ตอนที่ 188-3
ตระกูลหลานขวัญกล้าเทียมฟ้า!
ไม่ให้ทุกคนรอนาน หวงฝู่เฮ่าเทียนก็เดินนำประมุขจากสี่ตระกูลเดินเข้ามา ด้านหลังเขายังมีท่านผู้เฒ่าคนหนึ่ง
มู่ชิงเกอเคยเห็นใบหน้าของคนผู้นี้มาก่อนในวันที่นางต่อผู้กับเฉินปี้เฉิงในวังหลวง ตอนที่หวงฝู่เฮ่าเทียนมาถึง คนผู้นี้ก็ติดตามอยู่ด้านหลัง
นางจำได้ว่าหวงฝู่เฮ่าเทียนเคยแนะนำว่าคนเป็นผู้อาวุโสของวังหลวง
“ดูท่าว่าคนจะมากันครบแล้ว” หวงฝู่เฮ่าเทียนกวาดตามองไปรอบๆ เอ่ยขึ้นเสียงดังกังวาน
คนที่จะเข้าไปในช่องว่างแห่งการทดสอบแต่ละฝ่ายต่างก็ยืนประจำที่ สงบเงียบยอมรับกลายๆ
หวงฝู่เฮ่าเทียนพยักหน้า กวักมือเรียกหัวหน้าราชองครักษ์นายหนึ่ง ในมือของฝ่ายหลังถือราชโองการม้วนหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงหน้าผู้คน ค่อยๆ กางราชโองการออก ป่าวประกาศเนื้อความด้านใน
“การจัดอันดับตามคะแนนสะสมในการแข่งขันรอบที่สองของงานชุมนุมใหญ่หลินชวน
อันดับหนึ่งแคว้นฉิน คะแนนรวมสี่ร้อยห้าคะแนน
อันดับสองแควันตี๋ คะแนนรวมสามร้อยหกสิบคะแนน
อันดับสามแคว้นอวี่ คะแนนรวมสองร้อยเก้าสิบเจ็ดคะแนน
อันดับลี่แคว้นสี่ คะแนนรวมสองร้อยสามสิบสี่คะแนน
อันดับห้าแคว้นหรง คะแนนรวมสองร้อยสามสิบสามคะแนน
อันดับหกแคว้นอวี๋ คะแนนรวมสองร้อยสามสิบคะแนน”
เมื่อประกาศเนื้อความในราชโองการจบ เขาก็ถอยออกไป
“แคว้นหรงของพวกเราจัดอยู่อันดับที่ห้าได้อย่างไร?”
“แคว้นระดับสามอย่างแคว้นฉินก็แล้วไป ถึงอย่างไรก็มีคนเก่งราวปีศาจ แต่ว่าอีกสองแคว้นนี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่เพียงแต่มีแคว้นหนึ่งที่นำแคว้นระดับสอง อีกทั้งความห่างระหว่างพวกเขาทั้งคู่มีเพียงนิดเดียว! ”
“นี่แคว้นระดับสามต้องการรวมกลุ่มกันฝืนชะตาฟ้าดินหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ฝืนชะตาฟ้าดินแต่เป็นการผงาด ดูแล้วฮวงจุ้ยของแคว้นระดับสามได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
“รวมคะแนนผิดหรือไม่?”
พอประกาศผลการแข่งขันในรอบที่สอง ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ขึ้นทันใด
ทันใดนั้นสามแคว้นที่มาจากแคว้นระดับสามก็กลายเป็นหัวข้อในการสนทนา
ในนั้นก็มีคนที่โหวกเหวกไม่ยอมรับ ย่อมต้องเป็นแคว้นหรงแคว้นระดับสองที่อยู่ด้านล่าง
“ทุกท่าน!” เพียงหวงฝู่เฮ่าเทียนเอ่ยปาก ก็ระงับการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดไว้
เขายืนอยู่ด้านบนจุดสูงสุด เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินนี้ การเอ่ยปากของเขาเพียงพอที่จะหยุดข้อกังขาทั้งหมดได้ หากใครยังสงสัยในผลการแข่งขันนั้นย่อมหมายถึงสงสัยในตัวเขา
ที่จริงแล้วนี่ยังไม่ใช่ผลสรุปสุดท้าย
คะแนนที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย นั้นก็ยังมีโอกาสที่จะตีโต้กลับมาได้
ดังนั้นชาวแคว้นหรงจึงได้สงบปากสงบคำ เมื่อเห็นว่าบริเวณโดยรอบอยู่ในความสงบ หวงฝู่เฮ่าเทียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เอ่ยต่อว่า “การแข่งขันรอบที่สามกำลังจะเริ่มต้น นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายของงานชุมนุมใหญ่หลินชวนและก็เป็นรอบสำคัญที่สุด สุดท้ายการจัดอันดับของพวกเจ้าจะบ่งบอกว่าสี่แคว้นใดที่จะมีคุณสมบัติเข้าไปในสุสานโบราณในช่องว่างแห่งการทดสอบจะมีแผ่นป้ายทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น ขุมอำนาจฝ่ายไหนคว้าแผ่นป้ายได้มากที่สุดก็จะแลก เป็นคะแนนสะสมได้มากชิ้น คะแนนรวมสูงสุดของแผ่นป้ายสามารถได้รับถึงร้อยคะแนนลดลงตามลำดับ แต่ละอันดับจะลดลงสิบห้าคะแนน หรือพูดได้ว่ากลุ่มที่นำแผ่นป้ายออกมาได้น้อยที่สุดจะมีคะแนนอยู่ที่ยี่สิบห้าคะแนน แต่ว่าเนื่องจากคนจากสี่ตระกูลไม่เข้าร่วมการสะสมคะแนน ฉะนั้นแล้วแผ่นป้ายที่พวกเขาเสาะหามาได้ พวกเจ้าสามารถคิดหาวิธีไปแลกเปลี่ยนมาได้ แน่นอนว่าหากพวกเขาไม่ยินยอมที่จะแลกเปลี่ยน การจัดอันดับในตอนสุดท้ายก็จะหักในส่วนที่พวกเขาเสาะหามาได้ออกไป”
เมื่อแจ้งกฏระเบียบการแข่งขันจบ หวงฝู่เฮ่าเทียนก็เอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินชัดแล้วหรือไม่?”
“ได้ยินชัดแล้ว!”
คนนับพันตะโกนประสานเสียงดัง
หวงฝู่เฮ่าเทียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ สะบัดแขนพร้อมกับส่งแผนที่หลายฉบับลอยไปสู่มือของผู้นำแต่ละกลุ่ม มู่ชิงเกอยกมือขึ้นคว้าแผ่นที่ที่ตกมาทางตนเองก่อนจะเปิดออกดู บนนั้นระบุตำแหน่งของแผ่นป้ายไว้อย่างชัดเจน รวมถึงสถานที่อันตรายบางส่วนก็ระบุไว้อย่างกระจ่างแจ้ง
ดูจากแผนที่แล้ว ช่องว่างแห่งการทดสอบนี้ใหญ่มากจริงๆ
ก็ไม่รู้ว่าตอนแรก ซือมั่วสร้างขึ้นมาได้อย่างไร จ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยต่างก็ถืออยู่ในมือคนละหนึ่งภาพ เมื่อนำมาเทียบกับทั้งสามคนพบว่าแผนที่เหมือนกันไม่มีส่วนใดแตกต่าง
เสียงของหวงฝู่เฮ่าเทียนลอยมาอีกครั้ง “แผนที่ในมือของพวกเจ้าต่างก็ระบุพื้นที่ที่สามารถออกค้นหาไว้อย่างชัดเจน ส่วนพวกที่ระบุไว้ว่าพื้นที่หวงห้ามเหล่านั้นก็มี สัตว์อสูรที่อยู่ระดับพลังชั้นสีม่วงทั้งยังมีนิสัยดุร้าย พวกเจ้าอย่าได้เข้าไปใกล้ๆ จำเอาไว้ว่าหาแผ่นป้ายให้พบคือเป้าหมายของพวกเจ้า ส่วนที่เหลืออย่าได้ไปสร้างเรื่องยุ่งวุ่นวาย หากพานพบอันตรายที่เกินกำลังสามารถฉีกยันตเคลื่อนย้ายที่อยู่ในมือของพวกเจ้าได้ ยันต์เคลื่อนย้ายนี้จะสามารถพาเจ้าออกมา แต่ว่าหลังจากที่ออกมาแล้วจะไม่สามารถเข้าไปได้อีกจำกันชัดเจนแล้วหรือไม่?”
“ยันต์เคลื่อนย้าย? คิดไม่ถึงว่ายังมีของเช่นนี้อยู่” มู่ชิงเกอเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ นางเอ่ยเบาๆ ไม่ได้รบกวนใคร
หวงฝู่ฮ่วนอธิบายอยู่ข้างๆ นางว่า “วิธีนี้สืบทอดมาจากมหาปราชญ์โดยให้สี่ตระกูลใหญ่และราชวงศ์ดูแลรักษาร่วมกัน วิธีการสร้างยันต์เคลื่อนย้ายทุกครั้งจะต้องให้ทั้งห้าฝ่ายร่วมกันทำ”
มู่ชิงเกอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ครู่หนึ่งก็มีคนจำนวนไม่น้อยเดินมาแจกจ่ายยันต์เคลื่อนย้าย
ผู้ที่รับผิดชอบแจกจ่ายยันต์เคลื่อนย้ายให้กับผู้คนแคว้นระดับสาม ไม่รู้เป็นเพราะองค์รัชทายาทหวงฝู่ฮ่วนอยู่ในสนามด้วยหรือเปล่า เวลาที่เขาส่งมอบ ไหล่ทั้งสองก็สั่นขึ้นเล็กน้อย
หลังจากที่แจกจ่ายเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินจากไป มู่ชิงเกอและเจียงหลีก็จ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังเขาที่ค่อยๆ ไกลออกไป
“เขาเป็นคนในวังหลวงหรือไม่?” มู่ชิงเกอหยิบยันต์เคลื่อนย้ายในมือออกมาถือเล่น จู่ๆ ก็เอ่ยถามหวงฝู่ฮ่วน
หวงฝู่ฮ่วนพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่หลินชวนได้ ล้วนเป็นผู้อาวุโสของวังหลวง จะนับว่าเป็นคนรับใช้ในสายหลักของตระกูลหวงฝู่ของข้าก็ได้”
คำชี้แจงของเขาก็ทำให้มู่ชิงเกอหลุบตาลงมองยันต์เคลื่อนย้ายที่อยู่ในมืออย่างพิจารณา
พลิกเล่นไปสักพักหนึ่ง จู่ๆ นางก็ส่งให้หวงฝู่ฮ่วน
หวงฝู่ฮ่วนยื่นมือออกมารับด้วยความแปลกใจ มองของที่อยู่ในมือของตนอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “มีอะไรหรือ?”
มู่ชิงเกอแย้มยิ้มที่ริมฝีปาก คว้ายันต์เคลื่อนย้ายของตนเองที่อยู่ในมือของเขากลับคืนมา “ไม่มีอะไรหรอก บางทีข้าอาจจะคิดมากไป”
ท่าทีของข้ารับใช้ผู้นั้นทำให้นางบังเกิดความสงสัย แต่ว่าปฏิกิริยาของหวงฝู่ฮ่วนก็กลับทำให้นางรู้สึกว่าตนเองคิดมากไป
หากยันต์เคลื่อนย้ายในมือของนางมีปัญหา เช่นนั้นเมื่อหวงฝู่ฮ่วนจับไว้ในมือ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติ ถึงอย่างไรตามกฏระเบียบของพวกเขา ทุกปีตระกูลหวงฝู่ก็มีโอกาสส่งคนเข้าไปในช่องว่างแห่งการทดสอบ หวงฝู่ฮ่วนในฐานะองค์รัชทายาทน่าจะได้สัมผัสยันต์เคลื่อนย้ายนี่ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้ง
“พวกเขาจะเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบแล้ว” เจียงหลีเอ่ยเตือนขึ้นทันที
มู่ชิงเกอสงบอารมณ์เงยหน้าขึ้นมองไปทางพวกหวงฝู่เฮ่าเทียนทั้งห้าคน
ในมือถือกุญแจเอาไว้แน่น แยกเป็นประมุขของตระกูลต่างๆ
พวกเขาทั้งห้าล้อมเป็นวงกลม ในมือของพวกเขาก็เหมือนจะกำลังประสานกันเป็นรูปลักษณ์อันแปลกประหลาด หวงฝู่เฮ่าเทียนหยิบกุญแจของตนเองโยนไป ในอากาศก่อนเป็นคนแรก
เมื่อกุญแจอยู่กลางอากาศก็ราวกับได้รับแรงดึงดูดบางอย่าง ลอยคว้างอยู่กลางอากาศหมุนวนเปล่งแสงละมุนออกมาไม่ขาดสาย
หวงฝู่เฮ่าเทียนเปล่งเสียงออกมา พลังสีม่วงเข้มข้นในมือพุ่งเข้าไปที่กุญแจกลางอากาศอย่างไม่ขาดสาย
เวลานี้เองผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นจึงได้รู้ว่าจักรพรรดิหยวนผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเซิ่งหยวนผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นยอดฝีมือระดับพลังชั้นสีม่วงขั้นสูงสุด มาถึงเทียนตู จู่ๆ มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่ายอดฝีมือระดับพลังชั้นสีม่วงมีมากมายกว่าที่ตนเองคิดไว้ จักรพรรดิหยวนเป็นยอดฝีมือระดับพลังขั้นสีม่วง เช่นนั้นประมุขของสี่ตระกูลที่เหลือ…
ราวกับว่าเพื่อขจัดความสงสัยของมู่ชิงเกอ หลังจากที่จักรพรรดิหยวนปล่อยพลังออกมา ประมุขอีกสี่ตระกูลที่เหลือก็ทยอยหยิบกุญแจออกมาพ่วงด้วยพลังของตนเองส่งเข้าไปในอากาศ
พวกเขาทั้งสี่ก็เป็นยอดฝีมือระดับพลังชั้นสีม่วงเช่นกัน ต่างกันเพียงแค่ระดับชั้น
ในบรรดาพวกเขาเหล่านี้ประมุขตระกูลฮวาอ่อนแอที่สุด พลังสีม่วงอ่อนเป็นสัญลักษณ์ของระดับพลังชั้นสีม่วงชั้นต้น ส่วนประมุขตะกูลจิ่งนั้นแข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับพลังชั้นสีม่วงชั้นสูงสุดเช่นเดียวกับจักรพรรดิหยวน เพียงแต่ว่าสีม่วงของเขาเมื่อเทียบกับสีม่วงของจักรพรรดิหยวนแล้วยังอ่อนกว่าอยู่บ้าง
กุญแจสี่ดอกนี้แบ่งเป็นสีคราม สีขาว สีดำและสีเหลือง รวมสี่สี ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งฟ้าดิน
กุญแจสี่ดอกเล็กกว่ากุญแจของจักรพรรดิหยวนอยู่บ้าง แต่เป็นแบบเดียวกัน
พวกมันถูกพลังส่งขึ้นไปกลางอากาศ ราวกับได้รับแรงดึงดูดจากกุญแจดอกนั้นของจักรพรรดิหยวน แยกไปอยู่เหนือใต้ออกตกสี่ทิศสี่ตำแหน่ง พลังเชื่อมโยงกัน เพิ่มการเกาะเกี่ยวระหว่างทั้งสองฝ่าย
ริ้วหลากสีสันราวประกายไฟปรากฏขึ้นบนกุญแจทั้งห้าดอก
เวลานี้เองเขตหวงห้ามที่ทุกคนยืนอยู่ก็ราวกับเปล่งพลังอันแรงกล้าออกมา กดดันให้ผู้คนถอยหลังออกไป พลังนี้แม้แต่มู่ชิงเกอเองก็ต้านไม่อยู่ต้องถอยหลังไปก้าว หนึ่ง เฉินปี้เฉิงก็ด้วย หนึ่งในนั้นมีเพียงผู้เดียวที่สามารถปักหลักอยู่กับที่คือผู้อาวุโสเจ็ด
มู่ชิงเกอสังเกตเห็นว่าเท้าทั้งสองของเขาราวกับรากของ ต้นไม้เก่าแก่เกาะยึดแน่นกับพื้น
ลมจากทั่วทุกสารทิศหอบขึ้นไปในอากาศ พัดพาจนผู้คน สายตาพร่าเบลอ ชายผ้าปลิวสะบัด
ส่วนกุญแจทั้งห้าดอกที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ราวกับเสร็จสิ้นการตรวจสอบ แสงหลากสีนั้นถักทออยู่ด้วยกันกลายเป็นลำแสงที่แสบตาอย่างยิ่ง สาดส่องไปยังที่แห่งหนึ่งในช่องว่าง
อากาศแสนสงบราวกับถูกทำลายลงในช่วงเวลานี้เอง
ท่ามกลางการเบิกตากว้างของทุกคน ก็ปรากฏหลุมคล้ายนํ้าวนขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศ นํ้าวนหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดำดิ่งลงในส่วนลึกของนํ้าวนไม่ขาดสาย ช่องว่างถูกทำลายกลายเป็นเศษเสี้ยวตกลงไปในความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
ทางสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าผู้คน ที่หมุนรอบไปทั่วสี่ทิศคือความปั่นป่วนในช่องว่างที่ไม่เสถียร
สุดปลายทางของเส้นทางปรากฏทัศนียภาพป่าไม้ให้เห็นเลือนลาง ราวกับว่าที่นั่นเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา