Skip to content

พลิกปฐพี 170-1

ตอนที่ 170-1

อาหารของหยวนหยวนจอมตะกละ!

แคว้นปา ดินแดนแห่งหมู่มวลเทือกเขา

ในแคว้นอันดับสามมีคำพูดประโยคหนึ่งกล่าวขานสืบต่อกันมา บรรยายถึงลักษณะภูมิประเทศของแคว้นปา

ถนนหนทางในแคว้นปา ยากยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์!

แคว้นปามีภูเขามากมาย ถนนหนทางขรุขระ เต็มไปด้วยผาสูงเหวลึก หากเผลอใผลไม่ระวังเพียงชั่วครู่ก็อาจจะต้องสังเวยชีวิต นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสัตว์ร้ายหนอนพิษ เกะกะระรานไปทั่ว

เส้นทางสายนี้ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก เห็นได้ถึงภูมิประเทศอันสุดแสนอันตรายของแคว้นปา บางทีอาจจะด้วยเพราะเหตุนี้ แคว้นปาถึงได้ใช้ความพิเศษดังกล่าวดำรงอยู่ในแคว้นระดับสาม ระยะทางจากชนเผ่าหนึ่งไปอีกชนเผ่าหนึ่ง มีภูเขาและแม่นํ้ากั้นกลาง จะสู้รบกันนั้นไม่ง่ายเลย สิ้นเปลืองกำลังชาวบ้านและเงินทองของแคว้นนัก มิสู้แบ่งเขตการปกครอง

“มู่เกอรีบมาดูเร็วเข้า เทือกเขาปาฮวงอยู่นั่นไง” ฟู่เทียนหลงชี้ไปที่เทือกเขาแห่งหนึ่งซึ่งถูกเมฆบังอยู่ดูไม่รู้ว่าคือที่ใด เอ่ยบอกมู่ชิงเกอที่อยู่ข้างๆ

มู่ชิงเกอมองไปลิบๆ นอกจากภูเขาแล้วก็ยังคงเป็นภูเขา บรรดาเมฆขาวบดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเทือกเขา ยิ่งให้ความรู้สึกลึกลับขึ้นอีกหลายส่วน

หลังจากที่ได้รับข่าวคราวว่าที่แคว้นปามีพญาเพลิงปาฮวงซูคง มู่ชิงเกอก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปแคว้นปา ขณะที่กำลังจะออกเดินทาง เซี่ยเทียนอู๋ก็มาหานางถามไถ่เรื่องหัวหน้าสาขาย่อยคนใหม่

เรื่องดีๆ ไหนเลยไม่ใช่พวกพ้องญาติมิตร มู่ชิงเกอจึงเสนอโหลวชวนป่ายให้เขารับตำแหน่งหัวหน้าสาขาย่อยของโรงโอสถ

ในตอนแรกนางก็คิดจะรับบททดสอบในการเดินทางนอกสำนัก แต่เซี่ยเทียนอู๋ก็บอกนางว่า ตอนนี้นางเป็นผู้อาวุโสของโรงโอสถ ไม่จำเป็นต้องไปจัดการเรื่องการทดสอบอะไรนั้น นี่ก็ช่วยลดภาระของนางไปได้ไม่น้อย ตอนที่นางจากมา ซางจื่อซูอาการดีขึ้นมาก รับความจริงเรื่องนางเป็นสตรีได้แล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่มองนัยน์ตานาง จะมีการสังเกตและฉายแววสงสัยขึ้นหลายส่วน มองจนนางรู้สึกแปลกๆ การเดินทางไปแคว้นปาครั้งนี้ได้ฟู่เทียนหลงเป็นผู้นำทาง เขาบอกว่าถือเป็นการกลับไปส่งข่าวให้ทางบ้านทราบว่าอยู่สุขสบายดี ส่วนสุ่ยหลิงรั้งตัวอยู่ศึกษาต่อที่สาขาย่อย

มู่ชิงเกอคิดดูแล้วก็ไม่ได้บอกปฏิเสธความปรารถนาดีของฟู่เทียนหลง

มีคนคุ้นเคยนำทางช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก อีกอย่างที่ฟู่เทียนหลงไปโรงโอสถสาขาย่อยก็เพียงไปเป็นเพื่อนสุ่ยหลิง ไม่ได้คิดที่จะเรียนรู้เรื่องศาสตร์การหลอมโอสถ จริงๆ ดังนั้นเสียเวลาไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด

“ข้าดูไม่ออกจริงๆ ว่าภูเขาที่นี่มีอะไรที่แตกต่าง” เก็บสายตาที่ทอดมองออกไปไกล มู่ชิงเกอก็สั่นศีรษะด้วยจนปัญญา

ฟู่เทียนหลงไม่ได้หัวเราะนางแต่อธิบายว่า “คนต่างแคว้นเมื่อมาเยือนแคว้นปาครั้งแรกก็จะงงๆอย่างนี้แหละ ยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างภูเขากับภูเขา ออก”

“อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงเทือกเขาปาฮวง?” มู่ชิงเกอเข้าประเด็น

ฟู่เทียนหลงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ว่า “พวกเราสามารถมองเห็นได้จากตรงนี้ แต่ว่าความจริงแล้วเทือกเขาปาฮวงอยู่ไกลมาก นี่เรียกว่าดูเหมือนใกล้แต่ที่จริงแล้วอยู่ไกลมาก คาดว่าต้องใช้เวลาเป็นสิบกว่าวันถึงครึ่งเดือนกว่าจะถึง ตอนนี้มาถึงแคว้นปาแล้วไม่สู้เจ้าตามข้ากลับชนเผ่าหู พักผ่อนเสียก่อนให้ข้าหาข้อมูลเรื่องพญาเพลิงปาฮวง ซูคงก่อน แล้วข้าค่อยไปเป็นเพื่อนเจ้าก็ไม่สาย”

มู่ชิงเกอครุ่นคิดก่อนพยักหน้ารับ “ก็ดีเหมือนกัน”

ทั้งคู่เดินทางผ่านถนนสายเล็กๆ อันแสนขรุขระไปได้ ระยะหนึ่งก็เข้าสู่ถนนอีกสายหนึ่งที่นับกว่ากว้างแต่ลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง ทางขึ้นทางลงลาดชัน

“ชนเผ่าหูอยู่ใกล้กับที่นี่หรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามนายน้อยหัวหน้าเผ่าหูที่อยู่ข้างๆ

ฟู่เทียนหลงฉีกยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวเรียงตัวกันเป็นระเบียบ “นับว่าใกล้อยู่นะ ใช้เวลาเดินทางประมาณสามสี่วัน”

สามลี่วันก็ไม่ได้นับว่าไกล

มู่ชิงเกอลอบคำนวณในใจเงียบๆ การเดินทางที่มีฟู่เทียนหลงนำทาง มู่ชิงเกอไม่ต้องกังวลว่าเสี่ยงหลงทาง กลับกันนางสนใจหญ้าพิษดอกไม้พิษและสมุนไพรบางอย่างที่อยู่รายทาง ระหว่างทางก็เก็บเข้าไปในช่องว่างไม่น้อย บุกเบิกพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เพาะปลูกโดยเฉพาะ

ช่วงกลางวันของวันที่สี่ ในที่สุดมู่ชิงเกอกับฟู่เทียนหลงก็มองเห็นเงาร่างของชนเผ่าแห่งหนึ่ง

ชนเผ่าหูเป็นหนึ่งในชนเผ่ามากมายของแคว้นปา ชนเผ่ากลุ่มใหญ่ที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ตำแหน่งผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันของแคว้นปาก็เป็นคนของชนเผ่าหู ก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่แคว้นลี่ มู่ชิงเกอมีโอกาสได้พบหน้าเขาครั้งหนึ่ง

ตลอดเส้นทางพวกมู่ชิงเกอผ่านชนเผ่าอื่นๆ อยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงชนเผ่าขนาดเล็กๆ เทียบได้กับหมู่บ้านหรือตำบลของแคว้นอื่น

แต่ว่าชนเผ่าหูนี้กลับเป็นเมืองขนาดใหญ่

มู่ชิงเกอยืนอยู่บนยอดเขากวาดสายตามองพื้นราบที่อยู่ติดภูเขาและแม่นํ้าเบื้องล่าง รูปแบบเมืองที่ขุดพื้นขึ้นมา แล้วเกิดความรู้สึกประหลาดใจ

เมืองเหล่านี้จากพื้นที่ราบทอดยาวถึงบนภูเขา สลับซ้อนกันราวกับปราสาทที่มีหลายชั้นอย่างไรอย่างนั้น

แม้แต่ด้านนอกเมือง ก็ยังมีบริเวณที่พักอาศัยกระจายกันอยู่ บ้างก็อยู่บนเขา บ้างก็อยู่ตีนเขา

“พวกเราชาวเผ่าหูส่วนมากแล้วจะอาศัยอยู่ในเมือง มีบ้างที่อาศัยอยู่นอกเมือง พวกที่สร้างบ้านล้อมรอบเมืองอยู่ บางส่วนเป็นชาวเผ่าหู บางส่วนก็เป็นชนเผ่า เล็กๆ ที่มาพึ่งชนเผ่าหู” ฟู่เทียนหลงเอ่ยแนะนำกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอปรายตามองรอบๆ พยักหน้าแทบไม่ทันสังเกต “สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ทิวทัศน์ดึงดูดผู้คน”

ฟู่เทียนหลงเดินนำมู่ชิงเกอเข้าไปกลางเมือง ระหว่างทางก็บอกนางว่า “ชนเผ่าหูตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงแคว้นปา ใช้เวลาเดินทางเพียงวันสองวัน หากมีเวลาเจ้าสามารถไปดูได้ที่นั่นจะไม่เหมือนกับเมืองหลวงของแคว้นอื่น เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ศูนย์กลางของชาวแคว้นปา ผู้นำของชนเผ่าต่างต่างๆ ยึดถือว่าการเข้าไปที่นั่นถือเป็นเกียรติ อยู่ที่นั่นทุกอย่างไม่มีค่าใช้จ่าย จะกินดื่ม หลับนอน ก็ไม่ต้องจ่ายเงิน”

“ดีขนาดนี้เลย?” มู่ชิงเกอมองเขาด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

ฟู่เทียนหลงพยักหน้ารับ “ใช่ เพราะว่ารายจ่ายของที่นั่น ได้จากการบริจาคของชนเผ่าต่างๆ ดังนั้นก็ถือว่าได้รับจากประชาชนใช้โดยประชาชน”

“ได้จากประชาชนใช้โดยประชาชน’’ มู่ชิงเกอเอ่ยพึมพำ อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้ม คำกล่าวนั้นนางได้ยินอยู่บ่อยๆ ในภพที่แล้ว แต่ที่สามารถทำได้จริงยังมีน้อย ไม่คิดว่าหลังจากทะลุมิติมานางยังได้ยินแนวคิดนี้จากโลกใบใหม่

นอกชุมชนเมืองของชนเผ่าหูไม่มีทหารเฝ้ายาม ราวกับว่าระหว่างพวกเขาต่างก็คุ้นเคย ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบและสอบถาม

“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว!”

“นายน้อยกลับมาแล้ว!”

คนที่อยู่ละแวกประตูเมืองพอเห็นฟู่เทียนหลงต่างพากันตื่นตัวขึ้นมา

พวกเขาลอบพิจารณามู่ชิงเกอด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา

ฟู่เทียนหลงกลับมาที่นี่ราวกับได้ปลดปล่อยตัวเอง ไม่ได้เงียบขรึมและเถรตรงเหมือนตอนอยู่ที่โรงโอสถสาขาย่อย ใบหน้าระบายรอยยิ้มสดใสทักทายผู้คนรอบข้างไม่หยุด

“เจ้านี่ดูเป็นกันเองกับชาวบ้านดีนะ” มู่ชิงเกอเอ่ยกระเซ้า ฟู่เทียนหลงเอ่ยชี้แจงอย่างเสียมิได้ “ส่วนมากจะเป็นผู้อาวุโสที่เห็นข้ามาตั้งแต่เล็ก ไม่ก็เป็นพวกที่เติบโตมาพร้อมกับข้า ข้าจะวางท่าเป็นลูกหัวหน้าเผ่าต่อหน้าพวกเขาได้อย่างไร?”

มู่ชิงเกอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

ตอนนี้เองก็มีดรุณีน้อยชนเผ่าหูนางหนึ่งพุ่งเข้ามาอยู่ข้างกายฟู่เทียนหลง ราวกับนกกระจาบในป่า เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มยินดีว่า “พี่เทียนหลง ท่านกลับมาแล้ว!”

ฟู่เทียนหลงชะงัก มองหน้าดรุณีน้อยยิ้มๆ ว่า “ไป๋เฉ่านี่เอง! ไม่เจอกันไม่กี่วัน สวยขึ้นเป็นกองเลย”

ดรุณีน้อยยามว่าไป๋เฉ่าเผยรอยยิ้มเอียงอาย นิ้วมือม้วนปลายผมตัวเองเบาๆ เอ่ยขึ้นอย่างกระมิดกระเมี้ยนว่า “พี่เทียนหลงหยอกผู้อื่นเล่นอีกแล้ว” พูดจบ สายตานาง ก็ลอยไปหยุดลงที่ที่มู่ชิงเกอ นางตะลึงค้างทันที นัยน์ตาเป็นประกายชื่นชม เอ่ยถามออกมาตรงๆ ว่า “พี่ชายสุดหล่อ! ท่านเป็นเพื่อนกับพี่เทียนหลงหรือ?”

“ไป๋เฉ่า!” ฟู่เทียนหลงถลึงตาดุใส่นาง หันกลับมาอธิบายกับมู่ชิงเกอว่า “เจ้าอย่าไปถือสานางเลย หญิงสาวที่แคว้นปาก็อัธยาศัยดีพูดจาตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ไป๋เฉ่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดี”

ไป๋เฉ่าแลบลิ้นด้วยอาการทะเล้น มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด

มู่ชิงเกอหัวเราะ ไม่ได้ใส่ใจ

ชนเผ่าแคว้นปามีมากมาย แต่มีจุดเด่นคือการต้อนรับแขกด้วยความอบอุ่น จุดนั้นนางรู้ดี เดินมาพร้อมกับลูกหัวหน้าเผ่าเช่นฟู่เทียนหลง นางก็พลอยได้รับความรู้สึกอบอุ่นนี้ไปด้วย

หลังจากไล่ไป๋เฉ่าไปแล้ว ฟู่เทียนหลงก็พามู่ชิงเกอตรงมาที่บ้านไม้หลังหนึ่ง ตัวบ้านด้านล่างโล่งกว้าง หยุดอยู่ด้านหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้าใจร้อนเรื่องพญาเพลิงปาฮวงซูคง ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะล่าช้า นี่เป็นบ้านของผู้อาวุโสของเผ่าข้า ถือว่าเป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดในชนเผ่าหู และยังรู้เรื่องราวมากมายที่พวกเราไม่รู้ ครั้งแรกที่ข้ารู้เรื่องพญาเพลิงปาฮวงซูคงก็รู้มาจากที่นี่”

มู่ชิงเกอดวงตาเป็นประกาย มีความรู้สึกรอคอยและคาดหวังต่อคนที่กำลังจะได้พบหน้าหลายส่วน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version