Skip to content

พลิกปฐพี 188-1

ตอนที่ 188-1

ตระกูลหลานขวัญกล้าเทียมฟ้า!

คล้ายกับว่าเจียงหลีต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นมู่ชิงเกอเดินนำใครเข้ามา นางก็กลืนคำที่จะพูดลงคอไป ปรายตามองหวงฝู่ฮ่วนครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหามู่ชิงเกอ

หวงฝู่ฮ่วนยิ้มที่มุมปาก ส่งสายตามองเจียงหลีเดินจากไป

เขาไม่ได้รั้งเจียงหลีเอาไว้ ดวงตาสูงส่งดุจหยกคู่นั้นก็ไม่มีวี่แววความริษยาปรากฏแต่อย่างใด มีเพียงความหม่นหมองกับอิจฉาบ้างเล็กน้อย

ข้างกายแว่วเสียงฝีเท้าคนเดินมา

หวงฝู่ฮ่วนไม่ได้มองผู้มาใหม่ ราวกับเดาได้ว่าเป็นผู้ใด

เฉินปี้เฉิงเดินมาหยุดอยู่ข้างกายหวงฝู่ฮ่วน มองตามสายตาของเขาไป มองไปทางเบื้องหลังของเจียงหลี

ราวกับว่าเขาตั้งใจครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะมองหน้าหวงฝู่ฮ่วนแล้วเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “เจ้าชอบนาง”

ถูกเฉินปี้เฉิงโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจ หวงฝู่ฮ่วนก็ไม่ได้รู้สึกเก้อเขิน กลับพยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา “ใช่แล้ว! ข้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มชอบนางเข้าแล้ว”

“เพราะอะไร?”เฉินปี้เฉิงขมวดคิ้วถาม น้อยครั้งที่เขาจะใส่ใจเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก ยกเว้นหวงฝู่ฮ่วนที่ค่อนข้างจะสนิทอยู่บ้าง บางทีนี่อาจเป็นบุพเพของทั้งสองคนที่อยากจะเป็นศิษย์ตำหนักหลีกงอยู่หลายปีก็ได้?

มุมปากหวงฝู่ฮ่วนกระตุกเบาๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบความสับสนของเฉินปี้เฉิงว่าอย่างไรดี “เรื่องของความรัก หากสามารถใช้คำพูดเพียงสองสามคำมาอธิบายได้ ก็ไม่อาจเรียกว่าความรัก”

เฉินปี้เฉิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เข้าใจ”

ในที่สุดหวงฝู่ฮ่วนก็เลื่อนสายตาจากเจียงหลี เพราะว่าเจียงหลีกำลังสนทนาอยู่กับมู่ชิงเกอ เขาไม่อยากให้มู่ชิงเกอรู้สึกว่าสายตาของตนเองร้อนแรงและตรงไปตรงมาเกินไป

เขามองมาทางเฉินปี้เฉิง เอ่ยอย่างตั้งใจว่า “เจ้าไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องปกติ”

เฉินปี้เฉิงไม่ได้รู้สึกว่าคำตอบของหวงฝู่ฮ่วนเป็นการเสียมารยาทต่อตัวเอง กลับกันเขายังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เอ่ยเสริมขึ้นประโยคหนึ่งว่า “แต่ว่านางเป็นสตรีของมู่ชิงเกอ”

มีดนี้ทำเอาหวงฝู่ฮ่วนปวดใจอยู่บ้าง เขาขมวดคิ้วอย่าง จนใจ ยกมือขึ้นมาลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ เอ่ยกับเฉินปี้เฉิงว่า “ข้ารู้ดี ทุกคนแข่งกันอย่างยุติธรรม”

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?” เฉินปี้เฉิงใช้สายตามองไปบนมือที่ใช้ลูบหน้าอกของหวงฝู่ฮ่วน เอ่ยถามขึ้น

หวงฝู่ฮ่วนหัวเราะเงียบๆ เอามือตัวเองลง “ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าหากเจ้าไปชอบสตรีสักคน เจ้าจะชอบสตรีลักษณะไหน?”

อยู่ๆ เขาก็เหมือนกับรู้สึกว่าถูกเฉินปี้เฉิงทำให้จุกในใจ

เฉินปี้เฉิงถูกสายตาประหลาดใจคู่นั้นของหวงฝู่ฮ่วนจ้องมอง ยังคงอยู่ในอารมณ์เย็นชาดุจใบมีด “ข้าไม่มีวันชมชอบสตรีใด”

“อย่าได้พูดจาหนักแน่นเช่นนั้น วันทั้งวันเจ้าเอาแต่คลั่งไคล้การฝึกยุทธ์เกรงว่าสตรีที่เคยพบเจอจะมีไม่ถึงสิบคน” หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยยิ้มๆ

เฉินปี้เฉิงคิดอย่างจริงจัง แต่ก็ยังส่ายหน้า “สตรียุ่งยาก”

หวงฝู่ฮ่วนมุมปากกระตุก รู้สึกว่าการที่ถามเรื่องสตรีกับเจ้าบ้าแซ่เฉินช่างเป็นอะไรที่บีบกะโหลกโดยแท้ เจ้าขอนไม้ทึ่มนี้รู้เรื่องรสนิยมของสตรี ความสัมพันธ์อันหอมหวานชวนลุ่มหลงระหว่างชายหญิงที่ไหนกัน?

แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองยังคงเอ่ยถามต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “หากให้เลือกคนที่เจ้ารู้จักออกมาคนหนึ่ง เจ้าจะชอบคนประเภทไหน?”

คิ้วเข้มพาดเฉียงดุจกระบี่ของเฉินปี้เฉิงขมวดเข้าหากันแน่น เลื่อนสายตาจากหวงฝู่ฮ่วนไปตกลงที่มู่ชิงเกอ ซึ่งกำลังสนทนากับเจียงหลีที่เดิม “ข้าเลือกเขา”

“แค่ก แค่ก” หวงฝู่ฮ่วนเกือบจะถูกคำตอบของเขาทำให้สำลักตาย เขานึกว่าเฉินปี้เฉิงจะเลือกจากสตรีที่รู้จักออกมาสักคน คิดไม่ถึงว่าเขาจะเลือกบุรุษเสียนี่ ทว่าเขาก็ยอมรับว่าบุรุษผู้นี้โดดเด่นเป็นเสิศ แน่นอนว่า ยังมีเสน่ห์เย้ายวนเอามากๆ แต่ว่า ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นบุรุษ! สีหน้าหวงฝู่ฮ่วนฉายแววตกตะลึงเอ่ยถามว่า “เหตุใดจึง เลือกเขา?”

เฉินปี้เฉิงไม่ได้รู้สึกว่าคำตอบของตนเองมีปัญหาตรงไหน เขามองหวงฝู่ฮ่วนด้วยอาการสงบนิ่งตอบว่า “เพราะว่าเขาร้ายกาจ ข้าเอาชนะเขาไม่ได้!”

หวงฝู่ฮ่วนถูกเกณฑ์การเลือกคู่ครองของเฉินปี้เฉิงโน้มนำ เพราะว่าร้ายกาจ เพราะว่าเอาชนะไม่ได้ดังนั้น จึงชอบ? นี่มันตรรกะอะไรกัน? คงมิใช่ว่าภายในใจของเฉินปี้เฉิงผู้แข็งแกร่งนี้แท้จริงแล้ว เป็นพวกชอบถูกทำร้าย? หวังว่าคนที่จะมาเป็นศรีภรรยาในอนาคตจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนเองหรอกนะ?

ไม่ง่ายเลยที่หวงฝู่ฮ่วนจะประมวลผลข้อมูลพวกนี้ได้ เขายอมรับว่าตนเองเป็นคนปากมาก เขาไม่ควรที่จะถามคำถามที่มีความยากระดับสูงกับเฉินปี้เฉิง

หวงฝู่ฮ่วนสงบสติอารมณ์ เอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน “วันนั้น เหตุใดเจ้าถึงได้พ่ายแพ้?”

เอ่ยถึงการแข่งขันเมื่อสามวันก่อน แม้ว่าเฉินปี้เฉิงจะพ่ายแพ้แต่กลับไม่ได้หลีกเลี่ยง หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยถามมาเขาก็ตอบไป “ทวนของเขาแทงเข้ามาที่จุดตายของข้า”

“แต่ว่า ไม่ใช่ว่าทวนนั้นแตกไปแล้วหรือ” หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจแกมสงสัย

เฉินปี้เฉิงพยักหน้า แววตาทอประกายเลื่อมใสเอ่ยขึ้นว่า “พละกำลังของเขาควบคุมได้อย่างแม่นยำ เขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าเมื่อทวนแทงเข้าที่ข้าแล้วจะต้องแตกกระจาย ดังนั้นจึงแทงเข้ามาแบบไม่สนใจอะไรทั้งหมด ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย เขาใจกล้ามาก ที่สำคัญก็คือเขามีความสามารถที่จะสนับสนุนความใจกล้าของเขา สู้มาจนถึงตอนท้าย เขาเดาทางในการจู่โจมของข้าได้เกือบทั้งหมด พูดได้ว่าข้าสู้ตามจังหวะของเขา ดังนั้นถึงแม้จะสู้กันต่อไปยังไงก็เป็นข้าที่พ่ายแพ้อยู่ดี”

หวงฝู่ฮ่วนพอฟังคำชี้แจงของเฉินปี้เฉิงจนจบ ก็มีอาการตกตะลึงอ้าปากค้าง ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา เอ่ยกับเขาว่า “เกรงว่านี่จะเป็นประโยคที่เจ้าพูดออกมายาวที่สุดนับตั้งแต่ที่ข้ารู้จักเจ้ามา อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเจ้าวิจารณ์คนอื่นยาวขนาดนี้”

“เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยาก” เฉินปี้เฉิงเอ่ยขึ้นมานิ่งๆ

“แต่เกรงว่าคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากของเจ้าผู้นี้จะเจอเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว” จู่ๆ หวงฝู่ฮ่วนก็โพล่งขึ้นมา

เฉินปี้เฉิงมองเขาด้วยความสงสัย ดูจากสายตาของเขา หวงฝู่ฮ่วนก็รู้ได้ทันทีว่า เจ้าคนที่รู้จักแต่แสวงหาศิลปะการต่อสู้ผู้นี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ

หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยชี้แจงอย่างใจดี “ก่อนที่จะเดินทางมาอาณาจักรเซิ่งหยวน เหมือนว่าคุณชายมู่จะมีความแค้นกับสำนักหมื่นอสูรและหอหลอมศาสตรา ข่าวที่ข้าหามา ได้คือสองขั้วอำนาจนี้ร่วมมือกับทางการของแคว้นหรง คล้ายกับว่าตามล่าเขามาสักระยะหนึ่ง คนจำนวนไม่น้อยของสองขุมอำนาจต่างก็ตายภายในเงื้อมมือของ เขา หอหลอมศาสตราสาขาย่อยที่แคว้นกู่วู่ก็ย่อยยับด้วยฝีมือเขา พอมาวันนี้เขาก็ล่วงเกินตระกูลหลาน อุปนิสัยของคนตระกูลหลานพวกนั้น แม้ว่าสองหูของเจ้าจะไม่สนใจฟังเรื่องภายนอกหน้าต่างอย่างไร แต่ก็น่าจะเข้าใจอยู่บ้าง ฮ่องเต้เจียงเป็นกังวลว่าขุมกำลังเหล่านี้จะรวมตัวกันมาจัดการกับเขา”

“พวกนั้นไม่ใช่คู่มือของเขา” เฉินปี้เฉิงเอ่ยขึ้นเนิบๆ

หวงฝู่ฮ่วนพยักหน้าลงเล็กน้อยแทบจะไม่ทันสังเกต “อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น ในบรรดาคนหนุ่มสาว นอกจากเจ้าแล้วก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของคุณชายมู่ได้อีก แต่ว่าข้าเห็นฮ่องเต้เจียงคล้ายกับเป็นกังวลอยู่บ้าง จนถึงกระทั่งตัดสินใจจะเข้าไปในช่องว่างแห่งการทดสอบด้วย สรุปคือหากเจ้าไม่หวังให้คู่ต่อสู้ที่หาได้ยากของเจ้าผู้นี้ถูกคิดบัญชีจนถึงแก่ชีวิต พอถึงเวลาก็ต้องขอให้เจ้าช่วยดูแลสักหน่อย แน่นอนว่าถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยข้าดูแลฮ่องเต้เจียงให้ด้วย”

เฉินปี้เฉิงหันกลับมามองเขา

หวงฝู่ฮ่วนหัวเราะขื่นๆ “เจ้าก็รู้ว่ากฎระเบียบเป็นเช่นนี้ เพื่อความเสมอภาคกับอำนาจของตระกูลต่างๆ ในวันปกติของทุกปีคนของราชวงศ์หวงฝู่มีโอกาสเข้าไปฝึกฝนในช่องว่างแห่งการทดสอบครั้งหนึ่ง แต่ในงานชุมนุมใหญ่หลินชวนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

“ข้ารู้แล้ว” เฉินปี้เฉิงเอ่ยขึ้นนิ่งๆ หนึ่งประโยค ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป

หวงฝู่ฮ่วนใช้สายตาส่งเขาจากไป เอ่ยพึมพำขึ้นมาว่า

“ดูแลคุณชายมู่ให้ดี มหาปราชญ์จะไม่มีทางให้เจ้าขาดทุนอย่างแน่นอน”

“ข้าไปสืบข่าวมาแล้ว เกี่ยวกับช่องว่างแห่งการทดสอบ” เจียงหลีเอ่ยกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นด้วยความสนใจ “ก่อนหน้านี้เพียงแค่เข้าใจคร่าวๆ เท่านั้น เจ้าสืบข่าวมาได้ความว่าอย่างไร?”

“ช่องว่างแห่งการทดสอบเป็นมหาปราชญ์ใช้พลังวิเศษสร้างขึ้นมา ภายในนั้นกว้างใหญ่ไพศาลหาที่เปรียบมิได้ มีสัตว์อสูรดุร้ายเหี้ยมโหดมากมาย อันนี้เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้ว” เจียงหลีเอ่ย ในจุดนี้มู่ชิงเกอรู้อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ เจียงหลีกดเสียงตํ่าเอ่ยขึ้นว่า “เดิมที หลังจากที่มหาปราชญ์สร้างช่องว่างแห่งการทดสอบขึ้นก็ทิ้งไว้ให้กับอาณาจักรเซิ่งหยวน เพียงแต่ถ่ายทอดข้อความไว้หนึ่ง ประโยค หากผู้ที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะผ่านช่องว่างแห่งการทดสอบไปได้ ก็ไม่ต้องส่งไปตายที่สุสานโบราณ หลังจากนั้นสิ่งควบคุมช่องว่างแห่งการทดสอบก็มอบให้สี่ตระกูลใหญ่และราชวงศ์แป็นผู้ดูแล ”

“คืออะไร” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม เจียงหลีเอ่ยปากบอกทุกสิ่งที่นางสืบค้นมาได้’ “กุญแจที่จะเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบมีทั้งหมดห้าดอก ดอกหนึ่งอยู่ในมือราชวงศ์ส่วนอีกสี่ดอกเก็บไว้ที่คนของสี่ตระกูล ดอกที่อยู่ในมือราชวงศ์นั้นสามารถเปิดช่องว่างขนาดเล็กๆ ตามลำพังได้ ส่วนอีกสี่ดอกไม่สามารถเปิดตามลำพังได้ กุญแจห้าดอกรวมเป็นหนึ่งถึงจะสามารถเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบทั้งหมดได้ สำหรับที่ที่จะเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบนั้นเพราะว่าอยู่ในพระราชวังและกุญแจดอกที่อยู่ในมือตระกูลหวงฝู่นั้นเป็นกุญแจดอกพิเศษ ดังนั้นหลังจากห้าฝ่ายตกลงกันแล้ว ในทุกๆ ปีราชวงศ์ก็จะมีโอกาสส่งคนเข้าไปเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบเล็กๆ นั้นเพื่อฝึกฝนได้ แต่ว่าในงานชุมนุมใหญ่หลินชวน เมื่อช่องว่างทั้งหมดเปิดออก คนของตระกูลหวงฝู่ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้ นอกจากนี้แล้ว ในสิทธิ์ราชวงศ์หวงฝู่ที่จะเข้าไปในสุสานโบราณ จะต้องแบ่งจำนวนครึ่งหนึ่งให้สี่ตระกูล ทุกขุมอำนาจสามารถเข้าไปได้แปดคน ดังนั้นรายชื่อในอาณาจักรเซิ่ง หยวนทุกครั้ง จะมีสี่คนที่มาจากสี่ตระกูลใหญ่ นี่ถือว่าเป็นการถ่วงดุลอำนาจ และก็ถือเป็นการประนีประนอมของพวกราชวงศ์’

“นี่สามารถอธิบายอะไรได้?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วถาม เจียงหลีส่ายหน้า “ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เพียงแต่ข้ากำลังเดาว่าหากคนของตระกูลหลานรอจังหวะตอนที่ เจ้าจะออกจากช่องว่างแห่งการทดสอบ แล้วดึงกุญแจออกจะเป็นอย่างไร”

มู่ชิงเกอมุมปากกระตุก หัวเราะแห้งๆ เอ่ยขึ้นว่า “หาก ตามหลักการแล้ว ช่องว่างแห่งการทดสอบไม่ได้อยู่บนหลินชวน กระนั้นแล้วเมื่อทำเช่นนี้สิ่งเดียวที่เป็นไปได้คือ สูญหายไปในช่องว่างแห่งการเวลาไปตลอดกาล หากโชคดีก็จะล่องลอยเช่นนี้ไปจนตาย หากโชคไม่ดีก็จะถูกช่องว่างทำให้แตกละเอียดเป็นชิ้นๆ”

“เจ้าเข้าใจดีแท้” เจียงหลีเอ่ยยิ้มๆ

“เช่นนั้นเจ้ามีแผนการอะไรดีๆ หรือไม่?” มู่ชิงเกอเอ่ยขอคำชี้แนะอย่างถ่อมตน

เจียงหลีเอ่ยขึ้นกึ่งล้อเล่นว่า “แผนการดีๆ ไม่มี แต่ว่าเจ้าสามารถไตร่ตรองดูได้ว่าตอนออกมา จับตัวคนในตระกูลหลานสักหลายคนอยู่ข้างกายเป็นยันต์คุ้มกันภัย ทำให้คนตระกูลหลานไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม”

“ขอบคุณที่เอ่ยเตือน” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอย่างหมดคำพูด

ถ้าหากคนตระกูลหลานต้องการจะคิดบัญชีกับนางจริงๆ ละก็ จะมัวมาสนใจผู้น้อยตระกูลหลานอยู่หรือ?

“สรุปก็คือถึงแม้พวกเราจะไม่คิดว่าพวกเขาจะลงมือกับเจ้าในการทดสอบรอบนี้ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจของข้ายังมีอยู่ เจ้าจะต้องระวังตัวด้วย” เจียงหลีเอ่ยจริงจัง คำพูดก่อนหน้านี้ สามารถมองเป็นเรื่องล้อเล่น

แต่คำพูดประโยคนั้นนางกลับหวังให้มู่ชิงเกอจำใส่ใจให้มั่น

มู่ชิงเกอพยักหน้า แสดงถึงว่าตนเองจำใส่ใจแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version