ตอนที่ 177-1
ข้าก็คือผู้หญิงของเขา!
ผืนน้ำเงียบสงบในทะเลสาบของอุทยานหลวง โดนกระทบจนเกิดฟองคลื่น นํ้าใสสะอาดผุดพรายขึ้นมา กลายเป็นม่านนํ้าโปร่งแสงกางกั้นระหว่างเงาร่างคนทั้งสอง
เสียงกระแทกรุนแรงดังแว่วไปมาไม่หยุดหย่อน ลำแสงพลังจิตสีม่วงเข้มกระทบกันไปมากลางอากาศ เกิดเป็นดอกไม้สีม่วงกลางอากาศราวกับพลุดอกไม้ไฟ
หวงฝู่ฮ่วนมองอ้าปากค้างตกตะลึง แววความตกใจในดวงตาไม่อาจลบเลือนไปได้
การปะทะกันของคนทั้งสองบีบให้เขาต้องถอยหลังไปหลายก้าว ใช้พลังจิตมาก่อร่างเป็นม่านกั้น แต่ก็โดนกระแสลมแรงพัดกรีดจนเกิดเสียงบาดหู
“ระดับสีม่วงขั้นสูงสุด!” หวงฝู่ฮ่วนมองแสงสีที่เกิดจากการกระทบกระแทกของพลังจิตกลางอากาศอย่างตกตะลึง
เฉินปี้เฉิงมีพลังสีม่วงขั้นสูงสุด เขาก็ได้เตรียมใจคิดเอาไว้แล้วบ้าง แต่ว่าที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ มู่ชิงเกอก็มีพลังสีม่วงขั้นสูงสุดเช่นกัน!
คุณชายตระกูลใหญ่จากแคว้นระดับสาม อายุยังน้อยกว่าเฉินปี้เฉิง แต่กลับเป็นถึงยอดฝีมือระดับสีม่วงขั้นสูงสุดแล้ว แล้วอีกอย่าง เขายังเป็นถึงผู้อาวุโสของโรงโอสถ เป็นนักปรุงยาระดับจิตวิญญาณตัวจริง!
เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
หวงฝู่ฮ่วนถามตัวเองในใจอย่างตกใจไม่หยุด ทันใดนั้น ก็ราวกับว่าเขาค้นพบแล้วว่าเหตุใดท่านมหาปราชญ์จึงได้ชื่นชมสนใจมู่ชิงเกอ พรสวรรค์เช่นนี้ทำให้เขาอิจฉาริษยา ยอดอัจฉริยะแห่งยุค…เป็นยอดมารเช่นนี้ย่อมทำให้ท่านมหาปราชญ์นึกอยากรับเป็นศิษย์ได้
‘ต้องผูกมิตรให้ดี ไม่ควรพลิกให้กลับมาเป็นคู่แค้นได้!’ และในชั่วขณะนั้น หวงฝู่ฮ่วนก็ออกคำสั่งที่ห้ามล่วงละเมิดขึ้นในใจ ความสามารถและพลังที่มู่ชิงเกอแสดงออกมานั้น น่ากลัวจริงๆ
หากเขาไม่อายุสั้น ต่อไปจะเป็นอัจริยะยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเพียงใด หวงฝู่ฮ่วนไม่กล้าจินตนาการ เพราะฉะนั้น เขาไม่มีทางทิ้งต้นเหตุแห่งวุ่นวายไว้ให้อาณาจักรเซิ่งหยวนได้
ไม่เพียงแต่เขา เขายังจะทูลบอกเสด็จพ่อ ตักเตือนพี่ชาย น้องสาวของเขาทุกๆ คนใครก็ไม่ควรล่วงเกินมู่ชิงเกอ!
“ฮ่วนเอ๋อร์มีเรื่องอะไรกัน?” การเคลื่อนไหวในอุทยานนั้นส่งเสียงดังเกินไป จนทำให้จักพรรดิหยวนหวงฝู่เฮ่าเทียนต้องรีบพานางกำนัลรับใช้ในวังออกมา
หวงฝู่ฮ่วนหมุนกาย ก่อนจะก้มลงทำความเคารพ ยิ้มขื่นๆ พลางหันมองคนที่กำลังปะทะกันกลางอากาศ “คงเป็นเพราะเจ้าบ้าแซ่เฉินบุกเข้ามาแล้วยังท้าทายขอ ประลองกับคุณชายมู่” พูดจบ เขาก็เอ่ยขอลุแก่โทษว่า “เป็นลูกไร้ความสามารถ ไม่สามารถห้ามปรามพวกเขาได้”
หวงฝู่เฮ่าเทียนก็โดนการปะทะต่อสู้รุนแรงนี้ทำให้ตกใจ เขาโบกมือ ก่อนจะมองสองร่างที่ประลองปะทะกันไปมา ก่อนจะเอ่ยกับหวงฝู่ฮ่วน “ไม่เกี่ยวกับเจ้า พลังของเจ้าในตอนนี้ห้ามพวกเขาไม่ได้”
“ทั้งสองคน ล้วนมีพลังสีม่วงขั้นสูงสุด” ผู้ติดตามคนหนึ่งเดินเข้ามาหนึ่งก้าว กวาดตามองผืนนํ้าแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทูลจักพรรดิหยวน
หวงฝู่เฮ่าเทียนพยักหน้าเบาๆ สีหน้าสับสน พลัน พลังรุนแรงกลางอากาศนั้นกระแทกกันเข้าเต็มแรง พลังจิตที่โดนกระแทกแตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ พุ่ง กระจายไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ
“ฝ่าบาท ระวัง!” เมื่อเห็นเศษเสี้ยวนั้นจะพุ่งมาที่ร่างของหวงฝู่เฮ่าเทียน ผู้ติดตามผู้นั้นก็จับชายฉลองพระองค์ ก่อนจะดึงพระองค์ถอยหลังลงมาหลายก้าว ยกมือขึ้น ปัดเศษซากเหล่านั้น พลางพ่นเสียง ฮึ ออกจากจมูก
“เสด็จพ่อ ที่นี่อันตรายนัก ทรงกลับไปก่อนเถอะ!” หวงฝู่ฮ่วนตกใจ ก่อนจะรีบโน้มน้าวจักพรรดิหยวน
แต่ว่า หวงฝู่เฮ่าเทียนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ดวงตาเขาเป็นประกายวับวาว มองจ้องคนทั้งสองที่รุกไล่กันไปมา ก่อนจะเอ่ยกับหวงฝู่ฮ่วนว่า “การต่อสู้ของคนหนุ่มสาวที่ชวนตื่นตาเช่นนี้หาชมได้ยากนัก เราจะพลาดไปได้อย่างไร?”
“แต่ว่า…”
หวงฝู่ฮ่วนยังอยากจะโน้มน้าวต่อ แต่โดนหวงฝู่เฮ่าเทียนตัดบท “ไม่เป็นไร มีผู้อาวุโสเจ็ดอยู่ตรงนี้ เราไม่เป็นอะไรหรอก”
คนที่โดนเรียกขานว่าผู้อาวุโสเจ็ด ก็คือคนที่เร่งเดินตามหวงฝู่เฮ่าเทียนออกมา
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้หวงฝู่ฮ่วนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถูกต้อง เมื่อมีผู้อาวุโสเจ็ดที่มีพลังถึงขั้นกักเก็บอยู่ตรงนี้ด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเสด็จ พ่อแล้ว
“ฮ่วนเอ๋อร์เจ้าไปกำชับเหล่าทหารหลวงให้ปิดที่นี้ให้แน่นหนา ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามาใกล้” จู่ๆ หวงฝู่เฮ่าเทียนก็เอ่ยกับหวงฝู่ฮ่วน
หวงฝู่ฮ่วนค้อมศีรษะรับคำสั่ง ก่อนจะถอยหลังออกไป
เมื่อรอให้หวงฝู่ฮ่วนออกไปแล้ว จักพรรดิหยวนหวงฝู่เฮ่าเทียนจึงได้มองผู้อาวุโสเจ็ดนิ่งนาน “ผู้อาวุโสเจ็ด ท่านว่าทั้งสองคนนี้เป็นอย่างไร?”
สายตาของผู้อาวุโสเจ็ดเคลื่อนย้ายจากด้านหลังของ จักรพรรดิหยวน ก่อนจะมองไปยังเงาที่พลิกไหวไปมาบนทางเดินและผืนนํ้า บนทะเลสาบระเบิดออกไม่หยุด หย่อน กระจายไปทั่ว ทิวทัศน์ที่งดงาม ศาลาหลังงาม กลางทะเลสาบก็โดนพลังจิตของคนทั้งสองพุ่งกระแทกไปจนเสียหายไม่น้อยแล้ว
ละสายตาจากภาพนั้น ผู้อาวุโสเจ็ดก็เอ่ยตามความเป็นจริงว่า “ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ฝึกมาอย่างยอดเยี่ยม หากให้เวลาพวกเขาอีกสิบปี ย่อมรุดหน้าไปไกลกว่าพวก กระหม่อมแน่นอน”
นี่เป็นการประเมินที่สูงยิ่ง สูงเสียจนทำให้หวงฝู่เทียนเฮ่า อดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้
จำนวนยอดฝีมือพลังขั้นสีม่วงในอาณาจักรเซิ่งหยวน เกรงว่าแม้แต่หวงฝู่เทียนเฮ่าเองก็ยังไม่ทราบจำนวน แต่หากจะพูดถึงคนที่บรรลุขั้นพลังสีม่วง มาจนถึงขั้นกัก เก็บได้ ก็คงมีแต่ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคนที่ถูกฝึกปรือมาในวังหลวง
พวกเขาทั้งเจ็ด ไม่รู้ว่ามีชีวิตมานานเพียงใด เป็นคนที่มากไปด้วยประสบการณ์โดยแท้
วันนี้ การประเมินเช่นนี้ออกมาจากปากของผู้อาวุโสเจ็ด หวงฝู่เฮ่าเทียนจะไม่เชื่อก็ไม่ได้
สีหน้าเขาเปลี่ยนแปรยากหยั่งถึง ดวงตาฉายแววสับสน เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ด้านข้างภูเขาเทียม มองการต่อสู้ที่ดำเนินไป ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น “ทั้งสองคน หนึ่งคือคุณชายแห่งตระกูลเฉิน อีกหนึ่งคือคนที่ท่านมหาปราชญ์พึงใจ”
ผู้อาวุโสเจ็ดหรตาลงเพ่งมอง ก่อนจะเหลือบตามองจักรพรรดิหยวน เพียงครู่เดียวก็เคลื่อนตาไปมองผืนนํ้าในทะเลสาบ
ผู้คลั่งไคล้ในการฝึกฝนจากตระกูลเฉิน เจ้าเด็กบ้าที่ดีแต่หาเรื่องวิวาท เขาไม่ได้ใส่ใจ ที่เขาตกใจก็คือประโยคท้ายของจักพรรดิหยวน คนที่ท่านมหาปราชญ์พึงใจ! นี่…
สีหน้าสงบนิ่งของผู้อาวุโสเจ็ด ปรากฏแววตกใจขึ้นมาวูบหนึ่ง เพียงพริบตา ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาเอ่ยเตือนจักพรรดิหยวนว่า “ฝ่าบาทเรื่องจับลมคว้าเงานั้นจะพูดไปเรื่อยไม่ได้หากแพร่ไปถึงหูของท่านมหาปราชญ์ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์”
หวงฝู่เฮ่าเทียนยิ้มขื่นๆ “ผู้อาวุโสเจ็ด ท่านเห็นว่าเราเป็นคนชอบฟังเรื่องนินทาไร้สาระเช่นนั้นหรือ? เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน เป็นท่านมหาปราชญ์บอกกับฮ่วนเอ๋อร์เอง”
“อะไรนะ? เป็นท่านมหาปราชญ์เอ่ยขึ้นเองหรือ?” ผู้อาวุโสเจ็ดเบิกตากว้างจนตาแทบจะหลุดออกมา
หวงฝู่เฮ่าเทียนพยักหน้า “เราหวังมาตลอดว่าฮ่วนเอ๋อร์ จะได้รับความชอบพอจากท่านมหาปราชญ์ได้รับเข้าเป็นศิษย์เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราต้องทำหน้าด้านหา โอกาสพาฮ่วนเอ๋อร์ไปปรากฏกายต่อหน้าท่านมหาปราชญ์บ่อยๆ แต่ว่า ยี่สิบปีมานี้ ท่านมหาปราชญ์กลับไม่ได้ใส่ใจฮ่วนเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ นาน กลับทรงเรียกฮ่วนเอ๋อร์จากกลางวังหลวงไปที่ตำหนักหลีกงแล้วบอกกับเขาว่า…”
“บอกว่าอะไร?” ผู้อาวุโสเจ็ดถามต่อ
สีหน้าของหวงฝู่เฮ่าเทียนเคร่งขรึมลง “เขาบอกว่า ไม่อนุญาตให้มู่ชิงเกอโดนรังแก”
ครั้งนี้ ผู้อาวุโสเจ็ดกลายเป็นฝ่ายต้องหายใจสะดุดบ้าง เขาอายุมากผ่านโลกโชกโชน ทำไมจะไม่เข้าใจถึงความนัยของคำนี้กันเล่า?
นี่คงไม่ได้แค่สนใจธรรมดาๆ แล้ว ในใจของผู้อาวุโสเจ็ดคิดไปหลายประการ ประโยคนี้ราวกับเป็นการดึงมู่ชิงเกอให้เข้าไปอยู่ในทุกๆ รายการของเขาแล้วแกะสลักคำว่า ‘หลีกง’ ลงไป
เมื่อมีตราประทับนี้ มู่ชิงเกอก็แทบจะเดินขวางไปทั่วหลินชวนก็ยังได้!
ผู้อาวุโสเจ็ดเงียบไป เขาไม่มีกะใจจะดูการต่อสู้ในทะเลสาบแล้ว เขากำลังทำใจรับกับสิ่งที่ได้ยิน ระงับความตื่นเต้นในใจ
กี่ปีมาแล้วเล่า? ที่พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นระทึกใจเช่นนี้มาก่อน
เมื่อผู้อาวุโสเจ็ดเงียบไป หวงฝู่เฮ่าเทียนก็ไม่ได้จะรบกวนพวกเขา เขาเองก็นิ่งงัน หันมองการต่อสู้ของมู่ชิงเกอและเฉินปี้เฉิงไปเงียบๆ
เขาเหมือนว่ากำลังดูการต่อสู้ แต่ก็เหมือนกำลังครุ่นคิดใคร่ครวญไปด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสเจ็ดจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พลางถอนใจ ก่อนจะถามเสียงเบา “ฝ่าบาทวางแผนจะทำอย่างไร?”
คำสั่งของท่านมหาปราชญ์ย่อมไม่มีทางฝ่าฝืนได้แน่นอน ดังนั้นการที่ผู้อาวุโสเจ็ดถามเช่นนี้ มิได้หมายความว่าจะให้ทำอย่างไรกับมู่ชิงเกอ แต่เป็นการถามถึงท่าทีของจักพรรดิหยวนต่อมู่ชิงเกอ
ในเมื่อรู้แล้วว่าท่านมหาปราชญ์นั้นมีท่าทีกับคนผู้นี้ไม่เหมือนคนอื่น จะดึงเข้ามาเป็นพวกหรือว่า…
ประโยคนั้น ผู้อาวุโสเจ็ดให้ตายก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา
ดังนั้น พวกเขาจึงได้แต่เปลี่ยนอักษรนั้นเป็น ‘รักษาระยะห่าง’ ไว้ในใจ
หวงฝู่เทียนเฮ่าส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเอ่ยจริงใจ “ข้ายังไม่ได้คิดให้กระจ่าง” ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างคลุมเครือ “ตระกูลเฉินมีบุตรหลานที่ดีเสียจริง”
แววความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหวงฝู่เฮ่าเทียนจึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเฉินปี้เฉิง
เขามีชีวิตอยู่มานาน แต่หากพูดเรื่องอำนาจเรื่องการเป็นราชา ต่อให้มีเขาสิบคนยังไม่อาจเทียบได้กับฮ่องเต้แห่งแคว้นใหญ่เป็นที่หนึ่งในแผ่นดินหลินชวนที่อยู่ตรงหน้า