Skip to content

พลิกปฐพี 181-3

ตอนที่ 181-3

อยู่ห่างเขาไว้เขาอันตรายมาก

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเอ่ยถาม “แล้วข้าไม่ได้จริงจังตรงไหน?”

หานฉายไฉ่ตกอยู่ในความเงียบงัน

จ้องมองมู่ชิงเกออยู่นานก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสามารถไม่สนใจคนส่วนใหญ่ แต่ว่ามีบางคน ไม่ใช่ว่าตัวเจ้าคิดจะไม่สนใจก็ไม่สนใจได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับมหาปราชญ์เป็นเช่นไรกันแน่? ก่อนหน้านี้ ตอนที่ข้าอยู่กับเจ้าเคยพบคนผู้หนึ่ง คลับคล้ายคลับคลารู้สึกคุ้นเคย หลังจากนั้นจึงสืบพบว่าเขาคือใต้เท้าทมิฬคนสนิทของมหาปราชญ์นามว่ากู่หยา แล้วเหตุใดเขาถึงปรากฏตัวอยู่ข้างกายเจ้า เชื่อฟังคำสั่งของเจ้า? คงมิใช่เพียงเพราะว่าตอนที่มหาปราชญ์ผ่านไปยังแคว้นฉินโปรดปรานเจ้าหรอกนะ? ตอนนี้เจ้ามาถึงเทียนตูไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลีกง กลับถูกรั้งให้อยู่ต่อตามลำพัง นี่เป็นเพราะอะไร?”

คำถามของหานฉายไฉ่ส่อเสียดอยู่บ้าง ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า “ขออภัยด้วยที่ไม่สามารถบอกอะไรได้”

“เจ้า!” ดวงตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่ย้อมไปด้วยโทสะ เขาเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ”

ท่าทาง ‘เจ้าอย่าได้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี’ ของเขา ทำเอามู่ชิงเกอหัวเราะออกมา “ช่วยข้าหรือ? ข้ามีอะไรต้องให้เจ้าช่วยกัน?”

ทันใดนั้นร่างของหานฉายไฉ่ก็หายไปจากที่เดิม มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ จมูกของทั้งสองห่างกันไม่ถึงสองฉือ

มู่ชิงเกอดวงตาเขม็งกร้าว กระถดร่างไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว เว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่

สีหน้าของนางสุขุมเยือกเย็น เอ่ยขึ้นอย่างดุดัน “เจ้าจะทำอะไร?”

หานฉายไฉ่ไม่สนใจความเกรี้ยวโกรธของนาง เพียงแค่เอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม “มหาปราชญ์เป็นการมีอยู่ของผู้ที่เจ้าไม่ควรไปล่วงเกิน เจ้าอย่าเล่นกับไฟ!”

“เจ้าหมายความเช่นไร?” ดวงตาของมู่ชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย

หานฉายไฉ่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยกับนางว่า “คำพูดของข้าเจ้าฟังไม่เข้าใจหรือ? มหาปราชญ์มิใช่ผู้ที่เจ้าจะล่วงเกินได้ ดังนั้นไม่ต้องไปเข้าใกล้เขา เขาไม่ใช่คนของหลินชวนและก็ไม่ใช่คนของโลกแห่งยุคกลาง เขามาจากสถานที่ซึ่งแข็งแกร่งกว่านั้น หากเจ้าไปล่วงเกินเขา จะเอาชีวิตไปทิ้งเมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้”

ซือมั่วไม่ใช่คนของโลกแห่งยุคกลาง?!

เขามาจากสถานที่ซึ่งแข็งแกร่งกว่านั้น!

ข้อมูลนี้ทำเอามู่ชิงเกอชะงักงัน นางคิดว่าบางทีซือมั่วอาจมาจากตระกูลโบราณที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของโลกแห่งยุคกลางชนเผ่าใดชนเผ่าหนึ่ง ไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะไม่ใช่

และสิ่งที่หานฉายไฉ่พูดมาหมายความว่าอย่างไร?

อะไรคือการที่บอกว่าหากล่วงเกินซือมั่วแล้วจะเอาชีวิตไปทิ้งเมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้?

ทันใดนั้นเองจิตใจที่เคยสงบนิ่งของมู่ชิงเกอก็ถูกคำพูด ไม่กี่ประโยคของหานฉายไฉ่ก่อกวน

“ที่เจ้าบอกว่าล่วงเกิน หมายถึงอะไร?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามด้วยสีหน้าสุขุมเยือกเย็น

“ก็คือไม่ต้องไปข้องเกี่ยวในทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะดีไม่ดี หรืออะไรก็ตาม” หานฉายไฉ่เตือนมู่ชิงเกอด้วยท่าทีจริงจัง

“เพราะอะไร?” หว่างคิ้วของมู่ชิงเกอย่นเข้าหากัน แต่หานฉายไฉ่กลับเอ่ยขึ้นด้วยความคลุมเครือว่า “มีบางเรื่องยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าต้องรู้ แต่ว่าต่อไปเดี๋ยวเจ้าก็จะได้ รู้ ข้าเพียงแต่หวังว่าเมื่อเจ้าได้รู้แล้วจะไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง หรือได้รับบาดเจ็บ”

“เหตุใดข้าจะต้องเสียใจภายหลังกัน?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามเสียงแข็ง

ดวงตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่กลับเขม็งกร้าว เอ่ยถามขึ้นว่า “พูดเช่นนี้แสดงว่ายอมรับว่าระหว่างเจ้ากับมหาปราชญ์มีความสัมพันธ์ต่อกันใช่ไหม?”

เขารู้สึกกลัวอยู่บ้างว่ามู่ชิงเกอจะพยักหน้ารับ

“มีหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า ที่เจ้าเอ่ยเตือนด้วยความปรารถนาดีข้าจดจำไว้ในใจแล้ว แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องทำตามที่เจ้าว่า ข้าเป็นคนที่ทำอะไร ตามใจตนเอง” มู่ชิงเกอพูดจบก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“เจ้าเป็นคนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังทำ!” หานฉายไฉ่สบถ

มู่ชิงเกอหันกลับมามองเขา ดวงตากระจ่างใสฉายแววหนักแน่น “เช่นนั้นข้าก็ยินยอมรับผลของมัน”

พูดจบนางก็เอ่ยกับหานฉายไฉ่ว่า “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ ขอตัวก่อน”

“งานประมูลของหอสรรพสิ่งในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เจ้าต้องไปร่วมให้ได้” จู่ๆ หานฉายไฉ่ก็พูดขึ้นขณะที่มู่ชิงเกอกำลังจะออกไปจากห้องโดยสาร

มู่ชิงเกอชะงักเท้า หันหลังกลับมามองเขา นํ้าเสียงเย้าแหย่เอ่ยขึ้นว่า “เพราะเหตุใด?”

หานฉายไฉ่ค่อยๆ เบนสายตามองมาที่นาง “เพราะว่างานประมูลครั้งนี้มีแผนที่ฝั่งตะวันตกของโลกแห่งยุคกลางฉบับหนึ่ง”

ดวงตาทั้งสองของมู่ชิงเกอหดเกร็งอย่างรวดเร็ว สายตาที่มองหานฉายไฉ่ฉายแววมองสำรวจอยู่หลายส่วน

ฝั่งตะวันตกของโลกยุคกลาง คล้ายกับว่าตระกูลฝั่งมารดาจะอยู่บริเวณแถบนั้น บังเอิญเพียงนี้เชียว นึกไม่ถึงว่าแผนที่ฝั่งตะวันตกของโลกยุคกลางจะปรากฏขึ้นที่ หอสรรพสิ่ง?

“ข้าทำได้เพียงรับรองกับเจ้าว่าแผนที่นั้นเป็นของจริง ผู้ที่นำออกมาประมูลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับหอสรรพสิ่งของเรา” หานฉายไฉ่เอ่ย

“ข้ารู้แล้ว” มู่ชิงเกอเก็บสายตากลับมา ขณะที่จะจากไป ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ขอบคุณ”

มองส่งมู่ชิงเกอจากไปแล้ว หานฉายไฉ่ก็ยังคงอยู่ที่เดิมเนิ่นนานไม่ไหวติง

หลังจากออกมาจากเรือสำราญของหานฉายไฉ่ มู่ชิงเกอก็เดินกลับเรือนรับรองท่ามกลางความมืดมิด ตอนที่ใกล้จะถึงก็หยุดชะงักและหมุนกายเดินไปทางเรือน

รับรองของแคว้นกู่วู่

เจียงหลีกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่

ทันใดนั้นนางก็ลืมตาโพล่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีทองเปล่งประกายรังสีสังหารด้วยความเหี้ยมโหด

จวบจนเห็นชัดๆ ว่าผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายนางเป็นใคร ความมุ่งมั่นที่จะสังหารของนางจึงได้เลือนหายไป

“เหตุใดเจ้าจึงมาปีนขึ้นเตียงข้ากลางดึกกันเล่า?” เจียงหลีคลุมผ้าห่มลุกขึ้นนั่ง มองหน้ามู่ชิงเกอพลางเอ่ยกระซิบกระซาบ

มู่ชิงเกอกลอกตาใส่นาง “ข้าเพียงแค่นั่งอยู่ข้างเตียงเจ้า ยังไม่ได้ปีนขึ้นเตียงเจ้าเสียหน่อย”

“เช่นนั้นต้องการขึ้นมาสัมผัสดูหน่อยหรือไม่?” เจียงหลีตบลงบนที่ว่างข้างๆ นาง ส่งสายตาพราวเสน่ห์เชื้อเชิญมู่ชิงเกอ

นางแค่ต้องการแหย่มู่ชิงเกอเล่น แต่ไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจะถอดรองเท้ามุดเข้ามาในผ้าห่ม ล้มตัวลงนอนข้างนางจริงๆ

เจียงหลีอ้าปากค้างมองหน้านาง พูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นนาน

มู่ชิงเกอเหล่ตามองนาง เอ่ยขึ้นนิ่งๆ ว่า “ไม่ใช่เป็นเจ้าเชิญข้าหรอกหรือ?”

“เหอะๆ” เจียงหลีส่งเสียงกระแอม เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ถอดต่างหูออกก่อนสิ เจ้านอนอยู่ข้างกายข้าเช่นนี้ข้ากลัวว่าตนเองจะควบคุมตนเองไม่ได้ ทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมกับเจ้า”

มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ “วางใจเถอะ เจ้าไม่มีโอกาสนั้นหรอก” พูดไป แต่นางก็ยังคงถอดต่างหูของตนเองออก กลับคืนร่างหญิงสาวอยู่ข้างๆ เจียงหลี

พอเห็นมู่ชิงเกอกลับคืนร่างหญิงสาว เจียงหลีถึงได้วางใจล้มตัวลงนอน

ทั้งสองนอนราบอยู่บนเตียง บรรยากาศในห้องรู้สึกแปลกๆ

ครู่หนึ่ง เจียงหลีเอียงสายตามามองหน้านาง “เจ้าเป็นอะไรไป?”

“เมื่อครู่นี้มีคนบอกข้าว่าอย่าไปล่วงเกินเขา’’ มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นมานิ่งๆ เรื่องของนางกับซือมั่ว เจียงหลีเป็นหนึ่งในคนข้างกายนางที่รู้เรื่องนี้หลังจากที่ถูกคำพูดของหานฉายไฉ่ก่อกวนอารมณ์ความรู้สึกของนาง คนแรกที่นางนึกถึงก็คือ เจียงหลี

เจียงหลีตะลึงไปชั่วครู่ มีปฏิกิริยากลับมาในทันที “มหาปราชญ์?”

มู่ชิงเกอพยักหน้า “คนผู้นั้นบอกว่า ที่มาของเขาลึกลับ เกินกว่าที่ข้าจะจินตนาการ หากว่าข้าไปข้องเกี่ยวกับเขา จะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้”

“ใครช่างมีเจตนากล่าวให้ผู้อื่นตกใจกัน! ง่ายนักหรือที่เจ้าจะสนใจบุรุษสักคน? ต้นกล้าเพิ่งจะงอกเงยก็มีคนมาทำเรื่องยุ่งซะแล้ว! เจ้าบอกข้ามาว่าเป็นใคร? ข้าจะไปจัดการแทนเจ้าเอง!” เจียงหลีเอ่ยขึ้นอย่างมีอารมณ์

มู่ชิงเกอมองนางด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดึงความคิดของนางให้กลับเข้าเรื่อง “ปัญหาตอนนี้ก็คือ เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่?”

ใช่สิ! นางต้องรู้ว่าซือมั่วเป็นคนอย่างไร จึงจะมีแนวทางต่อสู้ที่ถูกต้องและตาไม่มืดบอด

เจียงหลีชะงัก สงบนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ในบันทึกของแคว้นกู่วู่ ไม่ได้บันทึกที่มาที่ไปของมหาปราชญ์เอาไว้มากนัก ราวกับว่าเมื่อมีหลินชวนเขาก็มีตัวตนอยู่แล้ว นี่ก็เป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงได้รับความเคารพจากบรรดาผู้คน ผู้มีอำนาจในหลินชวน บางทีคนพูดนั้นอาจจะพูดถูกว่ามหาปราชญ์มาจากสถานที่ที่เก่งกาจยิ่งกว่า แต่ว่าแล้วมันจะเกี่ยวอะไร? ขอเพียงเจ้าไม่หยุดที่จะยิ่งใหญ่ต่อไป ต้องมีสักวันหนึ่งที่เจ้าจะสามารถขยับเข้าไปใกล้ระยะห่างเรื่องของพละกำลังระหว่างเจ้ากับเขา ไม่เป็นภาระของเขาและร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ เขาได้”

คำพูดของเจียงหลีทำให้มู่ชิงเกอสงบลงอย่างมาก

‘นั่นสินะ! ขอเพียงข้าไม่หยุดที่จะยิ่งใหญ่ต่อไป ก็สามารถลดช่องว่างระหว่างพวกเรา’ มู่ชิงเกอเอ่ยกับตนเองในใจ

“สรุปว่าเป็นใครที่มาใส่ความให้เจ้าฟัง?” ความคิดของเจียงหลีกลับเข้าเรื่องได้สักพักหนึ่งก็กลับมาที่ต้นเรื่อง

“หานฉายไฉ่” ครั้งนี้มู่ชิงเกอไม่ได้ปิดบังนางอีกต่อไป

“หานฉายไฉ่? นายน้อยหอสรรพสิ่ง?” เจียงหลีคิดไม่ถึงอยู่บ้าง

ความสามารถเรื่องข่าวกรองของเจียงหลีทำให้มู่ชิงเกอเลื่อมใสตลอด นางมองผู้ที่อยู่เบื้องหน้า “เจ้ามีความเข้าใจต่อหอสรรพสิ่งอย่างไร?”

เจียงหลีส่งเสียงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “เป็นเพียงคนของตระกูลหานตระกูลสายเลือดเพลิงที่ถูกทอดทิ้งจากโลกแห่งยุคกลาง ถูกนำมาปล่อยให้เอาตัวรอดเองที่หลินชวนก็เท่านั้น” ระหว่างพูด แววตาของนางก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า “แต่ว่าแม้จะเป็นผู้ถูกทอดทิ้งจากโลกแห่งยุคกลาง แต่ก็เป็นหัวแรงสำคัญหนึ่งในหลินชวน”

“ประวัติของตระกูลหาน มีคนรู้เรื่องเยอะหรือไม่?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจแกมสงสัย

เจียงหลีส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่รู้ว่ามีคนรู้เรื่องนี้เท่าไร แต่ว่าหลินชวนพันปีมานี้จู่ๆ ก็ปรากฏคนของตระกูลหาน ย่อมมีผู้มีอำนาจหลายฝ่ายสืบข่าวเป็น ธรรมดา โลกแห่งยุคกลางในกลุ่มผู้มีอำนาจถือเป็นความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง และก็ไม่ได้มีความลับอะไร ข่าวลือบางอย่างใช้ความคิดหน่อยก็สามารถสืบรู้ได้”

ที่แท้เป็นเช่นนี้

มู่ชิงเกอรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างแคว้นอันดับสามกับแคว้นระดับอื่นๆ ขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่าดูเหมือนหานฉายไฉ่จะไม่ยอมถูกทอดทิ้ง มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะหวนกลับไปโลกยุคกลาง หากให้ข้าเดา เขาก็จะอยู่ที่หลินชวนอีกไม่นาน” เจียงหลีปล่อยข่าวเด็ดออกมา

มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง คล้ายกับว่าจากข่าวกรองของเจียงหลี ทำให้นางรับรู้ได้ว่าเพราะเหตุใดในตอนแรกหานฉายไฉ่ถึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะกลืนกินพญาเพลิงเมฆสุริยาลงไป

ทันใดนั้นเจียงหลีก็พลิกตัวมาอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ ส่งสายตาวิบวับประเมินนางอยู่หลายที

สายตาเปิดเผยโจ่งแจ้งนั้นทำเอามู่ชิงเกอรู้สึกขนลุก “เจ้ามองอะไร?”

เจียงหลียิ้มกรุ้มกริ่มยื่นมือมาจับปลายคางมู่ชิงเกอ “เจ้าว่าหานฉายไฉ่นั้นใช่รู้ว่าเจ้าเป็นสตรี ดังนั้นจึงมาพูดกับเจ้าเช่นนั้น? เพราะห่วงว่าเจ้าจะถูกมหาปราชญ์ชิงตัวไปหรือไม่?”

มู่ชิงเกอทำหน้ายุ่งยาก ยื่นมือมาปัดมือของเจียงหลีออก “อย่าพูดเหลวไหล!”

เจียงหลีเก็บมือกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำตาโตเอ่ยขึ้นว่า “ข้าพูดเหลวไหล? ข้าไม่ได้พูดเหลวไหลเสียหน่อย คนความรู้สึกช้าเช่นเจ้า คนอื่นมาชอบพอเจ้า เจ้าก็ดูไม่ออก เกินเยียวยาจริงๆ”

มู่ชิงเกอไร้คำพูดโต้ตอบ

นางเป็นพวกความรู้สึกช้าจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางไม่มีทางเชื่อว่าหานฉายไฉ่จะมาชอบนาง!

คนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกเช่นนั้น จะชอบใครสักคนง่ายๆ ได้อย่างไร?

“พอแล้ว ไม่ต้องไปคิดฟังซ่านแล้ว เข้านอนเถอะ” มู่ชิงเกอพลิกตัวหันหลังให้เจียงหลี ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ตนเอง เจียงหลีมุมปากกระตุก อดไม่ได้ที่จะตีนางไปทีหนึ่ง เอ่ยพึมพำ “ใครกันแน่ที่คิดฟ้งซ่าน?”

พูดจบนางก็เอนตัวลงนอน กระตุกดึงผ้าห่ม

ผ้าห่มผืนหนึ่งถูกคนสองคนแย่งกันดึง ไม่มีสงคราม กลับกันเพิ่มความสนุกสนานระหว่างพี่น้องในห้องนอนขึ้นหลายส่วน

หากถูกองครักษ์เขี้ยวมังกรหรือคนอื่นที่เคยถูกมู่ชิงเกอเผยความองอาจจนตกใจมาเห็นฉากนี้เข้า ไม่รู้ว่าจะทำให้ตกตะลึง อ้าปากค้าง นํ้าตาตกกันสักกี่ราย

“หากเจ้ากังวลใจล่ะก็ รอให้ได้พบหน้ามหาปราชญ์ก็ถามดูให้ชัดเจนก็รู้เรื่องแล้ว?” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค

มู่ชิงเกอที่หลับตาสนิทแล้วลืมตาขึ้นมา “ค่อยว่ากันอีกที” จากนั้นก็ปิดเปลือกตาลง

‘ในเมื่อเลือกคนนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะเป็นคนแบบไหน แล้วอย่างไรล่ะ? ห่างกันมาก นางก็พยายามเดินเข้าไปใกล้ก็เท่านั้นเอง’ หลังจากที่เอ่ยบอกประโยคนี้กับตนเอง ในใจ มู่ชิงเกอก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!