Skip to content

พลิกปฐพี 162-4

ตอนที่ 162-4

ฮ่องเต้หญิงเจียงยั้งฝีปากไว้ไมตรี!

งานเลี้ยงจะจัดขึ้นในวังแคว้นกู่วู่ ในงานเลี้ยงคณะของมู่ชิงเกอก็ได้ชิมอาหารรสชาติแปลกใหม่ของแคว้นกู่วู่ ได้ชมการร้องรำที่เป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวของแคว้นกู่วู่ สัมผัสถึงธรรมเนียมประเพณีที่ไม่เหมือนที่อื่น

จนกระทั่งกลางดึก พวกเขาถึงเริ่มรู้สึกมึนเมา กลับไปยังห้องพักที่อยู่ในตำหนัก และภายในตำหนักก็มีนํ้าร้อนเตรียมไว้ให้พวกเขาได้ล้างหน้าอาบนํ้าพร้อมแล้ว

“คุณชายมู่รอสักครู่” เพียงแต่ว่า เมื่อกลับมาถึงตำหนัก เซวียเฉียวก็เรียกมู่ชิงเกอไว้

มู่ชิงเกอชะงักฝีเท้า หมุนตัวไปมองเขาด้วยแววตาไต่ถาม

มู่เหลียนหรงก็ตามเข้ามา “เซวียเฉียวเจ้าหาชิงเกอมีเรื่องอะไรกัน?”

เซวียเฉียวโบกมือให้นาง เขามองมู่ชิงเกอพลางเอ่ยว่า “ข้าเรียกท่านอาของเจ้าว่าพี่หรง ก็นับว่าตัวข้าเป็นผู้อาวุโสของเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะเรียกเจ้าว่าชิงเกอได้ไหม?” มู่ชิงเกอตาเป็นประกาย ก่อนจะพยักหน้าเงียบๆ “ตามใจ”

“เซวียเฉียวเจ้าเมาแล้ว ไปพักก่อนเถอะ” มู่เหลียนหรง กังวลใจรีบเข้าไปขวาง

เซวียเฉียวมองนางเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “พี่หรงข้าไม่ได้เมา ข้าเพียงแค่ใช้เหล้าเพิ่มความกล้า พูดเรื่องที่ข้าอยากพูดเท่านั้น ข้ารู้ว่าท่านเห็นว่าที่ข้าพูดในลานจัตุรัสวันนี้เป็นเพียงการพูดเพื่อแก้สถานการณ์จึงได้เอ่ยเท็จ แต่ตอนนี้ข้าอยากบอกท่านว่าข้าไม่ได้พูดเท็จ ทุกประโยคที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง!”

มู่เหลียนหรงนิ่งอึ้งตะลึงยืนอยู่กับที่ ในหัวขาวโพลน มองเซวียเฉียวตกตะลึง

ดวงตามู่ชิงเกอหรุบตํ่า นางเดาได้ว่าเซวียเฉียวอยากพูดอะไรกับนาง จึงได้หันไปเอ่ยกับมั่วหยางและซางจื่อซูว่า “มั่วหยาง ศิษย์พี่ซาง พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องภายในครอบครัวมู่ชิงเกอ ให้พวกเขาไปก็ไม่ได้ผิดอะไร

ดังนั้น คนทั้งหลายจึงทยอยออกไปอย่างเร่งรีบ เหลือเพียงพวกเขาสามคนยืนอยู่กลางตำหนัก

ดวงตาของเซวียเฉียวย้ายจากร่างมู่เหลียนหรงไปจับที่ร่างมู่ชิงเกอ เขาเอ่ยขึ้นด้วยนํ้าเสียงจริงใจ “ข้ามาที่เขตแดนของแคว้นระดับสามก็ได้ช่วงหนึ่งแล้ว ชื่อเสียงคุณชายตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน ก็โด่งดังราวสายฟ้าฟาดที่ข้างหู ความจริงแล้วก็เป็นเพราะข้าอยากเห็นกับตาว่า คุณชายจะเป็นดังคำรํ่าลือหรือไม่ จึงได้ตัดสินใจจะเดินทางจากแคว้นกู่วู่มุ่งหน้าไปที่แคว้นฉิน เพียงแต่ข้านึกไม่ถึงว่าจะพบพี่หรงที่แคว้นกู่วู่เข้า และนางยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่ และยิ่งคาดไม่ถึงว่าจะพบเจ้าเข้าที่นี่ วันนี้ได้พบก็เห็นว่าเจ้าเป็นผู้นำทัพชั้นเยี่ยมในยุคนี้ได้สมคำร่ำลือ!”

พูดพลางเขาก็หันไปเหลือบมองมู่เหลียนหรงที่ยังนิ่งอึ้งอยู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พี่หรง ยังจำสัญญาของเราสองคนได้ไหม? ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ก็เป็นข้าที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ แพ้ข้าก็สามารถอยู่ข้างกายท่านได้อย่างเปิดเผยหนึ่งเดือน หากชนะก็กลับแคว้นฉินไปกับท่าน ไปขอแต่งงานกับท่านต่อหน้าท่านพ่อผู้เฒ่า และชาวแคว้นฉิน”

“เจ้า เจ้า…” มู่เหลียนหรงงุนงงจนแทบจะไม่ได้สติ ไม่รู้ว่านางตะลึงไปเพราะคำพูดหรือเพราะความรู้สึกที่เซวียเฉียวมีให้นางกันแน่

“พี่หรง พวกเราก็อยู่ร่วมกันมาชั่วระยะหนึ่งแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านเองก็คงมีใจกับข้า ที่ท่านถือสาก็เพียงท่านแก่กว่าข้าไม่กี่ปี แต่ว่า แล้วมีอะไรกันเล่า? พวกเราอยู่ที่ไหน? แคว้นกู่วู่คนของพวกเขา ไม่ว่าจะอายุห่างกันสิบกว่าปีหรือมากกว่านั้น ขอเพียงรักใคร่ก็สามารถครองคู่กันได้ เหตุใดเราจึงไม่เห็นแปลก? แล้วอีกอย่าง ข้าไม่เคยคิดว่าท่านแก่กว่าข้า ในใจของข้าท่านเป็นเพียงเด็กสาวไร้เดียงสา ต้องการให้คนมารักเอาใจ ต้องการการปกป้องดูแล” เสียงลมหายใจของเซวียเฉียวหนักแน่น มีกลิ่นเหล้าระเหยปน จนทำให้มู่เหลียนหรงเกือบจะเคลิ้มเมาไปด้วย

เขากลับพูดต่อไปว่า “คืนนี้ข้าเรียกชิงเกอไว้ เพื่อให้เขาเป็นพยาน ชาตินี้ชีวิตนี้ข้าเซวียเฉียวจะแต่งมู่เหลียนหรงเป็นภรรยาให้ได้!”

“ท่านอาของข้าไม่อาจรับอนุหรือภรรยาคนอื่นมาตีเสมอ รับสามีที่ไม่ภักดีไม่ได้!” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้น

เซวียเฉียวหันกลับมามองนาง พลันเขาก็ยิ้มออกมา กรีดฝ่ามือตนเองจนเป็นแผลก่อนจะยกขึ้นเหนือหัว ก่อนจะเอ่ยเสียงก้องกังวาน “ข้าเซวียเฉียวขอสาบาน ชาตินี้ขอรักเพียงมู่เหลียนหรงคนเดียว ข้ายินดีจะครองคู่กับนางเพียงผู้เดียวไปชั่วชีวิต หากผิดคำสาบานขอให้คนนับหมื่นจงรุมตี ปีศาจจงลงทัณฑ์ให้เกาทัณฑ์นับหมื่นจงทะลุร่างไป!”

เปรี้ยง!

ท้องฟ้าปลอดโปร่งในยามค่ำคืน จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น

เลือดของเซวียเฉียวกลายเป็นแสงสีแดงสายหนึ่ง บินเข้าไปในร่างเขา

ภาพเหตุการประหลาดนี้ มู่ชิงเกอได้แต่มองอย่างตกตะลึง

“ใครเอ่ยสาบานที่แคว้นกู่วู่!” เสียงของเจียงหลีจู่ๆ ก็แทรกเข้ามา ร่างของนางตามมาที่ด้านหลังมู่ชิงเกอ

“เจ้ามาได้อย่างไร?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วถาม

เจียงหลีกลับไม่ได้สนใจนาง แต่กลับเบือนสายตาไปมองที่ฝ่ามือเซวียเฉียว ก่อนจะส่งเลียง ‘จุ๊ จุ๊’ ออกมา “ความลึกลับของแคว้นกู่วู่ก็คือใครก็ตามที่สาบานที่นี่ ล้วนต้องพิสูจน์ ก็หมายความว่า หากเขาผิดคำสาบานจริง เช่นนั้น เขาก็ต้องพบจุดจบอนาถโหดร้ายดังที่เขาว่าไว้!”

“เซวียเฉียว ทำไมเจ้าโง่งมเช่นนี้!” มู่เหลียนหรงได้สติจากการตกตะลึง ก่อนจะจับมือเซวียเฉียวพลางร้องไห้

มู่ชิงเกอเพิ่งมาถึงแคว้นกู่วู่เพิ่งได้ยินเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก นางหันไปมองเจียงหลี ถามว่า “มหัศจรรย์เช่นนั้นเชียว?”

เจียงหลีเชิดคางอย่างภาคภูมิ ก่อนจะเอ่ยเสียงท้าทายว่า “ไม่เชื่อ เจ้าก็ลองดูสิ?”

มู่ชิงเกอกระตุกยิ้ม แต่ก็ไม่ได้นึกอยากจะเอาตัวเข้าไปลอง

แต่ว่า เจียงหลียังคงอธิบายอย่างจริงจัง “ต้องจำไว้ว่าตอนที่สาบานเจ้าใช้เลือดจากฝ่ามือ ชะตาของคนอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสอง เมื่อใช้เลือดจากฝ่ามือมาสาบาน ก็ย่อมส่ง

ผลต่อชะตาเจ้าโดยตรง”

“พี่หรง ไม่สิเหลียนหรง ข้าจริงจังนะ ไม่เคยนึกเสียใจภายหลังแน่นอน!” เซวียเฉียวพูดช้าๆ

มู่เหลียนหรงฟังแล้วก็นึกตื้นตันจนคัดจมูก นางไม่เคยคาดหวังว่าตนจะได้พบรักเช่นนี้

พลัน นางก็กรีดฝ่ามือตนยกขึ้นสูงก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้ามู่เหลียนหรงขอสาบาน ชาตินี้ไม่ขอทอดทิ้งเซวียเฉียว เป็นตายร่วมกัน หากผิดคำสาบานให้ฟ้าประหารดินลงโทษ ให้ข้าอย่าได้ตายดี!”

“ท่านอา!” มู่ชิงเกออยากเข้าไปห้าม แต่ก็ช้าไปแล้วหนึ่งก้าว

ได้แต่จ้องมองเลือดเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงหายไปในร่างมู่เหลียนหรง

เจียงหลีมองนางยิ้มๆ “ดูท่าของแต่งงานที่ข้าตั้งใจเตรียมไว้จะได้ใช้งานแล้ว!”

มู่ชิงเกอถอนใจ มองมู่เหลียนหรงและเซวียเฉียวที่ยังดื่มด่ำในห้วงรัก แล้วจะพูดอะไรได้อีก? นางคงไม่อาจตำหนิว่าอาหญิงของตนวู่วามเกินไปได้หรอกกระมัง?

“เจ้ามีสายสืบที่แคว้นอวี่ไหม? ข้าอยากได้ปูมหลังทั้งหมดของตระกูลเซวียและเซวียเฉียว” มู่ชิงเกอใช้การถ่ายทอดเสียงเฉพาะคนพูดกับเจียงหลี

เดิมทีนางตั้งใจว่าเมื่อเข้าสู่แคว้นอวี่แล้วนางจะค่อยๆ สืบหาด้วยตัวเอง อย่างไรเสียท่าทางของมู่เหลียนหรงก็ไม่ได้ร้อนใจ แต่ใครจะคิดว่า คืนนี้จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น?

ต่อให้เซวียเฉียวจะสาบานแล้ว แต่นางก็ยังต้องเข้าใจสภาพการของตระกูลเซวียในแคว้นอวี่บ้าง!

นางไม่อยากให้ท่านอาแต่งไปแล้วต้องอดทนรับความน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ

เจียงหลีกะพริบตา เข้าใจความกังวลของมู่ชิงเกอ ก่อนจะรีบรับปากว่า “ภายในสามวันข้าจะให้เจ้า!”

“ขอบคุณมาก” มู่ชิงเกอตอบขอบคุณอย่างจริงใจ

คืนนี้ สายฟ้าฟาดลงทั้งที่ไร้เมฆฝนสองครั้งในแคว้นกู่วู่ และอีกแห่งหนึ่งในแคว้นกู่วู่ก็มีสารส่งข่าวฉบับหนึ่งถูกส่งเข้าไปในหอหลอมศาสตราสาขาย่อย

“อะไรนะ? เจ้าหนุ่มที่ถือทวนเทพสีเงินนั่นปรากฏตัวแล้ว?!” หัวหน้าสาขาของหอหลอมศาสตราสาขาย่อยตบโต๊ะขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มแรง!

บนโต๊ะตรงหน้าเขามีประกาศจับมู่ชิงเกอที่ส่งมาจากแคว้นหรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!