ตอนที่ 156-1
เจ้าสังหารคนเพื่อข้า ส่วนข้ารับบาปแทนเจ้า!
‘อั๊ก—!’
มู่ชิงเกอล้มไถลลงไปบนพื้นตำหนักในช่องว่างอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระอักออกมาจากปาก พุ่งหยดออกไปจนย้อมพื้นกลายเป็นสีแดงเลือด เลือดกองนั้นรวมกันเป็นทางสายหนึ่ง ในขณะที่ผู้คนไม่ได้สังเกต ก็พุ่งไหลไปทางไข่สีรุ้งสีสดใสใบนั้น
หยินเฉินก็ร่วงกระแทกลงไปข้างๆ นาง ล้มสลบเหมือดไปในทันที ขนสีขาวหิมะที่มีสีทองแซมอยู่จางๆพลันกลายเป็นดำมืดทั้งผืน ยังมีอยู่หลายจุดที่หลุดร่วงแหว่งออกไป เผยให้เห็นเนื้อหนังที่อาบโชกไปด้วยเลือด
“เจ้านาย! เจ้านาย! ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” เหมิงเหมิงเร่งรีบพุ่งไปข้างกายของมู่ชิงเกอ ร้องถามขึ้นข้างกายนางด้วยเสียงร้อนใจ
มู่ชิงเกอขณะนี้ภายในร่างกายก็ทรมานจนเกินจะทนไหว ไม่สามารถเปล่งวาจาได้ ทำได้เพียงฝืนยกมือขึ้นโบกไปมากับเหมิงเหมิง
ตอนนั้นเอง เลือดที่มู่ชิงเกอพ่นออกมาก็ได้ไหลไปถึงส่วนล่างของไข่ยักษ์เจ็ดสีใบนั้นแล้ว เลือดสีแดงสดนั้น พลันถูกไข่ยักษ์ใบนั้นดูดกลืนเข้าไป ทั่วผิวไข่เกิด เปล่งแสงวูบวาบขึ้นไปมาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครเห็น
“แค่ก แค่ก เอาโอสถพวกนี้ให้หยินเฉินกินซะ” พอได้พักผ่อนไปครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอถึงมีแรงขึ้นมาบ้าง ฝืนตัวเองพูดกับเหมิงเหมิงขึ้นมาประโยคหนึ่ง
เหมิงเหมิงรับยาโอสถพวกนั้นที่มู่ชิงเกอโยนมาให้ จากนั้นเร่งหันหน้ามุ่งไปทางหยินเฉิน
ส่วนมู่ชิงเกอก็ล้มฟุบลงไปบนพื้น นอนสลบไม่ได้สติ
ชั่วขณะนั้น นางก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าสร้อยอัญมณีเลือดเม็ดนั้นที่แขวนอยู่บนคอของนางเกิดเปล่งแสงสีดำมืดวาววับออกมา
ถ้าหากนางเข้ามาในช่องว่างช้ากว่านี้ก็คงจะกระตุ้นกระแสพลังที่กักเก็บอยู่ในสร้อยอัญมณีออกมาได้แล้ว ทำการรับการโจมตีแทนนาง อย่าได้ลืมไปว่าอัญมณี เลือดเม็ดนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดมาจากการใช้เลือดของซือมั่วควบรวมขึ้น
เหมิงเหมิงหลังจากเอายาให้หยินเฉินแล้วก็หมุนกายกลับมา ก่อนจะค้นพบว่ามู่ชิงเกอได้นอนสลบลงไปแล้ว
สภาพร่างกายของมู่ชิงเกอ เหมิงเหมิงก็รู้อยู่บ้าง คลับคล้ายคลับคลาว่าร่างกายของเจ้านายนั้นพิเศษมาก ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บมากเท่าไร ขอเพียงยังมีลมหายใจ อยู่ ก็จะสามารถฟื้นฟูกลับไปเหมือนเดิมได้ด้วยตัวเอง คิดแล้วคิดอีก เหมิงเหมิงก็ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายกับร่างกายของมู่ชิงเกออีก
เพียงแต่ว่าตอนที่สายตาของนางร่วงตกไปยังด้านหน้าร่างกายของมู่ชิงเกอ จู่ๆ ก็โพล่งกล่าวว่าอย่างแปลกใจ “เอ? เลือดที่เจ้านายพ่นออกมาเล่า?”
ในที่สุดนางก็ค้นพบความผิดปกติ แต่กลับไม่มีใครตอบคำถามของนางได้
มู่ชิงเกอนอนสลบไปเต็มๆ เจ็ดวันเจ็ดคืนถึงค่อยฟื้นคืนสติขึ้นมา
เปิดเปลือกตาขึ้น ภาพตรงหน้าค่อนข้างพร่ามัว กะพริบตาไปมาอยู่หลายครั้งถึงค่อยๆ กลายเป็นได้สติแจ่มชัดขึ้นมา มู่ชิงเกอยื่นมือบิดขี้เกียจ ข้อกระดูกทั่วทั้งร่างเกิดเสียงลั่นก๊อกแก๊กไม่หยุด
นางก็สัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บและความรู้สึกไม่สบายตัวอีกแล้ว อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการระเบิดตัวเองของจินกุ้ยก็ได้หายดีเป็นปลิดทิ้งแล้วเช่นกัน
การหลับครั้งนี้ นอนจนนางรู้สึกเต็มอิ่มมาก สบายตัวยิ่งนัก
มือชันไปที่เตียง นางลุกนั่งขึ้นมา
“เจ้านาย ท่านในที่สุดก็ตื่นเสียที!” เหมิงเหมิงพลันโผล่ขึ้นมาตรงหน้าของมู่ชิงเกอโดยตรง กล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ
มู่ชิงเกอบิดคอไปมาเล็กน้อย ถามขึ้น “หยินเฉินเป็นยังไงบ้าง?”
เหมิงเหมิงพลันตอบกลับ “มันเมื่อสองวันก่อนพอฟื้นขึ้นแล้วก็ส่งตัวเจ้านายมาที่เตียง ตอนนี้กลับไปฝึกตนแล้ว มันบอกว่าสัมผัสได้ถึงจุดสูงสุดของการทะลวงชั้น หากผ่านด่านนี้ไปได้ก็คงจะใช้เวลาอีกไม่นานที่จะได้กลายเป็นสัตว์อสูรเทวะ!”
มู่ชิงเกอนิ่งชะงักไป กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เลื่อนระดับชั้นเร็วเช่นนี้เชียว?” ถ้าหากนางไม่ได้จำผิด ตอนที่นางเข้าสู่ชั้นสีม่วง หยินเฉินก็เพิ่งเลื่อนระดับชั้นไปได้ไม่นานเอง
‘ช่างน่าอิจฉาเสียจริง!’ มู่ชิงเกอกล่าวว่าจากใจจริง เหมิงเหิมงผงกหัวเบาๆ พลางกล่าวว่า “บางทีอาจเป็นเพราะศึกใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่ทำให้มันได้รับบาด เจ็บหนักจนไปทำการกระตุ้นสายเลือดในตัวของมันเข้า”
มู่ชิงเกอพยักหน้าขึ้นอย่างเห็นด้วย ก่อนจะถามขึ้นอีก ครั้ง “ข้าหลับไปกี่วัน?”
เหมิงเหมิงนับนิ้วในมือไปมา “เจ็ดวัน! เจ้านายพอหลับไปทีก็หลับไปตั้งเจ็ดวันแน่ะ!”
เจ็ดวัน!
ยังดี…
นางถอนหายใจโล่งอกขึ้นในใจ
แต่เดิมนางก็ได้นัดพวกมั่วหยางเอาไว้เป็นเวลาสามเดือน นัดพบกันที่ทะเลแห่งความอ้างว้าง
ถ้าหากนางหลับไปทีก็หลับไปหลายเดือนแล้วละก็ เช่นนั้นก็คงจะเสียเวลาในการจัดการเรื่องราวต่างๆไปมากมาย
“เจ้านาย ท่านคราวหลังอย่าได้เสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกเลย!” เหมิงเหมิงอยู่ๆ ก็มีท่าทางจริงจังขึ้นมา ขมวดคิ้วมองมาทางนางด้วยท่าทางขึงขังอย่างถึงที่สุด “ท่านรู้ไหม? ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านมีร่างกายที่พิเศษ ถ้าหากไม่ใช่เพราะกระดูกและเลือดเนื้อของท่านถูกบ่อสายฟ้าผลัดเปลี่ยน ภายใต้การโจมตีที่หนักหนาเช่นนี้ ท่านก็จะต้องตกตายกลายเป็นเศษซากไปแล้ว”
มู่ชิงเกอฝ่ามือหนึ่งตีไปที่หัวของเหมิงเหมิง เอ่ยต่อว่าขึ้น “พูดจริงจังอะไรนักหา? ข้าเพิ่งจะฟื้น เจ้าพูดคำมงคลๆ ให้ข้าฟังไม่ได้รึ?”
เหมิงเหมิงเอามือกุมไปที่หัว เบ้ปากพลางกล่าวว่า “ข้าก็กำลังกล่าวเตือนท่านอย่างไร!”
“รู้น่า รู้น่า” มู่ชิงเกอยักไหล่ขึ้น “ข้าก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าบ้านั่นบอกว่าจะระเบิดตัวเองก็จะระเบิดตัวเอง ทำไมจะไม่เข้าใจกัน”
“เจ้านายยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกท่าน” คิ้วน้อยๆ ของเหมิงเหมิงพลันขมวดแน่นขึ้นไปอีก
“อะไรอีก?” มู่ชิงเกอมองไปทางนางพลางถามขึ้น
เหมิงเหมิงกล่าวว่า “หลังจากท่านกลับมาที่นี่แล้ว เลือดที่ท่านพ่นออกมากลับหายไป”
มู่ชิงเกอนิงชะงักไป
เลือดหายไป? มันน่าแปลกใจเช่นนั้นเลยรึ’?
“เอ่อ พื้นของที่นี่มีความสามารถทำความสะอาดตัวเองด้วยใช่หรือไม่?” มู่ชิงเกอคิดแล้วคิดก่อนจะถามขึ้นลองเชิง
เหมิงเหมิงกลับส่ายหน้ารัวขึ้นราวกับกลองป๋องแป๋งก็ไม่ปาน
มู่ชิงเกอเอามือกุมไปที่คาง หรี่ตาลงพลางกล่าวพึมพำขึ้นกับตัวเอง “แบบนี้ไม่ได้นะ ที่แห่งนี้กว้างใหญ่มาก ถ้าหากไม่มีความสามารถในการทำความสะอาดตัวเอง เพียงแค่การกวาดพื้นก็คงเหนื่อยจนทำให้คนตกตายได้”
“เจ้านาย! ข้ากำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่ ท่านจะตั้งใจฟังหน่อยได้หรือไม่!” หลังจากได้ยินคำกระซิบกระซาบของมู่ชิงเกอ ในแววตากลมโตของเหมิงเหมิงก็ลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ
มู่ชิงเกอยกมุมปากขึ้นพลางลูบไปที่จมูกเบาๆ บ่นขึ้นในใจ ‘เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างถึงที่สุด! สำหรับคนที่ไม่ชอบทำงานบ้านผู้หนึ่งแล้ว นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและใหญ่หลวงนัก’
ทว่าพอเห็นท่าทางขึงขังของเหมิงเหมิง นางก็ไม่ได้กล่าวคำพูดในใจออกมาตามจริง เพียงแต่กล่าวว่า “ก็แค่เลือดจำนวนหนึ่งเพียงเท่านั้น ข้าล้วนแต่สำรอกมันออกไปแล้ว คงไม่สามารถกลืนกลับไปได้อีก กลับกันต่อให้มันไหลไปที่ไหนก็ยังถือว่าอยู่ในช่องว่าง ตามสำนวนที่ว่านํ้าในนาของเราไม่อาจไหลไปในที่นาของคนอื่นได้ หาไม่พบก็หาไม่พบเถอะ”
เหมิงเหมิงเช่นเดิมก็คงยังไม่คลายความโกรธ ปากอ้าพะงาบๆ เปิดกว้างขึ้น
มู่ชิงเกอพอเห็นเข้า ก็ทำได้เพียงหยิบขวดยาออกมาจากอกขวดหนึ่ง เปิดจุกขวด พร้อมกันนั้น กลิ่นโอสถจางๆ ก็พลันไหลโชยออกจากปากขวด ทำเอาเหมิงเหมิ
งอดไม่ได้ที่จะกลืนนํ้าลายลงไป เหมิงเหมิงยื่นมือออกไปจะหยิบ แต่มู่ชิงเกอกลับหลีกหนีมือเล็กๆ ของนาง กล่าวอย่างหยอกเย้าว่า “ไม่โกรธแล้วรึ?”
เหมิงเหมิงปากพองบวมขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง หันหน้าหนีไป พยายามไม่หลงกลการหลอกล่อของมู่ชิงเกอ แต่ดวงตาก็อดรนทนไม่ไหวที่จะขยับนัยน์ตาไปทางขวดโอสถ ความหิวกระหายในแววตาก็ทอประกายวาววับอย่างปิดไม่มิด
ดูจากท่าทางของนางแล้ว มู่ชิงเกอก็ไม่หยอกเย้านางอีก เอาขวดโอสถในมือโยนไปให้นาง
จากนั้นนางก็ลุกขึ้นจากเตียง เดินผ่านไปด้านข้าง ‘ไข่ใบยักษ์’ ทั้งสองใบนั้นก่อนจะยื่นมือออกไปดีดเบาๆ บนไข่ทั้งสองใบ หยอกเย้าราวกับไข่ทั้งสองใบนั้นเป็นตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน สั่นไหวเด้งส่ายไปมา
กลั่นแกล้งกันไปรอบหนึ่ง นางก็เดินออกไปจากห้อง เดินไปดูสภาพของหยินเฉิน
การฝึกปรือของสัตว์อสูรก็ไม่เหมือนกับของมนุษย์ไม่จำเป็นต้องอาศัยท่วงท่าที่พิเศษหรือการร่ายคาถาอันใด ตอนที่มู่ชิงเกอมองเห็นหยินเฉิน มันก็ได้กลับไปเป็นขนาดปกติแล้ว หางที่เต็มไปด้วยขนนุ่มฟูก็ขดล้อมไปรอบตัวมัน พันรอบตัวมันไปรอบหนึ่ง ท่าทางคล้ายกับกำลังหลับอยู่อย่างไรอย่างนั้น
มู่ชิงเกอไม่ได้เข้าไปรบกวนมัน เพียงแต่ยืนมองอยู่ด้านนอก
ตอนนั้นสถานการณ์ก็ค่อนข้างคับขัน แต่นางก็ยังจำได้ว่าช่วงสุดท้ายหยินเฉินระเบิดพลังพุ่งออกมาจากวงล้อมของพวกอสูรวิญญาณ พุ่งมากันไว้ด้านหน้าของนาง
นางสัมผัสได้ว่า ช่วงเวลานั้น หยินเฉินก็เตรียมตัวที่จะตายเพื่อปกป้องนาง ถ้าหากไม่ใช่นางเปิดช่องว่างได้ทันเวลาแล้วดึงหลังคอของมันลากเข้ามาแล้วละก็ เกรงว่า หยินเฉินก็กลายเป็นกองเศษซากไปนานแล้ว ตอนนี้ขนของหยินเฉินก็กลับมาขึ้นฟูจนสะอาดสดใสและเปล่งประกายอีกครั้ง หย่อมขนที่ร่วงหลุดลงไปนั้นก็ได้งอกขึ้นมาเป็นขนอ่อนๆ ชุดใหม่หมดแล้ว
มู่ชิงเกอแววตาวาววับ ก่อนจะเดินถอยออกไป