ตอนที่ 173-1
คนครบจนสามารถตั้งวงไพ่ได้!
“เพราะเหตุใดพวกเขาถึงนั่งรถมาที่นี่ได้ แต่พวกเราถึงต้องเดินมา?”
“เพราะว่าพวกเจ้ามาจากแคว้นชั้นต่ำอย่างแคว้นระดับสามไงเล่า!”
เสียงพูดของฟ่งอวี๋เฟยยังไม่ทันหายไป ฉิวเกาก็ยังไม่ทันได้พูดจา ก็ได้ยินเสียงพูดอันหยิ่งยโสดังออกมาจากรถม้าคันที่หนึ่ง
แล้วก็ยังมีเสียงหัวเราะเยาะแว่วตามมา!
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเยียบเย็น นัยน์ตาของฟ่งอวี๋เฟยกับจ้าวหนานซิงก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
เสียงหัวเราะยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
ส่วนใบหน้าของมู่ชิงเกอและคนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่นี่คือวังหลวงของอาณาจักรเซิ่งหยวน เป็นตระกูลไหนของแคว้นชั้นสองที่หยิ่งผยองถึงขนาดนี้ มู่ชิงเกออยากจะเห็นหน้าจริงๆ
“น่ารำคาญจริงๆ! หัวเราะได้น่ารังเกียจขนาดนั้น ทำลายหูของข้าฮ่องเต้หญิงผู้นี้จริงๆ!” ทันใดนั้นเอง เสียงแหลมสูงของสตรีอยู่ๆ ก็ดังเข้ามา ทำให้เสียงที่กำลังหัวเราะเยาะนั้นหยุดลง เมื่อได้ยินเสียงนี้หว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างอำมหิต ของมู่ชิงเกอก็คลายลงเล็กน้อย แม้แต่นัยน์ตาก็ฉายแววพึงพอใจ ตอนนี้คนก็ได้ทยอยลงมาจากรถม้าทั้งสี่คัน คันหน้าทั้งสามคันเดินลงมาล้วนแต่เป็นบุรุษ ทุกๆ คน ล้วนแต่ดูสูงส่งไม่เห็นหัวใคร แม้แต่องครักษ์ที่ติดตามมาก็ดูเหมือนไม่ใช่คนธรรมดา
บนรถม้าคันสุดท้าย มีคนลงมาเพียงแค่คนเดียว บนใบหน้าคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าสีทอง เผยให้เห็นแค่เพียงนัยน์ตาสีทองทรงเสน่ห์คู่หนึ่ง
นางมีรูปร่างสูงสง่างาม แค่เพียงขยับมือก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดูแตกต่าง ทำให้คนอื่นๆ ต้องลอบมองอยู่เป็นระยะๆ
คนสามคนจากรถคันแรก เดินก้าวเท้าเดินผ่านนางไป
ฉากนี้ทำให้มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง เท้าขยับเล็กน้อย และในตอนที่นางเตรียมจะเดินออกไปนั้น เจียงหลีที่อยู่ทางนั้นก็ส่งสายตาบอกให้นาง ‘อย่าก่อความวุ่นวาย’
เมื่อคิดครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอก็หยุดเท้าที่ยกขึ้นมา เพียงแต่สองตายังคงจ้องอยู่เหมือนเดิม หากมองด้านข้าง ก็คงดูเหมือนว่ากำลังถูกความงดงามของฮ่องเต้ หญิงแห่งแคว้นกู่วู่ดึงดูดเอาไว้ แน่นอนว่า จ้าวหนานซิงซึ่งรู้ว่านางเป็นผู้หญิง จึงไม่ได้มีความคิดว่านางจะมีความคิดอื่นกับผู้หญิง ดังนั้นเขาจึงเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอ เอ่ยกระซิบที่ข้างหูของนางว่า “เจ้ารู้จักฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นกู่วู่ผู้นั้นด้วยอย่าง นั้นหรือ?”
มู่ชิงเกอหลุดพูดออกมาเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ก็รู้ว่านางคือใครอย่างนั้นหรือ?”
มุมปากของจ้าวหนานซิงกระตุก “นี่ไม่ยากที่จะคาดเดา สามารถปรากฏตัวพร้อมกันกับคนของแคว้นระดับสองได้ทั้งยังไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นอกจากฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นกู่วู่แล้วจะมีใคร?”
รอยยิ้มบนมุมปากของมู่ชิงเกอแสดงออกอย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงไม่เปิดปากอธิบาย
ไม่ใช่ว่านางเจตนาจะทำให้เข้าใจผิด แต่ความสัมพันธ์ของนางกับเจียงหลีนั้นเป็น อืม ไม่เหมือนทั่วไป ทั้งยังต้องแสดงความรับผิดชอบ ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เหมาะแก่การอธิบาย
ตอนนี้ คนทั้งสามที่ก่อนหน้านี้หัวเราะเยาะพวกมู่ชิงเกอได้เดินตรงไปถึงด้านหน้าของเจียงหลีแล้ว คนที่นำ ทำสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยกับเจียงหลีว่า “ฮ่องเต้หญิงเจียงหมายความว่าอย่างไร?”
คนๆ นี้ก็รู้ว่าสถานะของแคว้นกู่วู่นั้นพิเศษมาก ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะดูไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ไร้มารยาทเหมือนกับตอนที่ทำกับพวกมู่ชิงเกอทั้งสามคน
เจียงหลีปรายตามองเขาอย่างดูแคลนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างหยิ่งผยองว่า “คำพูดของข้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ? หรือว่าพวกเจ้าคนของแคว้นหรงล้วนแต่เป็นพวกที่หูตาฝ้าฟาง”
“เจ้า!” คนหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านขวาของผู้นำคนนั้นได้ยินคำพูดของเจียงหลีแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูเป็นอย่างมาก เหมือนว่าแค่ฟังไม่เข้าหูก็พร้อมจะลงมือในทันที ราวกับว่าผู้นำคณะทูตจากแคว้นหรงคนนั้นจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์จากด้านขวาจึงยกมือขึ้นมาขวาง ไม่ให้เขาลงมือโดยพลการ
‘ที่แท้ก็เป็นคนของแคว้นหรง’ มู่ชิงเกอลอบเอ่ยในใจ
นางลอบคิดว่า ข่าวสารนี้เป็นเจียงหลีเจตนาเปิดเผยแก่นาง เพื่อให้นางได้รู้ว่าคนที่หลบหลู่นางนั้นเป็นคนของแคว้นไหน
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่าพวกหยิ่งผยองพวกนี้จะมาจากแคว้นหรง
ดูท่า ระหว่างนางกับแคว้นหรงนั้นจะมีชะตาร่วมกัน ทั้งยังดูไม่ตื้นเขินเลย
“ที่แท้ก็เป็นคนของแคว้นหรง มิน่าถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้” จ้าวหนานซิงก้มลงกระซิบที่ข้างหูของมู่ชิงเกอ ได้ยินถึง ‘แคว้นหรง’ สองคำบนใบหน้าของเขาก็ฉายแววเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในทันที
สีหน้าของฟ่งอวี๋เฟยดูหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย เข้ามาใกล้มู่ชิงเกออย่างเงียบเชียบ กระซิบข้างกายนางว่า “ข้าเคยได้ ยินเสด็จพ่อพูดว่าภายในแคว้นระดับสอง เพราะว่าแคว้นหรงมีหอหลอมศาสตรากับสำนักหมื่นอสูร ดังนั้น ทำอะไรถึงได้หยิ่งยโส อยู่ภายในแคว้นระดับสองไม่ว่า ทำอะไรก็จะพุ่งไปอยู่ด้านหน้าเสมอ”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจค่อยๆ มีความเข้าใจขึ้น
“ฮ่องเต้เจียงต้องการพูดแทนคนชั้นต่ำที่มาจากแคว้นระดับสามพวกนี้อย่างนั้นหรือ?” ผู้นำขบวนของแคว้นหรงใช้นัยน์ตาดูถูกเหยียดหยามและเย็นชากวาดมอง พวกมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง
ตอนนี้นั้นเป็นยามกลางคืน แสงสว่างไม่เพียงพอ ถึงจะมีแสงจากโคมไฟในวัง แต่ก็เป็นเพราะการกระจายตัวของแสง ทำให้เกิดเป็นเงาซ้อนทาบทับ
บริเวณที่พวกมู่ชิงเกอยืนเป็นตรงที่มีเงาซ้อนทับมากที่สุดพอดี ดังนั้นเมื่อกวาดตามองไป เขาก็เห็นแค่เพียงมีเงาคนยืนอยู่ที่นั้น ซึ่งดูเหมือนจะอ่อนแอและสามารถรังแกได้ง่าย
ทำให้ท่าทางดูถูกของเขายิ่งเข้มข้นขึ้น เพิ่มเสียงสบถอย่างเย็นชาเข้าไปอีก
“แคว้นระดับสาม? คนชั้นต่ำ?” คำถามนี้ไม่ได้มาจากเจียงหลีแต่มาจากมู่ชิงเกอ
นํ้าเสียงของนาง ดึงดูดคนของแคว้นหรงทั้งสามคนได้สำเร็จ ส่วนตัวแทนของแคว้นตี๋และแคว้นอวี่ที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ก็ล้วนแต่หันมามอง
เจียงหลีขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววนึกสนุกขึ้นมา
เดิมทีนางคิดที่จะคลายปัญหาให้มู่ชิงเกอบ้างเล็กน้อย ที่นี่เป็นวังหลวงของอาณาจักรเซิ่งหยวน ที่จริงคนของแคว้นระดับสามยืนอยู่ที่นี่ก็ไม่มีที่ให้พูดอยู่แล้ว เพียงแต่ คิดไม่ถึงว่าคนของแคว้นหรงจะไม่รู้จักกาลเทศะ ส่วนมู่ชิงเกอเองก็ทนไม่ได้
มู่ชิงเกอค่อยๆ เดินออกมาจากเงา แสงโคมไฟรอบทิศส่องไปที่ร่างของนาง สลายเงามืดบางส่วนออกไป ก่อนที่นางจะโผล่ออกมา
ชุดผ้าไหมสีแดงสดดุจเลือด เรือนร่างสูงเพรียว ใบหน้างดงามเป็นเอก หาตัวจับได้ยาก เหมือนดังไข่มุกในยามกลางคืน พริบตาเดียวก็ส่องสว่างไปทั่วจิตใจของทุกคน ดุจดังว่านางคือจุดกำเนิดของแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่
เมื่อนางปรากฏตัว รอบด้านก็เงียบไปชั่วขณะ คนทุกคนล้วนสูดหายใจ จ้องมองนาง ตกตะลึงในใบหน้าที่งดงามของนาง
ในนี้ เจียงหลีที่รู้จักนางมาก่อนแล้ว นัยน์ตาก็เลยยังสามารถคงความราบเรียบไว้ได้อยู่
“ใต้ฟ้านี้กลับมีคนที่งดงามถึงขนาดนี้ได้!” ผู้แทนของแคว้นตี๋เอ่ยชื่นชมออกมา เขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ว่าร่างกายของมู่ชิงเกอนั้นยังมีความสูงสง่า ดูสูงศักดิ์อยู่ ด้วย
อยู่ตรงหน้านาง พวกเขาเหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงของแคว้นระดับสองเหล่านี้ ถึงเป็นคนชั้นตํ่า ส่วนนางคือผู้สูงส่งที่แท้จริง!
แต่ว่า นางไม่ได้พูด แต่กลับไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนจะสัมผัสไม่ได้
ความรู้สึกเช่นนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดเจนจนภายในใจของทุกคนเกิดความรู้สึกต่อต้านตัวเองอยู่ในใจ
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้สีหน้าของคนทั้งสามคนแห่งแคว้นหรงก็ไม่น่าดูยิ่งขึ้น
อาศัยเพียงแค่รูปลักษณ์และลักษณะท่าทาง ก็โจมตีจนพวกเขากลายเป็นคนไร้ทางสู้ได้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยพบเห็น
นัยน์ตาเยียบเย็นของมู่ชิงเกอ ตกไปอยู่ที่ร่างของคนของแคว้นหรงทั้งสามคน
เพียงแค่สายตาเดียว กลับทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในนรก แผ่นหลังเกิดเหงื่อเย็น
เรื่องราวเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ภายในพริบตา ฉิวเกาก็พลันได้สติขึ้นมา ทั้งยังขุนนางที่รับผิดชอบในการนำคนของแคว้นระดับสองกับแคว้นกู่วู่มาคนนั้น ก็รู้สึกถึงแผ่นหลังที่เปียกชื้นขึ้น
ไม่สนว่าเป็นใคร หากว่าต่อสู้กันขึ้นที่นี่ คนที่หัวจะหลุดออกก่อนใครก็คือพวกเขาสองคน!
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้พูดคุยกัน ฉิวเกากับเขาก็เคลื่อนไหวในทันที แยกกันเดินไปที่มู่ชิงเกอและผู้นำของแคว้นหรงขวางสายตาของพวกเขา
“คุณชายมู่ ที่นี่ไม่เหมาะแก่การใช้อารมณ์ไม่ว่าจะเพราะอะไร ขอให้ท่านใจเย็นๆ วันเวลาต่อไปยังมีโอกาส” ฉิวเกากล่าวปลอบขึ้นอย่างแยบยล
เขาไม่ได้ดูถูกมู่ชิงเกอ และก็ไม่ได้ทำลายภาพลักษณ์ของแคว้นหรง เพียงแต่บอกมู่ชิงเกอว่า ที่นี่คือสถานที่อะไร บุญคุณความแค้นอะไรก็ล้วนสามารถเก็บเอาไว้ก่อนได้
มู่ชิงเกอมองเขาแวบหนึ่ง สนใจในตัวเขาเพิ่มขึ้น
ฉิวเกาถูกนางกวาดตามองจนเกิดชะงักขึ้นมา เขารู้สึกได้ว่ามู่ชิงเกอก็ไม่ได้มีความคิดที่จะลงมือตั้งแต่แรก เพียงแต่คิดตักเตือนคนของแคว้นหรงเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่านางจะคิดฆ่าคนอยู่ที่นี่จริงๆ ก็เกรงว่าคงไม่มีใครให้โอกาสนั้นแก่นาง
ในตอนที่คำพูดของฉิวเกาหลุดออกมา ระหว่างที่ฝั่งแคว้นหรงกำลังจะเอ่ยเตือนนั้น ก็มีแรงกดดันที่รุนแรงกดลงมาจากฟ้า ดุจดั่งภูผาขนาดมหึมา ใครก็ไม่อาจจะ
หลุดออกจากการกดดันในครั้งนี้ได้
“อึก!” จ้าวหนานซิงที่มีระดับพลังระดับพลังชั้นสีเขียวชั้นสูงสุด เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ก็ทำให้เลือดลมเกิดตีกลับในช่องอก จนกระอักเลือดออกมา
ดีที่เขาไม่ยอมให้ขายหน้าต่อหน้าของแคว้นระดับสอง จึงกัดฟันเอาไว้แน่น พยายามกลืนเลือดนั้นลงไป
แรงกดดันที่มาอย่างกะทันหันเช่นนี้ไม่นานก็ทำให้ทุกคนเกิดเหงื่อเย็นซึมที่หน้าผาก แม้ว่าจะเป็นมู่ชิงเกอเองก็มีเหงื่อเย็นซึมที่คอเช่นกัน
‘แข็งแกร่งมาก! แข็งแกร่งกว่านางหลายเท่า’ ภายในใจของมู่ชิงเกอลอบพิจารณา
ในที่สุดก็พบว่า หากว่านางกับคนที่ปล่อยแรงกดดันออกมาต่อสู้กัน กลัวว่าตนเองคงรับเขาได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยกระบวน
ผลสรุปเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้มู่ชิงเกอผิดหวัง แต่กลับยิ่งเพิ่มแรงบันดาลใจภายในใจของนางมากยิ่งขึ้น!
นางในตอนนี้มีระดับพลังระดับพลังชั้นสีม่วงขั้นสูงสุด คนที่สามารถใช้แรงกดดันจนนางไม่สามารถต่อด้านได้ถึงขนาดนี้ เกรงว่าคงเป็นอย่างที่เหมิงเหมิงเอ่ย จะต้องเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเปล่งประกาย ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเพราะเหตุนี้!