ตอนที่ 168-3
ตีจนมังกรกลายเป็นหนอน
มู่ชิงเกอกวาดตามองรอบๆ เอ่ยกับทุกคนว่า “ตอนนี้ศัตรู มีมากกว่าพวกเรา ทุกคนเมื่อถอนพิษเสร็จแล้ว ก็รออยู่ที่นี่ รอโอกาสเคลื่อนไหว ศิษย์พี่จ้าวได้ส่งคนไปเรียกกำลังมาแล้ว ผู้อาวุโสเซี่ยแห่งโรงโอสถกลางก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นทุกคนไม่ต้องกังวลเกินไป พวกเจ้าจะไม่เป็นไร”
“ดีจริง! ดียิ่งนัก!”
“พวกเรามีทางรอดแล้ว!”
“ต่อไปพวกเรามีทางรอดแล้ว”
เหล่าผู้อาวุโสผู้คุมกฎของโรงโอสถพอได้ใช้ยาถอนพิษ แล้วก็รู้สึกว่าความติดขัดของพลังในร่างกายค่อยๆ หาย ไป ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หนึ่งในนั้นลุกขึ้นมา เดินมาทางมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยถามขึ้น “ทหารของแคว้นอวี๋จะมาถึงเมื่อไหร่?”
มู่ชิงเกอตอบ “อย่างน้อยก็สองวัน”
คำตอบนี้ทำให้คนในห้องโถงใหญ่วุ่นวายขึ้นมา
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสคนนั้นสูดหายใจแล้วเอ่ย “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ เจ้ากบฏหัวชางซู่กำหนด หากว่าวันนี้ไม่มีคนยอมจำนน ต่อเขาอีก เขาก็จะปล่อยคนข้างนอกเข้ามา ฆ่าทุกคน”
นัยน์ตาเยียบเย็นของมู่ชิงเกอฉายแววแข็งกร้าวขึ้น
วันนี้…
มู่ชิงเกอคิดคำนวณในใจ ภายในใจตัดสินใจอยู่เงียบๆ “มู่เกอ เจ้ารีบไปช่วยศิษย์พี่ซางเถอะ!” ทันใดนั้น เว่ยฉีก็ยืนขึ้นมา เอ่ยกับมู่ชิงเกอ
ซางจื่อซู?
ดวงตาของมู่ชิงเกอหดตัวลงรีบกวาดตามองรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบเงาร่างของซางจื่อซู
“นางเป็นอะไร?” มู่ชิงเกอสอบถาม ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้นมา
“นางถูกคนสารเลวที่ร่วมมือกับหัวชางช่ผู้นั้นจับตัวไป หากไม่รีบไป กลัวว่า กลัวว่า…” ท่าทางของเว่ยฉีดูรีบร้อน สองมือกำหมัดแน่น เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของซางจื่อซู ทั้งยังโมโหที่ตนเองไม่มีแรงที่จะช่วยคน
ดวงตาของมู่ชิงเกอมีไอสังหารที่เย็นเยียบพุ่งออกมา
ปัง—–!
ประตูใหญ่ถูกลมกรรโชกแรงสายหนึ่งปะทะให้เปิดออก คนที่เฝ้าอยู่สองคนหันกายไปตรวจสอบ แต่กลับไม่พบอะไร คนในห้องโถงใหญ่ ก็ไม่มีอะไรแปลก ยังคงจ้อง มองพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง
สบถคำหนึ่งแล้วพวกเขาก็ปิดประตูใหญ่ เฝ้าอยู่ด้านนอก
มู่ชิงเกอเพิ่งจากไป โหลวชวนป่ายกับเหมยจื่อจ้งที่สลบอยู่ก็ไอออกมาสองเสียง ค่อยๆ ฟื้นขึ้น
การฟื้นของทั้งสองคน ทำให้พวกเว่ยฉีทั้งสี่คนดวงตาเป็นประกาย
“ผู้อาวุโสโหลว ศิษย์พี่เหมย พวกท่านฟื้นแล้ว!” เว่ยฉีรีบเอ่ย
“จื่อซู จื่อซู ” เมื่อโหลวชวนป่ายตื่นขึ้นมาก็ถามถึงซางจื่อซูที่ถูกจับตัวไปในทันที เว่ยกว่านกว่านรีบเอ่ย “ผู้อาวุโสโหลว ศิษย์พี่ซางจะไม่เป็นไร มู่เกอได้ไปช่วยนางแล้ว”
“อะไรนะ! เขา เขามาแล้วหรือ?” เหมยจื่อจ้งตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา เอ่ยอย่างตกใจ
เว่ยกว่านกว่านออกแรงพยักหน้า “ไม่เพียงแต่มู่เกอที่มา ศิษย์พี่จ้าวก็มาแล้ว ได้ยินว่ายังมีผู้อาวุโสของโรงโอสถกลางก็มาด้วย มู่เกอเอายาถอนพิษให้พวกเราทุกคนถอนพิษ พวกเราไม่เป็นไรแล้ว”
“ดี ดี ดี ” โหลวชวนป่ายพูดดีต่อเนื่องสามคำ ความหวังที่ปรากฏ ทำให้นํ้าตาของเขาไหลออกมา
แต่ว่ายังไม่ได้เห็นซางจื่อซูปลอดภัย เขาก็ยังไม่สามารถจะวางใจได้อย่างเต็มที่
‘ที่ไหน? อยู่ที่ไหนกันแน่?’
มู่ชิงเกอไม่สนใจอะไรปล่อยจิตแห่งการหยั่งรู้ออกค้นหาซางจื่อซู หากที่ที่ไม่มีคน นางก็เว้นไว้ ส่วนที่ ๆ มีคนอยู่ นางก็รีบไป หากพบว่าไม่ใช่ก็รีบกลับหลังทันที ไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น นัยน์ตาของนางก็วาววาบขึ้น แฝงไปด้วยความเกรี้ยวโกรธรีบไปยังที่พักของศิษย์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปตรงหน้า
ภายในห้อง เสื้อผ้าบนร่างกายของซางจื่อซูถูกฉีกขาด เป็นชิ้นๆ อยู่ก่อนแล้ว บนร่างกายเต็มไปด้วยรอยขบกัดสีม่วงแดง นางนอนอยู่อย่างไร้ชีวิตชีวา สายตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและความชิงชัง ส่วนคนที่ล่วงเกินนางก็ยังคงคร่อมอยู่บนตัวนาง กำลังดึงกางเกงของนางลง
ทันใดนั้น เรียวขาของนางรู้สึกเย็นวาบ หางตาของนาง เห็นกางเกงชั้นในสีขาวสะอาดของตนเองถูกชายคนนั้น ขว้างทิ้งไป
“ฮ่าๆๆๆๆ—–!”
เสียงหัวเราะที่น่าขยะแขยงทำให้ซางจื่อซูเกิดความเคียดแค้นชิงชัง
ในตอนที่ชายคนนั้นกำลังจะขืนกายเข้าไป ประตูห้องที่ปิดอยู่ก็ถูกกระแทกจนเปิดออก—–
“ใครกัน!” ชายคนนั้นรีบดึงกางเกงของตนเองขึ้นในพริบตา หันร่างรับศัตรู
แต่ว่า ไม่รอให้เขามองเห็นร่างได้ชัด ก็รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามา ปะทะเข้าที่หน้าอกของเขาโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
พลังอันแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวนำเขาลอยพุ่งออกจากบ้านไม้ไปตกอยู่ที่ที่ไกลออกไป—–
เมื่อจัดการศัตรูไปได้ชั่วคราวแล้ว มู่ชิงเกอก็มองไปยังซางจื่อซูที่มีสภาพกระเซอะกระเชิงดูราวกับคนตาย เรือนร่างเกือบเปลือย ทำให้ดวงตาของนางแดงกํ่า ไอสังหารพุ่งออกมา
มู่ชิงเกอรีบหยิบเสื้อคลุมออกมาจากช่องว่าง แล้วก็คลุมตัวให้ซางจื่อซู พร้อมทั้งโอบนางขึ้นมา โอบไว้ในอ้อมอกของตนเอง
“ศิษย์พี่ซาง ศิษย์พี่ซาง ขอโทษด้วย ข้ามาช้าไป”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอกวาดมองร่องรอยบนตัวของซางจื่อซู นางไม่รู้ว่าสมควรจะพูดอะไรดี
เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน นางสามารถเข้าใจในความเจ็บปวดและสิ้นหวังของซางจื่อซูเมื่อครู่ได้
คนๆ นั้น…ไม่ว่าจะเป็นใครก็สมควรตาย!
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหรี่ลงอย่างอำมหิต เผยไอสังหาร ออกมาดุจดังคมมีด
“ศิษย์พี่ซาง เป็นข้าเอง” มู่ชิงเกอก้มลงมองซางจื่อซูที่แข็งดุจท่อนไม้ พยายามพูดปลอบอย่างอ่อนโยน แต่ว่าซางจื่อซูก็ยังคงไม่มีการตอบสนองเช่นเดิม เพียงแต่ร่างกายยังสั่นไม่หยุด ดวงตาว่างเปล่าไม่มองมู่ชิงเกอ เป็นหวาดกลัว หรือว่าโกรธ หรือว่าอับอาย?
ในเวลานั้นเอง มู่ชิงเกอก็ไม่รู้ว่าซางจื่อซูคิดอะไรอยู่กันแน่
การช่วยซางจื่อซู ก็ถือว่าเป็นการทำลายแผนการก่อนหน้านี้ไปพร้อมกัน มู่ชิงเกอเอาแท่งส่งสัญญาณบนร่างออกมา ปล่อยสัญญาณสีม่วงแดงออกไปข้างนอก พรึ่บ—–!
สัญญาณพุ่งขึ้นไปแสดงบนท้องฟ้า
จ้าวหนานซิงและเซี่ยเทียนอู๋ที่ลอบเข้ามาในโรงโอสถ ต่างก็มองเห็นมัน ศิษย์ของโรงโอสถรวมทั้งเหล่าผู้คุมกฎที่ถูกขังอยู่ในห้องโถงใหญ่ต่างก็มองเห็นแล้ว องครักษ์เขี้ยวมังกรและกองทหารพันเพลิงที่ก่อนหน้าได้รับข่าวสารที่มู่ชิงเกอใช้สัตว์อสูรบินของเซี่ยเทียนอู๋ส่งข่าวไป แล้วเคลื่อนไหวกันมาใกล้ๆ แถวนี้ต่างก็มองเห็นแล้วเช่นกัน
นี่เป็นสัญญาณบอกให้ปฏิบัติการ!
“ดูท่าคงเกิดเรื่องขึ้นแล้ว พวกเรารีบเดินทาง!” หลังจากที่หัวหน้าขององครักษ์เขี้ยวมังกรมองเห็นสัญญาณ ก็รีบออกคำสั่งเคลื่อนไหวทันที องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าสิบนายนำกองทหารพันเพลิงทั้งสองพันนายรีบเดินทางไปยังโรงโอสถ เหล่าคนของสำนักจิงเหมินที่เฝ้าอยู่โดยรอบก็ถูกกองทหารพันเพลิงจับไว้ องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าสิบนายไม่เข้าร่วมสงครามตรงหน้ารีบพุ่งเข้าไปในโรงโอสถ
มู่ชิงเกอทั้งปล่อยสัญญาณทั้งถอนพิษให้ซางจื่อซู ใช้พลังชักนำพลังในร่างของนางให้เคลื่อนไหว จากนั้นก็เอาเสื้อชุดใหม่ออกมาจากกระเป๋าจัดเก็บของนาง ให้ นางสวมใส่
หลังจากสวมเสร็จแล้ว นอกจากท่าทางของซางจื่อซูที่ยังคงเดิมแล้ว ก็มองไม่เห็นอะไรผิดแปลก
อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บทางใจก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถขจัดออกได้ในชั่วพริบตา
มู่ชิงเกอโอบกอดนาง รีบออกจากบ้านไม้
“จิงอู๋ตี้! มีศัตรูบุกเข้ามา คนของเจ้าทำอะไรอยู่!”
ชายคนที่ถูกมู่ชิงเกอทุบตีลอยออกไป แล้วโกรธโมโห อยากจะกลับมาค้นหาศัตรู ยังไม่ทันกลับมาถึงบ้านไม้ที่เกิดเรื่อง ก็ถูกหัวชางซู่ที่มีสีหน้าอำมหิตเข้ามาหยุดไว้
นัยน์ตาของจิงอู๋ต้ฉาย แววโหดเหี้ยมแล้วเอ่ยอย่างผยองว่า “ใครกล้ามา ก็ฆ่ามันเสียก็สิ้นเรื่อง!”
ทันใดนั้น นัยน์ตาของจิงอู๋ตี้ก็หรี่เล็กลง เอ่ยกับหัวชางซู่ว่า “บอกแก่บรรดาคนที่อยู่ในเมืองซางจื่อว่าสามารถเริ่มดำเนินการได้แล้ว”
หัวชางซู่พยักหน้า
เรียกนกอสูรออกมาจากแขนเสื้อปล่อยมันออกไป
“ตอนนี้จะทำอย่างไร?” หัวชางซู่เอ่ยถาม
รอยบากบนใบหน้าของจิงอู๋ตี้ก็ขยับเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววโหดเหี้ยมแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะไปหาคนๆหนึ่ง”
“คนๆ หนึ่ง? ใครกัน? ถึงเวลาไหนแล้ว เจ้ายังจะไปหาใครอีก?” หัวชางซู่ชะงัก เอ่ยอย่างไม่พอใจขึ้นในทันที
จิงอู๋ตี้กกลับกวาดตามองเขาอย่างเย็นชา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอำมหิต “กล้าทำลายเรื่องดีๆของข้า ก็ต้องใช้ชีวิตทดแทนถึงจะได้”
พูดแล้วเขาก็ไม่สนใจหัวชางซู่อีก พลิ้วร่างไปที่บ้านไม้ข้างหน้า
รอเขาไปถึงบ้านไม้ไหนเลยจะยังมีเงาร่างของมู่ชิงเกอและซางจื่อซูอีก?
มู่ชิงเกอโอบซางจื่อซูกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ ที่ได้แตกตื่นวุ่นวายไปหมดแล้ว เมื่อมองเห็นสัญญาณของนาง คนในห้องโถงใหญ่ก็ล้วนพุ่งออกไป ต่อสู้กับคนของสำนักจิงเหมิน
บรรดาผู้อาวุโสผู้คุมกฎของโรงโอสถ ล้วนแต่อยู่ระดับพลังชั้นสีนํ้าเงิน แต่ว่าเพิ่งจะได้รับการถอนพิษ ร่างกายจึงยังคงอ่อนแอ ทั้งยังต้องปกป้องเหล่าศิษย์ที่มีพลัง ตํ่าอีก เพียงครู่หนึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมด
คนของสำนักจึงเหมินคนอื่นๆ ที่ลาดตระเวนอยู่ก็เข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ นี่ทำให้แรงกดดันของฝั่งโรงโอสถเพิ่มมากขึ้น
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ตวัดมือปล่อยหยินเฉินออกมา
มีหยินเฉินเพิ่มเข้าไป ฝั่งโรงโอสถก็ลดแรงกดดันได้มากขึ้น โหลวชวนป่ายกับเหมยจื่อจ้งก็สามารถหลุดออกมาจนมาถึงข้างกายของมู่ชิงเกอและซางจื่อซูได้
“จื่อซู ” โหลวชวนป่ายกับเหมยจื่อจ้งมองซางจื่อซูอย่างเป็นกังวล เห็นท่าทางของนางแข็งทื่อดุจท่อนไม้
ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดมองไปที่มู่ชิงเกอ “จื่อซูนาง นาง…”
“ท่านอาจารย์! ศิษย์พี่! จื่อซู…” มู่ชิงเกอยังไม่ได้ตอบเสียงของจ้าวหนานซิงก็ดังเข้ามา
ข้างกายของเขายังมีเซี่ยเทียนอู๋ ทุบตีศิษย์ของสำนักจิงเหมินที่ขวางทางออกไป ทั้งสองคนก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าของมู่ชิงเกอ
จ้าวหนานซิงมองซางจื่อซูที่ถูกมู่ชิงเกอโอบกอดไว้ในอ้อมอก นัยน์ตาหดเล็กลง เอ่ยถาม “จื่อซู นางเป็นอะไร?”
“ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเทียนอู๋ก็เอ่ยออกมาทันที
ตอนที่เขาพบเห็นหยินเฉิน ในใจก็ลอบเอ่ยเพียงครู่เดียว ไม่รู้ว่าอสูรวิญญาณตัวนี้หลุดออกมาจากที่ไหน กลับมาช่วยคนของโรงโอสถต้านศัตรู
มู่ชิงเกอยังไม่ทันได้ตอบคำถามของพวกเขา เพียงส่งซางจื่อซูให้จ้าวหนานซิง
แต่ว่าซางจื่อซูที่ร่างกายแข็งทื่อกลับยึดชายเสื้อของมู่ชิงเกอเอาไว้แน่น ดูคล้ายกับกลัวว่านางจะจากไป ในดวงตาที่ว่างเปล่านั้น เกิดความสับสนและหวาดกลัว
“จื่อซู!” สองมือที่จ้าวหนานซิงยื่นออกไปแข็งเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดใจ
การตอบสนองของซางจื่อซู เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกมู่ชิงเกอที่จะเดาคำตอบ
มู่ชิงเกอรู้สึกได้ถึงว่าซางจื่อซูยึดตนเองเป็นที่พึ่ง แต่ก็ยังก้มหน้าลงเอ่ยกับนางว่า “ศิษย์พี่ซางอย่ากลัวไป อาจารย์ศิษย์พี่เหมย ศิษย์พี่จ้าวล้วนอยู่ พวกเขาทั้งหมดจะปกป้องท่าน ท่านรอข้า ข้าจะไปช่วยจับคนๆ นั้น มาให้ท่าน ให้ท่านได้ล้างแค้น!”
ล้างแค้น! ล้างแค้น!
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ล้างแค้น’ ดวงตาของซางจื่อซูถึงได้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่ทั้งเย็นเยียบและสิ้นหวังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ดวงตาเช่นนี้ทำให้คนปวดใจ ในที่สุดซางจื่อซูก็ยอมปล่อยมือ ปล่อยให้จ้าวหนานซิงรับเอาร่างของตัวเองไป เพียงแต่ตอนที่นางสัมผัสกับจ้าวหนานซิง ร่างกายก็สั่นด้วยความหวาดกลัวออกมาอย่างอดไม่ได้
เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางสั่น จ้าวหนานซิงก็ยิ่งปวดใจมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้ เขาไม่รู้ว่าสมควรพูดอะไรมาปลอบใจซางจื่อซู ทำได้แค่เพียงมองมู่ชิงเกอ แล้วเอ่ยกับนางว่า “ศิษย์น้องมู่ ต้องนำตัวคนๆ นั้นกลับมาให้ได้”
มู่ชิงเกอพยักหน้า เงาร่างหายไปจากสายตาของพวกเขา