ตอนที่ 208-4
ข้าจะใช้ทั้งหลินชวนสู่ขอเจ้า!
“ข้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอมู่ชิงเกอ คุณชายตระกูลมู่ให้มหาปราชญ์!”
“ข้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอมู่ชิงเกอคุณชายตระกูลมู่ให้มหาปราชญ์!”
“ข้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอมู่ชิงเกอ คุณชายตระกูลมู่ให้มหาปราชญ์!”
ราวกับเสียงอัสนีบาตก้องกังวานบนท้องฟ้าลั่วตู ในวังหลวงพอได้ยินเสียงเหล่านี้ฉินจิ่นเฉินที่ใบหน้าซีดขาวก็เม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาที่แยกแยะขาวดำกระจ่าง ชัด กลับกลายเป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้สึกในใจเผยความเจ็บปวดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
เจ้าอ้วนเช่าตะลึงงัน!
สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาเขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปลุกระดมให้คนทั้งหลินชวนมาทำหน้าที่สู่ขอ ชื่อเสียงเกียรติยศเช่นนี้ยังจะมีสตรีใดเทียบได้อีก?
“ละ ละ ละ ลูกพี่…ท่านสุดยอดจริงๆ! น่าเกรงขามที่สุด!” เจ้าอ้วนเช่าถูกความตื่นตระหนกทำให้ปากสั่น
“ข้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอมู่ชิงเกอคุณชายตระกูลมู่ให้มหาปราชญ์!”
“ข้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอมู่ชิงเกอคุณชายตระกูลมู่ให้มหาปราชญ์!”
เสียงลอยเข้าไปในจวนตระกูลมู่
มู่ซงซวนเซจนเกือบจะหลุดสบถออกมา
ไม้นี้ช่างเหมาะกับรสนิยมของคนตระกูลมู่เหมือนจริง!
“คุณชาย นี่มัน…”
“คุณชาย!”
โย่วเหอกับฮวาเยวี่ยตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองมู่ชิงเกอที่ที่แหงนหน้ามองท้องฟ้า
ด้านนอกสวนสระเมฆา บรรดาองครักษ์เขี้ยวมังกร ตื่นเต้นกันอย่างออกหน้าออกตา
มีเพียงมั่วหยางที่ยืนอยู่ใต้ชายคาลำพัง จับจ้องไปทางสวนสระเมฆาอย่างเงียบๆ
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์!” นํ้าเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้นมา ราวกับว่าทั่วทั้งหลินชวนสั่นไหวด้วยเสียงของซือมั่ว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
ตอนที่มู่ชิงเกอมองเห็นเงาร่างซือมั่วปรากฎตัวบนท้องฟ้า คนในหลินชวนก็เห็นเช่นกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำได้เพียงคาดเดาไปต่างๆ นานา
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าแคว้นฉินเมืองลั่วตูกำลังดำเนินการสู่ขอที่น่าตื่นตะลึง น่าเกรงขามที่สุดในประวัติศาสตร์!
เสียงเรียกที่คุ้นเคย ทำเอาดวงตากระจ่างใสของมู่ชิงเกอสุขุมเล็กน้อย
นางมองไปยังซือมั่วที่ยิ่งใหญ่เกินใครบนท้องฟ้า แม้ว่าจะเห็นแค่ครึ่งร่าง แต่กลับเห็นอารมณ์ความรู้สึกชัดเจน
ความสุขุม สันโดษ และสูงศักดิ์ของเขา ดวงตาสีอำพันที่มักจะแสดงความห่างเหิน วันนี้มีเพียงความอ่อนโยน อ่อนหวาน ยังมีความรักใคร่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขามองมู่ชิงเกอนิ่งๆ ในแววตาสะท้อนภาพของนางเท่านั้น
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ข้ามาแล้ว วันนี้มาเพียงเรื่องเดียวคือสู่ขอ มู่ชิงเกอเป็นภรรยา ตลอดจนนิรันดรไม่ห่างไม่หายทั่วทุกมุมในภพแห่งนี้ไม่ว่าจะห่างไกลเพียงใด จะติดตามไป ไม่เสียใจภายหลัง เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้ายินดีเป็นภรรยาของข้าหรือไม่?”
พูดจบภาพลวงตาของซือมั่วก็เล็กลง ซือมั่วตัวจริงสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดบริสุทธิ์ยืนเด่นเป็นตระหง่านกลางอากาศอยู่ตรงกลางวงล้อม เขายื่นมือมาทางมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่บนพื้นดิน รอคอยการตัดสินใจของนาง
ตอนที่มู่ชิงเกอยกยิ้มมุมปากนั้นร่างกายของนางก็เบาหวิว ราวขนนกได้รับแรงลมดึงดูดบินล่องลอยไปในอากาศ
อาภรณ์สีแดงของนางปลิวไสว ชายชุดโบกพลิ้วก็มีสีแดงสดราวเปลวเพลิง สวยสะดุดตาราวดวงอาทิตย์
ใบหน้างดงามงามจนกระชากจิตวิญญาณ เฉิดฉันไม่มีสอง นางระบายยิ้มอ่อนๆ ลอยไปอยู่ข้างกายซือมั่ว มือของนางวางลงบนฝ่ามือที่เขายื่นออกมาโดยไม่ต้องนึกคิด
สองมือประสานกัน ซือมั่วอมยิ้มรอคอยคำตอบของนาง
มู่ชิงเกอจ้องหน้าเขานิ่งๆ ในใจรู้สึกคละเคล้าซับซ้อนไปหมด
คำตอบง่ายๆ สบายๆ เพียงคำเดียวออกมาจากปากนาง “ตกลง”
ใบหน้าเยือกเย็นราวนํ้าแข็งของซือมั่วละลายกลายเป็นรอยยิ้มในพริบตา ออกแรงกระตุกมู่ชิงเกอไว้ในอ้อมกอด ตระกองกอดนางไว้อย่างแน่นหนา
เขากระซิบชิดหูนาง ใช้นํ้าเสียงสุขุมล่อลวงคนเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เสี่ยวเกอเอ๋อร์สวยมากจริงๆ!”
สามเดือนให้หลัง มู่ชิงเกอนำพาองครักษ์เขี้ยวมังกร ยังมีโย่วเหอและฮวาเยวี่ยมาถึงแคว้นกู่วู่
ในพระราชวัง เจียงหลีมองดูมู่ชิงเกอในรูปลักษณ์สตรี แล้วทำเสียง ‘จุ๊ๆ’
มู่ชิงเกอปรายตามองนางแวบหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า “มีสิ่งใดก็เอ่ยมาตรงๆ เหตุใดต้องทำตัวมีลับลมคมใน?”
เจียงหลีมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายมู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว เอ่ยถามเย้าแหย่ว่า “ความรู้สึกตอนถูกขอแต่งงานเป็นเช่นไรบ้าง?”
“รู้สึก…” มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น หวนนึกถึงภาพบรรยากาศวันนั้น อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมา เอ่ยอย่างตรงไปตรง มาท่ามกลางสายตาอิจฉาของเจียงหลี “ไม่เลว!”
“เฮ้อ! แม้แต่เจ้าก็แต่งออกไปแล้ว เหตุใดโฉมงามสะพรั่งเช่นข้าถึงได้ยังถือครองความโสดกันเล่า?” เจียงหลีทอดถอนใจอย่างหามิได้
“คนที่ชอบเจ้า เจ้าก็ไม่ถูกใจเท่านั้นเอง” มู่ชิงเกอเอ่ยขำ นางหมายถึงหวงฝู่ฮ่วน
เจียงหลีเบ้ปากอย่างไม่แยแส จัดทรงผมตนเองด้วยท่าทีเย้ายวนมีเสน่ห์ “ผู้ที่ชมชอบข้ามีมากมาย คงมิใช่ว่าให้ข้ารับเข้าวังหลังทั้งหมดหรอกนะ? ฮ่าฮ่าฮ่า…!”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด
อุปนิสัยของเจียงหลี ไม่รู้จริงๆ ว่าบุรุษเช่นไรถึงจะปราบนางอยู่หมัด!
“เรือสร้างเสร็จหรือยัง?” แต่มู่ชิงเกอกลับถามเรื่องสำคัญขึ้น
นางต้องออกเดินทางทางทะเลจากแคว้นกู่วู่ ผ่านทะเลแห่งทุกข์มุ่งหน้าสู่โลกแห่งยุคกลาง เช่นนั้นย่อมต้องสร้างเรือใกล้กับแคว้นกู่วู่ เมื่อตอนที่บอกลากับเจียงหลีที่เทียนตู ทั้งสองคนก็ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยละเอียดแล้ว
เมื่อเอ่ยถึงการสร้างเรือ เจียงหลีก็เรียกคืนรอยยิ้ม พยักหน้ารับ “หลังจากกลับมาแล้วข้าก็ลงมือดำเนินการ ข้าเปิดบันทึกโบราณที่ถ่ายทอดกันมาหลายเล่ม รวมถึงที่เจ้าบอกมา ออกคำสั่งให้เหล่าช่างไม้ไปทำ ตามหลักก็น่าจะใกล้เสร็จแล้ว อีกประเดี๋ยวเจ้าลองไปดูแล้วกัน แต่ทว่าในส่วนของการป้องกันจะทำอย่างไร? ความโหดร้ายของทะเลแห่งทุกข์ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าหรือข้าจินตนาการได้ ยังมีสัตว์ปีศาจในทะเลแห่งทุกข์…”
“เรื่องนี้ตอนนี้เจ้ายังไม่ต้องเป็นกังวล” มู่ชิงเกอเอ่ยด้วยความมั่นใจ นางบอกกับซือมั่วแล้วว่าตนเองเตรียมมุ่งหน้าไปยังโลกแห่งยุคกลาง คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์เลยแม้สักนิด เพียงแค่มอบสิ่งของให้นาง
มาอย่างหนึ่ง เมื่อเรือออกเดินทางให้ไว้บนคันบังคับเรือ
“เจ้าคิดหาวิธีได้แล้ว?” เจียงหลีดวงตาเป็นประกาย
มู่ชิงเกอหรี่ตาลงเอ่ยขึ้นว่า “เขาให้สิ่งของข้ามาขึ้นหนึ่ง ได้ยินว่ามีคุณสมบัติในการป้องกัน สามารถรับมือกับเรื่องวุ่นวายในทะเลแห่งทุกขได้”
“โปรดใส่ใจคนยังไม่มีคู่เช่นข้าบ้าง เหมือนโดนทำร้ายเลย” เจียงหลีถูกใบหน้าอิ่มเอิบด้วยความสุขของมู่ชิงเกอทิ่มแทงจนบาดตานัก
มู่ชิงเกอกลับแสดงสีหน้า ‘เป็นเจ้าถามออกมาเอง’ กลับไปให้นาง
เจียงหลีกระอักเลือด! เอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ ‘เอาเถอะ! เป็นนางทำตัวเอง!’
“ทะเลแห่งทุกข์กว้างใหญ่ มีบางคนไปแล้วชั่วชีวิตก็ไม่ได้ออกมา หากแต่หลงอยู่ในทะเลแห่งทุกข์เจ้ามีความมั่นใจไหม?” เจียงหลีเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
มู่ชิงเกออ้าปาก ราวกับว่าต้องการคำอธิบาย
แต่ว่าเมื่อนึกถึงคำพูดของเจียงหลีก่อนหน้านี้แล้ว นางจึงกลืนคำพูดลงไป
“เจ้าจะพูดสิ่งใด? เหตุใดต้องอ้าปากพะงาบๆ” เจียงหลีขมวดคิ้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
มู่ชิงเกอมองหน้านาง เอ่ยอย่างจนใจว่า “เอาเถอะเป็นเจ้าให้ข้าพูดเองนะ เขายังบอกอีกว่าของสิ่งนั้นสามารถชี้นำทิศทางได้อีกด้วย”
เจียงหลีมุมปากกระตุก! อยากจะร้องตะโกนกลับไปว่า ‘มีคู่แล้วมันน่าอวดกันมากรึ!’
“ออกเดินทางได้เมื่อไร?” มู่ชิงเกอลุกขึ้นถาม
“ครึ่งเดือนหลังจากนี้” เจียงหลีเบ้ปากพลางเอ่ยขึ้น
ดวงตาทั้งสองข้างมู่ชิงเกอจ้องเขม็ง สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เอ่ยแผ่วเบา “ครึ่งเดือน!”