ตอนที่ 176-4
นายน้อยม่ต้องการการดูแล!
แต่หวงฝู่ฮ่วนที่ยังตกอยู่ในภวังค์ความคิดกลับไม่ทันสังเกต เขายังกล่าวต่อไปว่า “หลังจากลงมาจากตำหนักหลีกงแล้ว ข้าก็เอาคำกล่าวนี้บอกต่อให้แก่เสด็จพ่อ จากนั้นพวกเราก็ใช้ความเร็วอันสูงสุดรวบรวมข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับเจ้าพวกเราก็รู้ว่าตอนที่อยู่แคว้นฉินองค์มหาปราชญ์นั้นเกิดสนใจเจ้า ก่อนหน้าที่จะพบกับเจ้าข้าก็ยังรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง คิดไม่ออกว่าทำไมองค์มหาปราชญ์ถึงได้มีความสนใจต่อเจ้าเพิ่มมากขึ้น หรือว่าข้า รัชทายาทของอาณาจักรเซิ่งหยวนจะเปรียบกับคุณชายของแคว้นระดับสามผู้หนึ่งไม่ได้? แต่ว่าหลังจากผ่านพ้น
เหตุการณ์เมื่อคืนมาข้าก็ขอยอมรับในตัวเจ้าแล้ว” หวงฝู่ฮ่วนใช้นํ้าชาแทนสุรา คารวะให้มู่ชิงเกอหนึ่งถ้วย
มู่ชิงเกอก็ยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกหนึ่งอย่างเหม่อลอย แต่ชั่วขณะนั้นก็พลันได้สติขึ้นมา ถามว่า “พระองค์ทรงคิดว่าองคมหาปราชญ์อยากรับกระหม่อมเป็นศิษย์”
หวงฝู่ฮ่วนก็พยักหน้าขึ้นอย่างไม่คิดปิดปัง “นอกจากข้อนี้แล้วข้าก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออก”
มู่ชิงเกอยกมุมปากขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจิบอีกอึกหนึ่ง บดบังความกระดากอายบนใบหน้า ‘เอาเถอะ เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดเถอะ’
“จากที่ข้ารู้มา องค์มหาปราชญ์ก็ยังไม่เคยรับศึษย์มาก่อน เขาตอนนี้รู้สึกดีกับเจ้าเช่นนี้ในอนาคตถึงเจ้าจะอยากเป็นคนธรรมดาก็คงคิดว่าไม่อาจทำได้อีก ดังนั้น วันนี้ก็นับได้ว่าข้ากับเจ้าได้สานสัมพันธ์อันดีต่อกัน จะได้ไม่พลาดโอกาสที่จะกอดขาเจ้าไปด้วย”
มู่ชิงเกอพลันยิ้มขันขึ้นมา เงยหน้ามองไปทางเขา “สิ่งที่กระหม่อมต้องการถามก็ได้ถามออกไปหมดแล้ว พระองค์อยากจะถามอันใดรึ?”
หวงฝู่ฮ่วนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่ามาอย่างจริงจัง “ข้าอยากจะไหว้วานเจ้าสักเรื่อง” “เรื่องอะไรรึ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม
“ถ้าหากเจ้าได้พบกับองค์มหาปราชญ์ข้าอยากขอให้ลองถามเขาแทนข้าว่าข้าจะสามารถมีวาสนาได้กลายเป็นลูกศิษย์ของเขาหรือไม่” หวงฝู่ฮ่วนกล่าวคำขอร้อง ของตัวเองออกมา
มู่ชิงเกอแววตาทั้งสองข้างหรี่เล็กลง กล่าวคล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “พระองค์เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าที่คิดอยากเป็นลูกศิษย์ของเขาขนาดนั้น เป็นเพราะความคาดหวัง ของเสด็จพ่อพระองค์หรือว่าเป็นเพราะความต้องการของพระองค์เอง?”
หวงฝู่ฮ่วนนิ่งชะงักไป ราวกับว่าคำถามของมู่ชิงเกอประโยคนี้นั้นมันยากยิ่งนัก
ในตอนที่มู่ชิงเกอคิดว่าเขาคงจะนิ่งเงียบไปอีกนานถึงจะกล่าวตอบออกมาได้ เขาอยู่ๆ ก็พลันเปิดปากขึ้น “ข้าก็เคยนึกว่าเป็นเพราะไม่อยากให้เสด็จพ่อผิดหวัง ไม่อยากสูญเสียเกียรติยศบนตัวไป แต่ในตอนที่ข้าได้พบกับองค์มหาปราชญ์เข้าจริงๆ ณ ตอนนั้น ข้าก็พลันเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหากข้าต้องการจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับเขา ข้าก็จะต้องให้องค์มหาปราชญ์เป็นผู้นำทาง ถ้าหากได้กราบเขาเป็นอาจารย์ข้าก็จะถอนตัวออกจากตำแหน่งรัชทายาท ตั้งใจกับการฝึกฝน ฝึกให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนือง!”
“ถ้าหากเขาไม่รับพระองค์เป็นศิษย์เล่า?” มู่ชิงเกอก็ถามขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้หวงฝู่ฮ่วนกลับกลายเป็นนิ่งงันไปจริงๆ
อีกทั้งยังนิ่งเงียบไปอยู่นาน
จนกระทั่งท้องฟ้าทอแสงสีขาวสาดส่องลงมาเขาถึงค่อยเงยหน้ามองไปทางมู่ชิงเกอ
แววตาคู่นั้นก็ช่างราบเรียบนัก “ถ้าหากไม่มีวาสนาได้เป็นศิษย์อาจารย์ ข้าก็จะเป็นรัชทายาทต่อไปอย่างสงบใจ จัดการดูแลอาณาจักรเซิ่งหยวนให้ดี แน่นอนเส้นทางแห่งความแข็งแกร่งข้าก็จะไม่ละทิ้ง หลังจากมีคนสืบทอดที่ดีพอแล้ว ข้าก็จะจากไปไปหาเส้นทางของตนเอง” คำกล่าวของหวงฝู่ฮ่วนนั้นราบเรียบมาก ไม่มีนํ้าเสียงเร้าอารมณ์สร้างความฮึกเหิมแม้แต่น้อย แต่ว่ามู่ชิงเกอกลับสัมผัสได้ถึงความยึดมั่นแน่วแน่ในการอยากกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของเขา
ความฝันของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อำนาจก็ไม่ได้ถือเป็นความฝันเพียงหนึ่งเดียว
ท่าทีราบเรียบที่หวงฝู่ฮ่วนมีต่ออำนาจ บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ระหว่างมู่ชิงเกอกับเขาไม่ได้กลายเป็นศัตรูต่อกัน
“ได้ กระหม่อมจะจดจำเอาไว้ ถ้าหากได้พบเขาก็จะช่วยพระองค์ถามให้กระจ่าง” มู่ชิงเกอให้คำมั่นของตนเองออกไป
“ขอบคุณมาก!” หวงฝู่ฮ่วนก็ไม่ได้ทันสังเกตถึงคำกล่าวและนํ้าเสียงในคำพูดของมู่ชิงเกอว่าไม่ได้มีความเคารพยำเกรงเหมือนกับที่พวกเขามีให้ซือมั่ว เพียงแค่จำได้ว่ามู่ชิงเกอตอบตกลงจะช่วยเขา
“ปัญหาก็คือจะต้องทำยังไงถึงจะได้พบเขา?” มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาทั้งสองข้างลง ยกมือขึ้นลูบคางพลางกล่าวขึ้น จุดประสงค์ที่นางมาอาณาจักรเซิ่งหยวนนอกจากงาน ชุมนุมหลินชวนแล้ว ก็คือการมาหาซือมั่ว จัดการพูดเรื่องราวระหว่างพวกนางให้ชัดเจน แต่ว่าพอมาถึงอาณาจักรเซิ่งหยวนแล้วนางกลับค้นพบว่า ตนเองก็ไม่รู้ว่าซือมั่วอยู่ที่ใด เพียงแต่รู้ว่าที่พำนักของเขามีชื่อว่าหลีกง ส่วนตำหนักหลีกงอยู่ที่ไหน จะพบกับเขาได้อย่างไร แล้วเขาอยู่ที่อาณาจักรเซิ่งหยวนหรือไม่นั้น ทั้งหมดนั้นนางก็ล้วนแต่ไม่ทราบ
“เรื่องนี้เจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวล งานชุมนุมหลินชวนถือเป็นงานสำคัญของหลินชวน องค์มหาปราชญ์ช่วงระยะนี้ก็จะอยู่เฝ้าดูที่เทียนตู และอีกไม่กี่วันนี้เสด็จพ่อก็จะพาทุกคนไปเข้าพบเขาที่ตำหนักหลีกง เพียงแต่จะได้พบกับองค์มหาปราชญ์หรือไม่นั้นข้าก็ไม่แน่ใจ” หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยตอบ
“แต่ว่าครั้งนี้มีเจ้าอยู่ องค์มหาปราชญ์ในเมื่อให้ความสำคัญแก่เจ้า ไม่แน่ว่าอาจจะออกมา” หวงฝู่ฮ่วนก็กล่าวเสริมขึ้นอีก
“นั่นก็ยังไม่แน่” มู่ชิงเกอกล่าวกระซิบกระซาบขึ้นที่ริมฝีปาก
เจ้าคนผู้นี้ก็ยังมีความหยิ่งทะนงอยู่บางส่วน ก่อนหน้านางขับไสเขาเช่นนั้น ตอนนี้มาถึงถิ่นของเขาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการกับนางเช่นไร!
“ถึงยังไง ต่อให้ไปที่ตำหนักหลีกงแล้วไม่พบองค์มหาปราชญ์รอหลังจากงานชุมนุมหลินชวนเสร็จสิ้นลงแล้ว องค์มหาปราชญ์ก็ต้องปรากฏตัวพาพวกเราไปที่เศษซากโบราณสถาน ไม่ว่ายังไงก็ต้องได้พบ” หวงฝู่ฮ่วนก็บอกข่าวสารออกมาอีกข้อหนึ่ง
มู่ชิงเกออีกนิดก็เกือบจะกัดลิ้นของตัวเอง “เขาจะพาพวกเราไปที่เศษซากโบราณสถาน?”
หวงฝู่ฮ่วนพยักหน้าขึ้นอย่างจริงจัง “แน่นอน มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสได้ถึงแหล่งที่ตั้งของโบราณสถาน และสามารถเปิดมันออกได้”
มู่ชิงเกอฟังจนตนเองรู้สึกโง่งม นางก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ซือมั่วจะมีหน้าที่เช่นนี้ด้วย ดูท่าเขา องค์มหาปราชญ์ผู้นี้จะไม่แต่งตั้งเอาไว้เปล่าๆ ถึงยังไงก็ต้องทำอะไรให้หลินชวนบ้างถึงจะถูก!
ก็ในตอนที่มู่ชิงเกอกำลังตกอยู่ในภวังค์อยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีกลิ่นไอดุดันพุ่งทะยานเข้ามากลางอากาศ ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาที่นางอย่างแรง
มู่ชิงเกอพลันตื่นจากห้วงความคิด เบี่ยงกายหลบ จนสามารถหลบออกจากการโจมตีได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้น ศาลากลางนํ้าที่นางกับหวงฝู่ฮ่วนอยู่กลับถูกฟันจนแยกออกเป็นสองส่วน
หวงฝู่ฮ่วนจับไหล่ของนางก่อนจะพานางไปที่ริมฝั่ง ขวางเอาไว้อยู่ที่ด้านหน้าของนาง
“เฉินปี้เฉิงเจ้าทำอะไร!” หวงฝู่ฮ่วนหันไปกล่าวทางทะเลสาบด้วยความโมโห
มู่ชิงเกอค่อยๆ ขยับเท้า สายตากวาดมองไปบนผิวทะเลสาบ ก่อนจะเห็นเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งร่อนลงมาจากฟ้า ร่อนกายลงบนผิวนํ้า
ร่างกายสูงเพรียว ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ไม่มีสีหน้าและอารมณ์แม้แต่น้อย ในแววตาของเขาราวกับว่าไม่มีการคงอยู่ของหวงฝู่ฮ่วน เพียงจ้องเขม็งไปทางมู่ชิงเกอที่อยู่ด้านหลังของเขา
‘เฉินปี้เฉิง? อัจฉริยะของตระกูลเฉินผู้นั้น และเป็นคนนิสัยแปลกประหลาด?’ จากคำกล่าวของหวงฝู่ฮ่วนมู่ชิงเกอก็สามารถคาดเดาได้ถึงสถานะของผู้ที่มา กล้าลงมือตรงๆ ในวังหลวงของอาณาจักรเซิ่งหยวน ไม่สนใจองค์รัชทายาทที่อยู่ด้วย แน่นอนว่าเป็นคนนิสัยประหลาดอย่างแท้จริง
“ข้าต้องการท้าประลองกับเขา!” เฉินปี้เฉิงยกมือขึ้นก่อนจะชี้มาทางมู่ชิงเกอ
ท้าประลองข้า?
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
แต่หวงฝู่ฮ่วนก็ไม่มีท่าทีจะหลบแต่อย่างใด กล่าวขึ้นอย่างขึงขังกับเฉินปี้เฉิง “เจ้าอย่าได้มาวุ่นวาย คุณชายมู่เป็นใคร? เป็นคนที่เจ้าอยากจะประลองก็ประลองด้วยได้รึ?”
พอกล่าวจบเขาก็หันไปกล่าวเสียงแผ่วเบากับมู่ชิงเกอ “จะต้องเป็นคนของตระกูลเฉินพอกลับไปแล้วก็ประกาศเรื่องราวของเจ้าออกไป ทำให้เจ้าบ้านี่มาสร้างความวุ่นวายกับเจ้า แต่เจ้าวางใจ ขอเพียงเจ้าไม่พยักหน้า เขาก็ไม่มีทางมาวุ่นวายได้”
มู่ชิงเกอยกมุมปากพลางกล่าวว่า “อยู่ๆ ก็มาหาเรื่องกัน กระหม่อมแน่นอนว่าไม่คิดอยากประลอง แต่ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามเป็นเจ้าบ้าเฉินจากตระกูลเฉิน กระหม่อมกลับอยากคิดที่จะขอคำชี้แนะดูสักครั้ง”
พอกล่าวจบนางก็มองไปทางหวงฝู่ฮ่วน กล่าวอย่างหยอกเย้า “องค์รัชทายาท หากทำอุทยานหลวงของพระองค์เละเทะก็คงไม่ต้องชดใช้กระมัง?”
หวงฝู่ฮ่วนกลับทั้งหัวเราะทั้งโมโหมองไปทางเฉินปี้เฉิง “ไม่กลัว ที่ตระกูลเฉินมีก็คือเงิน” แต่ก็ยังกล่าวอย่างไม่วางใจ “เจ้าจะประลองกับเขาจริงๆรึ?”
มู่ชิงเกอยิ้มขันขึ้นเสียงหนึ่ง ร่างกายอยู่ๆ ก็หายไปจาก ตรงหน้าของหวงฝู่ฮ่วน
หวงฝู่ฮ่วนเพิ่งจะหันสายตาขยับไป ก็พลันได้ยินเสียง
ปะทะอันดุเดือดดังสะท้อนมาจากผิวนํ้าแล้ว…