ตอนที่ 202-2
เลือกแผ่นป้าย เข้าสู่เศษซากโบราณ
“ถึงแม้ว่าด่านฝึกฝนจะถูกละทิ้งแล้ว แต่ของบางอย่างภายในนั้น สำหรับคนในหลินชวนแล้วก็คือของวิเศษ วิชาพันสายฟ้าที่ข้าให้เจ้าก็มาจากที่แห่งนั้น” ซือมั่วเอ่ย
“อะไรนะ! เคล็ดวิชาพันสายฟ้ามาจากเศษซากโบราณ?” มู่ชิงเกอตกตะลึง
ซือมั่วยิ้มๆ เอ่ยว่า “ทุกครั้งที่ออกมาจากเศษซากโบราณ ของที่ทุกคนเอาออกมาล้วนต้องผ่านการตรวจสอบจากข้าก่อน หากว่าข้าสนใจในของเหล่านั้น แน่นอนว่าจะต้องเก็บเอาไว้”
‘ฮึ่ม! ยังต้องเก็บส่วยอีกหรือ? พูดให้ชัดก็คือเจ้าของที่ดิน!’ มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก พูดในใจ แต่ว่าในใจของนางรู้ดีว่า ซือมั่วทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเขาโลภในสิ่งของเหล่านั้น เพียงแต่เพราะอยากจะดูว่าของที่เขาต้องการนั้นถูกนำออกมาด้วยหรือไม่ บทสรุปเห็นได้ชัดว่าไม่มี!
มิเช่นนั้นซือมั่วก็คงจะไม่รออยู่ที่นี่มาโดยตลอดเช่นนี้
เพียง แค่ข่าวที่วิชาพันสายฟ้ามาจากเศษซากโบราณแค่อย่างเดียว ก็ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกว่าเศษซากโบราณนั้น เป็นที่เก็บสมบัติแล้ว! ความคาดหวังในใจเข้มขึ้น
“ปีศาจโลภ คิดจะเอาของทั้งหมดในนั้นออกมาใช่ไหม? ในนั้นมีกฎ ทุกๆ คนที่เข้าไปจะเอาของออกมาได้แค่เพียงสามชิ้นเท่านั้น”
“เหตุใดจึงมีกฎที่น่ารังเกียจอย่างนั้นได้!” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างปวดใจ
ภาพสมบัตินับไม่ถ้วนตรงหน้าแวบหายไปต่อหน้าต่อตา นี่ไม่ใช่ว่าต้องการเอาชีวิตของนางหรือ?
ท่าทีที่ดูแค้นเคืองของนางทำให้ซือมั่วอดขำไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยเตือน “ถ้าหากว่าเจ้ามีช่องว่างที่เศษซากโบราณสัมผัสไม่ได้ก็สามารถข้ามผ่านกฎนี้ไปได้”
เอ๋?
หืม หืม!
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย!
ช่องว่าง! นางมี!
มีเทพน้อยอย่างเหมิงเหมิงอยู่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร?
ในตอนที่รอยยิ้มของมู่ชิงเกอเพิ่งจะผุดขึ้นมานั้น นางก็ชะงัก มุมปากกระตุกสองครั้ง ‘ว่าแล้วเชียว เรื่องที่มีช่องว่างก็คงปิดซือมั่วไม่พ้น’
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์คงลืมไปแล้วว่าความเป็นมาของแผ่นป้ายที่ไร้ชื่อนั้นเป็นข้าที่บอกเจ้า?” ซือมั่วเอ่ยอย่างขี้เล่น
มู่ชิงเกอลอบถอนหายใจเงียบๆ
นางยอมรับชะตาแล้ว ต่อหน้าของซือมั่ว นางก็ไม่มีความลับใดๆ ที่จะเอ่ย
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่ เหตุใดไม่พูดตรงๆ? หากว่าพูดตรงๆ ข้าคิดว่าไม่ว่าใครก็ล้วนแต่จะนำออกมาให้เจ้า” มู่ชิงเกอหาคำถามใหม่
ซือมั่วเก็บรอยยิ้มกลับ หว่างคิ้วฉายแววเย็นยะเยือก “ไม่ ใช่ว่าข้าไม่พูด แต่เพราะข้าก็ไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นมีลักษณะอย่างไร”
“หา? เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?” มู่ชิงเกอตกตะลึงอีกครั้ง
ซือมั่วขบริมฝีปากสีชมพูเบาๆ ฉายแววเคร่งขรึม ทำเอาดวงตาของมู่ชิงเกอฉายแววหลงใหล ดูเหมือนคิดอยากจะชิมรสริมฝีปากนั้น
ดีที่ ซือมัวไม่ได้สังเกตเห็น ส่วนแววตาหลงใหลของมู่ชิงเกอก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นเคยเป็นสมบัติของตระกูลข้า ไม่ระวังตกหายไปเมื่อนานมาแล้ว มันถูกดูดเข้าสู่ด่านฝึกฝนนั่น กลิ่นอายของมันล้วนอยู่ในด่านฝึกฝนนั่นมาโดยตลอด จุดๆ นี้ไม่ผิดแน่” ซือมั่วเอ่ย
มู่ชิงเกอเคร่งขรึมขึ้น “ในเมื่อเป็นของของพวกเจ้าเอง เหตุใดจึงไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีลักษณะอย่างไร?”
ใบหน้าของซือมั่วเผยรอยยิ้มขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้ “เพราะว่าตกหายไปนานเกินไป ความทรงจำเกี่ยวกับมัน ภายในตระกูลนั้นกลายเป็นคลุมเครือไปนานแล้ว ที่สามารถแน่ใจได้อย่างเดียวก็คือกลิ่นอายของมันยังคงอยู่ ของสิ่งนั้นสำหรับข้าแล้วสำคัญมากดังนั้นจำเป็นต้องได้มา”
‘ไม่มีคำอธิบาย มีเฉพาะกลิ่นอาย นี่จะหาได้อย่างไร?’ มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น
“หวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิงไม่ใช่ว่าอยากให้ข้ารับเป็นศิษย์ มิใช่หรือ? เสี่ยวเกอเอ๋อร์สามารถช่วยข้าบอกพวกเขาว่า หากพวกเขาใครที่สามารถเอาของชื้นนั้นออกมาได้ คนนั้นก็จะเป็นศิษย์ของข้า” อยู่ดีๆ ซือมั่วก็เอ่ยขึ้นมา
แต่ว่า ประโยคนี้กลับทำให้มู่ชิงเกอไม่พอใจ มุมปากของนางยิ้มเย็นขึ้น นัยน์ตาฉายแววประชด “มหาปราชญ์ดูถูกข้างั้นหรือ?”
ซือมั่วส่ายหน้าอย่างหมดวาจาจะกล่าว “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ อย่าได้โมโหไป ข้าเพียงแต่หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้เจ้าเป็นกังวล”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น ทำทางเย็นชา นางยืนขึ้น เดินเข้าไปหาซือมั่ว เหลือบมองเขาเอ่ยว่า “ของที่ผู้ชายของข้าต้องการ แน่นอนว่าต้องเป็นข้าที่เอามันมา ใครก็อย่าได้คิดเคลื่อนไหว ใครเคลื่อนไหวข้าก็จะฆ่าคนนั้น! หากเจ้ายังคิดจะให้คนอื่นเอามันกลับมาให้เจ้าอีก ก็เชิญตามสบาย”
ซือมั่วชะงัก
เขามองไปที่มู่ชิงเกอ ท่าทีที่ดูเผด็จการของนางทำให้เขานิ่งงันไป
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาชอบมากที่มู่ชิงเกอปฏิปติต่อเขาเช่นนี้!
“ดี ของๆ ข้า ก็ให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์นำกลับมา” ซือมั่วเผยรอยยิ้มในดวงตาออกมา
ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยรอยยิ้มนี้ช่างสามารถทำให้ฟ้าดินไร้สีสันไปได้จริงๆ ทิวทัศน์ทั้งโลกใบนี้ล้วนไม่อาจเทียบได้กับเสน่ห์ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
แม้แต่มู่ชิงเกอที่มีภูมิคุ้มกันต่อใบหน้าของซือมั่วแล้วก็ยังตะลึงและหลงใหลไปกับรอยยิ้มของเขาไปชั่วขณะ มู่ชิงเกอกะพริบตา พยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง เอ่ยกับซือมั่วว่า “ในเมื่อแน่ใจเรื่องกลิ่นอายแล้ว สามารถอาศัยกลิ่นอายหาของชิ้นนั้นได้หรือไม่?”
“วิธีนั้นสามารถทำได้” ซือมั่วพยักหน้า
“แต่ว่า…” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเอ่ย “กลิ่นอายของของสิ่งนั้น มีเพียงแค่เจ้าถึงสัมผัสได้ใช่หรือไม่?”
“ไม่ผิด” ซือมั่วพยักหน้าอีกครั้ง
“เช่นนั้นก็ยากจะจัดการแล้ว” ท่าทีของมู่ชิงเกอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
นางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้ามอซือมั่วเอ่ย ว่า “มีวิธีใดหรือของวิเศษใดหรือไม่ที่สามารถทำให้ข้าสามารถระบุตำแหน่งของกลิ่นอายหลังจากเข้าไปแล้วได้? หรือไม่ก็มีของสิ่งใดที่มีปฏิกิริยาเชื่อมถึงมัน สามารถเกิดปฏิกิริยาได้ตอนที่เข้าใกล้กับของสิ่งนั้น?”
หลักการของนางมาจากความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือระบุตำแหน่งแล้วก็ยังมีความรู้เกี่ยวกับสนามแม่เหล็กในชีวิตก่อน
ก็เหมือนกันกับบนสนามรบของยุคปัจจุบันในชีวิตก่อน ทหารกู้ระเบิดจะอาศัยเครื่องมือกู้ระเบิดเคลื่อนที่ค้นหา เพียงแค่เครื่องมือกู้ระเบิดเข้าใกล้ระเบิดก็จะส่งการเตือนออกมา
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้ซือมั่วครุ่นคิด ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ยืนขึ้น เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ข้าต้องคิดครู่หนึ่ง เสี่ยวเกอเอ๋อร์จำไว้ว่า หลังจากนี้ไปสามวันก็คือเวลาเดินทางไปเศษซากโบราณก็พอ”
พูดแล้วซือมัวก็ออกจากห้องของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ถามมาก ดูจากท่าทีของซือมั่ว เกรงว่าคงเป็นเพราะคำพูดของนาง ทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ คิดถึงวิธีที่จะแก้ปัญหา
แต่ว่าซือมั่วเพิ่งจะออกจากห้องไป มู่ชิงเกอก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกขนลุก…
“ท่านพ่อๆ ท่านพ่อ หยวนหยวนอยากกินขนม! ท่านพ่อๆ ท่านพ่อๆ ท่านพ่อๆ…ท่านพ่อๆ…รวมเป็น…”
ดวงตาของมู่ชิงเกอกระตุก ผลักประตูออกไป ก็มองเห็นซือมั่วถูกหยวนหยวนขวางไว้ที่หน้าประตู ส่วนหยวนหยวนนั้น? นิ้วอ้วนป้อมกำลังนับจำนวน
ทันใดนั้น หยวนหยวนก็ดีใจเงยหน้าเล็กๆ น่ารักขึ้นมา ชูนิ้วมือให้ซือมั่ว “ท่านพ่อทั้งหมดเรียกไปสิบเอ็ดท่านพ่อ! ตอนนิ้ก็เรียกไปอีกสองครั้ง ทั้งหมดสิบสาม ขอขนม!” พูดแล้ว สองมือเล็กๆ ของเขาก็แบออกตรงหน้าของซือมั่ว
มู่ชิงเกอมองแล้วก็รู้สึกโมโหขึ้น ‘เจ้าเด็กคนนี้อยากถูกซือมั่วตีตายหรืออย่างไร ตีตายเถอะ ตายไปเลย!’
เจ้าเด็กที่ไม่มีขอบเขตนี่โผล่ออกมาจากไหนกัน?
เพื่อได้กินเม็ดบัวอัคคีก็ไม่มีการเคารพเช่นนี้เลยหรือ? หน้าไม่อายถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
เสียงเรียกของหยวนหยวน ที่เรียกอย่างต่อเนื่องว่า ‘ท่านพ่อ’ ทำให้ซือมั่วระงับความโกรธลงได้ สะบัดมือ เม็ดบัวอัคคีกำลังจะตกลงสู่ฝ่ามือของหยวนหยวน ลักษณะเม็ดแดงๆ น่ารักๆ นั่นทำให้หยวนหยวนนํ้าลายไหล ดวงตาเปล่งประกาย
ในตอนที่เขาเตรียมจะกินนั้น ซือมั่วกลับชะงักมือไว้ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เอ่ยว่า “ตรงนี้อย่างน้อยก็มีสามสิบเม็ด หยวนหยวนเด็กดี จำเอาไว้ว่าเจ้ายังติดค้างท่านพ่อสิบ เจ็ดครั้ง” พูดจบแล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไป หยวนหยวนกะพริบตากลมโต กระโดดขึ้นมาในทันที ร้องตะโกนว่า “ผีขี้เหนียว!” ฮือฮืออือ เขายังคิดว่าที่มาก ขึ้นมาหลายเม็ดเป็นรางวัลพิเศษ คิดไม่ถึงว่าจะมีบทสรุปเช่นนี้!
น่ารังเกียจเสียจริง!
“เจ้าสามารถไม่ทำให้ข้าขายหน้าได้หรือไม่?” มู่ชิงเกอจับหูของหยวนหยวน หยิบเขาขึ้นมาเอ่ยอย่างผิดหวัง
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันในช่องว่างแห่งการทดสอบที่หยวนหยวนถูกซือมั่วดึงดูดด้วยเม็ดบัวอัคคีสำเร็จแล้ว เขาก็กลายเป็นควบคุมไม่ได้ขึ้นมา ไม่ต้องให้ซือมั่วลงมือ เจ้าเด็กนี่ก็เร่งรีบพุ่งออกมาร้องเรียกท่านพ่อ
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ได้รู้ว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของหยวนหยวนที่ขอไม่กลับช่องว่างในช่วงเวลานี้คืออะไร!
หยวนหยวนถูกมู่ชิงเกอเขย่าไปมา ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นอิสระ เขากุมหูแล้วเอ่ยอย่างอดสูว่า “แม่เป็นยังไงก็ต้องมีลูกเป็นยังงั้น หยวนหยวนทำเพราะจะทำให้ความสัมพันธ์ของลูกพี่ท่านแม่พัฒนา!”
“เจ้าเด็กเหม็นรนหาที่ตาย!” มู่ชิงเกอโมโหมาก
หยวนหยวนอาศัยช่องโอกาสกลายร่างเป็นเปลวเพลิง หายวาบไปต่อหน้าของมู่ชิงเกอ
ความเจ้าเล่ห์นี้ช่างเรียนรู้ได้ไวกว่าอาจารย์จริงๆ!
ทิ้งมู่ชิงเกอไว้คนเดียว ยืนอยู่ที่เดิม ความอึดอัดในใจไม่รู้จะไประบายอย่างไร
ยังมีอีกอย่าง เม็ดบัวอัคคีที่อยู่กับซือมั่วมีไม่จำกัดอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าเม็ดบัวอัคคีเป็นของหายาก? มีค่ามากหรือ? เหตุใดเมื่อมาถึงเขาแล้วกลับกลายเป็นขนมล่อเด็กน้อยไปได้?
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็พบว่าตัวเอง เลี้ยงกลุ่มที่เห็นของกิน แล้วตาลุกวาวเข้าแล้ว
เหมิงเหมิงกับหยวนหยวนเป็นคู่ขาชอบกิน ไป๋สี่ก็เป็นจอมเขมือบ! ที่ปกติเพียงหนึ่งเดียวก็คือหยินเฉิน!
ใช่แล้ว! หยินเฉิน!
ทันใดนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าหยินเฉินกำลังผ่านเคราะห์เป็นตาย เหตุใดจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย มู่ชิงเกอหันกายเข้าไปในช่องว่างของตนเอง