Skip to content

พลิกปฐพี 174-1

ตอนที่ 174-1

หากไม่ได้เอาคืนข้าก็คงต้องอัดอั้นจนตาย!

หอหลอมศาสตรา สำนักหมื่นอสูร จิ่งเทียน…

งานเลี้ยงในครั้งนี้ถึงกับนำคนที่มีความแค้นกับมู่ชิงเกอมารวมไว้ด้วยกัน!

เสียงร้องเรียกที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็ทำเอาฝูงชนในใจเกิดความสงสัยขึ้น เงยหน้าหันมองไป คนที่กล่าวว่ามาไล่เสี่ยกันก่อนหน้า กลับเป็นจิ่นเทียนคุณชายใหญ่ของตระกูลจิ่ง แล้วยังมีเฮยมู่หัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักหมื่นอสูร

ส่วนคนที่พวกเขาอยากจะจัดการก็เป็นชายหนุ่มหน้างดงามที่ทำให้ผู้คนพวกนั้นตื่นตะลึง!

“ทำไมรึ…” เสียงสอบถามอันทุ้มนุ่มแต่กลับแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามของโอรสสวรรค์ดังสะท้อนลงมาจากบัลลังก์มังกรที่ตั้งอยู่ด้านบนสุด ประโยคสั้นๆ ประโยคนี้ก็ทำเอากลุ่มคนบางกลุ่มที่รู้สึกออกอาการออกนอกหน้าเพราะการปรากฏตัวของมู่ชิงเกอ พลันได้สติขึ้นมา ว่าพวกเขาตอนนี้กำลังอยู่ในสถานที่ระดับไหน?

จิ่งเทียนสีหน้าดูมืดครึ้ม แววตาชิงชังเหล่มองมู่ชิงเกออยู่สองคราถึงจะยอมนั่งลงไปอย่างไม่ยินยอม เฮยมู่สีหน้าก็ดำทะมึนเช่นกัน หันไปกล่าวรับหน้ากับหวงฝู่เฮ่าเทียนก่อนจะฝืนแย้มยิ้มขึ้น “จักพรรดิหยวน ไม่มีอันใดพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม” เสียงที่คาดเดาเจตนาไม่ออกสะท้อนลงมาจากบัลลังก์มังกร ก่อนที่จักพรรดิอาณาจักรเซิ่งหยวนหวงฝู่เฮ่าเทียนจะกล่าวกับพวกมู่ชิงเกอทั้งสามคน “คณะทูต

จากแคว้นระดับสามเชิญนั่งเถอะ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” มู่ชิงเกอค่อยๆ ถวายบังคม หางตากวาดมองไปยังพวกจิ่งเทียนกับเฮยมู่ หลังจากเผยรอยยิ้มเย็นชาขึ้นสายหนึ่ง ถึงค่อยนำกลุ่มคนเดินไปยังที่นั่งที่อยู่มุมด้านในสุด

“ผู้อาวุโส เขาเป็นคนที่ทำร้ายท่านในวันนั้นใช่หรือไม่?” ความผิดปกติของเฮยมู่ ทำให้ไท่สื่อเกาพอคาดเดาอะไรได้บ้าง วันนั้นตอนที่อยู่ถํ้าใต้ดินเขาก็เห็นรูปลักษณ์ของมู่ชิงเกอไม่ชัด ความอัปยศในวันนั้นก็ตกค้างอยู่ในใจเขามาโดยตลอดและก็เป็นจุดที่เจ็บปวดที่สุดในใจของเขา วันคืนชิงชังจนถึงขั้นอยากจะสับศัตรูให้แหลกเป็นชิ้นๆ วันนี้พอได้พบกับศัตรูเข้าดวงตาก็แดงฉานเป็นพิเศษไท่ สื่อเการาวกับว่าขอเพียงเฮยมู่ยักหน้า ก็จะพุ่งออกไปสังหารมู่ชิงเกอ

เฮยมู่ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่พุ่งออกมาจากตัวของประมุขน้อย เร่งรีบรั้งมือเขาเอาไว้ กล่าวเตือนขึ้นเสียงเบา “นายน้อย อย่าลืมว่าที่นี่เป็นสถานที่แห่งใด ความแค้นของพวกเรากับเขาก็ไม่สามารถยกเอามาจัดการซึ่งๆ หน้าได้ ทำได้เพียงจัดการในที่ลับ ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย ตอนนี้ในเมื่อรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะไม่มีโอกาสให้แก้แค้น อีกอย่างคนที่มีความแค้นกับเขาก็ไม่ได้เพียงแค่พวกเราฝ่ายเดียว” เฮยมู่อกล่าวจบหาตาก็มองไปยังฝั่งที่นั่งของตระกูลจิ่ง ใบหน้าอันหล่อเหลาของจิ่งเทียนเพราะว่าการปรากฏตัวของมู่ชิงเกอกลายเป็นบิดเบี้ยวขึ้นรางๆ

เป็นเขาจริงๆ!

ไท่สื่อเกาในใจเกรี้ยวกราดอย่างถึงขีดสุด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงไปมา ดวงตาอำมหิตดุจอสรพิษคู่นั้นจ้องเขม็งไปทางมู่ชิงเกอ ชิงชังจนอยากจะสับนางเป็นชิ้นๆ

แต่เพราะคำกล่าวของเฮยมู่ ก็ทำให้เขาต้องหักห้ามตัวเองเอาไว้

เพราะที่เฮยมู่พูดก็เป็นความจริง ไม่ว่ายังไงความแค้นระหว่างพวกเขากับมู่ชิงเกอก็ถือเป็นความแค้นในยุทธภพ ที่นี่เป็นราชสำนักของอาณาจักรเซิ่งหยวน อีกทั้งยังเป็นงานเลี้ยงที่โอรสสวรรค์จัดขึ้นในเวลานี้ออกไปสร้างปัญหาก็ไม่ใช่ว่าเป็นการไม่ให้เกียรติอาณาจักรเซิ่งหยวนหรอกรึ?

“ผู้อาวุโสเฮยมู่ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เกรี้ยวกราดเช่นนั้น?’’ อยู่ๆ เจ้าสำนักของหอหลอมศาสตราที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พลันถามขึ้นมา

เฮยมู่หันไปมองเขา แววตาทอแววไหววูบ อยู่ๆ ก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ในหอหลอมศาสตราคนที่เจอกับมู่ชิงเกอบ่อยครั้งอย่างเฝิงคุนไห่ก็ได้ตกตายไปแล้ว คนของหอหลอมศาสตรารวมถึงเจ้าสำนักก็ไม่เคยพบเจอกับมู่ชิงเกอมาก่อน

ส่วนรูปวาดภาพนั้น…หากให้พูดตามจริง หลังจากที่ได้พบมู่ชิงเกออีกครั้ง เขาก็ล้วนแต่รู้สึกว่าไม่ได้คล้ายคลึงแม้แต่น้อย

ดังนั้นพอได้ฟังคำกล่าวของเจ้าสำนักหอหลอมศาสตรา เฮยมู่ก็หันหน้าไปพร้อมกับในใจที่ยิ้มเหี้ยมเกรียมขึ้นมา กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “อะไรกัน? ผู้อาวุโสจินกุ้ยกับผู้อาวุโสเฝิงคุนไห่ล้วนแต่ตกตายติดต่อกันในมือของเขา ท่านเจ้าสำนักกลับไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายรึ?”

ดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าสำนักหอหลอมศาสตราพลันเบิกกว้างขึ้น นัยน์ตาหดเล็กลง สีหน้าพลันดำคลํ้า แววตาดุดันกวาดมองไปทางมู่ชิงเกอ กล่าวพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เป็นเขารึ!”

เขาก็ไม่ได้สงสัยกับคำกล่าวของเฮยมู่ เพราะว่าเฮยมู่ เป็นคนเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ที่ได้พบเจอกับคนผู้นั้น

อีกทั้งความแค้นระหว่างมู่ชิงเกอกับหอหลอมศาสตราก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หอหลอมศาสตราสาขาย่อยที่แคว้นกู่วู่ที่หอหลอมศาสตราสิ้นเปลืองเวลาไปหลายปีกว่าจะจัดสร้างขึ้นมาได้ ก็ได้ถูกทำลายลงด้วยมือของมู่ชิงเกอเช่นกัน ก็แม้แต่หัวหน้าสาขากับเหล่าศิษย์ของสาขาย่อยก็ยังไปตกตายอย่างน่าอนาถในมือของเขา ตอนนี้มู่ชิงเกอสำหรับทางฝั่งหอหลอมศาสตราแล้วก็ชิงชังจนอยากจะดื่มเลือดเฉือนหนัง!

ตอนนี้ ศัตรูคู่แค้นอยู่ตรงหน้า ใต้โต๊ะที่วางเรียงรายไปด้วยอาหารเลิศรส ในฝ่ามือของเจ้าสำนักหอหลอมศาสตราที่อยู่ด้านล่างก็ทอแสงสีม่วงขึ้นเลือนราง

“ท่านเจ้าสำนัก คืนนี้เป็นงานเลี้ยงที่จักพรรดิหยวนจัดขึ้น ไม่อาจไม่ไว้หน้าได้” เฮยมู่อยู่ๆ ก็กล่าวเตือนขึ้นมา ร่างของเจ้าสำนักหอหลอมศาสตราพลันนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง แววตาไหววูบไปมาเล็กน้อย แสงสีม่วงในฝ่ามือถึงค่อยๆ ผ่อนเบาลง เขาก็ไม่ได้เป็นคนไร้สมองที่จะมุทะลุไปก่อเรื่องราว คำกล่าวของเฮยมู่ก็ทำให้เขากลายเป็นนิ่งสงบลง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีความคิดอยากสังหารมู่ชิงเกอมากเท่าไร ก็ไม่มีทางไปลงมือโดยไม่สนผลลัพธ์ที่จะตามมา

ชั่วขณะนั้น มู่ชิงเกอก็เหมือนกับสามารถหลบพ้นความเป็นตายไปได้ครั้งหนึ่ง

แต่ว่านี่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นจุดสิ้นสุด แต่เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้น

ในขณะเดียวกัน ฝั่งที่นั่งของตระกูลจิ่งฝั่งนั้น ผู้นำตระกูลของตระกูลจิ่งก็ได้ถามคำถามลักษณะเดียวกันไปทางจิ่งเทียน “เทียนเอ๋อร์เจ้ารู้จักกับคนที่มาจากแคว้นระดับสามผู้นั้นรึ?”

จอกเหล้าในมือของจิ่งเทียนก็ได้แตกละเอียดไปตั้งนานแล้ว สีหน้าท่าทางก็ไม่ได้ดูดีขึ้น

จริงๆ แล้วไม่ต้องถาม เพียงแค่มองไปยังสีหน้าอยากเข่นฆ่าที่เขามีต่อมู่ชิงเกอ ก็ทำให้ผู้คนรู้ได้แล้วว่าความแค้นระหว่างเขากับมู่ชิงเกอนั้นไม่เล็กเลย

แต่ว่า จิ่งเทียนหลังจากออกจากโรงโอสถสาขาหลักกลับไปที่ตระกูลแล้ว ก็ไม่เคยกล่าวถึงเรื่องเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นประมุขตระกูลจิ่งก็เลยไม่รู้ความด้วย

การกล่าวถามของบิดาก็ทำเอาสีหน้าของจิ่งเทียน กลับเป็นไม่น่าดูยิ่งขึ้น

ในโรงโอสถสาขาหลัก การประลองโอสถระหว่างเขากับมู่ชิงเกอก็ถูกเขามองว่าเป็นความอัปยศ ในเมื่อเป็นความอัปยศ แน่นอนว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ ดังนั้นเขาก็เลยทำการปิดกั้นข่าวสารที่โรงโอสถ ถึงแม้ว่าจะกลับมาที่ตระกูลแล้วก็ไม่ได้กล่าวออกไปแม้แต่น้อย

ในสายตาของตระกูล เขาก็ยังคงเป็นจิ่งเทียนผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ไปจนถึงขนาดเป็นนักปรุงยาอายุเยาว์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในอาณาจักรเซิ่งหยวน

แต่มาตอนนี้ มู่ชิงเกอกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาโดยที่เขาไม่ทันคาดคิด แล้วเขาจะจัดการกับคำถามของบิดาอย่างไรดี? อธิบายเรื่องการประลองโอสถที่โรงโอสถสาขาย่อย แล้วบอกว่าตนเองแพ้รึ? แพ้ให้กับเด็กหนุ่มที่มาจากสถานที่แร้นแค้นอย่างแคว้นระดับสาม? แม้แต่ตำแหน่งผู้อาวุโสของโรงโอสถที่ตัวเองวาดฝันมานานก็ยังถูกเขาแย่งชิงไปอย่างง่ายดาย?

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้หญิงสาวที่ตนเองไม่ง่ายเลยที่จะเข้าตา ก็ยังมีใจให้กับเขา ไปจนถึงขั้นหลังจากที่การแข่งขันจบลงก็ยังหนีตามเขาไป!

ความอัปยศเหล่านี้ไม่ว่าอย่างไหนก็เพียงพอให้จิ่งเทียนอยากสังหารมู่ชิงเกอเป็นร้อยๆ รอบ แต่ว่าตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่สามารถอธิบายมันให้แก่บิดาฟังได้

ระหว่างที่ไม่รู้จะทำยังไง เขาก็ทำได้เพียงสะกดข่มความเคียดแค้นและชิงชังเก็บเอาไว้ในใจ กล่าวเสียงไม่เต็มคำไปทางบิดา “ตอนอยู่ที่โรงโอสถสาขาหลักพบหน้าอยู่หลายครั้ง”

“อ้อ?” ประมุขจิ่งแววตากระจ่างวูบ เค้นถามขึ้น “คนที่มาจากแคว้นระดับสามผู้นี้ ถึงกับอยู่ในโรงโอสถ?” ต่อจากนั้นก็ปิดปากลงครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “ความ สามารถของเขาเป็นอย่างไร?” ความนัยในประโยคกลับแอบซ่อนความคิดอยากสานสัมพันธ์เอาไว้

จิ่งเทียนพอได้ฟังก็พลันกล่าวว่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ ตระกูลจิ่งมีข้าที่เป็นนักปรุงยาเพียงคนเดียวก็พอแล้ว”

ประมุขจิ่งจ้องมองไปทางจิ่งเทียนด้วยแววตาอันลํ้าลึก ก่อนจะค่อยๆ กล่าวเสียงอ่อนโยน “เทียนเอ๋อร์เจ้าในอนาคตจะต้องกลายเป็นประมุขตระกูลจิ่ง ทั้งหมดก็ต้องเห็นผลประโยชน์ของตระกูลจิ่งเป็นสำคัญ!”

จิ่งเทียนนิ่งเงียบลง

การนิ่งเงียบก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเห็นด้วยกับคำพูดของบิดา แต่เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นเป็นจะต้องปรึกษาอันใดอีก ระหว่างเขากับมู่ชิงเกอ ก็ถูก กำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าหากไม่ตายก็จะไม่เลิกรา

ที่นั่งทางฝั่งขวา เมฆลมยากจะคาดเดา ความมืดมิดแผ่กระเพื่อมสั่นไหว

ส่วนที่นั่งฝั่งซ้าย มู่ชิงเกอเพิ่งจะนั่งลงไปได้ไม่ทันไร เสียงของเจียงหลีก็พลันดังเข้ามา

“นี่ เจ้าทำไมถึงไปล่วงเกินตระกูลจิ่งหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเทียนตูได้?”

มู่ชิงเกอแววตาวาววับ ถามกลับไป “สี่ตระกูลใหญ่?”

สำหรับกลุ่มอำนาจในเทียนตูของอาณาจักรเซิ่งหยวนนั้น ที่นางเข้าใจก็มีน้อยถึงน้อยมาก สี่ตระกูลใหญ่อะไรนั้นนางก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version