เช่นนี้! ข้ารู้สึกว่าอาการบาดเจ็บที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายล้วนดีขึ้นมาก”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ กู่เย่เองก็รีบสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เขาหลับตาลงสัมผัส ครู่หนึ่งจึงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ในสายตาเต็มไปด้วยความตะลึง พลันหันไปพยักหน้าให้ กับกู่หยาเป็นอย่างแรก คำพูดของกู่หยาทำให้ซือมั่วเผยรอยยิ้ม จึงอธิบายอย่างอารมณ์ดี ซึ่งยากมากที่จะเป็นเช่นนี้ “นี่ไม่เกี่ยวกับยาที่เสี่ยวเกอเอ๋อร์ปรุง แต่เพราะฤทธิ์ในยาที่นางปรุงได้รับการปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบต่างหาก”

“หมายความว่าอย่างไร”

กู่หยาและกู่เย่ถามอย่างไม่อาย ซือมั่วเงียบไปครู่หนึ่ง ในดวงตาสะท้อนเงาร่างของมู่ชิงเกอ ขณะที่ปากกำลังคลายข้อสงสัยให้กับทั้งสอง “พวกเจ้าคงรู้ว่า ยาในทุกระดับ มีการแบ่งคุณภาพ”

ทั้งสองพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ความรู้เช่นนี้พวกเขามี

“ในระดับเดียวกัน คุณภาพเป็นตัวกำหนดความสูงต่ำ แต่ทว่า สิ่งที่ต้องการไม่เพียงแค่ความเชี่ยวชาญในการปรุงยา สิ่งที่ต้องใช้มากที่สุดคือ เวลา ภูมิศาสตร์และตัวคน รวมทั้งโชคชะตาเองก็สำคัญ เพราะฉะนั้น สำหรับระดับของยา ไม่อาจพูดได้ว่าครั้งนี้เจ้าสามารถปรุงยาที่มีคุณภาพสูงสุดได้ ครั้งต่อไปก็ใช่ว่าจะรับประกันได้ว่าจะมีคุณภาพสูงสุดเช่นนี้ แต่ว่ายาที่มีคุณภาพเหนือกว่า ยาที่มีคุณภาพระดับสูงสุด น้อยคนมากที่สามารถทำได้ ถึงขั้นพูดได้ว่า เป็นระดับคุณภาพที่ไม่เคยมีใครทำได้” ซือมั่วพูด

“มันคืออะไร” กู่หยาถามอย่างใจร้อน

ดวงตาสีนํ้าผึ้งของซือมั่วกะพริบทีหนึ่งและพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึมว่า “ยาระดับสมบูรณ์แบบ”

เป็นระดับที่ยากจะเป็นไปได้ไม่คิดว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์จะมีพรสวรรค์ และดวงดีเช่นนี้!

“ยาระดับสมบูรณ์แบบอย่างนั้นหรือ”

กู่หยาและกู่เย่ล้วนประหลาดใจ พวกเขาเพิ่งจะได้ยินคำคำนี้เป็นครั้งแรก

ซือมั่วอธิบายช้าๆ ว่า “ยาระดับสมบูรณ์แบบ หมายความถึงผู้ที่อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ ได้สามารถควบคุมขั้นตอนในการผสมของยา ต่อจากนี้ ไม่ว่านางจะเป็นนักปรุงยาระดับใด เพียงแค่นางปรุงยาก็ล้วนเป็นยาระดับสมบูรณ์แบบเหนือกว่ายาที่มีคุณภาพสูงสุด และเป็นยาที่นักปรุงยาในระดับเดียวกันไม่สามารถสู้ได้!”

กู่หยาและกู่เย่ล้วนสูดลมหายใจเข้าลึก!

คุณชายตระกูลมู่สามารถเข้าถึงระดับสมบูรณ์แบบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และกลายเป็นผู้ที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่โดดเด่นไปเสียทุกด้าน!

“ยาระดับสมบูรณ์แบบ! นี่คือยาระดับสมบูรณ์แบบ!”

หลังจากที่ซือมั่วอธิบายให้กู่หยาและกู่เย่อย่างชัดเจนแล้ว เซี่ยเทียนอู๋ที่อยู่บนชั้นสองของอัฒจันทร์ก็ได้สติขึ้นมาในทันทีและพูดอย่างตื่นตระหนก

“ท่านว่าอย่างไรนะ!” หลี่เหรินหรี่ตาลงทันทีและรีบถาม

นํ้าเสียงของเซี่ยเทียนอูไม่แนบนิ่งเหมือนเคย พลันหันมองมู่ชิงเกอด้วยความตะลึง “ข้ารู้สึกว่า กลิ่นหอมของยานี้เป็นยาระดับสมบูรณ์แบบ”

“เป็นไปได้อย่างไร นั่นเป็นระดับในตำนาน ยังไม่เคยมีนักปรุงยาคนใดก้าวไปถึง!” หยวนหูปฏิเสธ

ชางเอ๋อร์จื่อส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่เชื่อ ลูกศิษย์คนนี้อายุน้อยถึงเพียงนี้ และปรุงยามาเพียงแค่กี่ปี จะสามารถเข้าถึงระดับสมบูรณ์แบบได้เชียวหรือ”

“อาจจะเพียงแค่บังเอิญ ไม่ว่าอย่างไรเราเองก็ยังไม่เคยเห็นระดับสมบูรณ์แบบ จะสามารถแน่ใจได้อย่างไร” หลี่เหรินพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม

เซี่ยเทียนอู๋ถอนหายใจและกลับสู่ความสงบดั่งเดิม “ข้าเพียงแค่พูดการคาดเดาของตนเอง พวกท่านไม่ต้องใส่ใจหรอก”

บทสนทนาของทั้งสี่ ไม่ได้เป็นความลับสำหรับคนที่นั่งอยู่ชั้นที่ตํ่ากว่า หัวชางซู่และโหลวชวนป่ายต่างก็ได้ยิน แต่ทว่า สำหรับพวกเขาแล้วยาระดับสมบูรณ์แบบแบบนี้ ถือว่าไกลตัวและถึงขั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน ได้ยินบทสนทนาของทั้งสี่คนในใจของพวกเขาก็มีคำถาม แต่ก็กลัวว่าจะทำให้ทั้งสี่ไม่พอใจ ทำได้เพียงแค่เก็บ ความสงสัยเอาไว้ในใจ แต่ว่า ล้วนสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ระดับสมบูรณ์แบบนี้ถือเป็นสิ่งที่วิเศษมาก!

“กลิ่นหอมจากยานี้ช่างทำให้ผ่อนคลาย! ข้ารู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับแขนขาก็คล่องแคล่วขึ้นมา” บนอัฒจันทร์มีลูกศิษย์คนหนึ่งพลางสูดกลิ่นหอม พลางพูด

ข้างกาย มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “หืม? เจ้าก็มีความรู้สึกเช่นนั้นหรือ ข้าคิดว่ามีเพียงข้าเป็นคนเดียวเพราะเกิดภาพหลอนเสียอีก!”

“ข้าก็เป็น!”

“ข้าก็เป็น!”

“ดูเหมือนว่า ทุกคนล้วนเป็น” เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาดังไปทั่วอัฒจันทร์

กลิ่นหอมอันบริสุทธิ์ เป็นดั่งเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เหนืออัฒจันทร์ราวกับเมฆดำอันหนาแน่น

ทันใดนั้นในเมฆหมอกที่เกิดจากกลิ่นหอมของยามารวมตัวกัน ก็เกิดเสียงดังทุ้มๆ เป็นระลอกดังลอยมา ราวกับเสียงฟ้าร้องอย่างนั้น—–

“นี่มัน…นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!” หัวชางซู่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ตาทั้งคู่จ้องมู่ชิงเกอที่อยู่บนเวที ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เขาเคยเห็นตอนที่อยู่ที่โรงโอสถกลาง เมื่อครั้งเหล่าปรมาจารย์ที่แท้จริงประลองการปรุงยากัน

แต่ทว่า แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่เขาเคยเห็นเทียบไม่ได้กับภาพตรงหน้าในตอนนี้

และ ในใจของเขากลับรู้ดีว่า ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หมายความถึงสิ่งใด!

“ยาระดับจิต!” ข้างหลัง มีเสียงที่มั่นใจอย่างเป็นที่สุดดังขึ้น

คำคำนี้ทำให้โหลวชวนป่ายสูญเสียความสงบและลุกขึ้นจากที่นั่งในทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยินดีอย่างรุนแรง ยาระดับจิต! ยาระดับจิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!