Skip to content

พลิกปฐพี 158-3

ตอนที่ 158-3

การตื่นของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน!

กงเจี้ยงเสวี่ยนำไฉ่เวย บุกเข้าไปด้านหน้าประตูใหญ่ของหุบเขาสงบใจ ขัดขวางทางไปของมารดา

“เจี้ยงเสวี่ย?” เมื่อมองเห็นบุตรีปรากฏตัวอย่างกะทันหัน กงเสวี่ยหยาก็ตกตะลึง

กงเจี้ยงเสวี่ยกางแขนออก ขัดขวางทางไปของมารดา เอ่ยกับนาง “ท่านแม่ หากท่านจะไปเมืองวั่นเฟิง เพื่อให้คนเลวแซ่วั่นนั้นพึงพอใจ เช่นนั้นก็ฆ่าข้าก่อนเถอะ!”

กงเสวี่ยหยาสูดลมหายใจ เอ่ยอย่างหมดหนทาง “เหตุใด เจ้าจึงยังไม่ยอมปล่อยวางอีก? เจ้าก็ได้ออกไปขอความช่วยเหลือด้วยตนเองแล้ว ผลลัพธ์คืออะไรนั้นเจ้าก็เห็นอยู่ หุบเขาสงบใจถึงแม้จะดูพิเศษในสายตาของคนภายนอก แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ขุมกำลังเล็กๆ จะสู้กับกำลังของเจ้าเมืองเมืองหนึ่งได้อย่างไร”

“ดังนั้นท่านแม่จึงต้องเสียสละตัวเองอย่างนั้นหรือ?” กงเจี้ยงเสวี่ยเอ่ยอย่างดื้อดึง

หิมะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ตกลงบนตัวของนาง ตกลงบนพื้น

สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของนาง ทำให้ผ้าคลุมหน้าของนางเปิดวับๆ แวมๆ

กงเสวี่ยหยานั่งอยู่บนรถม้าผลึกแก้ว มองเห็นท่าทางที่ดื้อดึงของบุตรี แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เอ่ยกับนางอย่างหนักแน่นว่า “ชีวิตของข้าเพียงคนเดียว แลกกับความ สงบสุขของทั้งหุบเขา นี่ก็ถือเป็นชะตาชีวิตของเจ้าหุบเขาสงบใจ”

กงเจี้ยงเสวี่ยหัวเราะออกมา “หรือท่านแม่ลืมไปแล้วว่า แค่เพียงท่านก้าวออกไปจากหุบเขาสงบใจก็จะไม่ใช่เจ้าหุบเขาสงบใจอีกต่อไป ข้าก็จะกลายเป็นเจ้าหุบเขาสงบใจ ตอนนั้นข้าก็สามารถยับยั้งไม่ให้ท่านจากไปได้เช่นเดียวกัน!”

“เจี้ยงเสวี่ย!” กงเสวี่ยหยาตะคอกออกมา

“เมื่อท่านแม่คิดว่าเจ้าหุบเขาสงบใจจะต้องไปเมืองวั่นเฟิง ถึงจะสามารถหลบเลี่ยงอันตรายในครั้งนี้ได้ เช่นนั้น ให้ข้าไปเองก็ดีกว่าท่านเป็นคนไป!” กงเจี้ยงเสวี่ยเอ่ย

“เจี้ยงเสวี่ย เจ้าอย่าได้คิดก่อความวุ่นวาย!” กงเสวี่ยหยาขมวดคิ้วเอ่ย

“ก่อความวุ่นวายอะไร?” กงเจี้ยงเสวี่ยพยายามข่มความเจ็บปวดในใจ เอ่ยกับกงเสวี่ยหยาว่า “หรือจะให้ข้าต้องเบิกตามองท่านแม่ของตนเองกลายเป็นของขวัญนำไปมอบให้ไอ้สารเลวเฒ่านั้นอย่างนั้นหรือ? หรือต้องให้ข้า

ลืมตามองท่านแม่ถูกกระทำย่ำยี?”

ในใจของกงเสวี่ยหยาเป็นทุกข์มาก หากว่าทำได้ นางจะยอมก้มหัวอย่างนี้ได้อย่างไร?

เจ้าหุบเขาสงบใจล้วนแต่มีความภาคภูมิในศักดิ์ศรีของตน!

“พวกท่านสองคนเอาแต่แย่งกันไปที่เมืองวั่นเฟิง หรือที่นั้นมีเรื่องสนุกอะไรอย่างนั้นหรือ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงสดใสดังกังวานขึ้นมา ขัดจังหวะการโต้เถียงกันของสองแม่ลูก

เรื่องนี้ คนทุกคนในหุบเขาสงบใจทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ ถึงเจ้าหุบเขากับเจ้านายน้อยจะโต้เถียงกัน พวกเขาก็ทำได้แค่เพียงยืนมองรอผลลัพธ์อยู่ด้านข้าง

ดังนั้น เสียงที่ดังขึ้นมาจึงเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก

ไฉ่เวยมองไป เห็นผู้ที่มาพร้อมกับความ ‘เปล่งประกาย’ อย่างเหนือความคาดหมาย จึงเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “คุณชายมู่!”

กงเสวี่ยหยาและกงเจี้ยงเสวี่ยก็มองที่นางพร้อมกัน ผู้ อาวุโสกว่าขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเสียงขรึมขึ้นว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”

มู่ชิงเกอขบริมฝีปากเล็กน้อย เอ่ยตอบว่า “ข้า? ถือว่าเป็นแขกก็คงได้อยู่” เดิมนางอยู่แต่ในห้องฝึกฝนพลัง แต่กลับได้ยินเสียงพึมพำของสาวใช้ดังเข้ามาจากนอกห้อง ว่าเจ้าหุบเขา เจ้านายน้อย เมืองวั่นเฟิง เจ้าเฒ่าสารเลว แซ่วั่นอะไรนั่น ทำให้ใจนางกระตุก จึงหยุดการฝึกฝนพลังแล้วเดินออกมา

“เขาเป็นแขกที่ข้านำกลับมาระหว่างทาง เป็นหมอผู้หนึ่ง” กงเจี้ยงเสวี่ยเอ่ย

นางไม่ได้พูดว่าตนเองช่วยเหลือมู่ชิงเกอ เพียงแค่ยืนยันสถานะของนาง

กงเสวี่ยหยาได้ยินคำอธิบายของกงเจี้ยงเสวี่ยแล้วก็ไม่สนใจมู่ชิงเกออีก ถึงนางจะรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้หน้าตางดงามมาก แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามาถามอะไรให้มาก ความ

“เจี้ยงเสวี่ย หลบไป วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่วั่นเจี้ยนเฟิงให้โอกาส” กงเสวี่ยหยาตะคอก

กงเจี้ยงเสวี่ยส่ายหน้าอย่างดื้อดึง “ไม่! ข้าจะไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน!”

“เจ้า!” กงเสวี่ยหยาโกรธจนหาคำพูดไม่ได้

“วั่นเจี้ยนเฟิง? เจ้าเมืองของเมืองวั่นเฟิงคนนั้นอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เมืองวั่นเฟิงวุ่นวายเละเป็นโจ๊ก แม้แต่ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอด จะมีเวลามาก่อความวุ่นวายกับหุบเขาสงบใจได้อย่างไร?”

“เจ้าพูดอะไร!” นัยน์ตาของกงเสวี่ยหยาฉายแววแข็งกร้าวมองมาที่มู่ชิงเกอ

เรื่องที่มู่ชิงเกอก่อความวุ่นวายที่เมืองวั่นเฟิง ผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งวัน สถานที่ที่ห่างไกลอย่างหุบเขาสงบใจ ยังไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอ คนของหุบเขาสงบใจทุกคนก็ตื่นตะหนกขึ้นมา กงเจี้ยงเสวี่ยเดินไปหามู่ชิงเกอ เอ่ยถามอย่างเร่งร้อนใจ “คุณชายมู่ เมื่อครู่ท่านพูดอะไร? เมืองวั่นเฟิงทำไมรึ?’’

ไม่เพียงแต่กงเจี้ยงเสวี่ย แม้แต่กงเสวี่ยหยาก็มองมาที่มู่ชิงเกอ รอคอยคำตอบของนางอย่างร้อนใจ

ดูเหมือนว่าคำตอบของนางจะเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของหุบเขาสงบใจ

มู่ชิงเกอเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งจะเดินทางผ่านเมืองวั่นเฟิงมาพอดี เจ้าเมืองคนนั้นดูเหมือนจะไปล่วงเกินคนที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง ทำให้ทั่วทั้งเมืองถูกสายฟ้าฟาด ทำลาย จวนเจ้าเมืองตกอยู่ในทะเลเพลิง คนตายนับไม่ถ้วน ตัวเขาดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย หากไม่รีบหาคนมารักษา เกรงว่าคงจะพิการไปตลอดชีวิต ระดับพลังก็คงลดลงไปมาก”

ใครบางคนไม่ได้ละอายใจในการกล่าวถึง ‘ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่’ ของตนเองเลย

แน่นอนว่าคำพูดของนางนั้นเป็นเรื่องจริง

ถึงแม้ว่ามู่ชิงเกอจะไม่ได้ลงมือกับวั่นเจี้ยนเพิงด้วยตนเอง แต่ในตอนนั้นก็ตั้งใจชักนำสายฟ้าให้ฟาดลงที่เขา ผ่านไปสองวัน วั่นเจี้ยนเฟิงแน่นอนว่าจะต้องสัมผัสได้ว่า ชีพจรภายในกำลังถูกสายฟ้าทำลายอยู่ หากไม่สามารถขับออกมาได้ ก็จะถูกทำลายต่อไป

บทสรุปสุดท้าย ก็คือที่มู่ชิงเกอพูดถึง พิการตลอดชีวิต ระดับพลังถดถอย

“ที่เจ้าพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงรึ!” กงเสวี่ยหยาเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

มู่ชิงเกอพยักหน้า พร้อมกับเอ่ยว่า “หากว่าเจ้าหุบเขาไม่เชื่อก็สามารถส่งคนไปสืบที่เมืองวั่นเฟิงสักครั้งได้” นางก็ต้องการคนนำข่าวคราวเรื่องสถานการณ์ภายในเมืองวั่นเฟิงมาบอกนางเช่นเดียวกัน

“ดี!” กงเสวี่ยหยาคัดเลือกคนในทันที หลังจากสั่งการไม่กี่คำ ก็ให้เขาจากไป

กงเจี้ยงเสวี่ยมองมู่ชิงเกออย่างซาบซึ้งใจแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยกับกงเสวี่ยหยาว่า “ท่านแม่ ถ้าหากเรื่องทั้งหมด เป็นดังที่คุณชายมู่เอ่ย เจ้าเฒ่าสารเลวแซ่วั่นนั่นก็ไม่มีอันใดน่ากลัวอีกต่อไปแล้ว ท่านก็ไม่ต้องไปรับความลำบากแล้ว”

ดวงตาของกงเสวี่ยหยาแดงก่ำพร้อมพยักหน้า สายตาที่มองบุตรีเต็มไปด้วยความสงสาร

นางตัดสินใจไปตาย ตอนนี้สามารถไม่ต้องตายได้ แน่นอนว่านางรู้สึกเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่

คิดถึงตรงนี้ สายตาที่กงเสวี่ยหยาใช้มองมู่ชิงเกออีกครั้ง ก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาก “คุณชายมู่ ขอเชิญท่านตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่สักครู่”

มู่ชิงเกอไม่บ่ายเบี่ยง ตามกงเสวี่ยหยาไป

ส่วนนัยน์ตาของทุกคนในหุบเขาสงบใจก็ล้วนแต่ฉายแววซาบซึ้งต่อนาง แม้แต่กงเจี้ยงเสวี่ยก็ไม่ยกเว้น

ขณะที่มู่ชิงเกอก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของหุบเขาสงบใจ ก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนโลกแห่งนํ้าแข็ง

สีที่สะอาดและปราศจากฝุ่นดูเหมือนจะแสดงถึงความบริสุทธิ์ของโลก

“คุณชายมู่ เชิญนั่ง” กงเสวี่ยหยานั่งลงบนเก้าอี้ประมุข ประจำตำแหน่งเจ้าหุบเขา

ด้านขวามือของนาง เป็นกงเจี้ยงเสวี่ยนั่งอยู่ มู่ชิงเกอนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของนาง

ภายในห้องโถงใหญ่ มีแค่พวกนางสามคน

หลังจากเหล่าบ่าวนำชาและของว่างมาให้แล้วก็ถอยออกไป

กงเสวี่ยหยาถอนหายใจ เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวั่นเจี้ยนเฟิง “หุบเขาสงบใจของข้า เป็นเขตแดนเหมันต์ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองวั่นเฟิงอยู่ร้อยลี้ แต่เดิมไม่ เคยมีการแก่งแย่งชิงดีกับโลกภายนอก และไม่ได้คิดจะมี แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อถึงรุ่นของข้ากลับเกิดความลำบากขึ้น ครึ่งปีก่อน ข้าบังเอิญพบเจอกับเจ้าเมืองวั่นเฟิง วั่นเจิ้ยนเฟิงที่โลกภายนอก ภายใต้ความบังเอิญ เขาลงมือช่วยข้าครั้งหนึ่ง แต่จริงๆ แล้ว ข้าคิดว่าภายในสถานการณ์ตอนนั้น เป็นเพียงแค่การร่วมมือรักษาชีวิตเท่านั้น” ในขณะที่กงเสวี่ยหยาพูด ก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “เดิมที ข้ายังคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นเหมือนดั่งสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ครึ่งปีที่ผ่านมา เขาเริ่มด้วยการพูดคุยหลังจากนั้นก็ส่งทหารมากดดัน หุบเขาสงบใจมาโดยตลอด คิดจะบีบบังคับให้ข้าเป็นภรรยาของเขา ไม่เช่นนั้น ก็จะเอาเลือดล้างทั้งหุบเขาสงบใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขากำหนดเอาไว้เมื่อครึ่งเดือนก่อน”

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี้เอง!’ มู่ชิงเกอด่าว่าวั่นเจี้ยนเฟิงในใจไปประโยคหนึ่ง ‘ตาเฒ่าหน้าไม่อาย’ หลังจากนั้นก็หันมองกงเสวี่ยหยา เจ้าหุบเขาสงบใจผู้นี้ถึงแม้ว่าจะมีอายุเลยสามสิบแล้ว แต่ก็ดูแลรักษาเป็นอย่างดี ใบหน้ารูปร่าง ก็ล้วนแต่ดูดี มิน่าว่าตาเฒ่าผู้นั้นไม่อาจตัดใจได้!

“คุณชายมู่ ขอบคุณท่านมากที่นำข่าวสารนี้มาให้ มิเช่นนั้นข้า…” กงเสวี่ยหยาถอนหายใจ ความคับแค้นครึ่งปี ดูเหมือนจะหายไปกับการถอนหายใจครั้งนี้

“ท่านเจ้าหุบเขาไม่ต้องเกรงใจไป ข้าก็แค่บังเอิญผ่านมา แล้วก็รู้ถึงสถานการณ์ภายในเมืองวั่นเฟิงในตอนนี้ก็เท่านั้น” มู่ชิงเกอเอ่ย

กงเจี้ยงเสวี่ยเอ่ยขึ้นในทันใด “คุณชายมู่ ไม่ทราบว่าไอ้เฒ่าสารเลวแซ่วั่นนั่นไปล่วงเกินผูยิ่งใหญ่คนไหนถึงได้เผชิญกับชะตากรรมเช่นนั้นได้?”

ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกไม่ค่อยจะสะดวกขึ้นมา “เรื่องนี้…”

ที่นางไม่สะดวกก็เพราะเป็นตัวเอง!

กงเสวี่ยหยามีประสบการณ์มากกว่ากงเจี้ยงเสวี่ย ดูออกว่าสีหน้าของมู่ชิงเกอดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ จึงเอ่ยปากขึ้น “เจี้ยงเสวี่ย คุณชายมู่ได้พูดแล้วว่าแค่บังเอิญ เดินทางผ่านไป จะรู้มากถึงขนาดนั้นได้อย่างไร? อย่าทำให้เขาลำบากใจ”

กงเจี้ยงเสวี่ยถูกมารดากล่าวเตือน ก็รีบขออภัย “เป็นเจี้ยงเสวี่ยไม่รู้ความ คุณชายมู่โปรดอย่าถือสา”

“ไม่เป็นไร” มู่ชิงเกอโบกมือเอ่ย

นางพิจารณาห้องโถงใหญ่ครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกสนใจในหุบเขาสงบใจ

ตามที่นางรู้มา หุบเขานี้คงอยู่มาอย่างยาวนาน นานจนปรากฏตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นก็ไม่อาจไล่ค้นได้

ทันใดนั้น ภายในหัวของนางก็มีเสียงของเหมิงเหมิงดังขึ้นมา ‘เจ้านาย เจ้านาย! ไข่นั้นบ้าคลั่งไปแล้ว! ท่านรีบมาดูเร็ว’

‘เกิดอะไรขึ้น?’ มู่ชิงเกอค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น ทั้งพูดคุยกับกงเสวี่ยหยาสองแม่ลูก ทั้งแบ่งจิตเข้าไปในช่องว่าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!