Skip to content

พลิกปฐพี 204-3

ตอนที่ 204-3

ชิ้นส่วนบันทึก สิ่งของของซือมั่ว

แปดคนเดินไปตามทางชั่วครู่หนึ่ง ก็เข้าไปอยู่บนผืนทรายขาวแห่งหนึ่ง

ทรายขาวเหล่านั้นละเอียด ขอบเขตกว้างขวาง

บนทรายขาวเหล่านั้นเต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อยตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ละชิ้นก็มืดทึบอับแสง ดูธรรมดาไม่ดึงดูดผู้คน

แต่ว่าตรงทางเข้ากลับมีป้ายหินแผ่นหนึ่งตั้งอยู่ บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘ทะเลถ่ายทอดยุทธ์!’

“ในเมื่อเป็นทะเลถ่ายทอดยุทธ์จะต้องมีจุดที่น่าสงสัยอื่นๆ” มู่ชิงเกอพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง

เดินเข้าไปในทรายขาว นางยกมือขึ้นลูบก้อนหินก้อนหนึ่งดู

เมื่อมือของนางทาบลงไป ก้อนหินที่มืดทึบอับแสงก็เป็นประกายก่อนจะเงียบสงัดไป

ไม่รู้สึกถึงอะไรสักอย่าง มู่ชิงเกอส่ายหน้าเปลี่ยนเป็นก้อนหินก้อนใหม่

มั่วหยางและคนอื่นๆ ก็เลียนแบบอย่างท่าทางของนาง ลูบๆ ฝั่งนี้ คลำๆ ฝั่งนั้น

“โอ๊ย!” ทันใดนั้นเสียงร้องด้วยความตกใจ ทำให้มู่ชิงเกอและคนอื่นๆ หันกลับมามอง

เมื่อพวกเขาหันกลับมามองก็พบว่า เป็นองครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งวางมือลูบบนแผ่นหิน คิดไม่ถึงว่าแผ่นหินที่เดิมทีมืดทึบอับแสงจะเรืองแสงออกมา

“คุณชาย คล้ายกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาในห้วงความคิดของข้า” องครักษ์เขี้ยวมังกรผู้นั้นใบหน้าแดงก่ำ พยายามออกแรงเอ่ยบอกมู่ชิงเกอ

แววตามู่ชิงเกอตะลึงงัน เอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นสิ่งใด?”

องครักษ์เขี้ยวมังกรกัดฟัน เปล่งออกมาสามคำว่า “วิชายุทธ์!”

มู่ชิงเกอลิงโลดในใจรีบเอ่ยว่า “รวบรวมความรู้สึกและจิตใจ นี่เป็นวาสนาของเจ้า”

องครักษ์เขี้ยวมังกรนายนั้นพอได้ฟังที่มู่ชิงเกอเอ่ย ก็รีบเก็บอาการต่อต้าน นั่งลงในท่านั่งสมาธิ ปิดตาลง ยอมรับการถ่ายทอดวิชายุทธ์ของก้อนหินขนาดใหญ่ เมื่อเห็นเขาลมปราณเป็นปกติ มู่ชิงเกอก็มองมั่วหยาง และคนอื่นยิ้มๆ เอ่ยขึ้นว่า “ดูท่าว่าที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่ผู้คนจะมาฝึกวิชายุทธ์ แต่เป็นวิชายุทธ์เลือกคน พวกเจ้า ไปหาดูสิว่ามีวิชายุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองหรือเปล่า”

พวกมั่วหยางต่างก็ยินดี หลังจากรับคำก็เริ่มต้นการลูบคลำก้อนหินต่อ

มู่ชิงเกอเบิกตามอง ก้อนหินของที่นี่ ก้อนเล็กก้อนใหญ่ รวมๆ กันเป็นพันกว่าชิ้น หรือว่าเป็นวิชายุทธ์ทั้งหมด?

‘ด่านฝึกฝนของยุคโบราณแห่งนี้วิธีการถ่ายทอดวิชายุทธ์ช่างแปลกเป็นพิเศษนัก’ มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นในใจ เดินต่อไปข้างหน้า

นางไม่รีบร้อนที่จะไปลูบคลำก้อนหินเพื่อค้นหาวิชายุทธ์ของตนเอง เพราะว่านางคิดเอาไว้แล้วว่ารอให้ถึงเวลาจะไป นางจะเก็บเอาก้อนหินพวกนี้เข้าไปอยู่ในช่องว่างให้หมด สร้าง ‘ทะเลถ่ายทอดยุทธ์ ในช่องว่าง

ฮ่า ฮ่า ฮ่า—–!

วิธีนี้ทำเอามู่ชิงเกออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบิกบานในใจ ก้อนหินพวกนี้ทิ้งเอาไว้ที่นี่ก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ ไม่สู้ให้นางนำกลับไป ยังสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้องครักษ์เขี้ยวมังกร และสะดวกต่อคนอื่นๆ!

มู่ชิงเกอเดินอยู่ในทะเลถ่ายทอดยุทธ์ช้าๆ

ด้านหลังของนาง พวกมั่วหยางต่างพากันพบก้อนหินที่มีปฏิกิริยากับตนเองเป็นลำดับ

เดินมาสักระยะหนึ่ง จู่ๆ กระดิ่งข้างเอวนางก็ส่งเสียงดัง

“หืม?” มู่ชิงเกอหยุดอยู่ชั่วขณะ ก้มหน้าลงมองกระดิ่งที่เอวตนเอง ‘กระดิ่งมีปฏิกิริยาแล้ว? หรือว่าสิ่งของที่ซือมั่วต้องการจะอยู่ใกล้ๆ นี้?’

สายตาของมู่ชิงเกอเป็นประกาย หยิบกระดิ่งขึ้นมาสั่นเบาๆ

อีกด้านหนึ่ง ในมือของซือมั่วก็ถือกระดิ่ง พอกระดิ่งส่งเสียงออกมาโดยไม่คาดฝันใบหน้าหล่อเหลาของเขาระบายรอยยิ้ม

ปลายนิ้วลูบกระดิ่งเบาๆ กระดิ่งค่อยๆ สว่างอยู่ในมือของเขา

ในเศษซากโบราณ มู่ชิงเกอกำลังมองกระดิ่งในมือตนเองที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างด้วยอาการตะลึง รู้ว่านี่เป็นการบอกใบ้ที่ซือมั่วให้นาง

มองดูกระดิ่งที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างแล้ว มู่ชิงเกอก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งของที่ซือมั่วต้องการจะต้องอยู่ที่นี่!

นางก้าวเท้าไปข้างหน้าหลายก้าว กระดิ่งก็ยังคงเปล่งประกาย

คิดดูแล้วนางก็ก้าวถอยหลังหลายก้าว เดินเอียงไปบ้าง กระดิ่งก็มืดดับลง

ทำเช่นนี้ไปมาอยู่หลายครั้ง ในใจของมู่ชิงเกอก็แน่ชัดถึงการเปลี่ยนแปลงของกระดิ่ง หัวเราะออกมาเบาๆ นำ กระดิ่งเดินตรงไปข้างหน้า

ยิ่งเดินไปข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงของกระดิ่งก็ยิ่งชัดเจน นี่เป็นการบ่งบอกว่ามู่ชิงเกอขยับเข้าไปใกล้สิ่งของนั้นเรื่อยๆ

หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป นางก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง

ด้านหน้า ราวกับว่าไม่มีทางเดินต่อไปแล้ว

แต่ว่ากระดิ่งข้างเอวนางยังคงเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง

‘หรือว่าจะอยู่ในแผ่นหยกนี้?’ มู่ชิงเกอถูกความคิดของตนเองทำให้ตกตะลึง

แต่ไหนแต่ไรมานางก็เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ในเมื่อมีการคาดเดาเช่นนี้ เช่นนั้นก็ต้องไปพิสูจน์

มู่ชิงเกอยกมือขึ้นวางบนแผ่นหยก

ทันใดนั้นแผ่นหยกที่สงบนิ่งก็เปล่งแสงสีรุ้งแวววาว แรงดึงดูดสายหนึ่งแผ่ออกมาจากแผ่นหยก ดึงดูดนางเข้าไปอย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ เบื้องหน้าของมู่ชิงเกอดำมืดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสว่างในทันใด

จวบจนนางมองภาพทิวทัศน์ตรงหน้าชัดเจน ถึงพบว่าตนเองเข้ามาอยู่ในสถานที่ซึ่งดูคล้ายถํ้าบำเพ็ญเพียรอย่างไรอย่างนั้น

ที่แห่งนี้มีเพียงแผ่นหินสองแผ่นที่ขนาดใกล้เคียงกันตั้งอยู่

แผ่นหินมืดดับไร้แสงเช่นเดียวกัน

พอมาถึงที่นี่ กระดิ่งยิ่งสว่างมากขึ้น ไม่ได้กะพริบถี่รัวอีก

“อยู่ที่นี่?” มู่ชิงเกอเอ่ยด้วยความแปลกใจแกมสงสัย นางมองดูแผ่นหินทั้งสองแผ่น แล้วก็คิดไปถึงก้อนหินด้านนอก บ่นพึมพำว่า “หรือว่าสิ่งของที่ซือมั่วต้องการ จะเป็นวิชายุทธ์ที่แกร่งกล้าวิชาใดวิชาหนึ่ง?”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ก่อนจมลงในความคิด “ถูกทิ้งไว้ที่นี่ลำพัง ย่อมต้องต่างกับวิชายุทธ์ด้านนอกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ลองดูไปก่อน”

มู่ชิงเกอสาวเท้าก้าวไปทางแผ่นหินด้านซ้าย เมื่อเดินเข้าไปใกล้นางก็ยกมือวางไว้บนแผ่นหิน

ทันใดนั้นแผ่นหินก็สว่างขึ้นมา ตรึงมือของนางเอาไว้แน่น

นางตกตะลึง ออกแรงดึงมือออกมาแต่มือกับนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ

แต่แปลกตรงที่ว่านางไม่รู้สึกถึงการถ่ายเทของวิชายุทธ์ สิ่งเดียวที่รู้สึกก็คือพลังอะไรบางอย่างที่แผ่ออกมาจากแผ่นหิน ไหลผ่านมือของนางเข้าสู่ภายในร่างกาย ไปทั่วแขนขาองคาพยพของร่างกาย ราวกับว่ากำลังตรวจสอบร่างกายของนางเช่นนั้น

ทันใดนั้น กระดิ่งข้างเอวนางก็สั่นไหว

เสียงกระดิ่งกังวานสะท้องไปทั้งสถานที่แห่งนี้ เสียงกระดิ่งเร่งเร้าราวกับกำลังเร่งมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอตกใจ ก้มหน้าลงมองกระดิ่งข้างเอว

กระดิ่งลอยขึ้นมาเองอย่างฉับพลัน ดึงมู่ชิงเกอไปทางแผ่นหินอีกอันหนึ่ง

มู่ชิงเกอตระหนกร่างกายของนางถูกกระดิ่งดึงไป แต่มือกลับถูกแผ่นหินตรึงไว้แน่น แผ่นหินด้านขวาก็ราวกับได้รับการร้องเรียกจากกระดิ่ง ผิวด้านที่มืดดับก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง แสงที่ดำสายหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็น มีลักษณะเป็นนํ้าวนอยู่บนผิวของแผ่นหิน

เมื่อปรากฎนํ้าวน กระดิ่งก็ยิ่งคิดจะดึงมู่ชิงเกอไปทางนั้น แต่ว่าร่างกายของมู่ชิงเกอในตอนนี้ไม่ได้เป็นของตัวเอง มือของนางถูกตรึงแน่นไว้กับแผ่นหิน ถ้าหากต้องการจะผละออกไปเกรงว่ามีเพียงบังคับให้สะบั้นมือทิ้งเท่านั้น!

พริบตานั้นมู่ชิงเกอคล้ายกับเป็นศูนย์กลางของการเล่นชักเย่อ ถูกแผ่นหินสองอันดึงไปดึงมา แทบจะแยกร่างของนางเป็นสองซีก

ด้านนอกเศษซากโบราณซือมั่วมองดูกระดิ่งในมือที่สั่นไหวไม่หยุด เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า

เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น ในใจรู้สึกกังวลอยู่บ้าง

จะเกิดเรื่องกับเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

ซือมั่วจับกระดิ่งไว้แน่น ปล่อยพลังจิตของตนเองเข้าสู่ภายในอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่าพลังจิตที่เขาปล่อยเข้าไปนั้น กลับถูกแผ่นหินสีดำดูดผ่านกระดิ่ง

แผ่นหินที่ดูดพลังจิตของซือมั่วเข้าไป ท่าทีอันบ้าคลั่งก็ราวกับได้รับการบรรเทาเบาบางลง พลังจิตเหล่านั้นราวกับเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงของมัน ทำให้มันดูดอย่างตะกละตะกลาม ชะงักการดึงรั้งมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอถอนลมหายใจ แต่ว่ายังไม่ทันรอให้นางได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ แผ่นหินที่ตรึงมือนางเอาไว้ก็ยิ่งปล่อยพลังดึงดูดออกมา นำจิตสำนึกของนางเข้าไปในแผ่นหินนั้นเพียงชั่วพริบตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version