Skip to content

พลิกปฐพี 142-2

ตอนที่ 142-2

การพิสูจน์หาความจริงของหานฉายไฉ่

อำนาจที่ยึดโดยวงศ์ตระกูล เมื่อรวมกันแล้ว มั่นคงกว่าอำนาจที่ยึดโดยแคว้นเป็นอย่างมาก!

มู่ชิงเกอจำได้ว่า ซือมั่วเคยบอกว่า ท่านแม่ของนางมาจากตระกูลซางที่อยู่ในภูมิภาคตะวันตกของโลกยุคกลาง และตระกูลเล่อ อยู่ในภูมิภาคใต้ ก็ไม่ถือว่าอยู่คนละทาง เพียงแค่ไม่รู้ว่า ระยะห่างของทั้งสองภูมิภาคห่างกันเท่าไหร่

“สำหรับโลกยุคกลาง หากเจ้ายังมีอะไรที่อยากรู้ ก็มาหาข้า แต่ทว่า คำถามในครั้งต่อไปจะต้องมีจ่ายค่าตอบแทน” หานฉายไฉ่พูดพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความขี้เล่น มู่ชิงเกอจ้องเขาแวบหนึ่ง แล้วยิ้มอย่างเย็นเยียบ ก่อนจะหันหลังและเตรียมจะเดินออกไป

หากนางต้องการเบาะแสเกี่ยวกับโลกยุคกลาง จำเป็นต้องพึ่งเขาหรือ ถามซือมั่วเลยเร็วกว่าและไม่ต้องมีสิ่งตอบแทนด้วย!

เดี๋ยวนะ เหตุใดนางจึงคิดว่าจะไปถามเขาล่ะ

บอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขามิใช่หรือ

ที่ยอมรับการช่วยเหลือจากกู่หยาในครั้งนี้ก็เพราะเรื่องนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาก็เท่านั้น!

“ทำไมหรือ” เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอจะกลับ หานฉายไฉ่จึงรีบตามไป แต่ว่า อยู่ๆ ก็เห็นว่านางหยุดเดิน ท่าทางดูสับสนจึงถาม

ถูกเขาขัดจังหวะเช่นนี้ มู่ชิงเกอหยุดทันที

นางตอบกลับอย่างแนบนิ่งว่า “ไม่มีอะไร” แล้วเดินจากไป

หานฉายไฉ่มองแผ่นหลังอันสง่างามที่เดินจากไปของมู่ชิงเกอแล้วพึมพำว่า “สักวันหนึ่ง ข้าจะต้องรู้ความลับของเจ้าให้ได้!”

มู่ชิงเกอเพิ่งกลับถึงจวนตระกูลมู่ ก็ถูกมู่ซงเรียกตัว

มู่ซงในตอนนี้ ใช้ชีวิตตามประสาคนเกษียณอย่างแท้จริง แทบจะไม่สนใจเรื่องภายนอก ห่วงแต่จัดดอกไม้ในสวนของตนเอง

มู่ชิงเกอคิดไม่ออกเลยว่า ท่าทางจัดแต่ดอกไม้ในสวน ของท่านปู่ที่กำดาบฟาดฟันมาทั้งชีวิตจะเป็นอย่างไร

และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในสวนของท่านปู่ ก็ได้ยินเสียง ‘ตูมตาม’ ดังออกมา

นางเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปดู เห็นเพียงแค่ดินและเศษของกระถางดอกไม้แตกกระจายเต็มพื้น และดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังจะตาย แม้มู่ซงจะยืนอยู่ด้วยท่าทางไร้ ความผิด แต่สองมือและเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยเศษดิน มู่ชิงเกอตะลึงไปชั่วขณะ และหัวเราะจนท้องแข็งทันที ได้ยินเสียงหัวเราะของหลานสาวสุดที่รัก มู่ซงก็หน้าแดงขึ้นมาทันที และปั้นหน้าดูเคร่งขรึม “สาวน้อยคนนี้ หัวเราะอันใดเล่า!”

มู่ชิงเกอกลั้นหัวเราะ ส่ายหน้าให้กับท่านปู่มู่ “ท่านปู่ จัดสวนดอกไม้เช่นนี้ไม่เหมาะกับท่าน เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีหรือไม่”

มู่ซงจ้องทีหนึ่ง และพูดด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม “รออยู่ที่นี่”

พูดจบ ก็หันกลับไปที่เรือนของตนเอง คงจะไปล้างเนื้อล้างตัว

ไม่นาน ก็มีคนใช้เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ และเก็บกวาดสิ่งที่กระจายอยู่บนพื้น

“หืม? เหตุใดที่นี่จึงเละเทะเช่นนี้” ในขณะที่คนใช้กำลังเก็บกวาด มู่เหลียนหรงได้เดินเข้ามาพอดี

เห็นว่ามู่ชิงเกอก็ยืนอยู่ด้วย ก็เดินเข้ามาและถามว่า “ชิงเกอ ท่านปู่ของเจ้าล่ะ”

มู่ชิงเกอ ยู่ปาก “แต่งตัวอยู่ในห้อง ให้ข้ายืนรออยู่ที่นี่”

“แต่งตัวอย่างนั้นหรือ” สีหน้าของมู่เหลียนหรงแฝงความแปลกใจขึ้นมา

มู่ชิงเกอถามว่า “คำพูดวันนั้นของท่านปู่ ท่านอาได้ไปคิดทบทวนแล้วหรือยัง หลินชวนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ท่านอาอยากไปที่ไหนก่อน” ด้วยความสามารถในตอนนี้ของมู่เหลียนหรงแล้ว เพียงแค่ไม่พบกับปัญหาใหญ่ ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานถือว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกประการหนึ่ง กองทหารพันเพลิงกระจายตัวอยู่ตามแคว้นระดับสาม หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันเวลา

มู่เหลียนหรงถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องนี้ข้าคิดทบทวนดูแล้ว แน่นอนว่าจะออกไปเปิดหูเปิดตา แต่ว่า รอให้เรื่องทางนี้เรียบร้อยเสียก่อน หากข้าจะออกไป ข้าคิดว่า ข้าอยากไปแคว้นกู่วู่ก่อน”

“แคว้นกู่วู่หรือ เหตุใดท่านอาจึงอยากไปที่นั่น” มู่ชิงเกอถามด้วยความสงสัย

“ทำไมหรือ” ปฏิกิริยาของมู่ชิงเกอ ทำให้มู่เหลียนหรงรู้สึกสงสัย “ข้าได้ยินว่าที่นั่นมีเอกลักษณ์ จึงอยากไปดู”

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไปเที่ยวก็คงไม่เป็นอะไร เพราะในหลินชวน แคว้นคู่วูถือว่ามีความพิเศษ แต่อำนาจของตระกูลมู่ของเราไม่ได้ไปไกลถึงที่นั่น ข้าเป็นห่วงความ ปลอดภัยของท่านอา”

มู่เหลียนหรงพูดพร้อมรอยยิ้ม “วางใจเถิด ข้าเพียงไปท่องเที่ยว ไม่ได้ไปก่อเรื่อง”

มู่ชิงเกอพยักหน้า “อย่างไรก็ต้องระวัง และคอยส่งข่าวมาบ้าง”

“ได้ เพิ่งจะเป็นผู้นำตระกูลก็มีมาดเสียแล้ว” มู่เหลียนหรงพูดอย่างขบขัน

มู่ชิงเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาล้อเลียนข้าแล้ว”

มู่เหลียนหรงพูดพร้อมรอยยิ้ม “เอาเถิด ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ”

มู่ชิงเกอถามด้วยความสงสัย “ท่านอาไม่รอท่านปู่หรือ”

ม่เหลียนหรงกลับส่ายหน้ำ “ไม่รอแล้ว ข้าก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับท่าน เพียงแค่บังเอิญเดินผ่านจึงเข้ามาดู ตอนนี้ ในเรือนมีปัญหาอีกมากมาย ข้าต้องไปจัดการ”

“เชิญท่านอา” มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อยและมองมู่เหลียนหรงจนลับสายตา

มู่เหลียนหรงเพิ่งจากไป มู่ซงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ และตะโกนออกมาจากห้อง “เกอเอ๋อร์เข้ามา!”

มู่ชิงเกอยิ้ม พลันสะบัดเสื้อผ้าที่ยับ แล้วก้าวฝีเท้าเดินเข้าไป

“เกอเอ๋อร์เข้ามา ท่านปู่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เมื่อวานมัวแต่จัดการกับพิธีการ จนลืมว่าวันนี้ข้าจะต้องถามให้กระจ่าง” ทันทีที่มู่ชิงเกอเข้าเรือนไป มู่ซงก็โบกมือเรียก นาง

“มีเรื่องอันใดหรือ” ท่าทางลึกลับของท่านปู่ ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ

มู่ซงเรียกนางให้ไปอยู่ข้างๆ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ารอบข้างไม่มีใคร ก็พูดด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม “เกอเอ๋อร์ บอกข้ามาตามตรง ผู้ที่คอยปกปองข้าอยู่ข้างๆ เมื่อวานนี้ ใช่คนของท่านมหาปราชญ์หรือไม่”

“ใช่” มู่ชิงเกอพูดพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอน มู่ซงก็สูดลมหายใจเข้าทันที เขาเดินไปตรงทางเดินหน้าเรือน และเดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้น จนมู่ชิงเกอตาลาย

“ท่านปู่ ท่านเดินไปเดินมาทำไม” สุดท้ายนางก็อดไม่ได้ที่จะห้าม

มู่ซงหยุด และหันมองมู่ชิงเกอ พลันพูดด้วยท่าทางอันเฉียบขาด “เกอเอ๋อร์ เจ้ากับท่านมหาปราชญ์ติดต่อกันมาตลอดเลยหรือ”

เขาหรือ

มู่ชิงเกอคิดถึงซือมั่วผู้ผีเข้าผีออก และคำพูดชวนขนลุกเหล่านั้น แล้วพยักหน้า

คำตอบนี้ ทำให้มู่ซงเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นโตทันที ราวกับตะลึงถึงขีดสุด

“ทำไมหรือ” มู่ชิงเกอถามอย่างสงสัย

นางจำได้ว่าเมื่อนานมาแล้ว นางเคยพูดเรื่องซือมั่วต่อหน้ามู่ซง ตอนนั้นท่านผู้เฒ่าก็ไม่ได้แสดงความตะลึงมากเพียงนี้นี่!

สีหน้าของมู่ซงดูสับสนมากและถามมู่ชิงเกอต่อว่า

“เช่นนั้น เจ้าบอกข้าสิ ว่าชายหนุ่มที่รูปลักษณ์งดงามที่มาช่วยเมื่อวานเป็นใคร”

“เขาเป็นหัวหน้าหอสรรพสิ่ง ระหว่างข้าและเขาเคยมีการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน” มู่ชิงเกอพูดตามความจริง

ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วแน่น และถามต่อว่า “แล้วพวกเขา…พวกเขารู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นหญิง”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก มีความรู้สึกราวกับไม่รู้ว่าควรตอบกลับว่าอย่างไร

ครู่หนึ่ง ท่ามกลางสายตาที่ทนรอไม่ไหวอีกต่อไปของท่านผู้เฒ่า นางจึงจำใจต้องตอบไปว่า “ไม่รู้”

“ไม่รู้หรือ” มู่ซงขมวดคิ้วแน่น ราวกับสามารถบีบแมลงวันให้ตายได้

มู่ชิงเกอถอนหายใจและพูดว่า “ท่านปู่จะถามเรื่องอันใดกันแน่”

“อืม…แค่กๆ…เหอะๆ วันนี้อากาศไม่เลวเลย” มู่ซงมองซ้ายมองขวาแล้วพูด

ท่าทางเช่นนั้น ทำให้มู่ชิงเกอมั่นใจมากกว่าเดิม ว่าในใจของเขาจะต้องมีความคิดอื่น “หากท่านปู่ไม่ยอมพูด ก็ช่างเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน”

มู่ชิงเกอทำท่าราวกับจะเดินออกไป

“เดี๋ยวๆ!” มู่ซงรีบขวางนางเอาไว้ หลังจากที่ทำท่าทางสับสนพักใหญ่จึงพูดอํ้าๆ อึ้งๆ ว่า “เกอเอ๋อร์ อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้วจะปลอมตัวเป็นชายต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง เจ้าคิดจะกลับเป็นหญิงเมื่อไหร่”

มู่ชิงเกอลูบคางของตนเอง “ข้ารู้สึกว่าตนเองอายุยังน้อย !”

ยังไม่ถึงสิบแปด หากเป็นเมื่อชาติที่แล้ว นางเพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย กำลังเป็นช่วงอายุแห่งการหาประสบการณ์ เหตุใดสำหรับคำพูดของท่านผู้เฒ่าท่านนี้จึงดูแก่ถึงเพียงนั้น อีกประการหนึ่ง อายุมากน้อยกับการปลอมตัวเป็นชายหรือหญิงเกี่ยวข้องกันอย่างไร

“เจ้านะเจ้า! หญิงสาวอายุเท่าเจ้า หากรวดเร็วเสียหน่อย ตอนนี้เป็นแม่ของลูกหลายคนแล้ว!” มู่ซงพูด อย่างเคืองๆ

มู่ชิงเกอเกือบจะสำลักนํ้าลายตัวเองตาย!

พูดอ้อมมาตั้งนาน ท่านผู้เฒ่าก็ยังคงหยุดอยู่ที่เรื่องนี้!

เหอะๆ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!