ตอนที่ 140-4
คนนอกแดน พวกเจ้าคิดจะก่อเรื่องหรือ
แต่ทว่า สิ่งที่เขาได้กลับไป กลับเป็นสายตาอันเย็นชาจากเหล่าประชาชนและเสียงถ่มนํ้าลาย
คำพูดของคุณชายแม้จะเย็นชา แต่ก็เป็นความจริง
พวกเขารับรู้ได้ถึงความผิดหวังอย่างเป็นที่สุดที่คุณชายมีต่อตระกูลฉิน ความซื่อสัตย์และความไว้ใจที่มอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่าสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร ใช่!
แคว้นฉิน ไม่ใช่ทั้งหมดของตระกูลมู่ จะสุขหรือทุกข์ เกี่ยวอะไรกับตระกูลมู่
ตระกูลมู่ปกป้องผืนแผ่นดินแคว้นฉินด้วยความจงรักภักดีมานับร้อยปี แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร
เมื่อครู่นี้ ฮ่องเต้ของพวกเขา ยังใช้ชีวิตของพวกเขาบีบบังคับให้มู่ชิงเกอปรากฏตัว หากสุดท้ายไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอมาตามแผนการ ตอนนี้พวกเขาก็คงกลายเป็น วิญญาณไปแล้วมิใช่หรือ
“มู่ชิงเกอ เจ้าอย่าพึ่งได้ใจไป! เจ้าคิดว่าเจ้ามายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้แล้วยังจะหนีรอดกลับไปได้หรือ” ฉินจิ่นหยางพูดด้วยนํ้าเสียงอันเกลียดชัง
ใบหน้าของมู่ชิงเกอดูแปลกใจ
หนีอย่างนั้นหรือ
คนที่ควรหนีไม่ใช่นาง
สายตาอันสว่าง ค่อยๆ กวาดมองเล่อเทียนและอีกสองคน
“ฉินจิ่นหยาง เจ้าไม่เหมาะสมกับการเป็นฮ่องเต้แคว้นฉิน” อยู่ๆ ฉินจิ่นเฉินที่เงียบมาโดยตลอดก็พูดขึ้น
ฉินจิ่นหยางหันกลับไปมองเขาทันที พูดด้วยนํ้าเสียงอันโหดเหี้ยม “ท่านหุบปาก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน!”
มู่ชิงเกอแอบยิ้มอย่างเย็นเฉียบทีหนึ่งแล้วพูดกับพวกของเล่อเทียนว่า “ผู้มาเยือนจากต่างแดน รุกเข้ามาแคว้นฉินนี้ คิดจะทำอะไร”
พวกของเล่อเทียนตกใจ
พวกเขาราวกับคิดไม่ถึงว่า มู่ชิงเกอจะรู้ฐานะของพวกเขาตั้งแต่แรกเช่นนี้
เล่อเทียนยิ้มอย่างเย็นเยียบ “หากเจ้ารู้ฐานะของเราแล้ว ก็คงจะรู้แล้วว่าเรามาที่นี่เพื่อการใด ทุกอย่างเป็นไปตามหลักเหตุผล ที่มาหาเรื่องเจ้าก็โทษเราไม่ได้”
มู่ชิงเกอกลับเยาะเย้ย “อย่าพูดเหมือนตนเองไม่รู้เรื่อง ตระกูลเล่อแห่งโลกยุคกลางสินะ วันนี้ข้า มู่ชิงเกอขอเอ่ยวาจาเอาไว้เลยว่า คนของตระกูลเล่อ มาคนหนึ่ง ข้าก็ฆ่าคนหนึ่ง มาเป็นคู่ข้าก็จะฆ่าเป็นคู่ ช่วยล้างตระกูลให้พวกเจ้า!”
“พูดจาโอ้อวดนัก!” เล่อเทียนพูดด้วยนํ้าเสียงอันโหดเหี้ยม
“พี่รอง พวกโอ้อวดเหล่านี้ อย่าฆ่าให้ตายในทีเดียว จะ ต้องค่อยๆ ทรมาน จึงจะระบายความโกรธแค้นในใจของข้าได้!” ชายที่ท่าทางนิ่งเรียบพูดจบ ก็กระโดดลงจากกำแพง นิ้วทั้งห้ากลายเป็นกรงเล็บและพุ่งเข้าหามู่ชิงเกอ
แต่ทว่า เผชิญกับอันตรายเช่นนี้ มู่ชิงเกอกลับนิ่งสงบ
นางไม่ขยับ แต่หยินเฉินเองที่เป็นคนขยับ
มันพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน กางกรงเล็บออกปะทะกับ ชายผู้นิ่งเรียบคนนั้น
มู่ชิงเกออยู่กลางอากาศ ร่างกายส่องประกายสีม่วงออกมา
“สายม่วง! ชิงเกอทะลวงสู่สายม่วงแล้ว!” มู่เหลียนหรงพูดด้วยความตื่นเต้น
ใบหน้าที่ฉายความชราของมู่ซงก็แฝงความชื่นชม
เจ้าอ้วนเช่าพูดอย่างตะลึง “ลูกพี่ทะลวงสู่สายม่วงแล้วหรือ ข้ายังสายครามขึ้นต้น…”
ท่านพ่อของเจ้าอ้วนเช่าตบไหล่เขา และให้กำลังใจว่า “สักวันหนึ่ง เจ้าจะต้องตามคุณชายทันแน่”
คำพูดของท่านพ่อ ให้กำลังใจเจ้าอ้วนเช่าได้เป็นอย่างดี
เขาเม้มปากและพยักหน้าแรงๆ
“ที่แท้ก็ทะลวงสู่สายม่วงแล้ว จึงได้อวดดีเช่นนี้ หึ ใน พื้นที่ทุรกันดารเช่นนี้ มีสายม่วงที่อายุเท่านี้ถือว่าเป็นไปได้ยาก เสียดายที่โอ้อวดมากเกินไป” เล่อเทียนยิ้มเยาะ
ชายร่างกำยำกำหมัดและโดดลงไป เผยให้เห็นความดุดัน “พี่รอง ให้ข้าไปสู้กับมัน!”
“คู่ต่อสู่ของเจ้าคือข้า” พลังหนึ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน รับหมัดอันทรงพลังของชายร่างกำยำเอาไว้กลางอากาศและล่อเขาไปอีกทาง
กลางอากาศ มีเสียงอันเกียจคร้านดังขึ้น “แม้เจ้าจะไม่ให้ข้าช่วย ข้าก็จะช่วย บุญคุณนี้ เจ้าไม่สามารถถอนตัวได้แล้ว”
มู่ชิงเกอไม่อยากสนใจคำโน้มน้าวของหานฉายไฉ่ และพูดกับเล่อเทียนว่า “เหลือแค่เจ้าแล้ว”
สายตาของเล่อเทียนดูโหดเหี้ยม “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีตัวช่วย”
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ไม่อธิบาย
ในขณะนั้นเอง เงาสีดำเงาหนึ่งเกิดขึ้นข้างตัวมู่ชิงเกอ ทำให้เล่อเทียนอึ้ง
กู่หยาอยู่อยู่ข้างมู่ชิงเกอพร้อมท่าทางอันเย็นเยียบและหันมองนาง
มู่ชิงเกอกลับหันไปมองใบหน้าอันขาวซีดของฉินจิ่นหยาง แล้วตอบอย่างขบขันว่า “เจ้าไม่ต้องลงมือ ดูแลคนบนแท่นประหารให้ดีก็พอ”
กู่หยากลับพูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นชาว่า “ชายผู้นี้หวังเชยชมความงามของท่านอาของท่าน เพราะไม่สามารถฝืนใจได้ฉินจิ่นหยางจึงรับปากกับเขาว่าวันนี้หลังจาก เรื่องทั้งหมดจบสิ้นลง จะส่งมอบตัวท่านอาของท่านให้แก่เขา”
ดวงตาทั้งสองของมู่ชิงเกอเย็นเยียบ เผยไอสังหารอันโหดเหี้ยม หันมองเล่อเทียนและฉินจิ่นหยาง
พวกเขากล้าเพียงนี้เชียว!
“ข้าเข้าใจแล้ว” นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอยังคงแนบนิ่ง แต่ฉินจิ่นเฉินที่อยู่อีกข้างกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่ซ่อนอยู่
กู่หยาหายไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็ยืนอยู่ข้างมู่ซงแล้ว มู่ซงตะลึง เมื่อเขาจำได้ว่ากู่หยาคือผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างกายท่านมหาปราชญ์ก็ยิ่งตื่นตระหนกจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
ตูมๆๆ—–
ทันใดนั้น เสียงอันทรงพลังดังขึ้นตรงกำแพงวังหลวง
องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งห้าร้อยนาย ในมือล้วนถืออาวุธที่หน้าตาแปลกประหลาดและเข้ามาอย่างรวดเร็วจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว จู่โจมทหารที่เฝ้าอยู่อย่างหนาแน่น พุ่งเข้ามาราวกับดาบคม แล้วช่วยประชาชนที่ถูกบังคับไม่ให้ออกไปเอาไว้
กำลังคนและม้าของฝ่ายราชวงศ์ได้ตกใจจนตกอยู่ท่ามกลางความตะลึงตั้งนานแล้ว รวมทั้งสิ่งที่ฉินจิ่นหยางแสดงออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขายอมแพ้ต่อ องครักษ์เขี้ยวมังกรโดยที่แทบจะไม่ตอบโต้
เหล่าประชาชนถูกองครักษ์เขี้ยวมังกรส่งไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้เอง โย่วเหอก็นำกำลังคนองครักษ์เขี้ยวมังกรกลุ่มหนึ่งจู่โจมบนกำแพงวังหลวง พาตัวฉินจิ่นเฉินออกไป
ฉินจิ่นเฉินไม่ปฏิเสธและจากไปพร้อมกับพวกเขา ข้างหูเพียงได้ยินโย่วเหอพูดว่า “ที่ช่วยฝ่าบาท เพราะฝ่าบาทยังติดค้างบางอย่างกับคุณชาย”
นอกประตูวังหลวง ตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย
หยินเฉินสู้กับชายที่ท่าทางนิ่งเรียบ แม้พลังจะต่ำต้อยกว่า แต่ก็ไม่ถึงขั้นมีอันตราย
มู่ชิงเกอพูดกับมันว่า “หยินเฉินไม่ต้องสู้คนเดียว ให้องครักษ์เขี้ยวมังกรของข้าได้ฝึกฝีมือบ้าง”
เมื่อหยินเฉินได้ยินเช่นนั้น ก็ถอยหลังทันที องครักษ์เขี้ยวมังกรที่รออยู่ข้างๆ ตั้งนานแล้ว รีบยกปืนกรีเนทลันเชอร์ ในมือขึ้นเล็งชายที่ท่าท่างนิ่งเรียบ แล้วยิงออกไป
ตูมๆๆ—–!
แสงสีครามและสีนํ้าเงินรวมตัวกัน กระทบบนร่างกายของชายผู้นั้น
“อ๊ากๆๆ! นี่มันอะไรกัน!” หมอกควันได้หายไป เสื้อผ้าบนร่างกายของชายที่ท่าทางนิ่งเรียบฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี แม้กระทั่งผิวหนังก็มีรอยไหม้ หลังมือและ หน้าอกก็เกิดรอยแผล
มู่ชิงเกอมองแวบหนึ่ง แล้วแอบขมวดคิ้ว พลันคิดในใจว่า พลังนี้ถือว่าไม่เลว หากมีแก่นสมองของสัตว์วิญญาณระดับสูง ไม่แน่ว่าการลงมือเมื่อครู่นี้ จะสามารถทำให้ชายผู้นี้สาหัสได้!
ใช้แก่นสมองของสัตว์สายคราม สามารถทำลายเกราะป้องกันตัวของคนที่มาจากต่างแดนได้ทำให้มู่ชิงเกอพอใจมากแล้ว
แม้กระทั่งหานฉายไฉ่ที่กำลังสู้กับชายร่างกำยำก็ตาเป็นประกายและหาโอกาสถามว่า “มู่ชิงเกอ นั่นมันสมบัติอันใดของเจ้า”
มู่ชิงเกอไม่มีเวลาสนใจเขา
เพราะว่า เล่อเทียนได้จู่โจมเข้ามาหานางแล้ว!
เจ้าคนโหดเหี้ยมอำมหิตนี้ กลับลงมือโดยการลอบทำร้ายตั้งแต่แรก มู่ชิงเกอรีบยกกระจกที่หยินเฉินให้นางขึ้นมาบังตรงหน้าอก เมื่อพลังลงมากระทบก็สะท้อนกลับไปตรงแขนซ้ายของเล่อเทียนเป็นสองเท่า
“อ๊าก!” เล่อเทียนร้องด้วยความเจ็บปวด ท่าทางพลันโหดเหี้ยมมากกว่าเดิมและพุ่งเข้าหามู่ชิงเกออีกครั้ง
“เกอเอ๋อร์ระวัง!” มู่ซงที่พลังเวทถูกผนึกดูการต่อสู้ของมู่ชิงเกออยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา ท่าทางของมู่ชิงเกอนิ่งสงบ สะบัดมือขวาทีหนึ่ง ปลอกนิ้วบนนิ้วชี้กลายเป็นทวนหลิงหลง เล็งไปที่เล่อเทียน ทั้งสองปะทะกันอย่างรวดเร็ว แสงสีม่วงสองกลุ่มพุ่งเข้าหากันแล้วแยกออกนับครั้งไม่ถ้วน เกิดเป็นระลอกคลื่น สิ่งก่อสร้างจำนวนไม่น้อยของวังหลวงถูกพังทลายกลายเป็นเศษผง!
“เมื่อไม่นานมานี้ศิษย์น้องมู่ยังเป็นสายน้ำเงินขั้นสูงอยู่เลย!” จูหลิงที่อยู่อีกข้าง พลางแจกยาให้ประชาชนที่บาดเจ็บ พลางสังเกตสถานการณ์การต่อสู้อย่างดุเดือดกลางอากาศ พูดอย่างตะลึง
“เพลิงโหมผลาญสวรรค์!” กลางอากาศ หานฉายไฉ่พูดอย่างเย็นเยียบคำหนึ่ง ในมือมีมังกรเพลิงเกิดขึ้นตัวหนึ่ง ใบหน้าอันงดงามของเขาดูน่าเย้ายวนมากขึ้นกว่าเดิม
มังกรเพลิงคำราม ราวกับจะเผาไหม้ท้องฟ้าและปกคลุมชายร่างกำยำคนนั้นเอาไว้
“พญาเพลิงอย่างนั้นหรือ เจ้าเป็นคนจากตระกูลหานแห่งโลกยุคกลาง!” เสียงหวาดผวาของชายร่างกำยำถูกพญาเพลิงเผาไหม้ใปจนหมดสิ้น
หานฉายไฉ่ยืนอยู่ข้างกองเพลิง พูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบ “เจ้ามาจากโลกยุคกลางแล้วอย่างไร มาอยู่ในหลินชวน พลังจะมากเพียงใดก็ถูกจำกัด มาเจอกับพญาเพลิงเมฆสุริยาของข้าก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน”
ราวกับเพื่อยืนยันคำพูดของเขา หลังจากที่พูดจบ มังกรเพลิงก็หายไป กลายเป็นปักษาเพลิงอยู่บนไหล่ของหานฉายไฉ่ แล้วเรอออกมาทีหนึ่ง
ชายร่างกำยำก็ได้กลายเป็นกองขี้เถ้าไปแล้ว
หานฉายไฉ่ใช้นิ้วมือลูบขนของปักษาเพลิงเบาๆ ปักษาเพลิงที่มู่ชิงเกอเห็นในตอนนี้ ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อครั้งก่อน สายโลหิตของหานฉายไฉ่มีคุณสมบัติในการหล่อเลี้ยงพญาเพลิงอยู่แล้ว หลังจากที่หานฉายไฉ่ ดูดกลืนพญาเพลิงเมฆสุริยาเข้าไป แล้วใช้สายโลหิตในการเพิ่มพลัง พลังพญาเพลิงเมฆสุริยาในตอนนี้จึงทรงพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
พญาเพลิงเมฆสุริยาในอดีต ร่างกายที่ผ่านการปรับสภาพของบ่อสายไฟ ยังต้องใช้สารเย็นและอาวุธอื่นๆ เป็นตัวช่วยจึงสามารถเข้าถึงได้ แต่พญาเพลิงเมฆสุริยา ในตอนนี้…บางที มู่ชิงเกอเองก็ยากที่จะเข้าใกล้
“ภาพหมื่นมายา !” หยินเฉินตะโกนเสียงต่ำ
ทั้งชายที่ท่าทางนิ่งเรียบและกองทหารเขี้ยวมังกรล้วนหายไป เมื่อชายที่ท่าทางนิ่งเรียบได้สติอีกครั้ง ก็ได้ตกอยู่ในภาพมายาของหยินเฉินแล้ว
ปัง—-!
ร่างของเล่อเทียน กระแทกบนกำแพงอย่างรุนแรง ทำให้ฉินจิ่นหยางตกใจจนหลบอยู่หลังบัลลังก์มังกร เขาอยากหนี แต่กลับไม่รู้จะหนีไปที่ไหน!
มู่ชิงเกอปรากฎตัวบนกำแพงวังหลวง สายตาอันเย็นเฉียบจับจ้องเล่อเทียน
เล่อเทียนกลับชี้ทวนหลินหลงในมือของนาง และพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “เจ้ามีอาวุธเทพเชียวหรือ!”
เขาจะสู้อย่างไรได้อีก มู่ชิงเกอไม่เพียงแค่มีอาวุธเทพ แต่ยังมีกระจกอันแปลกประหลาด ที่สะท้อนพลังที่เขาปล่อยออกไปกลับมา บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของเขา นอกจากรอยเลือดที่มู่ชิงเกอฟันแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นบาดแผลจากการสะท้อนของพลังที่ตนเองปล่อยออกไป
เล่อเทียนไม่เคยรู้สึกไม่พอใจมากเพียงนี้มาก่อน
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นเยียบ “ข้ายังมีหลายสิ่งที่เจ้าไม่รู้”
ในขณะที่พูด นางใช้ทวงหลินหลงในมือเจาะรูบนร่างกายของเล่อเทียนอย่างรวดเร็ว ทำให้กระดูกไหปลาร้าของเขาหัก
“อ๊าก—-!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเล่อเทียนทำให้ฉินจิ่นหยางตกอยู่ท่ามกลางความกลัว
“กำจัดพลังเวทของเจ้าเสีย คราวนี้เราสามารถเล่นกันอย่างมีความสุขแล้ว” มู่ชิงเกอเก็บทวนหลินหลงในมือ เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง กระชากคอเสื้อของเล่อเทียนขึ้นมา ปล่อยหมัดอย่างรุนแรงทันที เล่อเทียนเป็นเหมือนลูกบอลที่ถูกมู่ชิงเกอเตะไปเตะมาตรงหน้าฉินจินหยาง ยอดฝีมือที่สูงส่ง ในตอนนี้กลับถูกเหยียดหยามราวกับสุนัขตาย จนถึงตอนนี้ ฉินจิ่นหยางจึงรู้ว่าตนเองทำผิดมากเพียงใด
เล่อเทียนกระแทกลงตรงหน้าฉินจิ่นหยางอีกครั้ง มู่ชิงเกอค่อยๆ เดินเข้ามาราวกับไม่เห็นฉินจิ่นหยาง ก้มสายตามองเล่อเทียน
“ได้ข่าวว่า เจ้าสนใจในตัวท่านอาของข้ามาก”
เล่อเทียนทำได้เพียงร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างแผ่วเบา ใบหน้าที่เขียวชํ้า แลดูน่ากลัว แต่ในสายตาของเขากลับแฝงความโกรธเคือง ความเกลียดชังและความกลัวรวมทั้งความรู้สึกสับสน มู่ชิงเกอมองเขาอย่างเย็นชา พูดด้วยนํ้าเสียงที่เย็นเยียบ ที่สุด “ท่านอาของข้า คือคนที่เจ้าสามารถคิดสกปรกได้หรือ” ทันทีที่พูดจบ นางก็เหยียบเป้าตรงกลางกายของเล่อเทียนเอาไว้
ราวกับเพียงเสียง ‘ซึ๊บ’ ทีเดียว กลางอากาศวังหลวงก็มีเสียงกรีดร้องที่แฝงความเจ็บปวดจนไม่อาจบรรยายได้ดังขึ้น
เสียงร้องอันเจ็บปวด ทำให้ชายหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วน ล้วนหนีบขาสองข้างเอาไว้แน่น แผ่นหลังพลันเย็นวาบขึ้นมา
เล่อเทียนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย ในตอนนี้ หยินเฉินปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในปากคาบศีรษะของชายท่าทางนิ่งเรียบเอาไว้แล้วเดินไปหามู่ชิงเกอ เมื่อมาอยู่ตรงปลายเท้า ขนาดของมันก็กลายมาเล็กเหมือนเดิม แล้วคายศีรษะออกมาข้างๆ ร่างของเล่อเทียน
ชายท่าทางนิ่งเรียบที่นอนตายตาไม่หลับ จ้องไปที่ฉินจินหยางพอดี ทำให้เขาตกใจจนร้องเสียงหลง
ยอดฝีมือได้จากไปหมดแล้ว ฉินจิ่นหยางถูกองครักษ์เขี้ยวมังกรเอาตัวออกมาโยนลงข้างเท้าของมู่ชิงเกอ เขาไม่กล้ามองมู่ชิงเกอ และก็ไม่สามารถบังคับร่างกายที่ สั่นเพราะความกลัวได้ อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอดังขึ้นจากเหนือศีรษะ “ตัวช่วยของพระองค์ตายหมดแล้ว พระองค์ว่ากระหม่อมควรจะ ตอบแทนพระองค์อย่างไรดี ฝ่าบาท”