Skip to content

พลิกปฐพี 144-1

ตอนที่ 144-1

กดเจ้าให้จมดิน เอาให้จมดิน!

จ้าวหนานซิง! จ้าวหนานซิง!

เป็นจ้าวหนานซิงได้ยังไงกัน!

ฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อของฟ่งอวี๋กุยพลันกำแน่นเข้าหากัน

เขาไม่ว่ายังไงก็คิดออกว่าทำไมหัวหน้าคณะทูตของแคว้นอวี๋จะเป็นจ้าวหนานซิง! เขาไม่ใช่ว่าฝึกวิชาอยู่ที่โรงโอสถหรอกรึ? ทำไมอยู่ๆ ถึงถ่อมาเป็นทูตที่แคว้นลี่ได้?

มู่ชิงเกอ จ้าวหนานซิง…

คนสองผู้นี้ล้วนเป็นตัวต้นเหตุของความอัปยศอันใหญ่หลวงในใจของฟ่งอวี๋กุย!

เขาต่อให้ตายไปก็ไม่มีทางลืมว่าแต่เดิมเป็นใครที่ป้ายสีตนว่าขโมยยา แล้วก็เป็นใครที่เป็นคนจับตัวเขา!

ศัตรูคู่แค้นอยู่ตรงหน้า ฟงอวี๋กุยดวงตาทั้งสองข้างแดงกํ่า หากไม่ใช่เพราะยังมีสติอยู่ ตอนนี้เขาคงสั่งการให้องครักษ์ในวังหลวงจับสองคนนี้ไปประหารแล้ว!

ช่วงขณะนี้ ฟ่งอวี๋กุยก็ลืมแผนการเดิมของตนไปสิ้น ลืมไปแล้วว่าตนยังต้องแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท

ดวงตาอันแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความชิงชังและเคียดแค้นของเขา จ้องเขม็งไปยังจ้าวหนานซิงกับมู่ชองเกอ ราวกับว่าเรื่องอับโชคบนตัวเขาทั้งหมดเป็นเพราะสองผู้นี้ที่ สร้างขึ้น

ภายในใจของเขาผุดแผนการสั่งสอน เหยียบยํ่าพวกเขา ร้อยพันแผนการขึ้นมา อยากให้พวกเขาต้องอยู่ไม่สู้ตาย!

ความชิงชังอันดุดันแผ่ซ่านออกมา มู่ชิงเกอกับจ้าวหนานซิงแน่นอนว่าต้องสัมผัสได้

ทว่า พวกเขาก็ไม่สนใจ กลับกันกลับกลายเป็นยิ้มเยาะไปทางฟ่งอวี๋กุย

ราวกับว่าฟ่งอวี๋กุยในสายตาของพวกเขาก็เป็นเพียงแค่บุคคลอันต่ำต้อยที่ไม่มีความสำคัญอันใด

ฉากภาพนี้ก็บาดลึกเข้าไปในตาของฟ่งอวี๋กุย เขาไหนเลยจะมีสติไปคิดแผนการสานสัมพันธ์เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เขาลุกยืนขึ้นมาจากที่นั่ง

การกระทำของเขาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คนในตำหนักใหญ่คาดไม่ถึง

ทั้งยังขัดจังหวะฮ่องเต้แคว้นลี่ฟ่งหลันที่กำลังจะกล่าวต้อนรับคณะทูตจากทั้งสี่แคว้นอีกด้วย

ฟ่งหลันขมวดคิ้วขึ้น มองไปทางฟ่งอวี๋กุย กล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “อวี๋กุย เจ้าเป็นอันใด?”

ฟ่งอวี๋เฟยปรายตามองไปทางเขาหนหนึ่ง ก่อนจะยิ้มหยันขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับไป ก้มหน้าลงจิบสุรา ‘มีนิสัยควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่เช่นนี้ ยังคิดจะมาแย่งชิงบัลลังก์?’

นํ้าเสียงของฟ่งหลันเหมือนกับเสียงที่ดังมาจากฟากฟ้า ที่ผ่าฟาดลงบนความเกรี้ยวกราดของฟ่งอวี๋กุย ความเกรี้ยวกราดรอบกายเขาพลันลดตํ่าลง สติสัมปชัญญะถูกฝืนดึงกลับจากที่กระเจิดกระเจิงไป เขาพอเห็นเข้ากับแววตาประหลาดใจของเหล่าขุนนาง ก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่มาจากเสด็จพ่อ แล้วก็ยิ่งไม่พลาดสายตาดูแคลนที่มาจากมู่ชิงเกอและจ้าวหนานซิง พยายามกัดฟันก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ สายหนึ่ง หันกายกล่าวไปทางฟ่งหลัน “เสด็จพ่อ ลูกสบายดี”

“สบายดีก็นั่งลง” ฟ่งหลันตำหนิขึ้นสีหน้าขรึม

ฟ่งอวี๋กุยนั่งลงไป แต่ว่าในใจกลับไม่สามารถสงบลงได้ ความคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบแต่เดิม มาตอนนี้ก็กลายเป็นเศษชิ้นส่วนพังทลายไปหมด คณะทูตของแคว้นอวี๋กลับเป็นจ้าวหนานซิงที่นำมา เช่นนั้นก็ไม่มีทางคาดหวังอันใดได้อีก เท่านี้ก็คงเหลือเพียงแคว้นปาแล้ว ซึ่งมันจะเปลี่ยนแปลงอันใดได้?

ฟ่งอวี๋กุยเร่งรีบวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมด ก่อนจะค้นพบว่าตอนนี้ตัวเองเสียเปรียบนัก และในทางเดียวกันเขาก็ไม่มีวิธีพลิกสถานการณ์อันใดได้เลย!

‘ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นเพราะพี่น้องตระกูลจูที่ชักนำมา! ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขา เขาก็คงไม่มีทางไปสร้างความแค้นกับมู่ชิงเกอได้ แล้วก็ยิ่งไม่มีทางประสบกับผลลัพธ์ที่ตามมาพวกนี้!’ ฟ่งอวี๋กุยเอาความผิดทั้งหมด โยนไปที่จูเหม่ยเอ๋อร์กับจูลี่สองพี่น้อง บัดนี้จูลี่ก็ได้ตายเพราะพิษร้ายที่มู่ชิงเกอวางใส่ไปตั้ง นานแล้ว แต่ก็ยังเหลือจูเหม่ยเอ๋อร์ที่ยังคงเสพสุข สุขสบายอยู่ในจวน

เพียงแต่ ชีวิตอันสุขสบายของนางก็คงต้องจบลงเพียงเท่านี้!

ฟ่งอวี๋กุยแววตาเยียบเย็น ไม่มีความรักครั้งเก่าหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย

เขาก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว หลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาก็จะกลับไปที่จวน สังหารจูเหม่ยเอ๋อร์ทิ้งเสีย จะได้ระบายความเคียดแค้นในใจเขา

ฟ่งอวี๋กุยหลังจากกลับไปนิ่งเงียบแล้ว แววตาคมกริบของฟ่งหลันก็เคลื่อนออกจากตัวของเขา มองกลับไปทางคณะทูตทั้งสี่แคว้นดังเดิม สายตาของฟ่งหลันกวาดมองไปรอบหนึ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มพลางกล่าวขึ้น “ขอบใจเหล่าราชทูตที่มาเยือนแคว้นของข้า ตลอดทางมาก็คงลำบากเหนื่อยยากไม่น้อย คืนนี้ขอทุกท่านตัดความเกรงใจออกไป เสพสุขให้เต็มที่”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

คณะทูตจากทั้งสี่แคว้นพากันกล่าวขอบคุณ

“มา ทุกท่านเชิญนั่ง” ฟ่งหลันผายมือออกไป กวาดมือไปทางที่นั่งทั้งสี่ที่อยู่ใกล้ตน ก่อนจะกล่าวเชิญชวน

คณะทูตของทั้งสี่แคว้น แยกย้ายกันเดินเข้าไป

ภายใต้การนำของนางกำนัล แยกกันไปนงตามที่นั่งของตน

ผู้ที่ใกล้กับฟ่งหลันที่สุดก็เป็นแคว้นฉินกับแคว้นอวี๋ ถัดจากแคว้นอวี๋เป็นแคว้นปา ส่วนถัดจากแคว้นฉินก็เป็นแคว้นถู

การจัดตำแหน่งเช่นนี้ ก็ราวกับจัดตามกำลังอำนาจและก็เหมือนกับจัดตามความห่าง ใกล้ไกลจากแคว้นลี่

มู่ชิงเกอหลังจากนั่งลงแล้ว ก็เห็นว่าฟ่งหลันกำลังมองมาที่ตน

นางเงยหน้ามองไปก็เห็นเข้ารอยยิ้มแย้มของฟ่งหลันเข้าพอดี นางส่งยิ้มตอบกลับก่อนจะกล่าวทักทายขึ้น “ฝ่าบาท”

“นี่ก็คงเป็นคุณชายตระกูลมู่จากแคว้นฉินผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีรูปโฉมโดดเด่นเกินคนกระมัง!” ฟ่งหลันเปิดปากขึ้น แววตาฉายแววชื่นชมอยู่หลายส่วน

มู่ชิงเกอไม่อ่อนไม่แข็งส่งยิ้มกลับเล็กน้อย “ฝ่าบาทกล่าวชมไปแล้ว ข้าก็แค่จอมเกเรที่เอาแต่เที่ยวเล่นหาเรื่องไปทั่วผู้หนึ่งเท่านั้น”

ฟ่งหลันทอดถอนใจพลางส่ายหน้า “ถ้าหากคนที่มีความสามารถเช่นคุณชายถูกเรียกว่าเป็นจอมเกเร เช่นนั้นในแผ่นดินนี้ก็คงไม่มีใครกล้ากล่าวว่าตนเป็นผู้มีพรสวรรค์แล้ว?”

“ฝ่าบาทกล่าวหนักไปแล้ว” มู่ชิงเกอยังคงตอบรับเสียงเรียบ ไม่แสดงความอวดดีถือตนแม้แต่น้อย

ฟ่งหลันมองดูจนลอบชื่นชมในใจ นึกคิดขึ้นในใจ อายุยังน้อยแต่กลับหนักแน่นได้เช่นนี้ ไม่เย่อหยิ่งไม่มุทะลุ ก็ถือว่าเป็นเพชรนํ้างามจริงๆ

พอกล่าวทักทายกับมู่ชิงเกออยู่ได้หลายประโยค ฟ่งหลันก็หันหน้าไปทางจ้าวหนานซิงที่ดูสุภาพ ท่าทางภูมิฐาน ทรงแย้มพระสรวลพลางกล่าวขึ้น “ได้ยินมาว่าองค์ชายสี่ แคว้นอวี๋ เป็นนักปรุงโอสถที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเกินคน วันนี้พอได้พบองค์ชายสี่ก็ดูมีกลิ่นอายเก่งกาจเกินคนนัก ดูท่าคำรํ่าลือจะไม่ได้เกินเลยจริงๆ” จ้าวหนานซิงยิ้มถ่อมตน ลอบมองไปทางมู่ชิงเกอสายตาหนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ฝ่าบาทกล่าวชมไปแล้ว หนานซิงเพียงแค่เข้าใจศาสตร์การปรุงยาเล็กๆ น้อยๆ ถ้าหากจะให้กล่าวว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ดูจะเกินจริงไปนัก หากเอาข้าไปเปรียบกับคนบางคน ก็ดูจะห่างกันราวฟ้ากับเหว”

มู่ชิงเกอฟังจนต้องลอบส่ายหน้า รู้ว่าจ้าวหนานซิงกำลังจงใจหยอกเย้านาง

แต่ฟ่งหลันกลับถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “อ้อ? หรือว่า องค์ชายสี่จะกล่าวถึงเหมยจื่อจ้ง คุณชายเหมยผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของโรงโอสถรึ?”

แต่จ้าวหนานซิงกลับกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ฝ่าบาทดูท่าจะรู้จักโรงโอสถดีไม่น้อย แต่ว่านี่ก็เป็นข่าวเก่าแล้ว ตอนนี้โรงโอสถของพวกเราได้ปรากฏนักปรุงยาอายุเยาว์ขึ้นผู้หนึ่ง อายุยังน้อยกว่าข้ากับศิษย์พี่เหมย แต่ว่าศาสตร์การปรุงยากลับทิ้งห่างพวกเราไปอย่างไม่เห็นฝุ่น แม้กระทั่งอาจารย์ของพวกเราปรมาจารย์โหลวกับหัวหน้าโรงโอสถ ยังไม่สามารถเอื้อมไปถึง เขาก็ได้ทะลวงไปสู่นักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณแล้ว ข้าสามารถกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า เขาเป็นนักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวในแคว้นระดับสามของพวกเรา!”

“อะไรนะ! นักปรุงยาระดับจิตวิญญาณ!” ฟ่งหลันตื่นตระหนก

เขาที่ตื่นตระหนกก็ไม่ใช่เพราะคนผู้นี้เก่งกาจกว่าเหมยจื่อจ้ง แต่เป็นตื่นตระหนกที่แคว้นระดับสามกลับปรากฏนักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณคนแรกในประวัติศาสตร์ทั้งยังเป็นเพียงหนึ่งเดียวในนั้น คนผู้นี้ไม่ว่าเป็นใคร ถ้าหากสามารถได้เขามาช่วยเหลือ สำหรับประโยชน์ต่อแคว้นแล้วก็มากมายจนไม่อาจนับคำนวณได้!

ไม่เพียงแค่ฟ่งหลันที่ถูกทำเอาตื่นตระหนก ขุนนางบุ๋นบู๊ของแคว้นลี่ก็ถูกคำกล่าวของจ้าวหนานซิงทำเอาตื่นตระหนกเช่นกัน

ในคณะทูตของแคว้นปา สีหน้าของต้าอูก็ยังนับว่าปกติ คิดว่าเขาคงจะรู้ข่าวทั้งหมดจากจดหมายของฟู่เทียนหลงนานแล้ว เพราะว่าหลังจากที่คำกล่าวของจ้าวหนานซิงจบลง แววตาที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาของเขาก็กวาดมองไปทางมู่ชิงเกอ

ในห้าแคว้น แคว้นที่ไม่เข้าใจในศาสตร์การปรุงยาที่สุดก็เป็นแคว้นถู

แต่ว่าถึงแม้จะไม่เข้าใจ พวกเขาก็รู้นักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณนั้นหมายถึงสิ่งใด หากจะพูดอย่างไม่หนักนัก นักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณก็ถือว่าสามารถเพิ่มกำลังรบ ของแคว้นทั้งแคว้นได้ ทั้งยังสามารถดึงดูดให้ยอดฝีมือเข้าหาได้ไม่มีวันหมด หากจะพูดให้หนักหน่อย ถ้าหากแคว้นแคว้นหนึ่งปรากฏนักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณ สถานะของแคว้นแคว้นนั้นก็จะถูกเลื่อนขั้นขึ้นกลายเป็นผู้นำของแคว้นระดับสามทั้งหมด!

เฮ่อเหลียนถัวถัวตอนที่ได้ยินถึงนักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณ ดวงตาทั้งสองข้างก็เกือบจะปูดบวมออกมา เขาถึงกับคิดว่าไม่ว่ายังไงก็ตามจะต้องนำตัวนักปรุงยา ขั้นจิตวิญญาณผู้นี้กลับแคว้นถูไปให้ได้ อาศัยคนผู้นี้ไปยกระดับของทั้งแคว้น บางทีเวลานั้น แคว้นถูของพวกเขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากเงามืดของมู่ชิงเกอได้

ผู้คนในตำหนักใหญ่ทั้งหมด ก็มีความคิดกันไปต่างๆ นานา แต่ที่เหมือนกันก็คือทั้งหมดล้วนแต่สงสัยว่านักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณหนึ่งเดียวในแคว้นระดับสามผู้นี้เป็นใคร

ในใจของฟ่งอวี๋กุยปรากฏลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา เขารู้สึกว่านักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณผู้นี้ เขาเหมือนจะรู้จักอยู่รางๆ เพียงแต่ว่า นี่มันก็เป็นไปได้รึ? เพิ่งจะผ่านมาไม่เท่าไร เขาก็สามารถทะลวงผ่านจากนักปรุงยาขั้นสูงไป เป็นนักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณแล้ว?

ฟ่งอวี๋กุยไม่กล้าเชื่อความรู้สึกของตัวเอง ส่วนฟ่งอวี๋เฟยแววตากลับเปล่งแสงแวววับออกมา แววตาทรงเสน่ห์จ้องมองไปทางมู่ชิงเกอ นางกับฟ่งอวี๋กุยก็รู้สึกเหมือนกันว่านักปรุงยาขั้นจิตวิญญาณจากปากของจ้าวหนาวชิงคล้ายว่าจะเป็นมู่ชิงเกอ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!