Skip to content

พลิกปฐพี 168-2

ตอนที่ 168-2

ตีจนมังกรกลายเป็นหนอน

ภายในพริบตา นัยน์ตาของซางจื่อซูฉายประกายแน่วแน่ ว่าขอยอมตาย นางคลานขึ้นมาจากเตียง พุ่งกระแทกไปทางกำแพงทันที

แต่ก่อนที่นางจะพุ่งเข้าชนกำแพง นางก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของนางถูกดึงออกมาอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งร่างลอยกลับไปและล้มลงบนเตียงอีกครั้ง

“อ้า—–!” ซางจื่อซูร้องด้วยความเจ็บปวด

“สารเลว คิดจะตายอย่างนั้นหรือ?” ชายคนนั้นพุ่งมาด้านหน้า กดร่างของซางจื่อซูที่อยากตายลง

เขาคร่อมอยู่บนตัวของซางจื่อซู ทางหนึ่งดึงเสื้อผ้าของตัวเองออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่หยาบกระด้าง อีกทางหนึ่งก็บังคับให้ซางจื่อซูมองมาที่ตัวเอง ท่าทางป่าเถื่อน “นังสารเลว คิดจะตายก็ต้องทำให้ข้ามีความสุขก่อนแล้วค่อยตาย!”

“เดรัจฉาน! ปล่อยข้า!” ซางจื่อซูพยายามขัดขืน แต่มันไม่ได้ช่วยอะไร กลับกันกลับทำให้ชายคนนั้นเกิดความสนุกมากยิ่งขึ้น

แควก—–!

ซางจื่อซูรู้สึกถึงความเย็นที่ช่วงอกมีลมหนาวพัดเข้ามา

นางกวาดตามองไป ก่อนจะเห็นชายเสื้อของนางถูกชายคนนั้นฉีกออก เผยให้เห็นผิวสีขาวเนียนด้านใน

ใบหน้าของนางขาวซีด ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังที่หอบนางตกลงไปในห้วงเหวสึก

“ขาวจริงๆ! หอมจริงๆ!” ชายคนนั้นถูกความขาวเปล่งประกายตรงหน้าทำให้หลงละเมอพูดออกมา โน้มกายลงไปสูดกลิ่นกายของซางจื่อซู…………..

ลมหายใจน่ารังเกียจติดอยู่ในปลายจมูก การใกล้ชิดของชายคนนั้น ทำให้ร่างกายของซางจื่อซูแข็งทื่อ

แขนขาของนางถูกยึดเอาไว้ แม้แต่แรงที่จะขัดขืนก็ไม่มีเหลือ ทำได้แต่ยอมให้ชายคนนั้นทำตามใจ

‘อย่า! อย่า! อย่า! ’

ซางจื่อซูราร้องอยู่ในใจ นํ้าตาแห่งความอัปยศรินไหลจากดวงตา ไหลลงไปสู่เส้นผม

นางขอสาบาน หากสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นางจะขอสับชายผู้นี้ที่ข่มเหงนาง นำความอัปยศมาสู่นางให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น

ความเกลียดชังส่องสะท้อนออกมา

‘พวกเราเป็นศิษย์ของโรงโอสถ เหตุใดจึงไม่ใช้พิษ?’ คำพูดที่มู่ชิงเกอเคยพูดสะท้อนเข้ามาในหัวของซางจื่อซูในทันใด ตอนนั้นนางก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ

แต่เดิมนางสมควรที่จะเชื่อฟังคำพูดของมู่ชิงเกอ ซ่อนยาพิษไว้ในร่าง โรยพิษไว้บนเล็บหรือบนเสื้อผ้าเล็กน้อย ก็ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นตอนนี้แล้ว

ยาพิษนั้นนางมี

แต่ว่าถูกนางเอาเก็บไว้ในกระเป๋าจัดเก็บไว้ใช้ในกรณีที่จำเป็น

ส่วนตอนนี้นางกลับไม่มีพลัง แม้แต่กระเป๋าจัดเก็บก็ไม่สามารถเปิดออกได้ จะเอายาพิษออกมาคุ้มครองตัวเองได้อย่างไร?

‘หรือว่าวันนี้ ข้าจะต้องถูกหมิ่นเกียรติแล้วหรือ? ศิษย์น้องมู่ เจ้าอยู่ที่ไหน…’ ซางจื่อซูรู้สึกถึงลมหายใจที่หยาบกร้านที่แล่นมาจากข้างหูจึงหลับตาด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

‘คนเหล่านี้คือ…’

หลังจากที่มู่ชิงเกอซ่อนกายอยู่หลังบ้านไม้ก็เกิดความสงสัยในบรรดาคนสวมชุดแปลกๆลาดตระเวนเหล่านี้ คนเหล่านี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนของโรงโอสถ แต่ว่าพวกเขาสวมชุดเหมือนกันและบนหน้าอกก็ปักลายสัญลักษณ์เดียวกัน น่าจะมาจากที่เดียวกัน

ดูจากท่าทางและลักษณะของพวกเขา ก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่เคยมีชีวิตอยู่ภายใต้คมหอกคมดาบ

โชคดีที่ความแข็งแรงของคนเหล่านี้ไม่สูงเกินไปนัก

ในสายตาของมู่ชิงเกอ ก็มองออกถึงระดับที่แตกต่างกันไป ในกลุ่มลาดตระเวนกลุ่มหนึ่ง มีระดับพลังชั้นสีเหลือง และระดับพลังชั้นสีแดง ส่วนคนที่นำกลุ่มเป็นระดับพลังชั้นสีเหลืองชั้นสูงสุด

มู่ชิงเกอคิดๆ ในระหว่างที่กลุ่มลาดตระเวนเดินผ่านตนเองไปนั้น ก็ลอบลักพาตัวคนที่เดินอยู่ด้านหลังสุดไว้ อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

ชายคนนั้นก็ถูกจับอย่างกะทันหันและกำลังจะกรีดร้อง แต่พลันรู้สึกเจ็บที่คอ เขาถูกจี้ด้วยกริชแหลมคม

“พวกเจ้าเป็นใคร?” เสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกเชือดคอในทันที

คนที่ถูกจับไม่กล้าร้องตะโกนอีก เขาเป็นแค่ระดับพลังชั้นสีเหลืองขั้นต้นเท่านั้น จะต่อต้านพลังอันแข็งแกร่ง ของมู่ชิงเกอได้อย่างไร? เขาเอ่ยสั่นๆ “พวกเราเป็นคนของสำนักจิงเหมิน”

สำนักจิงเหมิน?

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับชื่อนี้เลย

“พวกเจ้ามาโรงโอสถทำไม?” มู่ชิงเกอไม่ได้ถามลึกถึงเบื้องหลังของคนเหล่านี้ แต่ถามถึงคำถามหลักเลย

“ข้า ข้าก็ไม่รู้พวกเราแค่ตามท่านประมุขมา ให้ทำอะไรก็ทำตามคำสั่งของประมุข…” คนที่ถูกจับเอ่ยเสียงสะอื้น

คำตอบนี้ไม่อาจทำให้มู่ชิงเกอพอใจได้

ท่าทางของนางจึงเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาก นางถามอีกครั้ง “คนของโรงโอสถเป็นอย่างไร?”

“ล้วน ล้วนแต่ถูกหัวหน้าหัวของพวกเขาจับวางยาพิษ ขังไว้ในห้องโถงใหญ่…” คนที่ถูกจับพูดทุกอย่างที่ตัวเองรู้ออกมาทั้งหมด

‘หัวชางซู่!’

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววเยียบเย็น

“จำนวนคนและพลังของพวกเจ้า” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอีกครั้ง

“ข้า พวกข้ามีคนสี่ร้อยคนที่นี่ กำลังส่วนมากล้วนอยู่ระดับพลังชั้นสีเหลือง ระดับพลังชั้นสีเขียว มีส่วนน้อยที่อยู่ระดับพลังชั้นสีครามและระดับพลังชั้นสีนํ้าเงิน ประมุขของพวกเราเป็นยอดฝีมือระดับพลังชั้นสีม่วง” มู่ชิงเกอพอได้ฟังจบนัยน์ตาก็ฉายแววเย็นยะเยือก

มีกองกำลังเช่นนี้นี่เอง มิน่าถึงได้กล้าโจมตีโรงโอสถ

เกรงว่าที่หัวชางซู่กับพวกเขาร่วมมือกันก็เพราะกำลังของคนกลุ่มนี้อยู่ในแคว้นระดับสามก็ถือว่าร้ายกาจมากแล้ว

“เจ้ายังรู้อะไรอีก?” มู่ชิงเกอตะคอกถาม

“ข้า ข้าไม่รู้อะไร ประมุขต้องการรวมแคว้นอันดับสามให้เป็นหนึ่ง นอกจากนี้ข้าก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกแล้วจริง ๆ ” คนที่ถูกจับพูดออกมาอย่างเร่งร้อน

‘รวมแคว้นอันดับสามให้เป็นหนึ่ง?’ มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ

ทันใดนั้น นางก็หักคอของเชลย ตัดเส้นชีพจรและทำลายชีวิตของเขา

จากนั้น นางก็ไปทางห้องโถงใหญ่ที่ผู้คนถูกคุมขัง

นางยังไม่รู้จริงๆ ว่าในแคว้นระดับสามจะมีกลุ่มคนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนี้อยู่ ความสามารถมีเท่าไหร่กันเชียวถึงต้องการที่จะรวมแคว้นระดับสามให้เป็นหนึ่ง?

แล้วหัวชางซู่จะอยู่ในฐานะอะไรของแผนการในครั้งนี้?

อาศัยความเร็วของมู่ชิงเกอ ทำให้ไม่มีใครสามารถพบเห็นนางได้เลย

ยิ่งเข้าไปลึกขึ้น นางก็ยิ่งพบศิษย์ของสำนักจิงเหมินมากขึ้นเรื่อยๆ พลังก็เหมือนจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากที่เคยพบ โดยเฉพาะคนที่คอยเฝ้าระวังบริเวณห้องโถงใหญ่ ก็มีถึง สองร้อยกว่าคน ดูเหมือนว่ากำลังกว่าครึ่งเข้ามาในโรงโอสถ และในกลุ่มนี้ยังมีคนที่มีระดับพลังชั้นสีนํ้าเงินอยู่ด้วย

ตอนที่มู่ชิงเกอมาถึง ก็พอดีมองเห็นศิษย์โรงโอสถบางคนกำลังถูกคนของสำนักจิงเหมินจับตัวตามหัวชางซู่จากไป

มู่ชิงเกอไม่ได้กระโดดออกมาหยุดยั้ง แต่กลับรอให้พวกเขาไปไกลแล้ว ค่อยมุ่งไปทางห้องโถงใหญ่

พอเห็นคนของสำนักจิงเหมินที่เฝ้าอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อมู่ชิงเกอ นางก็ลอบมาที่ประตูของห้องโถงใหญ่อย่างไร้ร่องรอย กวาดตามองไปที่เหล่าศิษย์สำนักจิงเหมินที่หันหลังให้นางแล้ว ก็ดันประตูให้เปิดแง้มออกอย่างระมัดระวังแล้วแทรกตัวเข้าไป

การปรากฏตัวของนาง ทำให้สายตาของคนในห้องโถงใหญ่ฉายแววตกตะลึง

“ศิษย์น้องมู่!”

“ศิษย์พี่มู่!”

เสียงแสดงความตกตะลึงเกิดขนรอบทิศ แต่ก็ล้วนควบคุมเสียงไว้

มู่ชิงเกอทำสัญลักษณ์ให้พวกเขาเงียบ จากนั้นก็หาพี่น้องตระกูลเว่ยจากกลุ่มคนอย่างรวดเร็วและยังมีสุ่ยหลิง กับฟู่เทียนหลงและคนอื่น ๆ

แต่ว่า เมื่อนางมองเห็นได้ชัดถึงคนในอ้อมอกของพวกเขานั้น ดวงตาก็ตะลึงจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้น เพียงพริบตา นางก็มาถึงด้านหน้าของคนเหล่านั้น

“พี่มู่ ในที่สุดเจ้าก็มา! ฮือฮือฮือ!” เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอ เว่ยกว่านกว่านก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างกดดัน

สองมือของมู่ชิงเกอแยกออกไปจับชีพจรของโหลวชวนป่ายกับเหมยจื่อจ้ง เงยหน้ามองเว่ยฉีแล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“เป็นผู้ที่หัวชางซู่พามาผู้นั้นเป็นคนทำ! คนๆ นั้นดูเหมือนจะมีที่มาไม่ธรรมดา!” เว่ยฉีกัดฟันเอ่ยออกมา

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว นางสัมผัสได้ถึงพิษในร่างกายของโหลวชวนป่ายกับเหมยจื่อจ้ง ทั้งยังได้รับบาดเจ็บหนักภายในอีก

มู่ชิงเกอเอาขวดยาสองขวดออกมาจากหน้าอกอย่างรวดเร็ว แล้วก็เทออกมาสองเม็ด ให้เว่ยฉีและกับฟู่เทียนหลงเอาให้ทั้งสองคนกิน

จากนั้น ก็เอายาขวดที่สามออกมา บวกกับขวดอีกขวดหนึ่งที่เอาออกมาก่อนหน้า ยื่นให้แก่สุ่ยหลิง พร้อมเอ่ยว่า “ยาด้านในนั้นสามารถถอนพิษได้ เอาให้ทุกคนกิน”

สุ่ยหลิงเคลื่อนไหวในทันที ศิษย์จำนวนไม่น้อยก็ลุกขึ้นมาช่วย พร้อมใจกันลดเสียง ด้วยกลัวว่าจะถูกคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกค้นพบเข้า

หลังจากสุ่ยหลิงกระจายขวดยาในมือแล้ว ตัวเองก็เอาขวดหนึ่งวิ่งไปตรงหน้าของบรรดาผู้อาวุโสผู้คุมกฎของโรงโอสถ มอบยาถอนพิษแก่พวกเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version