Skip to content

พลิกปฐพี 181-2

ตอนที่ 181-2

อยู่ห่างเขาไว้เขาอันตรายมาก

เมื่อนางพูดจบประโยค ก็มีกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนโปรยลงมาจากบนท้องฟ้า

ละอองกลีบดอกไม้ที่พร่างพรมลงมา ทำเอาสายตาของนางพร่ามัว ท่ามกลางความเลือนราง คล้ายกับว่านางเห็นเงาร่างปีศาจร้ายค่อยๆ ร่อนลงมา นั่งพิงลงบนเก้าอี้ที่นั่งของเจ้าภาพอย่างเกียจคร้าน

ในที่สุดสายฝนกลีบดอกไม้ก็หยุดโปรยปราย ทิ้งไว้ด้วยกลีบดอกไม้ที่เกลื่อนเต็มพื้นห้องโดยสารในเรือ บริเวณห้องทั้งหมดยิ่งเพิ่มบรรยากาศละมุนมากขึ้น มู่ชิงเกออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก ส่งสายตาสุขุมเยือก เย็นมองไปทางหานฉายไฉ่

ในที่สุดปีศาจร้ายผู้นี้ก็ปรากฏตัวเสียที ทั้งยังสวมชุดลายมวลบุบผา สาบเสื้อค่อนข้างเปิดเผยนั่น เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและหน้าอกที่ดึงดูดผู้คนวับๆ แวมๆ

ไม่เจอกันมาสักระยะหนึ่งดูเหมือนว่าความสวยงามของเขาจะยิ่งมีเสน่ห์เย้ายวนขึ้น

ลมหายใจทรงเสน่ห์แสนชั่วร้ายนั่น ดูคล้ายกับว่าจะเข้มข้นมากขึ้น

เพียงแต่มันให้อารมณ์ที่…มู่ชิงเกอยังคงไม่อาจหาญไปชื่นชมเหมือนเคย

มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าแสดงตัวในแต่ละครั้ง ต้องทำให้มันพิเศษ…ขนาดนี้เลย?”

นํ้าเสียงปลงๆ ของมู่ชิงเกอ ทำอะไรหานฉายไฉ่ไม่ได้แม้แต่น้อย กลับกันเขาเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่า “อาหารโอชาสุราเลิศรส ย่อมต้องมาพร้อมกับ บรรยากาศดีๆ และโฉมงาม ดูสิว่าข้าดีต่อเจ้าเพียงใด?”

ในใจมู่ชิงเกอรู้สึกรับไม่ได้จนต้องกลอกตา เอ่ยขัดขึ้นว่า “อาหารโอชาสุราเลิศรสนี้ข้ายอมรับ แต่ว่าบรรยากาศดีๆ และโฉมงามนี่เจ้าคงไม่ได้หมายถึงสายฝนกลีบดอกไม้อันอลังการแล้วก็ตัวเจ้าเองหรอกนะ?”

ดวงตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่หรี่ลงเล็กน้อย แววตาฉายประกายดูอันตราย นํ้าเสียงเกียจคร้านของเขาทุ้มตํ่าลงหลายส่วน เอ่ยเตือนขึ้นว่า “มู่ชิงเกอ อย่าทำลาย ความมุ่งมั่นตั้งใจของข้า”

“เหอะเหอะ เช่นนั้นต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง” มู่ชิงเกอประสานมือ เอ่ยแบบขอไปที

หานฉายไฉ่โบกมือขึ้น จอกเหล้าบนโต๊ะก็ถูกยกขึ้นตกลงมาในมือของเขา เขายกจอกเหล้าขึ้นเป็นการให้เกียรติมู่ชิงเกอ “ยินดีต้อนรับสู่เทียนตู”

มู่ชิงเกอก็มิได้อิดออด ยกจอกเหล้าที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ขึ้นมาคารวะตอบจากที่ไกลๆ “ขอบคุณ”

พูดจบก็ยกจอกเหล้าในมือดื่มหมดในทีเดียวอย่างสง่างามเป็นธรรมชาติ

ท่าทีของเขาทำเอาแววตาของหานฉายไฉ่เปล่งประกาย แฝงความนัยที่ไม่ชัดเจนขึ้นมาหลายส่วน ดื่มเหล้าในจอกตนเองหมดจอกอย่างใช้ความคิด

หลังจากที่ดื่มเหล้าจอกนี้หมด หานฉายไฉ่ก็เอ่ยขึ้นว่า “เพื่อเป็นการเลี้ยงรับรองเจ้า ข้าได้เชิญพ่อครัวชื่อดังจากแคว้นฉินมาเป็นพิเศษ เจ้าลองชิมดูว่าเป็นอาหารแคว้น ฉินรสชาติต้นตำรับหรือไม่”

มู่ชิงเกอทอดสายตาลงบนอาหารขึ้นชื่อของแคว้นฉินอีกครั้ง รู้สึกประหลาดใจ ระหว่างนางกับหานฉายไฉ่ แม้จะไม่ได้ถือเป็นศัตรู แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นมิตรสหาย เหตุใดเขาจะต้องทำดีต่อนางครั้งแล้วครั้งเล่า?

ครั้งก่อนจู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวที่แคว้นฉิน ช่วยนางขับไล่ศัตรู

หลังจากนั้นก็ได้สนทนาหยั่งเชิงกัน ทำให้นางรู้สึกว่าความลับของตนเองราวกับถูกเขาล่วงรู้ จากนั้นทั้งคู่ก็มีเรื่องยุ่งของตนเอง ไม่ได้พบกันอีก ครั้งนี้พบหน้ากันอีกครั้ง ความ ‘เอาใจใส่’ ของเขาทำให้มู่ชิงเกอยิ่งทวีความประหลาดใจ

มู่ชิงเกอคิดวิเคราะห์อยู่ในใจ แต่ก็คว้าตะเกียบคีบอาหารแต่ละอย่างขึ้นมากินคำเล็กๆ หลังจากวางตะเกียบแล้วก็พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า “อืม ไม่เลว”

คำตอบของนางคล้ายกับว่าทำให้แววตาของหานฉายไฉ่มีรอยยิ้มพึงพอใจขึ้นหลายส่วน

“เจ้าเรียกข้าออกมาด้วยเรื่องอะไรหรือ?” หลังจากวางตะเกียบลง มู่ชิงเกอก็เอ่ยถามหานฉายไฉ่ออกมาตรงๆ

พอนางเอ่ยถามขึ้น ก็ทำเอารอยยิ้มพึงพอใจของหานฉายไฉ่สะดุด

นํ้าเสียงก็เย็นชาลงหลายส่วน “เรียกเจ้าออกมาพูดคุยกัน สนทนาเรื่องสัพเพเหระ กินข้าวด้วยกันสักมื้อไม่ได้หรืออย่างไรกัน?”

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ว่านี่ไม่ใช่ตัวตนของหานฉายไฉ่”

“เหอะ” หานฉายไฉ่ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอครั้งหนึ่ง ดวงตาเรียวยาวของเขาหลุบลงใต้หนังตา ขนตายาวบดบังความรู้สึกที่แท้จริงในแววตาของเขา “เจ้าเป็นหนี้ดอกท้อไม่น้อยเลยทีเดียว มีสตรีไม่น้อยปักใจในตัวเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ถูกใจใครสักคน หรือว่ามีเหตุผลอะไรแอบซ่อนอยู่?” ประโยคหยั่งเชิงที่ชัดเจนขนาดนี้ เหตุใดมู่ชิงเกอจะฟังไม่ออก?

อีกทั้งหานฉายไฉ่เองก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังเจตนาของตนเอง

มู่ชิงเกอยิ้มเย็นอยู่ในใจ สุดท้ายชายผู้นี้ก็ต้องการประเมินนาง ไม่ว่าจุดประสงค์ที่เขาต้องการจะทราบเพศของนางคืออะไรก็ตาม นางก็ไม่คิดที่จะยอมรับต่อหน้า เขา

หัวเราะออกมาเล็กน้อย นางตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “เรื่องของความรู้สึก ไหนเลยจะบังคับกันได้? หากเจ้าต้องตอบรับทุกคนที่มาชอบเจ้า ข้าคิดว่านายน้อย หานคงไม่มีเวลามาดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าอยู่ที่นี่เป็นแน่”

“การตอบกลับที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้สมกับเป็นมู่ชิงเกอ” มุมปากหานฉายไฉ่ยกยิ้มขึ้นครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ เอนกายลงใช้น้ำเสียงสุภาพแฝงความเกียจคร้านเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นเพราะยังไม่เจอคนที่ถูกใจ หรือเป็นเพราะตัวเจ้าไม่มีความสามารถ?”

มู่ชิงเกอแก้มแดงขึ้นมาทันที ก่อนจะเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

นางยิ้มหยันเอ่ยขึ้นว่า “ข้าสามารถหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสั่งสอน?” นางชะงักไปชั่วครู่ส่งสายตาฉายแววสงสัยไปที่หานฉายไฉ่ “เหตุใดนายน้อยหานถึงได้ห่วงใยเรื่องส่วนตัวของข้านักเล่า?”

“ในฐานะเพื่อน ห่วงใยกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา” หานฉายไฉ่หรี่ตายิ้มๆ

ทว่ามู่ชิงเกอกลับเลิกคิ้วขึ้น “เพื่อนหรือ? ระหว่างข้ากับนายน้อยหานกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไร? ตามความคิดของข้า ระหว่างพวกเราอย่างมากก็เป็นได้เพียงพันธมิตรเท่านั้น”

“เจ้าพูดเช่นนี้ แล้งน้ำใจไปหน่อยไหม” หานฉายไฉ่ส่ายหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ

จากนํ้าเสียงของเขาฟังไม่ออกถึงความโกรธหรือดีใจใดๆ

มู่ชิงเกอแบมือขึ้น หัวเราะและเอ่ยว่า “ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่เคยมีนํ้าใจใดๆ ต่อกัน ไหนเลยจะเรียกว่าแล้งน้ำใจ?” สิ่งที่มู่ชิงเกอกล่าวออกมาคือความจริง ระหว่างนางกับหานฉายไฉ่เริ่มต้นจากการประเมินท่าทีกันและกัน

แม้ว่าหลังจากนั้นจะเคยร่วมมือกัน แต่นั้นก็เป็นเพียงการได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น

ถึงแม้ตอนที่อยู่แคว้นฉิน เขาจะเคยช่วยนางเอาไว้ครั้งหนึ่ง แต่หลังจากจบเรื่อง แม้นางจะเอ่ยปากปฏิเสธไปก่อนหน้า แต่ก็ยังให้คนนำปืนยิงระเบิดที่ปรับปรุงแก้ไข เสร็จแล้วไปมอบให้เขาที่หอสรรพสิ่ง ถือว่าตอบแทนที่เขาให้ความช่วยเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้นนางคิดว่าหานฉายไฉ่เองก็ไม่ได้คิดจะช่วยนางด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ว่าต้องการอะไรบางอย่างจากนาง

เช่นว่านางเป็นหญิงหรือชาย…

ในเมื่อระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่เคยแสดงความจริงใจต่อกัน เช่นนั้นจะเกิดมิตรภาพขึ้นมาได้อย่างไร?

“มู่ชิงเกอ มีคนเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าเจ้าช่างเย็นชาไร้ความรู้สึก” นํ้าเสียงของหานฉายไฉ่เปลี่ยนไปดูอันตรายขึ้นมา มู่ชิงเกอกลับเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “ขอบคุณสำหรับคำชม”

“หากเจ้าเรียกข้ามาเพราะห่วงใยความรู้สึกส่วนตัวของข้า เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวลา ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของเจ้า” มู่ชิงเกอปรายตามองอาหารอันโอชะที่แตะไปไม่กี่คำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยไม่อาลัยอาวรณ์เลยสักนิด

“ช้าก่อน” เมื่อเห็นว่านางจะจากไป หานฉายไฉ่ก็รีบส่งเสียงออกมารั้งเอาไว้

การเอ่ยปากของเขาในครั้งนี้นํ้าเสียงเป็นปกติกว่าก่อนหน้านี้มาก อย่างน้อยมู่ชิงเกอได้ยินแล้วค่อยรู้สึกว่าเป็นหานฉายไฉ่คนเดียวกับที่นางรู้จัก

“เจ้ารีบร้อนเพียงนั้นเลย?” หานฉายไฉ่หรี่ตาลงขณะเอ่ยขึ้น

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพียงแต่ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องน่าเบื่อ”

“เจ้าว่าข้าน่าเบื่อ?” นํ้าเสียงของหานฉายไฉ่ฉายแววอันตราย

มู่ชิงเกอเอ่ยด้วยความซื่อตรง “อืม หากได้ประลองกับเจ้าสักตั้งหนึ่ง อาจจะไม่น่าเบื่อขนาดนั้น”

พละกำลังระหว่างนางกับหานฉายไฉ่ ตั้งแต่ที่ได้พบกับครั้งแรกก็รู้สึกว่าสูสีกัน นางก็รอคอยอยู่ว่าเมื่อไรจะได้ประลองกับหานฉายไฉ่สักตั้ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พบกับเจ้าบ้าเฉินปี้เฉิงนั่น ทำให้นางรู้สึกว่าบางครั้งการศึกษาแลกเปลี่ยนจากผู้ที่มีฝีมือพอๆ กัน ก็ทำให้เราสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้มาก

สิ่งที่มู่ชิงเกอกล่าวออกมา หานฉายไฉ่กลับส่งเสียง หึ ออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

และไม่คิดจะให้นางสมปรารถนา

“ได้ยินมาว่า คนจากตระกูลฮวาไปหาเจ้า แต่กลับถูกเจ้าปฏิเสธ? แล้วฮ่องเต้เจียงแคว้นกู่วู่กับเจ้ามีความสัมพันธ์ใดต่อกัน?” หานฉายไฉ่เอ่ยถามขึ้นในทันใด

แววตาของมู่ชิงเกอเป็นประกาย ทิ้งตัวนั่งลงใหม่ช้าๆ เอ่ยขึ้นยิ้มๆ ว่า “ดูท่าข่าวสารที่หอสรรพสิ่งช่างรวดเร็วจริงๆ!”

นางไม่ลืมประโยคติดปากประโยคนั้นของหอสรรพสิ่ง ‘ไม่มีสิ่งใดที่ไม่รู้ขอเพียงมีเงินจ่าย’

“กล่าวชมเกินไปแล้ว” ในนํ้าเสียงของหานฉายไฉ่ฉายชัดถึงความภาคภูมิใจขึ้นมาส่วนหนึ่ง

“เจ้ายังรู้สิ่งใดอีก?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามยิ้มๆ

หานฉายไฉ่แบมือขึ้นอย่างไม่ยี่หระ เอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “เรื่องที่เจ้าหวังจะให้ข้ารู้และไม่หวังให้ข้ารู้ ข้าล้วนรู้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น เจ้าก่อเรื่องที่ประตูเมือง ยกตัวอย่างเช่นทุกการกระทำในระหว่างที่เจ้าอยู่ในวังหลวงอาณาจักรเซิ่งหยวน และยกตัวอย่างเช่นการประลองครั้งใหญ่ระหว่างเจ้ากับคนบ้าแซ่เฉิน แม้กระทั่ง ภูเขาจำลองในเขตพระราชอุทยานของจักรพรรดิหยวนที่ถูกพวกเจ้าทำลายข้าก็รู้ ยังมีวันนี้ที่เจ้าไปตำหนักหลีกง ถูกมหาปราชญ์เรียกตัวให้อยู่ต่อตามลำพัง…” พอพูดมาถึงช่วงท้าย แววตายั่วเย้าก่อนหน้านี้ของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

เขามองไปทางมู่ชิงเกออยู่เป็นนานสองนาน ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “มู่ชิงเกอตัวเจ้ามีความลับเท่าไรกันแน่? เหตุใดถึงทำแต่เรื่องคาดไม่ถึงพวกนี้? แม้แต่มหาปราชญ์ก็ให้ความสำคัญต่อเจ้าเป็นพิเศษ!”

เขาไม่อยากแสดงความหวั่นเกรงในใจของเขาออกมาต่อหน้ามู่ชิงเกอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขารู้ว่านางถูกมหาปราชญ์เรียกตัวเข้าพบเพียงลำพัง ความรู้สึกหวั่นเกรงในใจยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามู่ชิงเกอมา เทียนตู แต่ก็ยังไม่ได้ไปพบนาง จนกระทั่งมีข่าวแว่วมา วันนี้ทำให้เขาอดทนรอไม่ไหวรีบเรียกนางให้ออกมาพบ

หวั่นเกรงสิ่งใดน่ะหรือ?

เกรงว่าแม้แต่ตัวหานฉายไฉ่เองก็จะไม่รู้เพียงแค่รู้สึกได้รางๆ ว่าความลับที่ตนเองเก็บซ่อนเอาไว้อย่างระมัดระวัง กำลังถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าสาธารณชน ความ รู้สึกที่เหมือนกับสิ่งสำคัญถูกประกาศให้คนในใต้หล้ารับรู้และกำลังดึงดูดมาซึ่งการแย่งชิงจากผู้คนจำนวนมาก ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีตัวตนที่เขาไม่อาจต่อกรได้อยู่ “ทำไมหรือ? เจ้ากำลังอิจฉาข้าหรือไง?” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถาม

“ข้าไม่ได้พูดเล่นกับเจ้าอยู่นะ เจ้าอยากเล่นกับไฟข้าก็จะไม่ห้าม แต่ระวังให้ดีอย่าให้ไฟไหม้ตัวเองได้ล่ะ!”

หานฉายไฉ่เปลี่ยนท่าทีก่อนหน้านี้เป็นจริงจังขึ้นมาทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!